Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

คืนนี้ อิตาลี พบ สเปน รับประกันความมันส์ระดับ 5 ดาว!

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คืนนี้ เกมฟุตบอลยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ คู่แรก อิตาลี พบ สเปน จะลงดวลกันในเวลาตีสองบ้านเรา งานนี้ประกันความมันส์ 5 ดาว

แมทซ์นี้ถือเป็นการพบกันถูกที่ ถูกเวลา เพราะต่างฝ่ายต่างมีช่วงเวลาของการ ‘เปลี่ยน’ ที่เห็นกันได้ชัดเจน ใครที่ติดตามสองทีมกันมาตั้งแต่รอบแรก คงสัมผัสได้ถึงความ ‘เปลี๊ยนไป๋’ ของทั้งอิตาลีและสเปน

อิตาลี ในการคุมทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ เล่นดีผิดหูผิดตา จนแฟน ๆ ที่ตามเชียร์อิตาลีพากันแปลกใจ โค้ชมันชินี่แอบไปอัป iOS ใส่ผู้เล่นอิตาลีกันตอนไหน จึงทำให้นักเตะอิตาลีชุดนี้ บุกได้สนุก และเล่นกันเนียนตา เกมดูไปข้างหน้าตลอดเวลา ไม่เหมือนอิตาลียุคเก่า ที่แท็คติกสูง เกมเคี่ยว เน้นชัวร์

ด้านสเปน อย่างที่แฟนบอลเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน สเปนมาในยุค ‘นัดเตะเลือดใหม่’ กว่าครึ่งทีม ใครที่ติดตามลาลีกา ลีกสเปน อาจจะพอคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ใช่เป็นแฟนตัวยง คงต้องนั่งดูไปถามไปว่า ‘ไอ้คนนี้มันคือใคร?’

สเปนเปลี่ยนนักเตะใหม่ ในการคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ที่ขอมาวัดใจ ‘สร้างทีมใหม่’ ในทัวร์นาเม้นท์นี้ ซึ่งทีแรกทำท่าจะไม่รอด แต่ทำไปทำมา ผ่านเข้ามาถึงรอบรอง และดูเหมือนเส้นกราฟผลงานของทีมชุดนี้ก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น ประมาทไม่ได้เด็ดขาด!

เมื่อสองทีมที่ ‘เปลี่ยนไป’ โคจรมาเจอกันพอดี มันจึงเป็นความตื่นตาตื่นใจแฟนบอลอย่างแน่นอน สเปนอาจจะเป็นรองนิด ๆ ในเรื่องประสบการณ์นักเตะ และใช้แรงไปกับเกม 120 นาทีติดกันถึง 2 นัด แต่อย่าลืมว่า นักเตะสเปนหนุ่มแน่นกันทั้งทีม เรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหา แถมรูปแบบการเล่นของสเปนก็มีความหลากหลายขึ้น ไม่ใช่เล่นแต่ชิ่งบอล เท้าสู่เท้า หรือที่เรียกว่า สไตล์ติกิ-ตาก้า อย่างในอดีตอีกแล้ว

ด้านอิตาลี เป็นต่อด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดันมาก ๆ ถึงตรงนี้ยังเป็นทีมที่ชนะ 100% ทีมเดียวในบรรดา 4 ทีมที่เข้ารอบรองชนะเลิศด้วยกันมา และ 5 เกมที่ผ่านมาก็ยิงได้ทุกนัด เกมแดนหน้าอิตาลีเล่นกันได้หลากหลายดีเหลือเกิน และที่สำคัญ ไม่รู้ใครสัมผัสได้เหมือนเราหรือเปล่า อิตาลีชุดนี้มีทีมสปิริตที่ดีมาก ๆ ช่วยกันไล่ ช่วยกันเล่นกันทั้งทีม

