Saturday, 28 June 2025
NEWS FEED

“Words Upon a Time กาลคำหนึ่งนานมาแล้ว” โปรเจ็คต์เด็ด!! จากนักศึกษาฝึกงานในช่วงโควิด-19

จากแนวคิดของผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เชื่อว่าการให้โอกาสคนเป็นสิ่งสำคัญ และการเปิดพื้นที่แสดงความสามารถนั้นจะทำให้องค์ความรู้นั้นถูกพัฒนาได้อย่างเต็มที่โดยเฉพาะทักษะภาษาอังกฤษ จึงเป็นที่มาของโปรเจ็คต์เล็ก ๆ ของนักศึกษาฝึกงานที่ นายนพพล สุนทรกระจ่าง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ENGNOW มอบโอกาสในการแสดงความสามารถอย่างเต็มที่

น.ส.ธาราทร วรรณลา หรือ “น้ำ” นักศึกษาชั้นชั้นปีที่ 3 เอกภาษาอิตาลี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าว่า “ในช่วงโควิด-19 (COVID-19) ถือเป็นช่วงที่ยากลำบากของทุกคน นักศึกษาเองก็ต้องเรียนและทำงานกลุ่มผ่านระบบออนไลน์ พอมาถึงช่วงปิดเทอมถือเป็นช่วงที่มีเวลาว่างมาก จึงได้สมัครเข้ามาเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ ENGNOW สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ จากการแนะนำของเพื่อนๆ เพื่อหาประสบการณ์ ซึ่งการมาฝึกงานที่นี่ นอกจากจะเรียนรู้ระบบการทำงานของคนรุ่นใหม่แล้ว  พี่ๆ จะมอบหมายงานให้ทำทั้งแบบงานเดี่ยวและงานกลุ่ม และคอยให้คำปรึกษาระหว่างการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยงานเดี่ยวนั้นแต่ละคนจะได้รับมอบหมายหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น ทำสื่อการเรียนการสอน เรามีเวลาทำกันประมาณ 2 สัปดาห์ โดยสิ่งที่ทำนั้นถูกนำไปใช้งานจริงกับผู้เรียนของ ENGNOW”

นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็คต์สุดเซอร์ไพรส์ที่นักศึกษาฝึกงานได้ทำร่วมกัน คือ หนังสือ Words Upon a Time กาลคำหนึ่งนานมาแล้ว “จากโจทย์ของพี่เอฟ - นพพล สุนทรกระจ่าง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ให้คิดโปรเจ็คต์หนังสือภาษาอังกฤษอะไรขึ้นมาก็ได้ 1 เล่ม พวกเราจึงแบ่งหน้าที่กันโดยน้ำค่อนข้างมีเวลามากกว่าเพื่อน ๆ จึงอาสาเป็นบรรณาธิการของหนังสือเล่มนี้ ช่วงแรกเราจะประชุมเพื่อตกลงถึงแนวทางของหนังสือและสรุปกันว่าจะทำเป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวที่มาของคำศัพท์ หรือสำนวนภาษาอังกฤษต่าง ๆ ที่เราอาจจะเคยใช้หรือเคยได้ยิน แต่ยังไม่ทราบที่มาว่าทำไมถึงมาเป็นคำศัพท์นั้น ยิ่งไปกว่านั้นหนังสือเล่มนี้จะได้รับการตีพิมพ์และจัดจำหน่ายจริงด้วย ทำให้พวกเราตื่นเต้นและตั้งใจทำมาก”

น.ส.ธาราทร ยังเล่าเล่าต่อว่า “ความโชคดีในการทำโปรเจ็คต์หนังสือนี้ เริ่มจากทีมงานที่บังเอิญเป็นทีมที่พอดีกันมาก คือมีคนที่มีความสามารถในด้านที่ต่างกัน มีเพื่อนที่วาดรูปเก่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำภาพประกอบหนังสือเล่มนี้ มีเพื่อนที่ถนัดการเขียนทำให้การทำหนังสือของไหลลื่น ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ภายใต้การทำงานเพียง 1 เดือนในสถานการณ์โควิด-19 แน่นอนว่าย่อมมีอุปสรรคในการทำงานอยู่บ้างแต่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเช่นการสื่อสาร หรือการช่วยกันดูพรูฟก่อนพิมพ์จริง แต่พี่ ๆ ที่ ENGNOW ก็เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ในการทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มาจากความต้องการของพวกเราจริง ๆ พวกเราทุกคนภูมิใจในหนังสือเล่มนี้มากค่ะ” 

