Monday, 24 June 2024
POLITICS

ทัวร์ลง ‘แคน ก้าวไกล’ ปกป้อง ‘ฝ้าย’ อดีต BNK48 ที่เพิ่งโดนปลด บอกแอบโพสต์บัญชีให้แฟนคลับโอนเงินเข้าโดยตรง เป็นจำนวนเงินไม่มาก อีกทั้งบริษัทไม่เคยตักเตือน ถือว่าไม่ผิด เจ้าตัวรีบแจงไม่หนุนคอร์รัปชัน พร้อมรับคำติ เพื่อพัฒนาตัวเอง

น.ส.นายิกา ศรีเนียน หรือ แคน อดีตสมาชิกวงไอดอล BNK48 ได้ไลฟ์สดร่วมกับ น.ส.สุมิตรา ดวงแก้ว หรือ ฝ้าย อดีตสมาชิก BNK48 ที่เพิ่งถูกให้พ้นสถานะจากวง BNK48 กะทันหันเมื่อวันก่อน (19 มี.ค.) เนื่องจากทำผิดกฎของวง จากการโพสต์เลขบัญชีตัวเองเพื่อให้แฟนคลับโอนเงินเข้าโดยตรง

จากการไลฟ์สดในครั้งนี้ มีคำพูดหนึ่งของ แคน ที่ทำให้แฟนคลับหลายคนผิดหวัง เนื่องจากบอกว่า ‘เงิน’ เป็นจำนวนไม่มาก แล้วการอยู่ในวงค่าตอบแทนไม่คุ้มกับค่าเดินทางด้วยซ้ำ อีกทั้งบริษัท ‘ไม่เคยเรียกไปตักเตือน’ แสดงว่าเป็นสิ่งที่ ‘ไม่ผิด’

คำพูดดังกล่าวทำให้เกิดกระแสตำหนิอย่างมากในทวิตเตอร์ เพราะแคนเองก็ได้ร่วมทำงานการเมืองกับพรรคก้าวไกล สะท้อนถึงทัศนคติที่เห็นว่าการคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องใหญ่ จึงไม่เหมาะสมที่จะเล่นการเมือง ด้านเจ้าตัวก็ได้ลบคลิปไลฟ์ดังกล่าวไปแล้ว พร้อมกับยอมรับผิด และเน้นย้ำว่า ไม่ได้สนับสนุนการคอร์รัปชัน พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป

สำหรับ แคน นายิกา ภายหลังจากที่ลาออกจาก BNK48 เคยเข้าร่วมชุมนุมกับม็อบราษฎร และร่วมงานกับพรรคก้าวไกล อยู่ในทีมประชาสัมพันธ์ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบึงกุ่ม และ คันนายาว ขณะที่ จ.เจตน์-ภูวกร ศรีเนียน บิดาของ แคน ก็เป็น 1 ในทีมผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และเคยลงสมัคร ส.ส.พะเยา ของพรรค ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันเป็นผู้ประสานงานคณะก้าวหน้า จ.พะเยา


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000026966?fbclid=IwAR2eOqXKFrsQ-OgWroWqWRaKCLBazetjrcIE_vwKwqlnAK--77xgjSx1eGY

ที่จังหวัดร้อยเอ็ด นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางมาพบปะพูดคุยและร่วมหาเสียงให้กับ นายร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีโพนทอง เบอร์ 3 และผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลในนามคณะก้าวหน้า

สำหรับโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาล ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม นี้

ที่ตลาดเทศบาลโพนทอง อ.โพนทอง นายปิยบุตร ได้กล่าวตอนหนึ่งในการพบปะประชาชนว่า คณะก้าวหน้าออกแบบนโยบายโดยดูจากงบประมาณที่เทศบาลมี ใช้มันสมองของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมกับความเป็นคนพี้นที่โพนทองของ ร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม ผู้สมัครนายกเทศมนตรี และรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน คิดค้นออกมาเป็นนโยบายก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการและบริการสาธารณะ เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน สิ่งแวดล้อม พัฒนาพื้นที่สาธารณะ การเดินทางเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมการบริหารงานเทศบาลที่โปร่งใสตรวจสอบได้

