Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

‘ดร.นฤมล’ เคาะแผนการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการ สู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ

รมช.แรงงาน ขับเคลื่อนแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เน้นย้ำ แรงงานทุกกลุ่มต้องได้รับบริการจากภาครัฐอย่างเท่าเทียมกัน

วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการเพื่อรองรับการประกอบอาชีพ ครั้งที่ 3/2564 โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล รองปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมการประชุม และนายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ทำหน้าที่เลขานุการ ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า คณะอนุกรรมการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการเพื่อรองรับการประกอบอาชีพได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งองค์กร สมาคมคนพิการ เพื่อบูรณาการการทำงานของแต่ละหน่วยงานในการพัฒนาทักษะฝีมือและส่งเสริมการประกอบอาชีพคนพิการ ให้คนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ และผู้ช่วยคนพิการได้เข้าถึงการพัฒนาทักษะฝีมือ โดยได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการเพื่อรองรับการประกอบอาชีพ (พ.ศ. 2564-2570) รวมทั้งสิ้น 69 โครงการ เป้าหมายกว่า 2 แสนคน ภายใต้งบประมาณกว่า 14 ล้านบาท ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาทักษะคนพิการ จำนวน 41 โครงการ ด้านการส่งเสริมการประกอบอาชีพและการจ้างงานคนพิการ จำนวน 25 โครงการ และด้านการพัฒนาศักยภาพคนพิการผ่านการแข่งขันทักษะฝีมือแรงงาน จำนวน 3 โครงการ

นอกจากนี้ ยังได้สร้างแนวทางการจัดให้มีเครื่องมือทางการเงินเพื่อส่งเสริมกลุ่มเปราะบาง โดยความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และแนวทางการแก้ไขปัญหาการจ้างงานนักกีฬาคนพิการอีกด้วย

รมช. แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณารายละเอียดแนวทางส่งเสริมการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาหลักสูตรอบรมคนพิการเพื่อส่งเสริมการมีงานทำ ไม่ว่าจะเป็นการรับรองหลักสูตรการฝึกอบรมอาชีพ โดยนำหลักสูตรของการพัฒนาฝีมือแรงงานมาเป็นกรอบการจัดทำการฝึกอบรมระยะสั้น ระยะกลาง สำหรับคนพิการแต่ละประเภท และให้องค์กรคนพิการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอใช้หลักสูตรได้ เพื่อให้สามารถนำวุฒิบัตรที่ได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานไปขอกู้เงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เสนอให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดทำหลักสูตรกลาง สำหรับการอบรมตามมาตรา 35 ของ พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และอนุมัติให้สถานประกอบกิจการ ชมรมหรือองค์กรคนพิการ นำหลักสูตรกลางไปจัดฝึกอบรมคนพิการแต่ละประเภทตามมาตรา 35 รวมถึงให้มีการเทียบโอนคุณวุฒิ หรือประเมินทักษะอาชีพ หรือการทำงานต่อไป

“ขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันระดมพลังความคิด แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนแนวทางการทำงานแก่พี่น้องประชาชนกลุ่มคนพิการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีศักยภาพและเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แล้วเราจะก้าวข้ามวิกฤติในช่วงนี้ไปด้วยกัน” รมช. แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

นายฮาร์ช วาร์ธัน รมว.สาธารณสุขอินเดีย ลาออกจากตำแหน่ง เซ่นบริหารโควิด-19 ล้มเหลว เตียงไม่พอ ออกซิเจนขาด

วันที่ 9 ก.ค. 64 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายฮาร์ช วาร์ธัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เรื่องไม่สามารถรับมือกับปัญหาการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 2 ได้ จนทำให้มีประชาชนติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ตลอดจนโรงพยาบาลประสบปัญหาในการขาดแคลนเตียงรองรับผู้ป่วยและขาดแคลนออกซิเจนในการรักษาผู้ป่วยด้วย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลักแสนคนต่อวัน จนมีศพลอยเกลื่อนแม่น้ำคงคา

แต่ทั้งนี้ มีบางกระแสข่าวก็ระบุว่า เป็นการขอให้ออกจากคำสั่งของนายกรัฐมนตรีนาเรนดรา โมดี สำหรับการลาออกครั้งนี้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี โดยนอกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ยังมีรัฐมนตรีอีกอย่างน้อย 12 คนยื่นใบลาออกเช่นกัน

สำหรับ นายวาร์ธัน เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการครอบครัวเมื่อปี 2557 ภายใต้คณะรัฐบาลของ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรี จนเมื่อสิ้นสุดวาระแรกของโมดี ต่อมาปี 2562 นายวาร์ธัน ได้ร่วมรัฐบาลอีกครั้ง หลังโมดีชนะการเลือกตั้งนายกฯ สมัยสอง ส่งผลให้เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข โดยนายวาร์ธัน ได้ถูกประชาชนวิจารณ์การบริหารจัดการโควิดระบาดระลอก 2 ตั้งแต่เดือนเมษายน ทำให้ผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งหลายแสนคน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 4 แสนคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่แกนนำฝ่ายค้าน ชี้ว่า การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขของนายวาร์ธัน เป็นการยอมรับว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาด แต่ท้ายสุดแล้วคนที่ควรออกจริง ๆ คือ นายโมดี นายกรัฐมนตรี