คืนนี้เกมสนุก ไม่มีใครยอมใครแน่นอน มีโอกาสต่อเวลาสูง จุดเปลี่ยนอยู่ที่ใครออกตัวนำก่อน ถ้าสเปนนำ อิตาลีเหนื่อย แต่ถ้าอิตาลีนำ สเปนโคตะระเหนื่อย เฉือนกันไม่เกิน 1 ลูก และโปรดหาเครื่องดื่มยาโด๊ปกันไว้เลย ดึกแน่นอน!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ผบ.ทสส.” ตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทยส่วนหน้า ควบคุมอำนวยการและสนับสนุนศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.สมุทรปราการ ในการช่วยเหลือปชช. และควบคุมเพลิงไหม้โรงงานกิ่งแก้ว

พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทย (ผบ.ทสส./ผอ.ศบภ.ทท.) สั่งการให้ พล.อ.นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทยส่วนหน้า (ศบภ.ทท.สน.) เพื่อควบคุมอำนวยการและสนับสนุนศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จังหวัดสมุทรปราการ ในการช่วยเหลือประชาชนและควบคุมเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.64 เป็นต้นมา 

โดยมี พล.ต.เพชรพนม  โพธิ์ชัย ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ศบภ.ทท.สน. พร้อมนี้ นทพ. ได้จัดกำลังพลและยานพาหนะจากศูนย์ฝึกบรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ศฝภ.นทพ.) อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เข้าช่วยเหลืออพยพประชาชน รวมทั้งจัดชุดดับเพลิงจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัยมือพิเศษ ศบภ.สสน.นทพ. นำรถดับเพลิงโฟมเคมีขนาดใหญ่ จำนวน 1 คัน รถดับเพลิงอเนกประสงค์ จำนวน 2 คัน และรถยนต์บรรทุกโฟมดับเพลิง จำนวน 1 คัน เข้าร่วมดับเพลิง

การสนับสนุนช่วยเหลือยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการฉีดโฟมเลี้ยงเพื่อป้องกันการปะทุและเตรียมความพร้อมไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมนี้ได้รับเครื่องอุปโภค/บริโภคจากโรงพยาบาลบุษราคัมมามอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ณ ศูนย์อพยพประชาชน โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทย โดย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จะใช้ศักยภาพที่มีในการสนับสนุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติต่อไป

ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. สอบ รมว.คมนาคม-อธิบดีกรมการขนส่งทางบก-ขนส่งจังหวัด-ผู้ว่าฯภูเก็ต ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยให้มีแท็กซี่โขกค่ารถแพง 

ที่สำนักงาน ป.ป.ช.สนามบินน้ำ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนสอบสวน รมว.คมนาคม อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขนส่งจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ กรณีปล่อยให้มีรถยนต์บริการ หรือรถป้ายเขียวที่สนามบินภูเก็ตโขกสับราคาที่แพงเกินสมควร

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากโลกออนไลน์มีการแชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กของนายณัฐธกร เรืองโรจน์ ระบุว่า “ปัญหาเดิมๆปัญหาคลาสสิก เบาได้เบาครับ ท่านผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทุกประเภท นักท่องเที่ยวชุดแรกๆ คือนางเอก-พระเอกหนังโฆษณาการท่องเที่ยวภูเก็ต ต้องจ่ายเงินให้เรานะครับ แท็กซี่แพงไปใครจะช่วยเราล่ะ” พร้อมลงภาพการแสดงความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเข้ามาแจ้งราคาแท็กซี่สุดแพง บางรายเรียกเที่ยวเดียวราคาสูงถึง1,000บาท  ซึ่งถูกสื่อมวลชนนำไปรายงานข่าวจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วประเทศหรือทั่วโลก

