Friday, 27 June 2025
NEWS FEED

“ผอ.รมน.” กำชับ “กอ.รมน.”  ร่วมประสานการปฏิบัติกับเหล่าทัพดูแลผู้ป่วยโควิด – 19   บริการครบวงจร one stop service พร้อมเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชนนำเข้าสู่ศูนย์พักคอยของกองทัพ

พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกอ.รมน. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิค – 19 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา จากการประเมินของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในด้านต่างๆได้รายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดอื่นๆในประเทศ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเชื้อไวรัสโควิด – 19 สายพันธุ์ใหม่มีการแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ประกอบกับยังมีการเดินทางสัญจรของประชาชน จึงเป็นเหตุให้มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ทำให้เกิดความต้องการในการตรวจค้นหาเชื้อ อยู่ในอัตราที่สูง และมีความแออัดตามสถานที่และโรงพยาบาลที่จัดให้มีการตรวจ คัดกรองเชิงรุก ปัจจุบันทางรัฐบาลได้มีการเพิ่มมาตรการการตรวจหาเชื้อ โดยใช้ชุดทดสอบแบบ Antigen Test Kit เพื่อเพิ่มช่องทางตรวจค้นหาแยกผู้ติดเชื้อไม่ให้เป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น

จากการดำเนินการดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน. ได้สั่งการเร่งด่วนให้ กอ.รมน. ร่วมประสานงานพร้อมบูรณาการประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่เสนารักษ์ของเหล่าทัพสนับสนุนทีมป้องกันและแก้ไขเชิงรุกในชุมชน Comprehensive Covid – 19 Response Team (CCRT) ในการ  ลงพื้นที่ตามชุมชนต่างๆใน 50 เขต ของกรุงเทพฯ สำรวจชุมชน (ผู้ป่วยโควิด ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคหญิงตั้งครรภ์) เพื่อทำการตรวจคัดกรองค้นหาผู้ติดเชื้อ ในชุมชนด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit  และให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นกับผู้ป่วยสีเขียว ก่อนส่งต่อเข้ารักษาในโรงพยาบาล

โดยการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทลายโจรและให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวในระบบการแยกกักที่บ้าน (HI : Home Isolation) – ระบบแยกกักในชุมชน(CI : Community Isolation) บริการฉีดวัคซีนกับกลุ่มเสี่ยงพร้อมกับการสื่อสารทำความเข้าใจให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับช่องทางในการเข้ารับการรักษา โดยในขั้นต้นผู้ป่วยที่อยู่ในระดับสีเขียวสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่ ศูนย์พักคอยผู้ป่วย ตามนโยบายของ นรม./ผอ.รมน. ที่สั่งการให้เหล่าทัพปรับปรุงพื้นที่ของสโมสรหรืออาคารอเนกประสงค์ จัดเตรียมให้เป็นศูนย์คัดกรองและสถานที่พักคอยของผู้ป่วยก่อนที่จะส่งเข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลสนามหรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ตามพื้นที่ต่างๆต่อไป หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด - 19 ทบ. Call Center : 02-270-5685-9 และสายด่วนความมั่นคง 1374 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

พล.ต.ธนาธิป กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี /ผอ.รมน.  ได้สั่งการ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ร่วมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งด่านตรวจเข้มแข็ง บนเส้นทางหลัก/รอง โดยรอบพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทั้ง 13 จังหวัด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้ความรู้แก่ประชาชนกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม สร้างความตระหนัก และการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนได้รับทราบถึงความจำเป็นของการยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิค – 19 ฉบับที่ 28 ที่มุ่งลดการเดินทางและห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 น.-04.00 น. มาตรการปิดสถานที่การจัดกิจการและกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด การขยายเวลาปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) 100 % และขอให้ทุกคนยังคงใช้มาตรการป้องกันตนเอง   (D-M-H-T-T-A) อย่างเคร่งครัด ได้แก่ D : Distancing เว้นระยะระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น M : Mask wearing สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand washing ล้างมือบ่อยๆ จัดให้มีจุดบริการ  เจลล้างมืออย่างทั่วถึงเพียงพอ T : Temperature ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการ เพื่อคัดกรองผู้ใช้บริการที่อาจไม่สบาย T : Testing ตรวจหาเชื้อโควิด 19 และ A : Application ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชัน      “ไทยชนะ” และ “หมอชนะ” 

คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีมติอนุมัติการปฏิรูปนโยบายการจัดหาเงินกู้เพื่อสนับสนุนกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำให้สามารถฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น

แถลงการณ์ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า "การปฏิรูปนโยบายการจัดหาเงินกู้ให้กลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำนั้น มีเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่า ในระยะกลางนี้ไอเอ็มเอฟมีศักยภาพในการตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ โดยไอเอ็มเอฟจะจัดหาเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยให้กับประเทศกลุ่มนี้

นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟจะขยายเพดานการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ตามปกติเพิ่มขึ้นอีก 45% และจะลดข้อจำกัดที่เข้มงวดเพื่อให้ประเทศที่ยากจนที่สุดสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้"

นายฌอน โนแลน รองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายของไอเอ็มเอฟ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “การตัดสินใจปรับเพิ่มเพดานการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าคณะกรรมการไอเอ็มเอฟ อนุมัติการปล่อยกู้เพิ่มขึ้นในทุก ๆ โครงการ แต่จะเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ ด้วยการจัดหาเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย เพื่อให้ประเทศกลุ่มนี้มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเพียงพอในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 และพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างเต็มศักยภาพในวันข้างหน้า”

ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 6% ในปีนี้ อย่างไรก็ดี นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวในแต่ละประเทศยังคงมีความแตกต่างกัน โดยบางประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่บางประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า

นอกจากนี้ นางจอร์เจียวาเตือนว่า เศรษฐกิจโลกจะไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ หากอัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ไม่เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ และหากอัตราการฉีดวัคซีนยังคงอยู่ในระดับปัจจุบันต่อไป โลกจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการยุติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในสิ้นปี 2565


ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/950641

บก.ทท. แจ้งผลสอบ เอกสารขอสนับสนุนวัคซีนโมเดอร์นาจริง ชี้ เป็นการทำโดยพลการ ระบุไม่ได้รับมอบจากทางผบ.ทสส. จึงไม่ถือเป็นหนังสือที่ถูกต้อง พร้อมพิจารณาโทษทางวินัยกำลังพลดังกล่าว

พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพหนังสือ กรมสารบรรณทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่ กห 0312.3/218 ลง 23 ก.ค.64 เรื่อง ขอรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 Moderna ให้กับกำลังพลและครอบครัว นั้นทางกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นการเร่งด่วน โดยผลการสอบสวนพบว่า ผู้อำนวยการกองพิธีการ กรมสารบรรณทหาร ได้ทำหนังสือเพื่อขอรับการสนับสนุนวัคซีนจริง เป็นการกระทำโดยพลการ ซึ่งผู้ที่ลงนามในหนังสือดังกล่าว ไม่ได้รับมอบอำนาจจาก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จึงไม่ถือเป็นหนังสือที่ถูกต้อง และไม่ได้ส่งไปยังสภากาชาดไทย ซึ่งได้ถูกยกเลิกหนังสือดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้กองบัญชาการกองทัพไทยได้พิจารณาลงโทษทางวินัยแก่กำลังพลดังกล่าว

“บิ๊กตู่” เคาะโครงการนำร่อง 5G ต้นแบบบริการประชาชน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบการดำเนินโครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบสำหรับให้บริการประชาชน (5G District) จังหวัดเชียงใหม่ 

โดยโครงการนี้จะทำใน  2 ด้าน คือ ด้านการเดินทาง เน้นสร้างบริการผ่านการให้บริการในแอปพลิเคชันเดียว ทั้ง รถเมล์ รถแดง รถแท็กซี่รถตู้รับจ้าง รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถเช่า และรถรับจ้างอื่นๆ และด้านสุขภาพจัดตั้ง 5G Hospital ยกระดับอุปกรณ์การบริการทางการแพทย์พื้นที่ห่างไกลให้รองรับเทคโนโลยี 5G และใช้อุปกรณ์ Digital Health ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้แพทย์ หรือ บุคลากรทางการแพทย์สามารถทำการวินิจฉัยอาการทางไกลได้