 

https://www.tnews.co.th/foreign/544131/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

หมอจากองค์การอนามัยโลก ย้ำ วัคซีนทุกยี่ห้อที่อนุมัติ มีไว้กันตาย

หลังจากโลกโซเชียลเริ่มหยิบประเด็นประสิทธิภาพทางตัวเลขของวัคซีนตัวหนึ่งดีกว่าอีกตัวหนึ่งกลับมาตีแผ่ จนหลงลืมไปว่าเป้าหมายของการฉีดวัคซีนที่แท้จริง คือ 'ป้องกันการเสียชีวิต' เพราะยังไม่มีวัคซีนตัวใดทำให้ผู้ฉีดไม่ติดโควิดได้ 100%

ทางด้าน ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA จึงได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก 'Warat Karuchit' เพื่อแสดงถึงการตอกย้ำในสิ่งที่คนไทยในเวลานี้ควรยึดไว้ให้มั่นเกี่ยวกับวัคซีนว่า...

"วัคซีนทุกตัวป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้"

ประโยคนี้หมอไทยพูดอยู่ทุกวัน แต่หลายคนอาจจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ถ้าเป็นหัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ (Chief of Scientist) ขององค์การอนามัยโลกพูด จะเชื่อไหมครับ?

ดร.สมยา สวามินาธาน ให้สัมภาษณ์ในรายการ Science in 5 ว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้า (ที่กำลังอาละวาดไปทั่วโลก) นั้นระบาดได้ง่ายกว่าเดิม และต่อต้านภูมิคุ้มกัน (ที่ได้จากวัคซีน) ได้มากกว่าเดิม

"แต่ข่าวดีก็คือ วัคซีนที่รับรองโดย WHO ทุกตัว สามารถป้องกันการป่วยหนัก และการเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้"

"ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือ หากคุณมีโอกาสได้ฉีดวัคซีนที่รับรองโดย WHO...กรุณารับไว้"

นอกจากนี้ ดร.สมยา ยังกล่าวว่า...

"เป้าหมายหลักของวัคซีน คือ การป้องกันการป่วยหนัก"

"หากคุณดูที่ประสิทธิภาพของวัคซีนต่าง ๆ ในการป้องกัน อาจจะมีตั้งแต่ 70-90% แต่ถ้าดูการป้องกันการป่วยหนัก ทุกตัวนั้นดีมากทั้งหมด นั่นคือ ป้องกันได้มากกว่า 90%"

"ไม่มีวัคซีนตัวไหนป้องกันการติดเชื้อได้ 100% นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแม้จะฉีดวัคซีนแล้ว แต่คุณก็ยังติดเชื้อได้"

สำหรับวัคซีนที่ 'รับรอง' แล้วโดย WHO ได้แก่...

- AstraZeneca / Oxford vaccine

- Johnson and Johnson

- Moderna

- Pfizer / BionTech

- Sinopharm

- Sinovac

หรือพูดอีกอย่างได้ว่า วัคซีนทุกตัวที่ WHO รับรอง #ไม่ห่วยนะครับ

 

 

อ้างอิง : https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/media-resources/science-in-5/episode-44---delta-variant-and-vaccines

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4752941074721494&id=100000169455098


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เผยเรื่องราวที่เป็น ‘ที่สุด’ ในฟุตบอลยูโร 2020

เหลืออีกแค่นัดเดียว ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ก็จะปิดม่านลง ผ่านมากว่า 50 นัด นับตั้งแต่นัดแรกมาจนถึงนัดชิงชนะเลิศนี้ มีผลแพ้ชนะ และเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น THE STATES TIMES ไปรวบรวม ‘ความเป็นที่สุด’ ในฟุตบอลยูโรหนนี้ มาบอกกัน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"BLUETECH CITY" บริจาคน้ำดื่มให้ พมจ.สมุทรปราการ เพื่อนำไปช่วยผู้ประสบอัคคีภัย คนพิการ คนด้อยโอกาส และคนยากไร้

วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 โครงการจัดตั้ง นิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ (ฉะเชิงเทรา) ได้มอบน้ำดื่ม จำนวน 100 แพ็ค ให้กับ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย "นายโกสินธ์ จินาอ่อน" บรรณาธิการ ภูมิภาค/อาชญากรรม THE  STATES TIMES "นายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร" ผู้อำนวยการใหญ่(หนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์) จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อนำไปบริจาคต่อยัง "นางภิญญา จำรูญศาสน์" พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรปราการ นำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ และคนด้อยโอกาส