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แต่ทว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนความหมักหมมของปัญหาซึ่งเป็นที่น่าเบื่อระอาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเปิดประเทศของรัฐบาลในกิจกรรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ปัญหาดังกล่าวกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงกลับปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติ เสมือนหนึ่งว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอิทธิพล หรือขาใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต จึงไม่กล้าแตะหรือแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งๆที่มีกฎหมายบังคับใช้อยู่แล้ว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า โดยในจังหวัดภูเก็ตนั้นกระทรวงคมนาคม ได้ออกประกาศกําหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจากค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร สําหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คนที่จดทะเบียนในจังหวัดภูเก็ตไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2557 ซึ่งกำหนดอัตราค่าจ้างระยะทาง 2 กม.แรก 50 บาท กม.ที่ 2 ขึ้นไปถึง กม.ที่ 15 กม.ละ 12 บาท ระยะทาง กม.ที่ 15 ขึ้นไปกม.ละ 10 บาท และกระทรวงคมนาคมยังออกประกาศ เรื่อง กําหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่น สําหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบพิเศษ 2560 ออกมารองรับสำหรับรถยนต์ที่นำมาใช้บริการอาจจะเป็นรถยนต์หรูที่มีราคาแพง โดยกำหนดอัตราค่าจ้าง ระยะทาง 2 กม.แรก 150 บาท ระยะทางเกินกว่า 2 กม.ขึ้นไป กม.ละ 12-16 บาท และถ้าเป็นกรณีการจองล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ให้เรียกเก็บเพิ่มอีกไม่เกิน 100 บาท

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แม้รถยนต์ที่มารับนักท่องเที่ยวเป็นรถยนต์บริการป้ายเขียว แต่ก็ต้องบังคับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย คือ พรบ.รถยนต์ 2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มิใช่ปล่อยให้ผู้ประกอบการดำเนินการกันโดยตามชอบเยี่ยงนี้ ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นความบกพร่องของ รมว.คมนาคมและผู้ใต้บังคับบัญชา และจังหวัดภูเก็ตโดยชัดแจ้ง สมาคมฯจึงต้องนำความมาร้อง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการไต่สวนสอบสวนชี้มูลความผิดตามกฎหมาย

คลายความสงสัย ก้อง ห้วยไร้ รถฉีดน้ำที่ถามหา พังไปแล้ว

จากกรณีเกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ "โรงงานกิ่งแก้ว" บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และในเฟซบุ๊ก ก้อง ห้วยไร่ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุ "หดหู่นะเว้ย คุณค่าชีวิตพวกเรามันไม่มีในสายตาเลยหรอ รถฉีดน้ำที่มันแรง ๆ อะ ฉีดทีคนกระเด็นอะ อยู่ไหน"

ล่าสุด ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ว่า...

คำถามที่คุณก้อง ห้วยไร่ถาม

มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้วครับ

"จีโน่" หรือรถน้ำแรงดันสูง 5 คัน ถูกมวลชนม็อบราษฎร/ปลดแอกทุบ พ่นสี ถังน้ำมันโดนกรอกทราย เครื่องพัง แผงควบคุมการฉีดน้ำถูกน้ำราดไฟช็อต และสายไฟถูกตัด จนหมดสภาพไปตั้งแต่ปีที่แล้วละครับ

 

อ้างอิง : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4271183856279074&id=100001625041497

https://www.komchadluek.net/news/regional/473033

https://www.thairath.co.th/news/crime/1979028


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

 

ตำรวจ เตือนประชาชนระวังตกเป็นเหยื่อวายร้ายในคราบนักบุญ แอบอ้างขอรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่สมุทรปราการ เตือนคนคิดทำชั่ว ระวังโทษหนัก ทั้งจำทั้งปรับ

จากกรณีเหตุ "โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้" ซึ่งเป็นของบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา และได้เกิดเหตุเศร้า เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่ถูกไฟคลอกทั้งตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ น้องพอส อาสาสมัครฯ หน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-18 ฐานเทคโน

ภายหลังเกิดเหตุ ในโลกออนไลน์ได้โพสต์ข้อความแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียเจ้าหน้าที่กู้ภัยในปฏิบัติการครั้งนี้ อย่างกว้างขวาง