ด้านงานกราฟฟิกของหนังสือเล่มนี้ดูแลโดย น.ส.ภัทรนันท์ ชาติวัฒนานนท์ หรือ “พลอย” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 เอกภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเล่าว่า “ตอนที่เริ่มวางแผนงานกันในเรื่องบทบาทหน้าที่ มีเพื่อนในทีมเคยเห็นผลงานการวาดภาพแนว Illustrator ของพลอยมาบ้างจึงเสนอทีมจากการลองวาดตัวอย่างให้ดู ซึ่งผ่านตั้งแต่แรกเลย ก็เริ่มลงมือทำทันที ดีใจที่ความสามารถของเราได้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเชื่อว่าคนอ่านจะได้รับทั้งความรู้และความสนุกจากหนังสือเล่มนี้แน่นอน”  

สำหรับหนังสือ “Words Upon a Time กาลคำหนึ่งนานมาแล้ว” วางจำหน่ายวันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไปที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ราคา 345 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือ หรือสนใจสมัครเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ค Engnow.in.th เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์  และ www.engnow.in.th


ข้อมูลเพิ่มเติม

ENGNOW สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ดำเนินการด้านธุรกิจต่อเนื่องสู่ปีที่ 4 ปี โดยเริ่มจากการเปิดให้เรียนฟรี 100% ทางเว็บไซต์ www.engnow.in.th และต่อมามีการปรับรูปแบบคอร์สเรียนเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเรียนภาษาของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย อาทิ นักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน ให้มีคอร์สเรียนที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์

จิตต์สิริ กลิ่นบุญนาค  โทร. 081 441 1510, 087 366 3915

“มาสด้า” เติมฝันให้ลูกค้าใหม่ ปันสุขให้ลูกค้าเก่า ขับฟรี 90 วัน ดอกเบี้ย 0% ตรวจเช็กฟรี รับส่วนลดค่าแรง 50%

วันที่ 6 สิงหาคม 2564 มาสด้าสานฝันลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่ในเดือนสิงหาคมกับโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ช่วงเวลาเติมฝัน ปันความสุข เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าที่สนใจรถยนต์มาสด้า รวมทั้งมอบสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1 ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance1 ขับฟรี 90 วัน2 และฟรี Fast Wireless Charging Power Bank Eloop EW353 โดยจัดกิจกรรมขึ้นในระหว่างวันที่ 7 – 15 สิงหาคม 2564 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ รวมถึงมอบสิทธิพิเศษเพื่อช่วยดูแลรถยนต์ของลูกค้าและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงนี้ เมื่อนำรถเข้ารับบริการรับข้อเสนอสุดพิเศษ อาทิ ผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน1 สำหรับสินค้าและบริการหลังการขายในศูนย์บริการฯ ตรวจสภาพรถฟรี 20 รายการ1 ฟรีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถยนต์1 และส่วนลดค่าแรง 50%4 ในระหว่างวันที่ 7 – 31 สิงหาคม 2564

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมจนถึงปัจจุบันนี้ ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ จึงทำให้ยอดขายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ตามรถยนต์มาสด้าก็ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สามารถทำยอดขายรวมได้ 2,112 คัน โดยรุ่นที่ขายได้มากสุดยังคงเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 จำนวน 1,147 คัน ตามมาด้วย CX-30 จำนวน 356 คัน CX-3 จำนวน 282 คัน มาสด้า3 จำนวน 131 คัน ปิกอัพ บีที-50 จำนวน 80 คัน CX-5 จำนวน 65 คัน และ CX-8 จำนวน 51 คัน ตามลำดับ ซึ่งมาสด้าขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ยังคงให้การสนับสนุนมาสด้าเป็นอย่างดี แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความยากลำบากก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ มาสด้าจึงถือโอกาสนี้เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้ามาโดยตลอด ด้วยการส่งมอบแคมเปญตลอดเดือนสิงหาคมนี้ กับ “มาสด้า ปันสุข” ช่วงเวลาเติมฝัน ปันความสุข เพื่อช่วยดูแลและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของทั้งลูกค้าใหม่ที่สนใจรถยนต์มาสด้า รวมทั้งลูกค้าในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ต้องการซื้อรถใหม่เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ประกอบอาชีพ หรือลูกค้าปัจจุบันที่ต้องการนำรถเข้ามารับการดูแลบำรุงรักษาที่ศูนย์บริการมาสด้า เพื่อให้ได้รับการบริการที่ต่อเนื่องและสามารถนำรถกลับไปใช้ได้อย่างปลอดภัย

พิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าสามารถพบกับกิจกรรม “มาสด้า ปันสุข” ได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ในระหว่างวันที่ 7 – 15 สิงหาคม 2564 เพียงแวะเข้ามาชมรถ รับฟรีทันที Mazda Alcohol Sanitizer Spray พร้อมรับข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1, ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance1 ขับฟรี 90 วัน (เฉพาะมาสด้า2 ทุกรุ่น)2 และพิเศษยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้า 1,000 ท่านแรกที่จองซื้อรถตั้งแต่ 3,000 บาท ขึ้นไป และออกรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2654 รับฟรี Fast Wireless Charging Power Bank Eloop EW35 จากมาสด้า มูลค่า 690 บาท

พิเศษสำหรับลูกค้าปัจจุบัน มาสด้าขอมอบการดูแลที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าที่ต้องการนำรถเข้ามารับการดูแลที่ศูนย์บริการ รับข้อเสนอ ผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน1 สำหรับสินค้าและบริการหลังการขาย, บริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 20 รายการ1 ทั้งระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์ และระบบความปลอดภัย, ฟรีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถยนต์1 ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ไม่ก่อให้เกิดการเสียหายต่อชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งภายนอกและภายในตัวรถ และส่วนลดค่าแรง 50%4 สำหรับการเข้ารับบริการระหว่างวันจันทร์ – ศุกร์ เมื่อทำการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการล่วงหน้า โดยเริ่มระหว่างวันที่ 7 – 31 สิงหาคม 2564 ณ ศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าทั่วประเทศ

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือมาสด้าสปีดไลน์ 02 030 5666 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th

หมายเหตุ:

1เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และโปรดตรวจสอบประเภทของสินค้าและบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ณ จุดบริการก่อนทำรายการทุกครั้ง

2 เฉพาะมาสด้า2 ทุกรุ่น สำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ.ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น

3 จองรถ 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 31 ส.ค. 64 รับ Fast Wireless Charging Power Bank Eloop EW35 คละสี มูลค่า 690 บาท สินค้ามีจำนวน 1,000 ชิ้น เฉพาะโชว์รูมที่ร่วมรายการ

4 เมื่อทำการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการล่วงหน้า ในระหว่างวันจันทร์-ศุกร์ เฉพาะช่วงเวลาที่กำหนด ตามเงื่อนไขของศูนย์บริการที่ร่วมรายการ


โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE

ข่าวประชาสัมพันธ์จากมาสด้า          

รายละเอียดเพิ่มเติม: อุทัย เรืองศักดิ์ ผู้จัดการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาด

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (สำนักงานใหญ่) 689 อาคารภิรัช ทาวเวอร์ แอ๊ดเอ็มควอเทียร์ ชั้น 15 – 16 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

โทรศัพท์ 0-2030-5420 โทรศัพท์มือถือ 089-007-0095 อีเมล์ [email protected]

กระทรวงแรงงาน รับมอบ ปลากระป๋อง จากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด ช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบปลากระป๋อง จำนวน 100 ลัง จากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด-19 ณ บริเวณหน้าห้องประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายสุชาติ กล่าวว่า ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานดูแลพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้


“กระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณภาคเอกชน อย่างเช่น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด ที่ร่วมแรงร่วมใจกับภาครัฐ สนับสนุนปลากระป๋อง จำนวน 100 ลัง เพื่อนำไปมอบช่วยเหลือให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานสู้ภัยโควิด – 19 ต่อไป” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

ผู้ตรวจกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 จับมือ สาธารณสุข สร้างการรับรู้สถาบันปอเนาะ ด้านการจัดการเรียนสอน การฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมมอบสิ่งของแก่ผู้แทนสถาบันการศึกษาปอเนาะในพื้นที่