ขณะเดียวกันยังเห็นชอบโครงการ 5G Use Case ระบบในการคัดกรองและแจ้งเตือน สำหรับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เตรียมความพร้อมในการเปิดเศรษฐกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต โดยมอบหมายให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นผู้ดําเนินการ พร้อมมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการบูรณาการระบบการลงทะเบียนนักท่องเที่ยวให้เป็นจุดเดียว เพื่อลดการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบและติดตามความคืบหน้าโครงการนำร่องการใช้ประโยชน์ 5G ของประเทศไทยในระระยะสั้น ได้แก่ โครงการนำร่องเกษตรดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี 5G ณ ศูนย์ฝึกอบรมผาหมี จ.เชียงราย และโครงการนำร่องโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) ณ โรงพยาบาลศิริราช  โครงการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ในภาคอุตสาหกรรม 

องค์การเภสัชกรรม กับ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จํากัด ลงนามสัญญา ชื้อ-ขาย วัคซีนโมเดอร์นา 5 ล้านโดสแล้ว ทยอยส่งมอบให้ไทยได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้

นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า วันนี้ ( 23 กรกฎาคม 2564 ) องค์การเภสัชกรรม และบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จํากัด ในนามบริษัท แซดพี เทอราพิวติกส์ ซิลลิค ฟาร์มา ประเทศไทย โดยมีนายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ได้ลงนามในสัญญาซื้อ-ขาย อย่างเป็นทางการในการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา จำนวนประมาณ 5 ล้านโดส โดยวัคซีนทั้งหมดจะทยอยนำเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ต่อเนื่องไตรมาสที่ 1 ปี 2565 เป็นไปตามช่วงเวลาเดิมที่กำหนดไว้

ขณะเดียวกันโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมทั้งสภากาชาดไทย ได้ทำการชำระเงินค่าวัคซีนครบถ้วนตามที่ได้รับการจัดสรร หลังจากนี้องค์การฯ จะได้ทำการชำระเงินให้แก่ บริษัท ซิลลิก ฟาร์มา จํากัด ต่อไป เพื่อให้ความมั่นใจว่าวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา จำนวนประมาณ 5 ล้านโดสนี้ จะเข้ามาประเทศไทยอย่างแน่นอน

“องค์การเภสัชกรรม ได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ในการเป็นหน่วยงานภาครัฐทำหน้าที่จัดซื้อจัดหาวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา เพื่อให้ประชาชนได้มีวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้น โดยนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 องค์การเภสัชกรรม ได้มุ่งมั่น ทุ่มเท ดำเนินการในทุกภารกิจทั้งด้านยา วัคซีน และเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการป้องกันต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขไทย เพื่อให้ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวในตอนท้าย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กรมควบคุมโรคเผย ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 1 คน สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ 5-8 คน ผู้สัมผัสใกล้ชิดมีอัตรการติดเชื้อร้อยละ 11.83

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงวิธีการกักตัวที่บ้านว่า ในช่วงนี้ประเทศไทย ยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่แสดงอาการป่วยและไม่แสดงอาการป่วย แต่สามารถแพร่เชื้อติดต่อไปยังคนอื่นได้ ทำให้จำนวนผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อมีมากขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ ผลจากการดำเนินการสอบสวนเพื่อควบคุมโรคในพื้นที่ หลังจากมีรายงานผู้ป่วยรายใหม่จากทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน พบว่าผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 มีอัตราการติดเชื้อร้อยละ 11.83 ซึ่งยังอยู่ในอัตราที่สูง โดยเชื้อที่เป็นปัญหาหลักของไทยขณะนี้ คือสายพันธุ์เดลตาและอัลฟา ที่ติดต่อกันได้ง่าย ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 1 คน สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ 5-8 คน ส่วนเชื้อสายพันธุ์อัลฟาแพร่ได้ 4-5 คน