ขณะเดียวกัน ยังมีคนบางกลุ่มที่ฉวยจังหวะความสูญเสียดังกล่าว ใช้เป็นช่องทางหากิน ด้วยการเปิดบัญชีขอรับบริจาค โดยอ้างว่าเป็นบัญชีของมารดา ผู้เสียชีวิต

โดยผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อ Sayjai Chanaasvang ได้โพสต์ข้อความ แจ้งเตือนว่า ไม่ใช่เฟสคุณแม่นะคะ จิตใจทำด้วยอะไรตอนนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้ขอรับบริจาคเงินทำบุญให้น้องนะคะ เดี๋ยวถ้าทางเราคุยรายละเอียดกันเรียบร้อยแล้วจะแจ้งอีกทีนะคะ เพื่อเป็นสะพานบุญให้กับผู้ที่อยากร่วมทำบุญให้กับน้องนะคะ ขอบคุณทุก ๆ คนจริง ๆ ค่ะ

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ที่เข้าไปปฏิบัติการในพื้นที่เกิดเหตุจนเสียชีวิตนั้น ปรากฎว่าในสื่อสังคมออนไลน์ มีมิจฉาชีพแอบอ้างขอรับการบริจาคเงินจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ขอความช่วยเหลือให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นภัยสังคม เป็นการฉวยโอกาสก่อเหตุโดยอาศัยความเดือดร้อนของผู้อื่น และจะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน โปรดอย่าหลงเชื่อบุคคลแอบอ้างดังกล่าว หากประสงค์จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวในทุกกรณี ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะข้อมูลการขอรับการบริจาคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพราะอาจมีการแอบอ้างโดยมิจฉาชีพได้ ถ้าเป็นไปได้ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือจากแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ฯ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ที่มา : https://www.facebook.com/ploy.sayjai/posts/505117990726385


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘วิษณุ’ แจง เหตุต้องนำสัญญาซื้อไฟเซอร์ ถกครม. เพราะรัฐต้องควักเงินซื้อเป็นวัคซีนหลัก ระบุเงื่อนไขผู้ผลิตสุดโหด ส่งช้าไม่รับผิดชอบ ไม่คืนเงิน ห้ามฟ้องร้อง ยัน รัฐไม่โกหกข้อมูล แต่มีเงื่อนไขล็อกไว้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอสัญญาจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์เข้าหารือในที่ประชุมครม. ก่อนทำสัญญา ว่า ยังไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ ทราบจากข่าวว่าเป็นอย่างนั้น ถ้าเรื่องนี้เข้าหารือในครม. จริงจะได้พิจารณา สาเหตุที่ต้องนำเข้าที่ประชุมครม. เพราะต้องขอเงินจากรัฐบาล แต่ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อทุกครั้งต้องมาขอ หากเป็นกรณีเอกชนจ่ายเงินเองโดยรัฐบาลเป็นผู้จัดซื้อให้ไม่ต้องนำเข้าครม.

ทั้งนี้ การซื้อวัคซีนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับการซื้อของทั่วไป เพราะอำนาจอยู่ที่ฝ่ายผู้ผลิตหรือผู้ขาย และตนได้มีโอกาสดูสัญญาบางฉบับ ที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาให้ตรวจดูก็รู้สึกแปลกใจ เพราะฝ่ายผู้ขายหรือผู้ผลิตบอกว่า ถ้าไม่เซ็นสัญญา ไม่ต้องซื้อของจากเขา และมีเงื่อนไขว่าถ้าส่งล่าช้า จะไม่รับผิดชอบ และบางยี่ห้อบอกไม่คืนเงินและเราไปคิดค่าปรับ ยึดทรัพย์ หรือฟ้องร้องอะไรไม่ได้ และไม่รับผิดชอบความเสียหายใด ๆ ที่สำคัญคือระบุว่า ห้ามเปิดเผยสัญญา เนื่องจากการขายให้แต่ละประเทศเขียนสัญญาไม่เหมือนกัน มีทั้งเอื้ออารี และเข้มงวด ถ้าใครเอาไปเปิดเผยจะขายให้ครั้งเดียวและไม่ขายให้อีกเลย