นายณัฐพงษ์ นวลมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting กับสถาบันปอเนาะในพื้นที่จังหวัดยะลา ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) "สธ. และ ศธ. ห่วงใยคนในสถาบันศึกษาปอเนาะ" เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริหาร ครูอาสาสมัครในสถาบันศึกษาปอเนาะ และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียน ณ ห้องประชุมฮาลาบาลา สำนักงาน กศน. จังหวัดยะลา  โดยทางสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดยะลาได้ดำเนินการจัดขึ้น โดยที่การประชุมดังกล่าวได้มีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วม ประกอบด้วย ตัวแทนจาก ศอ.บต. ศึกษาธิการจังหวัดยะลา สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดยะลา กศน.จังหวัดยะลา ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา รวมทั้ง ชมรมสถาบันศึกษาปอเนาะจังหวัดยะลา ร่วมกันตอบประเด็นข้อซักถามต่างๆ โดยการประชุมนั้น ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ให้แก่ผู้แทนสถาบันการศึกษาปอเนาะในพื้นที่อำเภอเมืองยะลาจำนวน 300 ชุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กศน.อำเภอเมืองยะลา

นายณัฐพงษ์ นวลมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า การประชุมมาตรการป้องกันโควิด-19 เป็นความร่วมมือของ สำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ และกระทรวงศึกษาธิการ ห่วงใยคนในสถานบันศึกษาปอเนาะ เนื่องจากว่า จากการลงพื้นที่ตรวจราชการ ทั้งหน่วยงานสังกัด สพฐ. กศน. และ การศึกษาเอกชน สิ่งที่กังวล คือการสร้างการรับรู้แนวทางป้องกัน และมาตรการโควิด-19 ยังไม่รัดกุมเท่าที่ควร เพื่อให้การสื่อสารสร้างการรับรู้ระหว่างรัฐ และประชาชน หรือนักเรียน นักสศคกษา ควรดำเนินการให้เร็วที่สุด และมากที่สุด จึงได้มีการประชุม ให้ความรู้ แนวทางการจัดการเรียนการสอน ให้ห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะต้องทำอย่างไร สถาบันการศึกษาปอเนาะ มีบางสถาบันที่มีนักเรียนอยู่ภายใน ไม่อนุญาติให้กลับ สามารถเปิด on-site ได้ ซึ่งความเป็นจริงต้องเข้าใจในวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ การเปิดการเรียนการสอน ขึ้นอยู่กับเจ้าของสถาบันการศึกษาปอเนาะ


แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ประจำภายใน มีการออกมาข้างนอกสถาบัน จะเป็นการเปิดเรียนแบบ on-hand หรือon-line แทน ซึ่งบางพื้นที่การเปิด on-line มีปัญหา เนื่องจากเครื่องมืออุปกรณ์ในการสื่อสารของนักเรียนไม่พร้อม เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่ในพื้นที่จะเป็นการเปิดเรียนแบบ on-hand แทน สำหรับมาตรการที่จะดำเนินการในสถาบันปอเนาะนั้น คือทุกคนมีความเสี่ยงหมด ดังนั้นอาจต้องมีการกำหนดให้คนในห้ามออก และคนนอกห้ามเข้าโดยเด็ดขาด และจะต้องอยู่ในมาตรการของโรงเรียนกำหนดอย่างเคร่งครัด และหากมีการออกไปข้างนอก มาตรการแรกอาจจะต้องกักตัว14 วันและทำการตรวจหาเชื้อให้ชัดเจนก่อนที่จะเข้ามาภายในสถาบันได้ ส่วนเรื่องของการฉีดวัคซีน 
ขณะนี้ทางศึกษาธิการจังหวัดได้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยรณรงค์ให้บุคลากรครูสถาบันการศึกษาทุกแห่งได้ฉีดวัคซีนเพื่อรองรับการเปิดภาคเรียน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาสถาบันศึกษาปอเนาะเองได้ให้ความร่วมมืออย่างดีในการประชาสัมพันธ์เรื่องของการฉีดวัคซีนและเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีน


 

