Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

'เฉลิมชัย' สั่งฟรุ้ทบอร์ด (Fruit Board) ลุย 'ผลไม้ใต้-ลำไยเหนือ' 1.5 ล้านตัน ฝ่าวิกฤตโควิด-19

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้​ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) เปิดเผยวันนี้​ (12 ก.ค.) ว่า ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ, กระทรวงพาณิชย์และคณะกรรมการคพจ. (คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด) ซึ่งเป็นกลไกแกนหลักของ

ฟรุ้ทบอร์ด​ เร่งทำงานเชิงรุกดูแลผลไม้ภาคใต้และลำไยภาคเหนือภายใต้แผนปฏิบัติการปี 2564​ ของฟรุ้ทบอร์ด​ โดยเฉพาะในช่วงพีคของฤดูกาลผลิตปีนี้​ ด้วยการเน้นขับเคลื่อนแผนการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

ทั้งนี้ให้ใช้แนวทางการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออกที่เพิ่งผ่านมาเป็นตัวอย่าง​ ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจทั้งเรื่องราคาและตลาดจากการทำงานเชิงรุกและเพิ่มกลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ​ เช่นระบบสั่งซื้อล่วงหน้า​ (Pre-order) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ในการส่งออกทุเรียนไปตลาดจีน​ ที่ถือเป็นตลาดฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19​ เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายใต้การเน้นย้ำเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของผลไม้ให้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้ ตนเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 4/2564 ผ่านระบบ ZOOM ล่าสุดร่วมกับ​ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวแทนเกษตรกร ภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีการพิจารณาประเด็นสำคัญ อาทิ...

- การเพิ่มครัวเรือนเป้าหมายโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563

- ผลการบริหารจัดการผลไม้ประจำฤดูกาลผลิตที่ 1/2564 (มีนาคม - มิถุนายน) ในพื้นที่ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) และภาคตะวันออก (ทุเรียน, มังคุด, เงาะ, ลองกอง)

- การประเมินสถานการณ์การผลิตไม้ผล ปี 2564 (ภาคเหนือ และภาคใต้) และได้เห็นชอบแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลำไย) ปี 2564 แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้ (ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) ปี 2564 และการช่วยเหลือเกษตรกรแก้ไขปัญหามะม่วงของจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดชัยภูมิ

ทั้งนี้ ยังได้พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ดูแลตามห่วงโซ่อุปทาน (Supply-Value chain) ตามพื้นที่การผลิต (Areas -Products base) และคณะทำงานด้านระบบข้อมูลโลจิสติกส์ และคณะศึกษาเสถียรภาพกลุ่มสินค้าเช่นลำไย อีกด้วย

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการเยียวยาชาวสวนลำไย ฤดูกาลผลิตปี 2563 ได้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โอนเงินให้เกษตรกร ที่ได้รับอนุมัติเพิ่มเติม จำนวน 154 ราย ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรจำนวน 201,986 ราย ได้รับเงินเยียวยากว่า​2,858,355,450 บาท แล้ว

ส่วนผลการบริหารจัดการผลไม้ ฤดูกาลผลิตที่ 1/2564 (มีนาคม - มิถุนายน) ภาคเหนือ ผลผลิตลิ้นจี่ มีปริมาณผลผลิตทั้งหมด 27,952 ตัน ในภาพรวมส่วนใหญ่มีการบริโภคในประเทศ 23,620 ตัน หรือร้อยละ 84.51 แปรรูป 2,131 ตัน หรือร้อยละ 7.62 และ ส่งออก 2,201 ตันหรือร้อยละ 7.87 ในส่วนของภาคตะวันออก ที่มีปริมาณรวมทั้งสิ้น 900,126 ตัน ประกอบด้วย ทุเรียน 575,542 ตัน มังคุด 106,796 ตัน เงาะ 197,708 ตัน และลองกอง 20,080 ตัน มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วรวมทั้งหมด 830,870 ตัน คิดเป็นร้อยละ 92.31 (ข้อมูล ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2564) ซึ่งขณะนี้ยังไม่สิ้นสุดฤดูกาล โดยมีการเน้นการป้องปรามทุเรียนอ่อน โดยจังหวัดได้กำหนดมาตรการระยะสั้นเพื่อควบคุมและป้องกันทุเรียนอ่อนไม่ให้ออกนอกแหล่งผลิต ด้วยการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อช่วยสกัดกั้นทุเรียนอ่อน โดยใช้บทลงโทษทางกฎหมาย