ดังนั้น จะเห็นว่าที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลจะไม่พูดเรื่องสัญญาการซื้อวัคซีนเลย แต่ยืนยันว่ารัฐไม่ได้โกหกหรือหลอกลวง แต่ในบางเรื่องพูดไม่ได้ ทำให้บางคนที่พยายามพูดให้ดูดี จนกลายเป็นทำให้รัฐถูกมองว่าพูดกลับไปกลับมา

นายวิษณุ กล่าวว่า ทั้งนี้ การจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อโมเดอร์นา ไม่ได้เป็นวัคซีนหลักที่รัฐประกาศ โดยคำว่าวัคซีนหลักคือ รัฐบาลจัดหาให้และฉีดประชาชนฟรี ซึ่งมีอยู่ 5 ห้อ คือ ซิโนแวค แอสตราเซนเนก้า สปุตนิก วี ไฟเซอร์ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ส่วนซิโนฟาร์ม ที่จัดหาโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็ไม่ใช่วัดซีนหลักเช่นกัน เพราะวิทยาลัยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และเป็นนายกสภาวิศวกร เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เมืองไทย ไม่เคยไกลจากภัยพิบัติ พี่เอ้มีคำตอบ

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และเป็นนายกสภาวิศวกร เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เมืองไทย ไม่เคยไกลจากภัยพิบัติ พี่เอ้มีคำตอบ

เพราะการป้องกัน #จะทำก็ทำได้

....อีกครั้ง เช้ามืดวันนี้ โรงงานระเบิดกลางพื้นที่ชุมชนถนนกิ่งแก้ว ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และเส้นทางบางนาสายหลักเข้ากรุงเทพฯ ไฟไหม้รุนแรง และปล่อยก๊าซมลพิษ สร้างความเสียหายรุนแรงต่อสุขภาพคนเมือง

...เมื่อปลายปีที่แล้ว ท่อแก๊สระเบิด แถวขอบกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ กลางวันแสก ๆ มีผู้เสียชีวิต บ้านเรือนหลายหลังถูกเผาวอดวาย...

พี่เอ้ ในฐานะนายกสภาวิศวกร (และชาวบ้านคนหนึ่งที่มีครอบครัว) ขอเสนอ.

1.) การกำหนดพื้นที่เสี่ยง ที่มีโรงงานทำสารเคมี หรือบรรจุสารเคมีในกทม. หรือแนวที่ท่อแก๊สพาดผ่าน ให้ชาวบ้านได้รับรู้รับทราบ และได้พึงระวัง เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ ได้มีการป้องกันตน และการเตรียมการอพยพได้อย่างรวดเร็ว

อีกทั้งหน่วยงานดับเพลิงของกทม. และจังหวัดปริมณฑลในพื้นที่เสี่ยง ที่มีโรงงานเคมี จะต้องมีอุปกรณ์ดับเพลิง และอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีแก่นักดับเพลิง ให้พร้อม!

2.) อาจถึงจุดเปลี่ยน ที่โรงงานอันตราย ควรย้ายออกจากพื้นที่เมือง แน่นอนโรงงานเขาอาจมาก่อน ชุมชนเมืองขยายตามมาเอง...

...แต่รัฐและเมือง ในต่างประเทศ ได้เสนอความช่วยเหลือทางภาษีและอื่น ๆ หากโรงงานเต็มใจย้าย (ที่จริง ขายที่ก็กำไรอภิมหาศาล แล้วนำกำไรไปขยายโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมได้!)