สืบเนื่องจากมีเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานในตำบลกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และส่งผลกระทบปัญหาในหลาย ๆ ด้านกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ ณ.บริเวณโดยรอบของบริษัทที่เกิดเหตุ และต้องย้ายถึงฐานไปพักอาศัยอยู่ ณ สถานที่บรรเทาทุกข์ที่ทางภาครัฐจัดให้อยู่ชั่วคราว

ทางโครงการฯ จึงได้ประสานงานมายัง "นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย" เพื่อนำส่งต่อไปช่วยเหลือกับพี่น้องประชาชนเป็นการบรรเทาทุกข์เบื้องต้นและร่วมด้วยช่วยกัน "คนละไม้ คนละมือ" ต่อไป

ในการนี้ "นายพิชิตเวธน์ คำเด่นเหล็ก"นักพัฒนาสังคมชำนาญการหัวหน้าฝ่ายบริหารสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ เป็นตัวแทนรับมอบน้ำดื่ม และกล่าวขอบคุณทางโครงการ ฯ และ "คณะผู้นำ" น้ำดื่มมาจัดส่งให้ในวันนี้ทางเราจะนำน้ำดื่มที่ได้รับมอบมานำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนคนในจังหวัดสมุทรปราการ ต่อไป

รถไฟยกเว้นค่าธรรมเนียม ยกเลิก-เลื่อน ตั๋วเดินทาง

กรมการขนส่งทางราง แจ้งว่า ขณะนี้ได้ออกมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการเลื่อน หรือยกเลิกบัตรโดยสาร เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟระหว่างเมือง พิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมเป็นกรณีพิเศษ สำหรับผู้โดยสารที่ขอยกเลิกการเดินทาง หรือขอเลื่อนกำหนดการเดินทางตั้งแต่เดือน ก.ค.64 เป็นต้นไป 

ทั้งนี้ในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ต้องเดินทางข้ามเขตจังหวัดเท่าที่มีมีความจำเป็น

ขณะเดียวกัน ยังได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่ให้บริการขนส่งทางรางทุกระบบ เพิ่มความเข้มงวดสูงสุดในการตรวจคัดกรองการเดินทางของผู้โดยสารและปฏิบัติตามมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมจำกัดและลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร? หากฉันต้องใช้ชีวิตอยู่กับ COVID-19 ไปอีกนาน

ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หากฉันต้องใช้ชีวิตอยู่กับ COVID-19 ไปอีกนาน...

1.) ดื่มน้ำร้อนมาก ๆ ไม่ช่วยฆ่า COVID-19

2.) ล้างมือ และห่าง 2 เมตร ดีสุด

3.) ที่บ้านไม่มีคนป่วย ก็ไม่ต้องฆ่าเชื้อบนพื้นผิว

4.) ตู้สินค้า ปั๊มน้ำมัน รถเข็น และตู้เอทีเอ็ม ไม่ได้ก่อให้เกิดการติดเชื้อขนาดนั้น หากหมั่นล้างมือบ่อย ๆ

5.) ยังไม่มีความเสี่ยงจาก COVID-19 ในเรื่องการติดต่อทางอาหาร

6.) เสียความรู้สึกในการดมกลิ่น ด้วยอาการแพ้ และการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก (เป็นเพียงอาการไม่เฉพาะเจาะจงของ COVID-19)

7.) เมื่ออยู่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร่งด่วน แล้วไปอาบน้ำ

8.) ไวรัส COVID-19 ไม่ค้างอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน จะติดกันก็ต่อเมื่อสัมผัสลมหายใจแบบใกล้ชิด

9.) หมั่นเติมอากาศดี ๆ จากสวนและสวนสาธารณะ เสียบ้าง (เพียงแค่รักษาระยะป้องกันทางกายภาพให้ดีเป็นพอ)

10.) ควรใช้สบู่ธรรมดาเพื่อป้องกัน COVID-19 ไม่ใช่สบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย เพราะนี่คือไวรัส ไม่ใช่ แบคทีเรีย

11.) ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการทานอาหารแบบต้องร้อนระอุในทุกมื้อนักก็ได้

12.) โอกาสที่จะนำ COVID-19 กลับบ้านพร้อมกับรองเท้า มีความเป็นไปได้เหมือนกับการถูกฟ้าผ่า 2 ครั้งในหนึ่งวัน

13.) ไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ด้วยน้ำส้มสายชู น้ำอ้อย และขิง

14.) สวมใส่หน้ากากในฝูงชนก็พอ สวมทั้งวันมันรบกวนการหายใจ

15.) ระหว่างสวมถุงมือ กับล้างมือ ขอเลือกอย่างหลังแล้วกัน

ภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลง เมื่อร่างกายอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ ฉะนั้นแม้ว่าคุณจะกินอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ควรจะออกจากบ้าน ไปสวนสาธารณะ / ชายหาด เป็นประจำเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มตามธรรมชาติกันด้วย

 