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาคุณภาพผลผลิตตามความเหมาะสมของพื้นที่ การเชื่อมโยงตลาด ภายใต้โครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีโดย​ AIC และหน่วยงานส่งเสริมต่าง ๆ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผลไม้และผลไม้อัตลักษณ์ตลอดจนการจัดทำแปลงเรียนรู้การส่งเสริมการผลิตตามระบบมาตรฐาน GAP และ GI การพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งขององค์กรตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ สหกรณ์ และศูนย์คัดแยกผลไม้ชุมชน การตรวจสอบย้อนกลับโดยใช้ QR Code เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ร่วมหารือแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลำไย) ปี 2564-2565 มีการประเมินผลผลิตที่ 683,435 ตัน ใช้บริโภคสดภายในประเทศ 101,543 ตัน แปรรูป 438,420 ตัน ส่งออก 143,472 ตัน โดยขณะนี้ราคาลำไยสดช่อเกรด AA เท่ากับ 32 บาท/กิโลกรัม เกรด AA+A เท่ากับ 31 บาท/กิโลกรัม โดยกระจายผลผลิตผ่านล้งภายในประเทศ วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร ห้าง Modern Trade ระบบของไปรษณีย์ไทย การตลาดออนไลน์และตลาดค้าผลไม้ภายในจังหวัด การจัดจำหน่ายตรงผู้บริโภค การบริโภคในครัวเรือน เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้เร่งรัดดำเนินการด้านแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้ (ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) ปี 2564 รวมปริมาณทั้งสิ้น 824,728 ตัน โดยเป็นทุเรียน 554,459 ตัน มังคุด 165,838 ตัน เงาะ 62,510 ตัน ลองกอง 41,921 ตัน ซึ่งจะมีแนวทางการกำกับ ติดตาม เฝ้าระวังช่วงปริมาณผลผลิตออกมาก (Peak) ปี 2564 และแจ้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.)บริหารจัดการเชิงรุกผลไม้ในพื้นที่พร้อมกำกับดูแลในพื้นที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเฝ้าระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนแรงงานและราคาผลผลิตตกต่ำในช่วงผลผลิตออกปริมาณมาก (Peak) ตามนโยบายของรัฐมนตรีเกษตรฯ

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้เกษตรกรชาวสวนได้รับผลกระทบ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยกับชาวสวนมะม่วงที่ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับชาวนา และชาวสวนลำไย โดยเสนอขอชดเชยไร่ละ 2,000 บาท คนละไม่เกิน 25 ไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 50,000 บาท และการพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาผลผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ตกต่ำในพื้นที่ จังหวัดชัยภูมิ ที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 8,920 ครัวเรือน พื้นที่ 15,057 ไร่ ผลผลิต 11,292 ตัน โดยประสงค์ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อชดเชยราคาผลผลิตมะม่วง จำนวน 535,930,250 บาท ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนตาม 5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย โมเดลเกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต โดยบูรณาการทุกภาคส่วน และใช้เทคโนโลยีในการผลิต เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรต่อไปอย่างยั่งยืน” นายอลงกรณ์ กล่าว

'ธณิกานต์'​ หนุนรัฐ ใช้ Rapid Antigen Test ตรวจโควิด-19 ลดปัญหารอตรวจ แนะแจกฟรี ช่วย ปชช.ลดค่าใช้จ่าย

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. เขตบางซื่อ-ดุสิต พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 38 เขตดุสิต ซึ่งเป็นจุดหลักในการตรวจคัดกรองโควิด-19 ให้กับประชาชนเขตดุสิต