3.) สำนักงานเขต หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ต้องขึ้นทะเบียนโรงงานทุกประเภท เพื่อจำแนกประเภทเสี่ยงมาก เสี่ยงปานกลาง เสี่ยงน้อย (ทุกโรงงานมีความเสี่ยง) เพื่อตรวจสอบ ประเมินทุก 6 เดือน และให้โรงงานส่งรายงานการประเมินตนเอง แบบนี้ได้ความกระตือรือร้น ความเสี่ยงต่อชาวบ้าน ลดน้อยลงทันที!

4.) ต้องรายงานมลพิษ และสารก่อมะเร็งในอากาศ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อประชาชนได้ป้องกันสุขภาพตนเองและครอบครัว เพราะสารอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ที่เกิดจากเพลิงไหม้เม็ดพลาสติก อันตรายถึงชีวิต

5.) ถึงเวลาพัฒนานวัตกรรม การควบคุมเพลิงสารพิษ เพราะในอดีตเกิดความสูญเสียของนักดับเพลิงจำนวนมาก เพราะฉีดน้ำช่วยลดความร้อนเท่านั้น มิได้ผลยับยั้งเพลิงจากสารเคมี แต่ต้องใช้โฟมดับเพลิง

ระเบิดในกทม.และปริมณฑลแบบนี้ เราเจอมาตั้งแต่เด็ก ไม่อยากให้ลูกหลานเรา ต้องพบเจอต่อ ๆ ไปครับ


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กแก้ว” สั่ง 3 เหล่าทัพ-นทพ. เร่งให้ความช่วยเหลือปชช. จัดรถโรงครัวสนามประกอบเลี้ยง พร้อมส่งระดมกำลังพลยุทโธปกรณ์ ร่วมดับไป 

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร (ผบ.ทสส/ผบ.ศบท) สั่งการให้ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และ ศูนย์บัญชาการเหล่าทัพ ปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญในการให้ความช่วยเหลือเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญ ประกอบด้วย

กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพไทยส่วนหน้า ( ศบภ.ทท.สน.) โดย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดตั้งศูนย์อำนวยการปฏิบัติและประสานการปฏิบัติกับเหล่าทัพ พร้อมจัดกำลังและยานพาหนะ ออกเดินทางจากหน่วยในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 11.00 น. เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติงานในการอพยพประชาชนและติดตามสถานการณ์ โดยได้จัดรถดับเพลิงโฟมเคมีจำนวน 1 คัน รถดับเพลิงอเนกประสงค์จำนวน 2 คัน เข้าประจำยังพื้นที่จุดเกิดเหตุ นอกจากนี้ กรมกิจการพลเรือนทหารได้จัดกำลังพล จำนวน 4 นาย เข้าประสานการปฏิบัติในพื้นที่ กองบัญชาการเหตุการณ์ ณ มูลนิธิร่วมกตัญญู ถนนกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ 

โดยในวันที่ 6 ก.ค.ทางกองบัญชาการกองทัพไทย จะนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบภัย รวมทั้งสนับสนุนสิ่งของ เครื่องอุปโภค-บริโภค โดยดำเนินการ ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกับมูลนิธิร่วมกตัญญูในพื้นที่ ประกอบด้วย ข้าวสาร น้ำตาลทราย เนื้อหมูแช่แข็ง ผักสดสำหรับปรุงอาหาร ขนมพายแช่แข็ง 1,500 ชิ้น หน้ากากอนามัย 2,000 ชิ้น เจลแอลกอฮอล์ชนิดหลอด จำนวน 15 ลัง และชุด PPE จำนวน 40 ชุด

สำหรับกองทัพบกโดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้ส่งกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วจากกองพลทหารราบที่ 11 ซึ่งมีที่ตั้งใกล้ที่เกิดเหตุเข้าช่วยเหลือและควบคุมสถานการณ์ร่วมกับป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.สมุทรปราการ ในการอพยพผู้บาดเจ็บ พร้อมนำผู้ที่ได้รับผลกระทบออกจากบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ในรัศมี 5 กิโลเมตร พร้อมจัดการจราจรในพื้นที่อำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้ผู้ที่สัญจรผ่านเส้นทางที่กำหนดไว้ พร้อมกันนี้ได้ส่งชุดปฏิบัติการกู้ภัยสารเคมีจากกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก เข้าประเมินตรวจสอบสารเคมีในพื้นที่เกิดเหตุ 