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า มาตรการที่จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดให้ยุติโดยเร็วที่สุด เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลดการเสียชีวิตและผลกระทบอื่น ๆ คือ การป้องกันการติดเชื้อและควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปมากกว่านี้ จะต้องดำเนินการร่วมกันทุกฝ่ายไปในแนวทางเดียวกันอย่างเข้มข้น กรมควบคุมโรคจึงขอความร่วมมือประชาชนที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิดระหว่างที่ใช้ชีวิตประจำวัน ขอให้กักตัวเองที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน เป็นช่วงที่เชื้อฟักตัวเพื่อสังเกตอาการว่าติดเชื้อหรือไม่ สามารถดำเนินการได้ทั้งในบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ อาคารชุด เช่น หอพักคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ต่าง ๆ ทั้งประเภทอยู่คนเดียว หรืออยู่ร่วมกับครอบครัวหรือพักร่วมกับผู้อื่น สร้างความปลอดภัย ทั้งตนเองและคนในครอบครัว

นพ.โอภาส ให้ข้อแนะนำให้ปฏิบัติ ประกอบด้วย

1.) ให้จัดสถานที่พัก และอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อม เน้นแยกที่พักให้เป็นสัดส่วน เช่น ห้องนอน ที่นอน หากแยกไม่ได้ อาจใช้แผ่นกระดาษหรือพลาสติกกั้นห้องเพื่อแบ่งสัดส่วนชั่วคราว เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทสะดวก แยกของใช้ส่วนตัว แยกห้องน้ำ หากแยกไม่ได้ ให้ใช้เป็นคนสุดท้ายและทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันที ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออุปกรณ์ภายในบ้านด้วยน้ำผสมผงซักฟอก น้ำผสมน้ำยาฟอกขาว หรือแอลกอฮอล์ 70%

2.) เน้นการดูแลอนามัยส่วนบุคคล โดยล้างมือฟอกด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล 70 % ทุกครั้งก่อนและหลังสัมผัสสิ่งของที่ต้องใช้ร่วมกับคนอื่น ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่คลุกคลีกับคนอื่น แยกซักเสื้อผ้าเอง และให้งดการสัมผัสหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยงชั่วคราว เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถติดไปกับขนสัตว์ได้เช่น แยกทานอาหาร หากให้ผู้อื่นจัดหาอาหารให้ ควรกำหนดจุดรับอาหารเพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรง กรณีใช้ชักโครก ให้ปิดฝาทุกครั้งก่อนกดชักโครก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ทิ้งขยะในถุงและมัดปากถุงให้แน่นก่อนนำไปทิ้งรวมกับขยะทั่วไป

3.) เฝ้าระวังอาการป่วยตนเองระหว่างกักตัว โดยใช้ปรอทตรวจวัดไข้ทุกวัน และสังเกตอาการผิดปกติ หากพบว่ามีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส และมีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย ตาแดง จมูกไม่ได้กลิ่นหรือลิ้นไม่รับรส มีผื่นขึ้น ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ท้องเสีย อาเจียน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านหรืออาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ทันที เพื่อเข้าสู่ระบบการดูแลตามขั้นตอนต่อไป หากมีข้อสงสัยสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วนควบคุมโรค โทร. 1422


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/pdetail/110829


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นางเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ นักเขียน และคอลัมนิสต์ เผย สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ยอดผู้ติดเชื้อครบทั้ง 50 รัฐแล้ว

นางเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ นักเขียน และคอลัมนิสต์ "แนวหน้าออนไลน์" คอลัมน์แก้ผ้าลุงแซม และในนามประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา โพสต์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาในสหรัฐอเมริกาว่า...

สำหรับคนไทยในอเมริกา

ตอนนี้พบสายพันธุ์เดลตาครบทั้ง 50 รัฐแล้ว

ยอดติดเชื้อพุ่งในรัฐทางใต้และเคาต์ตี้ที่มีอัตราฉีดวัคซีนต่ำ คือน้อยกว่า 50 % ของประชากร

กลุ่มเสี่ยงคือกลุ่มที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน แต่คนที่ฉีดไฟเซอร์ โมเดอร์น่า และจอห์นสัน ก็สามารถติดโควิดได้เช่นกัน >> วัคซีนลดอาการป่วยหนักและตายได้

แต่มีกรณีเคสคนฉีดวัคซีนแล้ว หากมีโรคประจำตัว ก็ยังเสี่ยงเสียชีวิตจากโควิด >> แต่อัตราการตายจะน้อยกว่าไม่ฉีด