โดย น.ส.ธณิกานต์ ระบุว่า ปัญหาตอนนี้ คือ ความต้องการในการตรวจคัดกรองของประชาชนมีมากกว่าเครื่องมือและบุคลากรที่ทางรัฐจัดสรร จึงมีการพูดถึงการใช้ชุดตรวจแบบ Rapid Antigen Test เพื่อสกรีนเบื้องต้น ลดปัญหาคอขวดที่ประชาชนจำนวนมากต้องมารวมตัวรอรับบริการตรวจตามจุดตรวจ และอาจเกิดปัญหาการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ในหลาย ๆ​ ประเทศมีการใช้เครื่องมือตรวจแบบ Rapid Antigen Test ด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างจากทางจมูก และน้ำลาย เป็นชุดตรวจเชื้อ ที่ทำได้ง่าย รู้ผลเร็ว ภายใน 15 นาที ประชาชนสามารถศึกษาตามคู่มือและตรวจได้ด้วยตัวเอง ทำที่บ้านได้เลย ซึ่งตนมองว่าเหมาะอย่างยิ่งในช่วงล็อกดาวน์ เพื่อทราบผลเบื้องต้น ลดการแออัด ลดการเคลื่อนย้ายเดินทาง ช่วยแยกผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัวและชุมชนได้เร็วขึ้น หากผลเป็นบวกจึงส่งตรวจซ้ำด้วย RT-PCR แก้ปัญหาปัจจุบัน ที่หลายโรงพยาบาลปฏิเสธการตรวจ และจุดคัดกรอง รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ของกรุงเทพมหานครมีจำกัด

น.ส.ธณิกานต์ ระบุอีกว่า จากการติดตามข่าว ทราบว่าวันนี้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปลดล็อก การใช้เครื่องมือตรวจโควิด-19 แบบ Rapid Antigen Test ซึ่ง อ.ย. รับรองแล้ว 24 บริษัท ต่อไปประชาชนสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาและคลินิก ราคาชุดละประมาณ 300-400 บาท และจะดียิ่งขึ้นกว่านี้ หากภาครัฐสามารถพิจารณาแจกฟรีแก่ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสสูง และกลุ่มเปราะบาง เงินจำนวน 300-400 บาท มีความหมายมากสำหรับคนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจอยู่แล้ว ในหนึ่งครอบครัวอาศัยอยู่รวมกันหลายคน ต้องใช้คนละชุดตรวจ อยากวอนขอให้ฝ่ายบริหาร ทั้งกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนตรงนี้อย่างเต็มที่ ช่วยลดภาระของประชาชน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'บิ๊กป้อม'​ ริเริ่มโครงการ 'ข้าวล้านกล่อง'​ เตรียมยกขบวน พรรคพลังประชารัฐ มอบข้าวกล่องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน เริ่มต้นในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ได้ประกาศคำสั่งยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 กำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ระยะเวลา 2 สัปดาห์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 64​ นั้น

ตนเองมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการ พปชร. ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินสถานการณ์โควิด-19 (ศปฉ.พปชร.) ดำเนินการจัดตั้งโครงการ 'ข้าวล้านกล่อง'​ ขึ้นมา เพื่อนำไปมอบให้ประชาชนในชุมชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน โดยให้เริ่มจากวันนี้เป็นต้นไป

ด้าน ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศูนย์ ศปฉ.พปชร. ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลประทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในด้านการลดค่าครองชีพ โดยการจัดถุงยังชีพ เพื่อแจกจ่ายให้ครอบคลุมในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงพร้อมดำเนินการตามดำริ ของพลเอก ประวิตร ภายใต้การประสานงานของศูนย์ประสานงานพรรคในพื้นที่ดังกล่าว

นอกจากนี้ หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งความประสงค์มาที่ ศปฉ.พปชร. ผ่านสายด่วน Call Center 02-939-1111 จำนวน 30 คู่สาย หรือ Inbox มาในเพจ Facebook ของพรรคได้ที่ https://www.facebook.com/PPRPThailand/ ซึ่งทางพรรคพร้อมดำเนินการช่วยเหลือต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทบ.แจง หลัง “ปวิน” โพสต์ป่วน ทหารไทยบินสหรัฐฯ  ยันไปภารกิจ “การฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์” กับทบ.สหรัฐอเมริกา-ทบ.อินโดนีเซีย 10 - 26 ก.ค.นี้ ลั่นทุกคนฉีดวัคซีนจากไทยเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า มีกลุ่มทหารไทยบินไปสหรัฐฯกับสายการบินโคเรียนแอร์ 109 คน ซื้อตั๋วแพงสุด คาดว่าไปฉีดวัคซีนด้วยเงินภาษีประชาชนนั้น