โดยล่าสุดกองทัพบก (ทบ.) ใช้เฮลิคอปเตอร์ KA-32 (ปภ.) 2 ลำ พร้อมนักบินและเจ้าหน้าที่ของกองทัพบกขึ้นบินตรวจประเมินสถานการณ์โดยรอบที่เกิดเหตุ สำหรับในช่วงต่อไป ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้เตรียมกำลังพล 100 นาย รถบรรทุกขนาดใหญ่ 10 คัน พร้อมส่งเข้าไปเสริมการควบคุมดูแลพื้นที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ได้เตรียมการสนับสนุนสารเคมีที่ใช้ในการดับเพลิง อากาศยานและหน้ากากป้องกันไอพิษ สำหรับใช้ในการเตรียมอพยพประชาชนหากมีความจำเป็นตามการร้องขอจากกองอำนวยการควบคุมเหตุการณ์และจะติดตามสถานการณ์พร้อมเข้าปฏิบัติการดูแลพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ส่วนกองทัพเรือ (ทร.) โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ โดย หน่วยบรรเทาสาธารณภัย โรงเรียนนายเรือ จัดชุดเตรียมพร้อม และศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ ได้ติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิดและพร้อมให้การสนับสนุนเมื่อได้รับการร้องขอ ได้แก่ เตรียมรถดับเพลิง จำนวน 1 คัน รถบรรทุกน้ำ จำนวน 1 คัน รถพยาบาล จำนวน 1 คัน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน จำนวน 10 นาย ในส่วนของ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จัดชุด USAR Team เตรียมความพร้อมสนับสนุน โดยสามารถเข้าพื้นที่ได้ทันทีเมื่อได้รับการประสานและกองทัพอากาศ (ทอ.) โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ เตรียมโฟมชนิด ARAFFF 3 % ผสมน้ำ จำนวน 70 ถัง รวม 1,330 ลิตร โดยสามารถเข้าพื้นที่ได้ทันทีเมื่อได้รับการประสาน

ทั้งนี้ กองทัพไทยขอความร่วมมือประชาชนไม่เดินทางออกนอกอาคารบ้านพักโดยไม่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการสูดดมสารพิษ  พร้อมทั้งขอให้ประชาชนโปรดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยกองทัพไทบจะใช้ทุกศักยภาพที่มีในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนในทุกมิติ และพร้อมเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกสถานการณ์ตลอดไป

“วราวุธ” สั่ง กรมควบคุมมลพิษ เร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-สารปนเปื้อนในท่อระบายน้ำ ในรัศมี 3-5 กม. รอบจุดเกิดเหตุ พร้อมป้อง ‘บิ๊กตู่’ ไม่ลงพื้นที่ หวั่นสร้างอุปสรรคการทำงานให้จนท. วอน สังคมเห็นใจ

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 87 ซ.กิ่งแก้ว 21 หมู่ที่ 15 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ว่า ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังดำเนินการตรวจวัดคุณภาพอากาศในรัศมี 3-5 กิโลเมตร โดยได้มีการส่งรถโมบายเคลื่อนที่ลงไปตรวจวัด และยังมีการติดตั้งสถานีย่อยในรัศมีดังกล่าว