ในหลวงฯพระราชทานกระบือแก่กองทัพเรือ เพื่ออนุรักษ์สืบสาน รักษา ต่อยอด การอนุรักษ์กระบือไทย ในโครงการพระราชดำริ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือและ นางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน นายกสมาคมภริยาทหารเรือ เป็นประธานในพิธีรับมอบกระบือพระราชทาน จำนวน 4 ตัว ตามการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทยของคณะที่ปรึกษาและคณะทำงานดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา” หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตำบลเกล็ดแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ซึ่งกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาและคณะทำงานดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย โดยใช้ภูมิปัญญาไทย ปลูกฝัง และสนับสนุนวิถีชีวิตเกษตรแบบดั้งเดิม ในการใช้กระบือทำการเกษตร ร่วมกับการพัฒนาสายพันธุ์กระบือไทย เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร สร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิต ตลอดจนเป็นสถานที่เรียนรู้ สำหรับเกษตรกรและประชาชนที่สนใจในอาชีพการเลี้ยงกระบือ ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด การอนุรักษ์กระบือไทย โดยมอบให้ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นหน่วยรับกระบือพระราชทานทั้ง 4 ตัว ไว้เลี้ยงดูและพัฒนาสายพันธุ์ฯ ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฏีใหม่ “โคก หนอง นา” ทั้งนี้ กระบือพระราชทาน ทั้ง 4 ตัว เป็นเพศเมีย

สำหรับโครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ” นั้น กองทัพเรือได้ดำเนินการโดย น้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาประยุกต์เป็นต้นแบบให้กำลังพลกองทัพเรือ และครอบครัว ตลอดจนประชาชนทั่วไป ใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง สอดคล้องกับพระปฐมบรมราชโองการของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

โดยปัจจุบันศูนย์การเรียนรู้ฯ ของกองทัพเรือ มีจำนวน 7 พื้นที่ จาก 10 หน่วยงาน ประกอบด้วย
- พื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2 หน่วยงาน คือ ฐานทัพเรือกรุงเทพและกรมยุทธศึกษาทหารเรือ (อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม)
- พื้นที่ จังหวัดชลบุรี จำนวน 3 หน่วยงาน คือ กองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ
และ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (อำเภอสัตหีบ)
- พื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 1 หน่วยงาน คือ กรมสวัสดิการทหารเรือ (อำเภอบางน้ำเปรี้ยว)
- พื้นที่ จังหวัดตราด จำนวน 1 หน่วยงาน คือ ทัพเรือภาคที่ 1 (อำเภอแหลมงอบ)
- พื้นที่ จังหวัดสงขลา จำนวน 1 หน่วยงาน คือ ทัพเรือภาคที่ 2 (อำเภอเมืองสงขลา)
- พื้นที่ จังหวัดพังงา จำนวน 1 หน่วยงาน คือ ทัพเรือภาคที่ 3 (อำเภอท้ายเหมือง)
พื้นที่ จังหวัดจันทบุรี จำนวน 1 หน่วยงาน คือ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (อำเภอโป่งน้ำร้อน)  

โครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ” ได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นมา มีการปฏิบัติที่สำคัญได้แก่ การให้ความรู้การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่งออกเป็นฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ฐานการปลูกต้นไม้ ฐานการปลูกมะนาวในบ่อวงซีเมนต์ ฐานการเลี้ยงปลา ฐานการเลี้ยงกบ ฐานการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ ฐานการเลี้ยงหมู​ ฐานการทำปุ๋ยหมัก ฐานการเลี้ยงไก่ และฐานการปลูกอ้อยเป็นต้น ซึ่งปัจจุบันศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆของกองทัพเรือ มีความพร้อมในระดับ “ก้าวหน้า” สามารถประชาสัมพันธ์ให้กำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการ เพื่อศึกษาและนำไปใช้เป็นแนวทางการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

"หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" เสด็จบำเพ็ญกุศลไถ่ชีวิต "กระบือเผือก" วัดแก้วฟ้า จ.นนทบุรี

วันที่ 6 สิงหาคม 2564 "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4) เสด็จบำเพ็ญกุศลไถ่ชีวิต "กระบือเผือก" ณ วัดแก้วฟ้า อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