ล่าสุด พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีที่มีการภาพทหารเดินทางที่สนามบิน และถูกนำไปบิดเบือนนั้นว่า กองทัพบกขอแจ้งข้อมูลอีกครั้งเกี่ยวกับการเดินทางไปสหรัฐของกำลังพล กองร้อยส่งทางอากาศ ที่เดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ (Strategic Airborne Operation) กับกองทัพบกสหรัฐ ณ Fort Bragge รัฐนอร์ทแคโรไลนา ระหว่างวันที่ 10-26 ก.ค.64 โดยเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ภายใต้การฝึกร่วมผสมครอบบร้าโกลด์ในปี 2565 พร้อมทั้งมีการกักตัวก่อนไปฝึกในค่ายทหาร และเมื่อไปถึงสหรัฐฯ ก็ปฏิบัติลักษณะเดียวกันตามระบบ Military Trainning Quarantine ซึ่งกำลังพลทุกนายผ่านการ SWAB test ได้ผลเป็นลบ และได้รับการฉีดวัคซีนที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว โดยสรุปกำลังพลทุกนายได้ผ่านกระบวนการตามมาตรฐานสาธารณสุขในการป้องกันโควิด -19 ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามกองทัพบกได้เผยแพร่ข่าวการเดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ดังกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.2564 รายละเอียดตาม https://www.facebook.com/100051350382505/posts/340112994377044/?d=n

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ ของกองร้อยส่งทางอากาศ ณ สนามกระโดดร่ม บ้านท่าเดื่อ อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่มีกำหนดเข้าร่วม “การฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์” (Strategic Airborne Operations) ณ Fort Bragg รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงระหว่างวันที่ 10 - 26 ก.ค. 64 โดยทำการฝึกร่วมกับกองพลส่งทางอากาศที่ 82 กองทัพบกสหรัฐอเมริกา และกองทัพบกอินโดนีเซีย พร้อมทั้งกำชับให้ทุ่มเทตั้งใจเข้ารับการฝึกศึกษา เรียนรู้เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ พัฒนาตนเองและกองทัพต่อไป และให้ตระหนักว่าเป็นตัวแทนประเทศไทย กองทัพไทยในการไปสร้างความเชื่อมั่น สร้างความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพมิตรประเทศ รวมทั้งเน้นย้ำกำลังพลให้ปฏิบัติตนภายใต้มาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาททั้งที่อยู่ในต่างประเทศ และเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย 

สำหรับการส่งกำลังพล “กองร้อยส่งทางอากาศ” เข้าร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารในระดับกองทัพมิตรประเทศแล้ว ผู้เข้ารับการฝึกยังสามารถนำความรู้ ประสบการณ์มาพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับหน่วยส่งทางอากาศกองทัพบก และยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ภายใต้การฝึกร่วมผสมครอบบร้าโกลด์ในปี 2565 อีกด้วย สำหรับกำลังพลกองทัพบกที่เข้าร่วมการฝึกกระโดดร่มที่สหรัฐฯ ในครั้งนี้ มีจำนวน 114 นาย ประกอบด้วย นายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวนนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ชั้นปีที่ 5 และ พลทหาร ซึ่งทุกนายได้ผ่านกระบวนการตามมาตรฐานสาธารณสุขในการป้องกัน COVID-19 ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการโพสต์ภาพอ้างว่าทหารที่ได้ไปครั้งนี้ ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์นั้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพพบว่าเป็นภาพปลอม เพราะหากดูรายละเอียดวันเกิดในการ์ด ถ้าเกิดปี 1963 อายุน่าจะ 58 ปี ซึ่งทหารที่ไปไม่แก่ขนาดนั้น 