การฉีดวัคซีนครบโดส และการป้องกันตัวเองจึงดีที่สุด

อเมริกาถอดหน้ากากเพราะการ์ดตก คนที่ไม่ฉีดก็เนียนถอดหน้ากากผสมโรง

การพบเดลตาครบทั้ง 50 รัฐ เป็นสัญญาณว่าระลอกใหม่เกิดขึ้นสักพักแล้ว

ขณะนี้แอลเอประกาศให้ใส่หน้ากากทุกคน

ไม่ว่าจะฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีน

ดูแลตัวเองกันเถอะ

ขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนปลอดภัย


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10219879353317723&id=1337643342


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เหล่าทัพ เตรียมพร้อมรพ.สนามสโมสรกองทัพบก 300 เตียง กทม.-ปริมณฑล-24 จว.รองรับได้ 6 พันเตียง

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมผ่านรูปแบบการประชุม สื่ออิเล็กทรอนิกส์  โดยภายหลังการประชุม พ.อ.วันชนะ สวัสดี  รองโฆษกกระทรวงกลาโหม  แถลงว่า สำหรับอาคารสถานที่ สโมสรและสมาคมของกองทัพที่จะใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม ซึ่งกองทัพจัดตั้งขึ้นจะเริ่มเปิดใช้ในวันที่ 30 ก.ค.โดยเฉพาะสโมสรกองทัพบก เตรียมไว้ 300 เตียง โดยจะขยายขีดความสามารถเพิ่มได้ถึง 100 เตียงรวม 400 เตียง โดยปัจจุบันจัดไว้ 34 แห่ง  ซึ่งกรุงเทพฯและปริมณฑล และอีก 24 จังหวัดทั่วประเทศปัจจุบันรองรับได้ 6,135 เตียง ทั้งนี้โดยในค่ายทหารได้มีการเตรียมพื้นที่สำหรับจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมแต่รอให้กระทรวงสาธารณสุขในเขตพื้นที่เข้ามาตรวจสอบถ้าหากมีความพร้อมมีบุคลากรทางการแพทย์พร้อมนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมสั่งการให้สามารถเปิดใช้ได้ทันที

“บิ๊กตู่” สั่งขยายขีดความสามารถรพ.สนาม รองรับผู้ป่วยโควิด จัดทีมชุดเคลื่อนที่เร็ว 138 ชุดลงพื้นที่ชุมชน แก้ไขปัญหาโควิด เข้มชายแดนคัดกรองคนเดินทางเข้าปท.

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมผ่านรูปแบบการประชุม สื่ออิเล็กทรอนิกส์  โดยภายหลังการประชุม พ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม  แถลงผลการประชุม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบนโยบายให้หน่วยขึ้นตรงกลาโหม(นขต.)และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เน้นในการปฏิบัติและการให้ความรู้ในเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19และเน้นการ ปฏิบัติเมื่อต้องออกไปช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน รวมถึงการปลูกจิตสํานึก สาธารณะให้กับทหารกองประจําการที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทําหน้าที่ในบทบาทของทหาร และให้ทุก หน่วยฝึกทําการฝึกภายใต้มาตรการด้านการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด -19 ตามที่ ศบค. กําหนดอย่างเคร่งครัด

ด้านพ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในเรื่องการแก้ปัญหาโรค โควิด-19 นายกฯและรมว.กลาโหมขอบคุณกําลังพลของ กห.และเหล่าทัพในทุกระดับ ตั้งแต่พลทหารไปจนถึงระดับผู้บังคับบัญชาที่ได้ร่วมกัน ปฏิบัติหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมบัญชาการในสถานที่ต่างๆ รวมถึงการประสานงานในแต่ละพื้นที่ การทําหน้าที่ของด่านหน้า และการจัดทีมป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุกในชุมชนที่สนับสนุนให้กับกรุงเทพฯทั้ง 138 ชุด เป็นต้น รวมทั้งบุคลากรที่อยู่เบื้องหลังในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามทั้งในพื้นที่ทหาร และสนับสนุนหน่วยงานภายนอก และได้กําชับเรื่องการเตรียมพื้นที่ในหน่วยทหารให้เป็นพื้นที่พักคอย และโรงพยาบาลสนามทั่วทั้งประเทศ ที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อมีความพร้อมจากการได้รับการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการ แพทย์จากสาธารณสุขแล้ว ขอให้เปิดใช้บริการโดยทันที พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับ สาธารณสุขในพื้นที่และให้ขยายทีมป้องกัน และแก้ไขปัญหา โควิด-19 เชิงรุกในชุมชนให้เพิ่มมากขึ้น