ในการนี้ "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" ทรงมีดำริร่วมกับ "พระโสภณรัตนาภรณ์" (ไพศาล กิตฺติภทฺโท) เจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้า จ.นนทบุรี ในเรื่อง "ควายไทย" ซึ่งได้เลือนลางหายสาบสูญไปจากสังคมไทย ทั้งในด้านการศึกษา ด้านวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต ที่ใช้ "ควาย" ในการเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีประโยชน์และยังช่วยในการดำรงชีวิตประจำวัน จึงมีความเห็นพร้องกันที่จะจัดตั้ง "ศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย" ในอุปถัมภ์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ณ วัดแก้วฟ้า อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยทรงกรุณาประทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ ตั้งต้นบริจาคทุนทรัพย์ และมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบทุนการจัดตั้งโครงการนี้ ทางกรรมการผู้ดำเนินงานจึงได้ซื้อ "กระบือเผือก" จำนวน 3 ตัว เป็น "ปฐมฤกษ์"

ท้ายนี้ "นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ได้กล่าวประชาสัมพันธ์ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน พุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตอันเป็นกุศลทุกท่าน สามารถร่วมบริจาคสมทบทุนโครงการนี้ได้ตามเจตนา และสามารถติดต่อบริจาคได้ที่ "วัดแก้วฟ้า" อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีและขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านมา ณ โอกาสนี้

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศว่า จีนจะจัดส่งวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 2,000 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกภายในปี 2021

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศในวันพฤหัสบดี (5 ส.ค.) ว่า จีนจะ ‘มุ่งมั่นพากเพียรเพื่อจัดส่ง’ วัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 2,000 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกภายในปี 2021 นี้ สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีน (ซีซีทีวี) รายงาน

รายงานของซีซีทีวีกล่าวอีกว่า ในสารที่เขาส่งไปให้แก่เวทีประชุมเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศเรื่องวัคซีนต่อสู้โควิด-19 ผู้นำสูงสุดของแดนมังกรผู้นี้ระบุด้วยว่า จีนยังจะบริจาคเงินเป็นจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ให้แก่โครงการ ‘โคแวกซ์’ ซึ่งเป็นโครงการกระจายวัคซีนให้แก่ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาประเทศกำลังพัฒนา

จีนนั้นได้จัดส่งวัคซีนเป็นจำนวนกว่า 770 ล้านโดสไปให้แก่ประเทศอื่น ๆ แล้ว คำแถลงฉบับหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศจีน อ้างอิงคำกล่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ซึ่งกล่าวต่อเวทีประชุมแห่งนี้ในวันพฤหัสบดี (5 ส.ค.)

ด้าน ซิโนแวค ไบโอเทค หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของจีน ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ 20 ประเทศ เพื่อจัดส่งวัคซีนจำนวนเกือบ ๆ 900 ล้านโดส อิน เว่ยตง ประธานบริหารของบริษัท กล่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ในคำปราศรัยต่อเวทีประชุม ทั้งนี้ตามร่างคำปราศรัยของเขาที่เผยแพร่โดยโฆษกของซิโนแวค

นอกเหนือจากจีนแล้ว พวกหุ้นส่วนของซิโนแวคใน อินโดนีเซีย, บราซิล, ตุรกี, มาเลเซีย, และอียิปต์ ก็จะเข้าร่วมในการผลิตวัคซีนเหล่านี้ด้วย อิน เว่ยตง กล่าวโดยที่ไม่ได้ระบุเจาะจงในเรื่องช่วงเวลาของการจัดส่ง

อิน เว่ยตง บอกอีกว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ซิโนแวคจะยื่นเรื่องต่อหน่วยงานกำกับควบคุมในประเทศต่าง ๆ เพื่อขออนุญาตดำเนินการทดสอบทางคลินิกและการนำมาใช้ในภาวะฉุกเฉิน สำหรับวัคซีนเวอร์ชันใหม่ของบริษัทรวม 2 เวอร์ชัน ซึ่งปรับปรุงขึ้นมาเพื่อไว้ต่อสู้กับไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์แกมมา

อนึ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมฉุกเฉินทางออนไลน์ในระดับประมุขแห่งรัฐและรัฐบาลของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ประธานาธิบดีสี ได้สัญญาจะให้ความช่วยเหลือคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ แก่ประเทศกำลังพัฒนาต่าง ๆ ในการต่อสู้กับโควิด-19 โดยเงินก้อนนี้มุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือบรรดาชาติกำลังพัฒนา ให้ฟื้นตัวจากผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจสืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่นี้