เมื่อถามถึงประเด็นเรื่องค่าตั๋วที่แพงและงบประมาณการใช้จ่ายที่โดนโจมตี พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า งบประมาณการฝึกร่วมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกายืนยันกำลังพลที่ไปฝึกได้รับการฉีดวัคซีนจากเมืองไทย 2 ชนิด คือAstraZeneca และSinovac

 

ปิดฉากยูโร 2020 ‘อนุชา’ ลั่น รัฐบาล มอบความสุขตามสัญญา ถ่ายทอดครบทุกคู่ ชวนเชียร์ นักกีฬาไทย ร่วมโอลิมปิกต่อ

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 64 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรป 2020 หรือ ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างอิตาลี และอังกฤษ โดยผลอิตาลี เป็นแชมป์ ชนะจุดโทษ 3-2 หลังเสมอในเวลา และช่วงต่อเวลาพิเศษ1-1 ว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ดำริให้ดำเนินการประสานนำการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรป 2020 หรือ ยูโร 2020 มาถ่ายทอดสดให้ประชาชนคนไทยได้ชมฟรีทุกคู่ ตั้งแต่ช่วงพิธีเปิดตลอดจนจบการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ 11 มิ.ย. - 11 ก.ค. ได้รับคำแนะนำและความร่วมมือจากหลายฝ่าย อาทิ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงศ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม

โดยความอนุเคราะห์จากนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหารบริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ แอโรซอฟต์ เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 51 นัด และได้รับความร่วมมือจาก NBT สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3HD สถานีโทรทัศน์ PPTV และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมถ่ายทอดในคู่ที่ช่วงเวลาตรงกัน

นายอนุชา กล่าวว่า การนำกีฬาที่คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยชื่นชอบมาออกอากาศให้ประชาชนได้ชมฟรี เป็นสิ่งที่รัฐบาลส่งมอบความสุขให้ในช่วงที่ประเทศประสบความทุกข์ยาก จากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความสุขให้แฟนกีฬา และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาฟุตบอลไทยสู่สากล ขณะเดียวกัน ทั้งนี้ยังมีการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 หรือ โตเกียว 2020 ที่มีนักกีฬาของไทยเข้าร่วมการแข่งขัน 42 คน จึงขอเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมเป็นแรงใจเชียร์นักกีฬาไทยและติดตามการถ่ายทอดสดระหว่างวันที่ 22 ก.ค. - ส.ค. นี้ ที่จะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง NBT เช่นเดียวกัน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

14 ข้อชวนคิด นาทีนี้ต้องเลือกให้ชัดระหว่าง 'อดตาย' หรือ 'ติดเชื้อตาย'

นาทีนี้ใครยังอยากคลั่งการเมือง เชื่อลมปากโซเชียลปั่นกระแสวัคซีนและการเมืองแบบซัดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง ก็เชิญตามสบาย!!

แต่ถ้าอยากจบสวย ๆ หรือจบแย่ ๆ กับสถานการณ์โควิด-19 ในตอนนี้ คุณเลือกเองได้...

เลือกว่าจะยอม 'อดตาย' หรือ 'ติดเชื้อตาย'

1.) จากนาทีนี้ ต้องเริ่มล็อกตัวเองเท่านั้น ใน 14 วันนี้ หากอยากให้โควิดในไทย 'จบสวย'

2.) หากไม่ต้องการ 'จบแย่' แบบไข้หวัดสเปนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่คนตายนับล้าน ทางรอด คือ ต้องล็อกตัวเอง 100% อย่างเดียว

3.) ประชาชนส่วนมากยังประพฤติตน 'เห็นแก่ตัว' ไม่ต้องโทษรัฐ 'หัดโทษตัวเอง' ถ้ายังเฉย ๆ กับการรวมกลุ่ม ใช้ชีวิตแบบมักง่าย ไม่ระวัง...ทำกันประจำนิ!!