เบื้องต้นพบว่าคุณภาพอากาศในรัศมี 1 กิโลเมตร เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ไม่ถึงชีวิต ขณะที่ในระยะ 5 กิโลเมตรถือว่ายังเป็นระยะที่ปลอดภัยอยู่ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปลอดภัยถึงขั้นให้ประชาชนเดินทางกลับที่พักอาศัย เพราะยังต้องตรวจสอบเรื่องสารเคมีตกค้าง และสารที่ไหลออกมาจากโรงงานซึ่งมากับน้ำที่เราฉีดเลี้ยงไฟไม่ให้ปะทุที่อาจมีสารเคมีปนเปื้อนออกมาได้ โดยภายในวันนี้ (6 ก.ค.) น่าจะได้ข้อสรุป ขอประชาชนอย่าเพิ่งใจร้อน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ คพ. กำลังระดมเข้าไปตรวจวัดคุณภาพอากาศและน้ำที่อยู่ตามท่อระบายน้ำเพื่อให้ทราบว่ามีสารเคมีตกค้างมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการโดยรอบที่เกิดเหตุ เมื่อข้อสรุปแล้ว จะได้เข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าโรงงานดังกล่าวได้ทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวตั้งมา 30 กว่าปีแล้ว ขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายอีไอเอ แต่ไม่แน่ใจว่าหลังมีกฎหมายแล้วได้มีการทำอีไอเอเพิ่มเติมหรือไม่ จึงขอไปหาข้อมูล ประกอบกับไปดูกฎหมายผังเมือง โดยประสานกับกระทรวงมหาดไทยก่อน ซึ่งทราบมาว่าพื้นที่ที่ตั้งของโรงงานอยู่ในพื้นที่สีแดงที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อการพาณิชย์ หลายคนสงสัยว่าทำไมโรงงานไปตั้งในชุมชน จึงต้องมาตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์หรือโซนที่อยู่อาศัย เพราะการที่มีโรงงานกับบ้านพักติดกันเป็นไปได้ใน 2 กรณี คือ โรงงานตั้งก่อนชุมชน หรือที่ชุมชนกระจายไปจนติดโรงงาน คงต้องดูผังเมือง

เมื่อถามว่า โซเชียลมีเดียวิจารณ์อย่างมากว่านายกรัฐมนตรี รองนายกฯ และคนในรัฐบาล เหตุใดจึงไม่รุดลงพื้นที่ นายวราวุธ กล่าวว่า นายกฯ และรองนายกฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องเรียนตรง ๆ ว่า หากนายกฯ หรือรองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานลงไปในพื้นที่แล้ว โดยธรรมชาติคนไทย เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องแห่มาต้อนรับ โดยนายกฯ ทราบดีว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ยิ่งจะทำให้วุ่นวายไปอีก จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ไป เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ ณ ที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร

ตนเห็นว่าการที่นายกฯ ไม่ไปนั้นถูกต้องแล้ว เพราะการบัญชาการที่ศูนย์บัญชาการเพื่อทำหน้าที่สั่งการและประสานจะมีประสิทธิภาพมากกว่า และยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานเต็มที่ เหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ที่นายกฯ ยังไม่ไปทันที เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายและสร้างอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงขอความเห็นใจจากสังคมด้วย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

มท.1 สั่งเร่งช่วยเหลือ ปชช.ในเหตุเพลิงไหม้โรงงานสมุทรปราการ เน้นย้ำดูแลปชช. ความปลอดภัยเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกใน ซ.กิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ เพื่อประสานการสนับสนุนร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.สมุทรปราการ โดยระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ สนับสนุนการดับเพลิงฯ ซึ่งในขณะนี้ยังคงอยู่ในพื้นที่และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงาน และอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสา ดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ พร้อมจัดให้มีสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ที่พักอาศัยประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และให้ความสำคัญมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า จ.สมุทรปราการได้ตั้งจุดอพยพ 8 จุด ได้แก่

1.) อบต.บางพลีใหญ่

2.) วัดบางพลีใหญ่กลาง

3.) โรงเรียนคลองบางกระบือ

4.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์

5.) ศาลพ่อหลวง 6.วัดบางโฉลงใน

7.) วัดบางโฉลงนอก

และ 8.) วัดบางพลีใหญ่ใน

นอกจากนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและอาสาสมัครให้ระมัดระวังตนเองในการปฏิบัติงาน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง ดูแลประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติเร็ว ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top