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ของจีนมีขึ้น ขณะที่ทางฝ่ายสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า สหรัฐฯ ได้บริจาควัคซีนจำนวนกว่า 100 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่าง ๆ แล้ว

นอกจากนั้น ในช่วงต่อไปของเดือนนี้ วอชิงตันยังจะเริ่มจัดส่งวัคซีนของไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดส ไปให้แก่พวกประเทศรายได้ต่ำ 100 ประเทศ ตามที่ได้ให้สัญญาไว้อีกด้วย


ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000076933

รอยเตอร์/เอเอฟพี


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'หมอมนูญ' ชี้ ประชากรโลกมีโอกาสติดเชื้อโควิดทั้งหมด ย้ำ วัคซีนช่วยให้รอด โควิดอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น

ประเทศอินเดียมีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วันละ 400,000 คน แต่ปัจจุบันเดือนสิงหาคม ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเหลือวันละ 40,000 กว่าคน

จากผลการวิจัยระดับประเทศสุ่มตรวจเลือดหาแอนติบอดีบ่งบอกถึงมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิดจากการติดเชื้อ พบคนอินเดีย 2 ใน 3 ของประชากร คือ 900 ล้านคนติดเชื้อตามธรรมชาติแล้ว พบติดเชื้อตั้งแต่อายุ 6 ปีขึ้นไปเกินครึ่งแล้วทุกอายุ

ทั้งนี้มีบุคลากรทางการแพทย์มีแอนติบอดีร้อยละ 85 มีคนอินเดียอีก 1 ใน 3 คือ 400 ล้านคนที่ยังไม่ติดเชื้อ อินเดียฉีดวัคซีนครบโดสแค่ร้อยละ 8 หรือประมาณ 100 ล้านคนเท่านั้น

จากรายงานอย่างเป็นทางการด้วยการตรวจหารหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด ประเทศอินเดียพบผู้ติดเชื้อ 31.8 ล้านคน และคนเสียชีวิต 426,000 ราย ทั้ง 2 ตัวเลขนี้ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก คนอินเดียติดเชื้อไปแล้ว 900 ล้านคน ขนาดปรับจำนวนคนเสียชีวิตขึ้น 5 เท่า คือ 2.13 ล้านคน อัตราการเสียชีวิตของคนอินเดียที่ติดเชื้อไวรัสโควิดร้อยละ 0.24

ประเทศอินเดียรายงานพบไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาครั้งแรกเดือนตุลาคม 2563 มีการศึกษาระดับประเทศสุ่มตรวจเลือดหาแอนติบอดีเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนกรกฎาคม 2564 พบตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศอินเดียเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 21 คือ 270 ล้านคน เป็น 900 ล้านคนในเวลา 5 เดือน อีกไม่นานคนที่เหลือ 400 ล้านคนก็จะติดเชื้อ เมื่อนั้นโรคโควิดคงจะหยุดการแพร่ระบาด

อัตราตายของโรคโควิดถูกประเมินว่าร้อยละ 1 อัตราตายจริง ๆ น่าจะต่ำกว่านั้น ดูสถิติของประเทศอินเดียอัตราตายของโรคโควิดประมาณร้อยละ 0.24

สรุป : เหตุผลหลักที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อประเทศอินเดียขณะนี้ลดลง ก็เพราะคนอินเดียติดเชื้อแล้วมากกว่า 2 ใน 3 เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาแพร่เชื้อทางอากาศ ติดทางการหายใจ ติดต่อกันง่ายมากเหมือนเชื้อไวรัสโรคอีสุกอีใส ดูจากสถิติของประเทศอินเดียแล้ว เชื่อว่าทุกคนในโลกนี้คงต้องติดเชื้อไวรัสโควิดไม่ช้าก็เร็ว โรคนี้จะหยุดการแพร่ระบาดก็ต่อเมื่อมากกว่าร้อยละ 90 ของคนในประเทศติดเชื้อ เพราะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติ และโรคนี้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่

เราต้องยอมรับความจริงและทำใจวันหนึ่งคงติดเชื้อ ต่อให้มีการล็อกดาวน์ ป้องกันตัวเองเต็มที่ และฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ แต่ลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้มากถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีน เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนรีบฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตเมื่อติดเชื้อไวรัสโควิด-19