4.) ประชาชนส่วนมากกลัวตกงาน เรื่องนี้น่าเห็นใจ แต่คนต้องออกไปทำงาน มั่นใจได้แค่ไหนว่า รถไฟฟ้า รถเมล์ และรถสาธารณสุขให้ความมั่นใจการไม่ติดเชื้อแก่คุณได้

5.) รัฐบาลและสาธารณสุขไม่มีปัญญาลงไปดูเป็นรายบุคคลอยู่แล้ว ต่อให้เปลี่ยนโคตรรัฐบาลสุดเก่งที่ไหนมา ก็ทำไม่ได้กับสถานการณ์นี้ ตนจึงเป็นที่พึ่งแห่งตนในการระวังตัว ไม่ให้เป็นภาระต่อสังคม

6.) อีกมุมหนึ่งรัฐบาลต้องถูกตำหนิ เพราะเลือกฉีดวัคซีนไม่ถูกเวลา ตอนเชื้อซา ระบาดต่ำ ไม่รู้จักฉีดปูพรม สะท้อนการบริหารที่ผิดพลาด

7.) การบริหารจัดการแย่ไม่แย่ ดูได้จากเรื่องใกล้ๆ แค่การตรวจคัดกรองเชิงรุก การฉีดวัคซีน และภารกิจเร่งด่วนที่ทำให้มวลชนต้องออกมารวมตัว ตรงนี้รัฐบาลได้ทำลายระยะห่าง หรือ Social Distance ที่ตัวเองโปรโมทให้พังลงด้วยมือตัวเอง

8.) พฤติกรรมคนไทยบางกลุ่ม ยังคิดเห็นแก่ตัวไม่เลิก บางคนฉีดวัคซีนไปเข็มเดียว กลับพร้อมบอกว่าจะออกไปทำกิจกรรมปกติ โคตรเห็นแก่ตัว และไม่เข้าใจในเรื่องระยะเวลาการกระตุ้นของภูมิ ว่ามันไม่ใช่ฉีดวันเดียวแล้วกันอยู่

9.) นาทีนี้คนตายเยอะขึ้น เพราะวิธีการรักษาทำไม่ได้ผลเหมือนเคย และต่อให้หายกลับบ้าน ก็ยังมีอาการข้างเคียงให้กลับมาเป็นภาระแพทย์

10.) ยาบางตัวเริ่มขาดตลาดในการใช้รักษาผู้ป่วย

11.) แพทย์ 1 คนดูแลเคสได้เป็น 100 คน แต่วันนี้บุคลากรทางการแพทย์เริ่มติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น คนตายเป็นผู้สูงอายุเสียมาก เพราะเหตุผลต่าง ๆ ที่ว่ามา

12.) วันนี้ อาจต้องเลือกให้ชัดระหว่าง 'อดตาย' กับ 'ติดเชื้อตาย'

13.) แต่ถ้าอยากจบสวย ๆ ยังไงก็ต้อง ล็อกตัวเอง 100%

14.) ส่วนพอล็อกแล้ว ประชาชนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรต่อไป? รัฐบาลคงต้องตอบคำถามนี้ให้ด้วยละกัน!!

 

อ้างอิง : นพ.วินัย โบเวจา

https://www.youtube.com/watch?v=wWAPbR0ueV0


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘กรณ์’ เสนอทางออกปลดล็อคระบบตรวจโควิด ให้ทุกครัวเรือนในพื้นที่สีแดงมีสิทธิ์รับระบบตรวจ ‘Rapid Antigen Test’ ฟรี หากพบติดเชื้อโควิด-19 สามารถเข้าสู่ระบบรอเตียงได้ ไม่ต้องรอตรวจ PCR

สืบเนื่องจากวันนี้ (12 ก.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข จะพิจารณาปลดล็อก Rapid Antigen Test ชุดตรวจ โควิด-19 หลังจากที่ กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมติเห็นชอบไปแล้วนั้น นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า พรรคกล้าได้พยายามย้ำ และส่งแรงดันต่อเนื่องมาหลายวัน ถึงข้อเสนอแนะเร่งด่วนให้รัฐบาลเรื่องการเข้าถึงการตรวจโควิดให้สะดวกขึ้นและทันท่วงที สิ่งที่ต้องทำคือยอมรับและจัดให้มีการเข้าถึง ‘การตรวจแบบ Rapid Antigen’ ให้กับทุกคนที่มีความเสี่ยงหรือมีอาการ แทนที่จะต้องให้ประชาชนต้องวิ่งรอบโรงพยาบาล หรือต้องไปรอคิวข้ามคืนเพื่อรับสิทธิตรวจ PCR