พ.อ.วันชนะ กล่าวต่อไปว่า นายกฯและรมว.กลาโหมกำชับหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ดํารงความต่อเนื่องในการสนับสนุน การดําเนินการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 (ศบค.) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความ มั่นคง (ศปม.) ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยพื้นที่ชายแดนให้บูรณาการการทํางานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนเพื่อ เฝ้าระวังและคัดกรองผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน และการป้องกันการ ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งทางบกและทางน้ํา ส่วนพื้นที่ชั้นในสนธิกําลังทหาร ตํารวจ และฝ่ายปกครอง จัดตั้งด่านตรวจเข้มแข็ง ให้เป็นมาตรฐาน เดียวกัน เพื่อตรวจคัดกรองยานพาหนะและบุคคล ได้ครอบคลุมทุกการปฏิบัติตามข้อกําหนดฯ รวมทั้งจัดชุดสายตรวจ เคลื่อนที่เร็ว ลงปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทั้ง 13 จังหวัด

“พร้อมขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลทหาร เพื่อรองรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง และใช้พื้นที่ใน หน่วยทหารและตํารวจ อาทิ สโมสร แหล่งสมาคม อาคารเอกนกประสงค์ สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หรือใช้ เป็นสถานที่ในการแยกกักตัวในชุมชน( Community Isolation )รวมทั้งเตรียมการสนับสนุนกําลังพล เครื่องมือ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล (บุคลากรทางการแพทย์แถวสอง) ให้พร้อมสนับสนุนการ ปฏิบัติงาน เพื่อรองรับจํานวนผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งในพื้นที่กรุงเทพณปริมณฑล และต่างจังหวัด และ ให้คงการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกําลังพลไปบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเก็บไว้เป็นโลหิตสํารอง และการบริจาคโลหิต แบบเร่งด่วนเมื่อได้รับการร้องขอจากโรงพยาบาลในพื้นที่” พ.อ.วันชนะ  กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความระบุว่า ยืนยัน ผ้าอนามัย เป็นสินค้าควบคุม ไม่ขึ้นภาษี

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความระบุว่า ยืนยัน ผ้าอนามัย เป็นสินค้าควบคุม ไม่ขึ้นภาษี

พร้อมชี้แจง ประกาศราชกิจจาฯ ผ้าอนามัยแบบสอด เป็นเครื่องสำอาง ดังนี้

1.) ปัจจุบันมีผ้าอนามัย 2 ชนิด คือ ผ้าอนามัยใช้ภายนอกและชนิดสอด ทั้ง 2 ชนิดถูกจัดเป็นเครื่องสำอาง ตั้งแต่ปี 2528 เพราะเข้ากับนิยามเครื่องสำอางคือ วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความสะอาด ฯลฯ

2.) ปี 2558 มีการแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องสำอางใหม่ มีการแก้ไขนิยามของคำว่า “เครื่องสำอาง” ทำให้ “ผ้าอนามัยชนิดสอด” หลุดจากคำนิยามของเครื่องสำอาง แต่ผ้าอนามัยใช้ภายนอก ยังเป็นเครื่องสำอาง

3.) จึงเป็นเหตุผลให้ต้องออกกฎกระทรวงกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอด เป็นเครื่องสำอาง

4.) ผ้าอนามัย เป็น 1 ใน รายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีการจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือ ถึง 30% ภาษีผ้าอนามัยจึงจะถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ตามราคาของสินค้าเหมือนสินค้าชนิดอื่น ๆ

#ผ้าอนามัยแบบสอด #ไม่ได้ขึ้นภาษี


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top