ที่มา : https://www.facebook.com/604030819763686/posts/2004697906363630/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ธุรกิจญี่ปุ่นสู้โควิดไม่ไหว หลังรัฐบาลประกาศมาตรการควบคุมโรค ด้านผู้ประกอบการวอนรัฐช่วยเหลือก่อนล้มละลาย

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของญี่ปุ่นสูญเสียโอกาสทองทางธุรกิจในช่วงวันหยุดฤดูร้อน เนื่องจากรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ผลสำรวจพบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจต่าง ๆ มากกว่า 1,800 บริษัทปิดกิจการแล้ว

ภายหลังจากญี่ปุ่นได้ขยายเวลาภาวะฉุกเฉินและมาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิดในหลายจังหวัด ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องยกเลิกแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ธุรกิจการท่องเที่ยวคึกคัก

นายคิกูมะ จุนโงะ ประธานของสมาคมบริษัทท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่นระบุว่า การตัดสินใจขยายเวลาภาวะฉุกเฉินทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเสียหายอย่างหนัก ส่งผลต่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการจำนวนมาก เขากล่าวว่า บรรดาผู้ประกอบการจะร่วมมือกับมาตรการควบคุมการระบาด แต่ก็เป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่งในการบริหารจัดการ

ตัวแทนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยา เพื่อให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ อยู่รอดได้

การสำรวจโดยบริษัทวิจัย เทโกกุ เดต้าแบงก์ พบว่า บริษัท 1,860 แห่ง ต้องปิดกิจการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ถึงต้นเดือนสิงหาคมปีนี้ บริษัทเหล่านี้มีทั้งปิดกิจการไปแล้วหลังจากยื่นขอล้มละลาย หรืออยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อขายทรัพย์สิน

ร้านอาหารคือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ธุรกิจร้านอาหารกว่า 300 แห่งยื่นขอปิดกิจการ ส่วนภาคก่อสร้างมีธุรกิจกว่า 180 แห่งที่ได้รับผลกระทบ อุตสาหกรรมโรงแรมมีประมาณ 100 แห่ง และกลุ่มผู้ค้าส่งอาหารเกือบ 100 แห่งไปไม่รอด

นักวิเคราะห์ระบุว่า เมื่อผู้ประกอบการปิดกิจการก็จะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อบริษัทต่าง ๆ ข้ามอุตสาหกรรม ทำให้อาจมีบริษัทที่ยื่นขอล้มละลายเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากรัฐบาลได้ขยายภาวะฉุกเฉินออกไป

จำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ในวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อที่ 15,263 ราย เฉพาะกรุงโตเกียวยืนยันผู้ติดใหม่ 5,042 คน เป็นสถิติสูงที่สุด


ที่มา : https://mgronline.com/japan/detail/9640000076961


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กตู่”แสดงความเสียใจกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตที่ภูเก็ต กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนข้อเท็จจริง ย้ำให้เข้มงวดดูแลนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบกรณี Mrs. Nicole Sauvain-Weisskopf (นางนิโคล โซเวน ไวสคอป) สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ นักท่องเที่ยวในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) เสียชีวิตบริเวณธารน้ำตกโตนอ่าวยน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา และขอแสดงความเสียใจไปถึงครอบครัวผู้เสืยชีวิตด้วย  

โดยขณะนี้ เจ้าหน้าทีตำรวจทั้งจากส่วนกลางและในพี้นที่ เร่งสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมทั้งสั่งให้รายการกลับมาให้ทราบด้วย ทั้งนี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  ได้โทรศัพท์แสดงความเสียใจกับเอกอัครราชทูตสวิสประจำประเทศไทย ไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยตนเอง ซึ่งกระทรวงการต่างเทศจะประสานกับสถานเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เพื่อรายงานความก้าวหน้าทางคดีอย่างต่อเนื่อง 

“นายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดให้ได้โดยเร็ว พร้อมเน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการเพิ่มความเข้มงวดดูแลนักท่องเที่ยวตามโครงการฯ ให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เร่งประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อยกระดับมาตรการด้านสาธารณสฺขและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติโดยเร็ว พร้อมขอให้คนไทย ช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดรายได้ให้กับประเทศไทยต่อไป” นายอนุชา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top