ที่มา : https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2515296

อ้างอิง : แพทย์หญิง Bonnie Henry เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำจังหวัดบริติชโคลัมเบีย แคนาดา ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกในตำแหน่งนี้ เธอยังเป็นรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย มีพื้นฐานด้านระบาดวิทยา และเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านสาธารณสุขและเวชศาสตร์ป้องกันจาก PEI (เกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด)


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“จุติ” ประกาศสละเงินเดือนรมรัฐมนตรี ตามนายกฯ นำไปจัดทำอาหารกล่องช่วยกลุมเปราะบาง-ผู้ต้องกักตัว

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ประกาศสละเงินเดือนประจำตำแหน่งรัฐมนตรี  3 เดือน หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 โดยจะนำเงินดังกล่าว ไปจัดทำอาหารกล่อง เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง และผู้ที่ต้องกักตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเร็วที่สุด

เวียดนาม สั่งล็อกดาวน์ โฮจิมินห์ 2 สัปดาห์ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด 8,000 คน ส่วนเกาหลีใต้ ป่วยทุบสถิติ 1,275 คน โร่บังคับใช้มาตรการทางสังคมกรุงโซลและเมืองใกล้เคียง ขณะที่อังกฤษติดเชื้อ 3.2 หมื่นราย

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่ารัฐบาลเวียดนามประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์กับนครโฮจิมินห์ เมืองศูนย์กลางธุรกิจใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีประชากรถึง 9 ล้านคน โดยให้มีผลในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ โดยมาตรการล็อกดาวน์จะกินเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 8,000 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สั่งปิดสนามบินนานาชาตินครโฮจิมินห์ ไปแล้วด้วย

นายกเทศมนตรีนครโฮจิมินห์ ระบุว่าโฮจิมินห์ กำลังเผชิญความท้าทายในการควบคุมการแพร่ระบาด เพื่อให้สามารถควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรวดเร็ว และจำเป็นต้องใช้มาตรการคุมเข้มล็อกดาวน์ โดยให้ผู้ที่อาศัยในนครโฮจิมินห์ ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเพียงเพื่อซื้ออาหารและยาเท่านั้น

มีรายงานข่าวว่า ประชาชนในนครโฮจิมินห์ ต่างพากันไปซื้อข้าวของมากักตุนหลังจากมีการประกาศล็อกดาวน์ โดยช่วงที่ผ่านมานครโฮจิมินห์ต้องประสบปัญหาในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อพบการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เดลตา และยังประสบปัญหาด้านการจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งประชากรเกือบ 100 ล้านคน ฉีดวัคซีนไปราว 4 ล้านโดส

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (เคซีดีซี) รายงานสถิติผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมอย่างน้อย 164,028 คน เพิ่มขึ้น 1,275 คน ซึ่งเป็นสถิติรายวันสูงสุด นับตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมปีที่แล้ว ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยสถิติดังกล่าวแม้รวมผู้เดินทางจากต่างประเทศ 48 คน แต่ถือเป็นครั้งแรกที่เกาหลีใต้ยืนยันผู้ป่วยรายวันมากกว่า 1,200 คน 2 วันติดต่อกัน ด้านสถิติผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 2,034 คน เพิ่มขึ้น 1 คน ส่วนสถิติผู้ที่หายป่วยแล้วมีอย่างน้อย 151,923 คน เพิ่มขึ้น 423 คน

ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้มีมติขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมทางสังคมในกรุงโซล และพื้นที่ใกล้เคียง คือจังหวัดคย็องกี และเมืองอินชอน มีผลบังคับใช้ไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ นับจากวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนว่าอาจมีการยกระดับมาตรการอีก หากสถิติผู้ติดเชื้อรายวันยังคงสูงเช่นนี้

อนึ่ง ชาวเกาหลีใต้อย่างน้อย 15.4 ล้านคน หรือประมาณ 30.1% ของประชากรทั้งประเทศ ได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และ 5.49 ล้านคน หรือราว 10.8% ได้รับวัคซีนครบแล้ว ปัจจุบัน เกาหลีใต้ใช้วัคซีนอย่างน้อย 3 รายการ คือ แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

ส่วนที่ประเทศอังกฤษ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการอังกฤษรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 32,548 คน ในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นยอดผู้ป่วยใหม่รายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 4,990,916 คน และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 33 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 128,301 คน โดยนับรวมเฉพาะผู้เสียชีวิตภายใน 28 วัน หลังจากมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวกครั้งแรก ปัจจุบันประชาชนอังกฤษฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 โดสแรกกว่า 45.5 ล้านคน และมีผู้ฉีดครบโดสแล้วกว่า 34 ล้านคน