ซึ่งต่อมากระทรวงสาธารณสุขก็ได้แถลงตามแนวที่เราเสนอ แต่ยังไม่สุดและยังไม่สามารถแก้ปัญหาการเข้าถึงยาและเตียงรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที ปัญหาสำคัญคือหากผลตรวจ Antigen เป็นบวก ทางสาธารณสุขยังไม่ยอมรับผลเพื่อนำไปสู่การรักษาทันที แต่ยังต้องให้เราไปเข้าคิวรอการตรวจ PCR ต่ออีกรอบหนึ่ง

“จากการที่ผมและทีมงานพรรคกล้าได้ไปแจกข้าวกล่องให้กับผู้เข้าคิวรอตรวจโควิดที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขนเมื่อวันก่อน และได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและแพทย์หน้างาน พบว่าผู้ป่วยต้องรอคิวตรวจข้ามคืน ซึ่งเป็นปัญหาคอขวด พรรคกล้าจึงขอเสนอแนวทางนี้ เพื่อให้การใช้การตรวจ Antigen มีประสิทธิผลมากที่สุด ใน 2 แนวทางคือ

1.) ขอให้ทุกครัวเรือนในพื้นที่สีแดงมีสิทธิรับระบบตรวจ Antigen เพื่อตรวจเองได้ฟรีในจำนวนที่เหมาะสม เมื่อตรวจเองและมีผลบวก ประชาชนจะได้รู้ตัวที่จะกักตัวเอง ไม่ต้องเสี่ยงแพร่หรือติดเชื้อจากการออกไปรอคิวตรวจตามศูนย์ ผู้สูงอายุไม่ต้องลำบาก

2.) หากตรวจ Antigen มีผลบวกและมีอาการป่วย ขอให้ประชาชนสามารถเข้าระบบรอเตียงได้โดยไม่ต้องรอตรวจ PCR อีกรอบ เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มว่าอาการจะรุนแรง และในระหว่างเข้าระบบรอเตียง ก็สามารถตรวจ PCR ซ้ำเพื่อความแม่นยำ พร้อมยืนยันอีกครั้งตอนได้เตียง เราต้องช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้เร็วที่สุดครับ” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘สิงโต’ ฝันสลาย! ทัพ ‘อัซซูรี’ แม่นโทษกว่า ซัดดับ 3-2 ซิวแชมป์ยูโร สมัยที่ 2

อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์ ยูโร 2020 แบบบีบหัวใจ หลังเสมอกับ อังกฤษ เจ้าบ้าน 1-1 ตลอด 120 นาที ก่อนซัดโทษแม่นกว่าชนะ 3-2 คว้าแชมป์ยุโรปสมัย 2 เมื่อคืนวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 ทีมชาติอังกฤษ เปิดรังเวมบลีย์ ปะทะ ทีมชาติอิตาลี ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 64,000 คน เกมนี้ ‘สิงโตคำราม’ ดัน แฮร์รี เคน ยิงเป้าแล้วมี เมสัน เมาต์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำเกมบุก ส่วน ‘อัซซูรี’ วางหน้า 3 สูตรเดิม ลอเรนโซ่ อินซิเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า

ผลการแข่งขัน 90 นาที เสมอกัน 1-1 โดยอังกฤษได้ประตูนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จาก ลุค ชอว์ ก่อนที่อิตาลี จะตามตีเสมอได้จาก ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี ขณะที่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ไม่สามารถทำประตูกันได้ ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ

ปรากฏว่า 5 คนแรกของ อิตาลี ยิงเข้า 3 คน (โดเมนิโก้ เบราร์ดี, ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี, เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี) ขณะที่ อังกฤษ ยิงเข้า 2 คน (แฮร์รี เคน, แฮร์รี แม็คไกวร์) แต่ 3 คนที่เหลือ มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช, บูกาโย่ ซาก้า ซัดพลาดติดเซฟ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ทั้งหมด สุดท้าย อิตาลี ชนะจุดโทษ อังกฤษ 3-2 ได้แชมป์ยูโร สมัย 2 ส่วนอังกฤษอกหัก ชวดแชมป์อย่างน่าเสียดาย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สรรพากรแจง วัคซีนทางเลือก ประชาชน ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงกรณีมีข่าวว่าประชาชน ต้องแบกรับภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการที่จะต้องถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ว่า อาจเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกับสาธารณชน กฎหมายกำหนดไว้ ตามมาตรา 81 (1)(ญ) แห่งประมวลรัษฎากร การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 

ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชน จึงได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โรงพยาบาลเอกชน จึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากวัคซีนทางเลือก ที่ให้บริการแก่ประชาชนได้ สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีภาษีซื้อที่เกิดจากต้นทุนการซื้อ สามารถนำมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามปกติ ซึ่งกรมสรรพากร จะรีบดำเนินการคืนให้โดยรวดเร็ว 

สำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลของโรงพยาบาลเอกชน หากโรงพยาบาลเอกชนมีกำไรจากการประกอบการ ก็เป็นหน้าที่ปกติของผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนที่จะต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรเช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่น ๆ

“บิ๊กแก้ว” ตรวจเยี่ยม จุดตรวจความมั่นคง ตามพรก.ฉุกเฉิน พร้อมขอความร่วมมือปชช.งดเดินทาง ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 

พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจาก พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส/หน.ศปม.) ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคง เริ่มดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดสายตรวจในการลาดตระเวนเพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติ การเดินทางข้ามพื้นที่อย่างเข้มงวดในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต จำนวน 88 จุด ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีผู้ฝ่าฝืนจากมาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดฯ ของบุคคลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 10 จังหวัด ให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 

โดยผบ.ทสส/หน.ศปม. ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายแรงงาน ณ ด่านใต้ทางด่วนข้ามแยกมหานคร ถนนสุวินทวงศ์ขาออก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง พร้อมทั้งให้กำลังใจและให้คำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคโควิด19 ซึ่งได้มีการสนธิกำลังระหว่างทหาร ตำรวจ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ประกอบด้วย กองพันสารวัตรทหาร สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 4 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 4 นาย เจ้าหน้าที่เขตหนองจอก จำนวน 2 นาย และเจ้าหน้าที่เทศกิจ จำนวน 4 นาย ปฏิบัติหน้าที่ผลัดละ 8 ชั่วโมง วันละ 3 ผลัด ซึ่ง ผบ.ทสส/หน.ศปม. ได้แสดงความห่วงใยและมอบแนวทางการปฏิบัติในการจัดพื้นที่บริเวณจุดตรวจ โดยให้มีป้ายประชาสัมพันธ์ การจัดไฟฟ้า แสงสว่าง โต๊ะ เก้าอี้ แนวกั้น แผงเหล็ก กรวยยาง ให้เพียงพอ รวมทั้งให้มีพื้นที่รองรับการจอดของรถสาธารณะเพื่อให้ผู้โดยสารเข้ารับการคัดกรอง การบริการหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งให้มีการจัดเตรียมถุงมือ และแผ่นป้องกันหน้า face shield สำหรับผู้ปฎิบัติหน้าที่ด้วย ซึ่งมาตรการต่าง ๆ ที่ได้กำหนดขึ้นมานั้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) โดยขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันลดการสัญจร หรือหยุดอยู่บ้านเพื่อป้องกันและลดโอกาสของการรับหรือการแพร่กระจายเชื้อ

ทั้งนี้ ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน โปรดให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตนตามที่ภาครัฐกำหนดโดยเคร่งครัด งดการออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลาที่กำหนดโดยไม่มีความจำเป็น หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด ปฏิบัติงานที่บ้าน (Work from home) อย่างเต็มรูปแบบ ร่วมกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ มีวินัยในการปฏิบัติตนตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค โดยกองทัพไทยพร้อมเคียงข้างพี่น้องประชาชนและจะปฏิบัติภารกิจเพื่อดูแลประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถเพื่อก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top