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่าข้อจำกัดการควบคุมโรคดังกล่าว ส่วนมากจะสิ้นสุดการบังคับใช้ในวันที่ 19 กรกฎาคม อันเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนสุดท้ายในแผนการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ของอังกฤษ โดยรัฐบาลจะยืนยันการดำเนินการนี้อีกครั้งในวันที่ 12 กรกฎาคม ภายหลังทบทวนข้อมูลล่าสุดเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ แผนการยกเลิกล็อกดาวน์ได้รับกระแสตอบรับหลายทาง โดยสำนักข่าวสกายนิวส์รายงานว่า เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน กล่าวหาว่าแผนการนี้จะทำให้ประเทศพานพบฤดูร้อนที่วุ่นวายและสับสน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แพทย์ ชี้ วัคซีนเชื้อตาย ซิโนแวค ป้องกันอาการหนักหลังติดเชื้อได้จริง

นพ.โชคชัย เรืองโรจน์ กุมารแพทย์ ผู้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลรอบด้านเกี่ยวกับวัคซีนโควิด กล่าวถึง เรื่องโรคโควิด และ วัคซีนโควิดตามข้อมูล ณ ปัจจุบัน ว่า

1.) ตอนนี้ประเทศไทยมีการระบาดมาก คนตายวันละหลายสิบราย ระบาดมากใน กทม. และปริมณฑล เตียงรับผู้ป่วย โดยเฉพาะ ICU ไม่พอ

2.) เชื้อไวรัส มีการกลายพันธุ์เรื่อย ๆ ปัญหาของการกลายพันธุ์คือ ทำให้มีการแพร่เชื้อและติดได้ง่ายขึ้น มีการดื้อต่อวัคซีนทุกชนิด

3.) วัคซีนที่กระตุ้นภูมิได้สูงกว่า ก็จะต้านการดื้อต่อวัคซีนของเชื้อกลายพันธุ์ได้ดีกว่า ถ้าพูดถึงความสามารถในการกระตุ้นภูมิของวัคซีนที่มีในตลาดปัจจุบัน mRNA สูงกว่า viral vector และ viral vector สูงกว่า เชื้อตาย ซึ่งภูมิที่สูงกว่า ล้อไปกับ ผลข้างเคียงที่มากกว่า แต่ผลข้างเคียงของวัคซีนทุกชนิด ยังเกิดในอัตราต่ำมาก การฉีด มีประโยชน์มากกว่าการกลัวผลข้างเคียงแล้วไม่ฉีด

4.) สายพันธุ์ที่ระบาดใหญ่ในประเทศไทยเดือนเมษา คือ แอลฟ่า ตั้งแต่มิถุนายนเริ่มมีเดลต้ามากขึ้น (ซึ่งติดง่ายและดื้อต่อวัคซีนเพิ่มขึ้น) ตอนนี้เดลต้าครองพื้นที่ กทม. แทนแอลฟ่าแล้ว และกำลังจะครองทั่วประเทศในอีกไม่นาน

5.) วัคซีนที่มีใช้ในประเทศไทยตอนนี้ คือ แอสตร้า และ ซิโนแวค ตัวที่โดนบูลลี่มาก ๆ คือ ซิโนแวค

ผลการใช้ซิโนแวค ในสถานการณ์จริงของไทยต่อเชื้อสายพันธุ์แอลฟ่า พบว่าป้องกันการติดเชื้อได้ดี 70-90% ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 51% ที่พูด ๆ กันมาหลายเดือน

6.) ข้อมูลเฟส 3 pfizer ป้องกันติดเชื้อ 95% , ซิโนแวคป้องกันติดเชื้อได้ 51% ดูเหมือนช่องว่างเยอะ แต่เราจะเอาการศึกษาที่ต่างเวลา ต่างสถานที่ ต่างสายพันธุ์ ต่าง criteria ในการเก็บข้อมูล มาเทียบกันโดยตรงไม่ได้

ที่พอเทียบกันได้ คือ การใช้ในสถานการณ์เดียวกันที่ชิลี ดังนี้

- ลดโอกาสการตาย PZ 91.8%, SV 86.4%

- ลดโอกาสเข้า ICU PZ 98.4%, SV 90%

- ลดโอกาสติดเชื้อแบบมีอาการ PZ 90.9%, SV 63.6%

7.) การมาของเดลต้า ทำให้ซิโนแวคป้องกันการติดเชื้อได้ลดลง (ลดลงทุกวัคซีน แต่วัคซีนเชื้อตาย ต้นทุนในการกระตุ้นภูมิต่ำกว่าตัวอื่น จึงด้อยลงมากที่สุด) แต่ยังป้องกันอาการหนัก ป้องกันตายได้ดีเหมือนเดิม

8.) ในไทยมีบุคลากรทางการแพทย์ที่รับวัคซีน 2 โดสแล้ว (ส่วนใหญ่เป็น SV) เกิด breakthrough infection (คาดว่าเป็นผลจากเชื้อเดลต้าดื้อวัคซีน และระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน ก็เริ่มต่ำลงตามเวลาที่ผ่านไป) ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง แต่ต้องกักตัวรักษา และขาดกำลังคนทำงาน ยังไม่ทราบตัวเลขในภาพรวมที่แน่ชัด คงรอรวบรวมข้อมูล มีเสียงเรียกร้องขอกระตุ้นภูมิ (เข็ม 3) ให้บุคลากรการแพทย์ด้วยวัคซีน "ดี ๆ" ซึ่งการศึกษาการกระตุ้นเข็ม 3 ยังไม่เรียบร้อย แต่ใกล้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน

ทั่วโลก ก็มีรายงาน vaccine breakthrough infection กันทุกยี่ห้อ แต่ mRNA น่าจะ breakthrough น้อยสุด

9.) เมื่อ 3 วันก่อนมีการแชร์เอกสาร note การประชุมของคณะกรรมการด้านวิชาการ "ชุดเล็ก" 3 คณะ เรื่องการใช้ PZ บริจาค 1.5 ล้านโดส เบื้องต้น เสนอให้ระดมฉีดเข็ม1 ให้กลุ่มเสี่ยงก่อน (โดยยังไม่ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ให้ HCP)

เมื่อวาน อ.อุดม ในฐานะที่ปรึกษาแก้ไขสถานการณ์โควิดของนายก แถลงหลังประชุมกรรมการ "ชุดใหญ่" ว่าถ้าผลการศึกษาได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกระตุ้นภูมิ จะกระตุ้นภูมิให้ HCP เป็นกลุ่มแรก ด้วย AZ หรือ PZ

10.) เกิด Dilemma ขึ้น ในการบริหารทรัพยากรที่มีจำกัด ระหว่างการฉีดกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อกันติดให้ HCP กับ ฉีดเข็ม 1 ให้กลุ่มเสี่ยง เพื่อกันตาย ต่างคนต่างมีเหตุผล แล้วแต่มุมมอง แต่ถ้าพูดในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ ย่อมมีประเด็น conflict of interest แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยุติแล้ว โดยการแถลงของ อ.อุดม

11.) ผู้เชี่ยวชาญของโลกและของไทย พูดตรงกันว่า หน้าที่หลักอันดับแรกของวัคซีนโควิด คือ ป้องกันการตายและอาการรุนแรง ซึ่งปัจจุบัน วัคซีนทุกชนิดยังทำหน้าที่หลักของมันได้ดีมาก คือประมาณ 90% แม้เชื้อจะกลายพันธุ์

12.) ประเทศไทยเตรียมแผนวัคซีน "ฟรี" สำหรับปีนี้ไว้อย่างต่ำ 100 ล้านโดส คร่าว ๆ คือ

AZ 61, PZ 20, JJ 5*2, Sputnik V น่าจะประมาณ 5, SV มากขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนวัคซีนไม่ฟรี คือ Moderna ที่รัฐเป็นตัวกลาง ช่วย รพ.เอกชน ซื้อมาขายต่อให้คนที่อยากมีทางเลือกเพิ่มขึ้น (เพราะผู้ผลิตยืนยันไม่ขายให้เอกชนโดยตรง) บริษัทบอกขายให้ได้ 5 ล้านโดส เริ่มทยอยส่งให้ได้เร็วสุดปลายปีนี้

และ Sinopharm ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นำเข้ามาขายราคาทุนให้หน่วยงานต่าง ๆ ซื้อไปฉีดให้ประชาชนฟรี นำเข้ามาแล้ว 2 ล้านโดส และน่าจะมีมาอีก

13.) ทั่วโลกขาดแคลนวัคซีนประเทศต่าง ๆ ใช้ทุกสรรพกำลังในการต่อรองแย่งชิงวัคซีนกัน วัคซีนแทบทุกชนิด ส่งล่าช้ากว่าสัญญาที่ทำไว้ทั่วโลก ประเทศที่ไม่ขาดแคลน คือ ประเทศมหาอำนาจที่ร่ำรวย และเป็นเจ้าของเทคโนโลยี ที่กักตุนยอดวัคซีนไว้ตั้งแต่ช่วงวิจัย ใช้ไม่ทัน มีบางส่วนใกล้หมดอายุ หรือหมดอายุไปแล้วโดยไม่ได้ฉีด และเริ่มมีการบริจาควัคซีนมากขึ้น

14.) ประเทศไทยก็โดนผลกระทบจากการเลื่อนส่ง เช่น AZ วัคซีนหลัก เดิมคาดว่าจะได้ 61 ล้านโดสภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะได้เดือนละ 10 ล้านโดส ตอนนี้บริษัทแจ้งว่าจัดสรรให้ได้เดือนละ 5-6 ล้านโดส ส่วน Pfizer บริษัทแจ้งว่าส่งได้อย่างเร็วสุด ปลายปีนี้

15.) ที่ผ่านมา ในบรรดา 5 วัคซีนในแผนวัคซีนฟรีของไทย มีซิโนแวคยี่ห้อเดียว ที่สามารถขยายจำนวน และเร่งเวลาส่งให้เร็วขึ้นได้ เป็นเหตุให้ต้องสั่งมาเติมส่วนที่ล่าช้าของวัคซีนอื่น

16.) ตอนนี้ตลาดวัคซีนเป็นของผู้ขาย ผู้ซื้อต้องยอมทำสัญญาตามเงื่อนไขที่เสียเปรียบผู้ขาย เช่น ผู้ขายมีสิทธิ์เลื่อนส่งได้, ส่งช้ากว่ากำหนดไม่มีค่าปรับ, ถ้ารอไม่ไหว ยกเลิกได้ แต่ไม่คืนเงิน ถ้าเราไม่รับเงื่อนไข ผู้ขายไม่ง้อ มีแต่ต้องพยายามเจรจาให้เสียเปรียบน้อยที่สุด ผู้ขาย (หรืออาจจะประเทศผู้ขาย) กำหนดคิวเอง ไม่ใช่ระบบบัตรคิวที่เรียงลำดับก่อนหลังเพียงอย่างเดียว ทั่วโลกมีข่าวแซงคิว ข่าวทางลัด

17.) จำนวนและกำหนดส่งวัคซีน mRNA ที่เราจองไว้ กำหนดไว้แล้ว ว่า PZ 20 ล้าน, MDN 5 ล้าน เริ่มทยอยส่งปลายปี การดีลเริ่มต้นนับ 1 มาตั้งแต่ต้นปี ไม่ใช่รอนับ 1 หลังเซ็นสัญญาซื้อ แล้วบวกไปอีก 4 เดือนอย่างที่บางคนพูด

การเซ็นสัญญาต่าง ๆ มีกรอบระยะเวลาแต่แรกแล้ว ไม่ว่าจะเซ็นเดือน พ.ค. มิ.ย. ก.ค. หรือ ส.ค. ก็ได้ของปลายปีเหมือนเดิม มีการต่อรองเพื่อให้เสียเปรียบน้อยที่สุด

18.) สัญญาซื้อ PZ เริ่มจากคุยกันเบื้องต้น แล้วลงนามใน

- confidential disclosure agreement เซ็นแล้ว

- binding term sheet เซ็นแล้ว

- Manufacturing and supply สัญญาสุดท้าย เมื่อวาน ครม. มีมติให้ลงนามแล้ว

สัญญา confidential disclosure agreement เป็นตัวเปิดทาง ไม่เซ็นก็ไม่ขาย เซ็นแล้วก็ห้ามเปิดเผยข้อมูล เพราะผู้ขายเค้าเจรจากับแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ราคา ผลประโยชน์ ต่างกัน ที่ผ่านมา เราจึงแทบไม่รู้ข้อมูลเชิงลึกเลย คนทำงานอยู่ในภาวะพูดไม่ได้

แต่ละประเทศก็มีแนวทางเจรจาของตน เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ จำนวนดีลต่างกัน ดีลเล็กของประเทศประชากรน้อย ดีลได้ง่ายกว่าดีลใหญ่ ๆ ของประเทศประชากรเยอะ, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างกัน และการดำเนินนโยบายการเมืองโลกของประเทศมหาอำนาจ ก็มีส่วนอย่างยิ่ง

ประเทศไหน ดีลได้ด้วยข้อเสนอแลกผลประโยชน์ใดบ้าง คือสิ่งที่เราไม่อาจรู้ แต่มีข้อสังเกตว่า บางประเทศเจรจาซื้อ mRNA มานาน ไม่คืบหน้า พอมีข่าวสั่งซื้อขีปนาวุธ และ ฝูงบินจากมหาอำนาจ ดีลก็เร็วขึ้น

19.) (ความเห็นส่วนตัว) ตอนนี้คนไทยติดเชื้อวันละหลายพัน ตายวันละหลายสิบ ถ้าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดได้ ก็ต้องหาวัคซีนกันติดมาให้มาก ๆ และเร็ว ๆ แล้วทุกอย่างจะดีตาม แต่นั่นมันความฝัน ความจริงคือ วัคซีนที่ให้ผลกันติดที่ดีที่สุดตอนนี้ ยังไม่บินมาช่วยเรา ในจำนวนและเวลาที่ทันต่อสถานการณ์

และทุกวัคซีนจะเสื่อมประสิทธิภาพกันติดไปเรื่อย ๆ เพราะไวรัสกลายพันธุ์อยู่เสมอ Herd immunity ไม่ใช่ว่าจะสร้างขึ้นได้ด้วยวัคซีนใดที่มีอยู่ในตอนนี้ แต่วัคซีนทุกชนิดยังป้องกันป่วยหนักได้ดี

ถ้าเรียงลำดับความสำคัญตามสถานการณ์ สิ่งที่ทำได้จริง คือต้องเร่งลดคนอาการหนักก่อน คนตายก็จะลด, ภาระ ICU ก็จะลด ต่อให้ติด ก็มักจะอาการน้อยซึ่งแพร่เชื้อได้น้อยกว่าคนอาการมาก ดังนั้น จึงไม่ควรต่อต้านหรือด้อยค่าการซื้อวัคซีนกันตายที่ส่งมาช่วยเราได้จริง จนกว่าทุกคนจะได้รับการกันตาย และควรจะรับรู้ร่วมกันว่า อย่าฝากความหวังไว้กับวัคซีนทั้งหมด หน้ากาก ล้างมือ ปรับวิถีชีวิต ตั้งสติ ความร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเราได้มาก ๆ

ส่วน mRNA ก็อยากให้รัฐพยายามต่อรองเอาเข้ามาเพิ่มเท่าที่ทำได้ ภายใต้เงื่อนไขที่เราไม่เสียเปรียบเกินไป ทำได้หรือไม่ได้ ก็ต้องพยายามสื่อสารสร้างความเข้าใจให้ดีกว่าที่ทำมา (แต่ประชาชนควรเข้าใจด้วยว่า การพูดอะไรล่วงหน้าต่อสาธารณะ ก่อนที่การเจรจาจะคืบหน้า จะทำให้การเจรจายากขึ้น) .

ปัญหาตอนนี้คือ คนส่วนหนึ่ง ไม่เชื่อใจว่ารัฐได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่หรือยัง ในการเอา mRNA เข้ามา รัฐต้องพยายามชี้แจงจุดนี้ให้มากขึ้น แล้วปีหน้าค่อยไปมองหาวัคซีน generation ใหม่ รวมถึงวัคซีนสัญชาติไทย ที่กำลังพัฒนากันอยู่

20. (ความเห็นส่วนตัว) วัคซีนทุกชนิดสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยชีวิตคนจากโรคระบาด แต่เรากลับเอาวัคซีนมาเป็นเหตุทะเลาะกัน บางคน แค่อาจารย์ผู้ใหญ่บางท่านพูดไม่ถูกใจ ผสมโรงกับสื่อเสี้ยม ก็ไปคุกคาม เหยียดหยามอาจารย์ซะแล้ว

อยากชวนให้พวกเราขับเคลื่อนประเทศด้วยวิธีสร้างสรรค์ ใช้พลังเชิงบวก การใช้พลังบวก ไม่ใช่สิ่งเดียวกับ การทำเป็นโลกสวย โลกสวยคือ การแสร้งมองสิ่งต่าง ๆ ว่าดีงาม น่าเห็นใจ แต่ไม่อยู่ในข้อเท็จจริงและเหตุผล

พลังบวก เช่น ความรัก ความสามัคคี ความเสียสละ ความรอบคอบ ความมีเหตุผล ความสุภาพ ความอดทน การให้อภัย การให้เกียรติ ความซื่อสัตย์ ความยั้งคิด การยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของผู้อื่น พลังเหล่านี้ จะช่วยให้เราแก้ปัญหาในภาวะวิกฤติซึ่งเป็นภัยธรรมชาติได้ดีที่สุด

พลังลบ เช่น ความคิดอคติ ความโกรธ ความเกลียด ความเห็นแก่ตัว ความหยาบคาย ความกร้าวร้าว ความใจร้อน ความไม่ยั้งคิด ความบิดเบือน ความคดโกง ความชวนทะเลาะ พลังเหล่านี้ไม่ช่วยอะไร และทำลายทุกฝ่าย

เราอาจจะเข้าใจผิด ว่าพลังการด่าของเราช่วยขับเคลื่อนสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งไม่จริงเลย การด่า ดูเหมือนจะได้ผลในบางเรื่อง แต่ที่มันได้ผล ไม่ใช่เพราะความกร้าวร้าวหยาบคาย มันได้ผลเพราะพลังบวกอื่น เช่น ความพร้อมเพรียงในการแสดงออก หรือคนรับฟังเค้ามองข้ามเสียงด่าของเรา แล้วเก็บเอาเนื้อความที่ซ่อนอยู่ในคำด่าไปพิจารณา

ในขณะที่เราด่าใคร ถ้าคนที่เราด่า ศีลเสมอหรือต่ำกว่าเรา สิ่งที่เราจะได้รับคือ การด่ากลับ โดยไม่มีใครสนใจเนื้อหา แถมเราก็ยุยงกัน เช่น ดี ๆ ฟาดอีก, ฟาดมากแม่ เอาอีก ๆ

หลาย ๆ ครั้ง เราด่า เพราะเราถูกปั่นให้โกรธ ความโกรธทำให้เราปิดรับข้อมูล ด่าไปโดยที่ตัวเองยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งทุกวันนี้ มีสื่อเสี้ยมและบิดเบือนเต็มโลก social

ถ้าเราเชื่อว่าการด่าจะขับเคลื่อนสังคมให้ดีได้ เราก็คงต้องเชื่อว่าการดุด่า ประชดแดกดัน หรือทุบตีเด็ก จะช่วยให้เด็กรับฟังสาระที่เราต้องการบอก และปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ ซึ่งไม่จริง

เราสามารถวิจารณ์ ตำหนิ เสนอแนะได้ตามเหตุผล และข้อเท็จจริงรอบด้าน โดยเลี่ยงการใช้ hate speech ก็สื่อสารได้รู้เรื่อง และดีกว่าการด่าหรือประชดแดกดันกันอย่างแน่นอน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top