“นโยบายดี ๆ เพื่อเทศบาลก้าวหน้าจะเกิดขึ้นได้ต้องให้โอกาสคนใหม่ๆ เข้าไปทำงาน ผมเข้าใจดีว่าการเมืองท้องถิ่นที่ผ่านมายึดโยงกันด้วยความเป็นครอบครัว ความสนิทชิดเชื้อ พี่น้องอาจคิดว่าต้องกากบาทให้คนนั้นคนนี้ เพราะเคยช่วยเหลือมาเยอะ แต่หลักการที่ถูกต้องของการเมืองท้องถิ่น คือต้องสัมพันธ์กันด้วยสิทธิและหน้าที่ มิใช่บุญคุณที่ต้องทดแทน ใครก็ตามที่เข้าไปมีอำนาจรัฐ มีหน้าที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน และพี่น้องมีสิทธิเรียกร้องให้เขามาทำงานให้เราแบบที่เราต้องการ ที่สำคัญที่สุดเงินที่จ้างเขามาทำงานในเทศบาลเงินที่เขาเอามาพัฒนาบ้านของเรา แท้จริงแล้วก็คือเงินภาษีของพี่น้องเอง คือทุกบาททุกสตางค์ของเราที่จับจ่ายซี้อของไป ภาษีเหล่านั้นถูกจัดสรรกลับมาเป็นงบประมาณเทศบาล” ปิยบุตร กล่าว

จากนั้นนายปิยบุตรและคณะผู้สมัครนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล ได้ทักทายพี่น้องทั่วตลาดมีแม่ค้าพ่อค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก หลายคนบอกว่าเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับเผด็จการต่อไป อีกกี่สิบปีก็จะรอ ขณะที่ นายปิยบุตร บอกว่าไม่ต้องรอถึงสิบปี 28 มีนาคมนี้ เลือกผู้สมัครนายกเทศมนตรีคณะก้าวหน้า ก็ได้มันสมองของธนาธรมาทำนโยบายดี ๆ ให้พี่น้อง เห็นผลทันตา เทศบาลก้าวหน้าอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น ทั้งหมดเดินทางไปพบปะกับกลุ่มอาชีพจักรสานบ้านคำแข้ ณ ศูนย์อาชีพ บ้านคำแข้ จ.ร้อยเอ็ด “ครูสวย” ผู้ริเริ่มการฝึกอบรมงานจักรสานให้กับแม่ ๆ ในพื้นที่บ้านแข้เล่าว่า พอเกษียณอายุก็จัดอบรมฝึกอาชีพจักรสานกระเป๋ากันมาตั้งแต่ปี 2561 ใครอยากเรียนก็มาฝึกกันและตั้งขายที่หน้าศูนย์ บางครั้งมีลูกค้ามารับไปขายต่อ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีช่องทางส่งสินค้าที่แน่นอน

ด้าน ร่วมภูมิศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองมีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยนำงบประมาณของเทศบาลมาจัดสรรปันส่วนให้เป็นทุนสนับสนุนกลุ่มอาชีพทุกหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 100,000 บาท เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่ริเริ่มมาแล้ว แต่ยังไม่มีช่องทางในการเพิ่มกำไร ขณะที่ นายปิยบุตร กล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้ง 28 มีนาคมนี้ เรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้อยู่หน้าบ้านของพี่น้อง หากได้นายกเทศมนตรีมีความสามารถ บริหารงบประมาณเป็นสักคนชีวิตในบ้านของพี่น้องจะเปลี่ยนไปได้ชั่วข้ามคืน จึงอยากชวนออกไปใช้สิทธิ์กันให้มาก ๆ ถ้าไม่ใช้สิทธิใช้เสียง แปลว่าปล่อยให้งบประมาณปีละหลายล้านบาท เอาไปให้ใครไม่รู้บริหาร

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ ต่อกรณี แม่ 3 แกนนำม็อบเข้าพบ

คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พร้อม 'แม่เพนกวิน' 1 ในแม่ของแกนนำผู้ชุมนุมราษฎร เข้ายื่นหนังสือต่อองค์กรนานาชาติ และ นายไมเคิล ฮีท อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย

โดยใจความเนื้อหาในจดหมายบางส่วน อ้างถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องหลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกรณีการชุมนุมที่นำโดยนิสิตนักศึกษาในปี 2563 ที่ผ่านมาที่มีการขัดขวางและสลายการชุมนุมอย่างผิดหลักการและขั้นตอนสากล มีการใช้กำลังอย่างไม่ได้สัดส่วนกับการชุมนุม มีการขู่คุกคามผู้ชุมนุมทั้งในสถานศึกษาและที่พักอาศัย รวมถึงมีการตั้งข้อหาและดำเนินคดีแกนนำและผู้ชุมนุมด้วยกฎหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ฯลฯ

เนื้อหาในจดหมายยังระบุอีกว่า ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 ถึงกลางเดือนมีนาคม 2564 มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและการชุมนุมทางการเมืองในข้อหาตามมาตรา 112 อย่างน้อย 73 คน ใน 63 คดี โดยในจำนวนของผู้ถูกจับกุม 18 คน มีเพียง 6 คนที่ได้รับสิทธิประกันตัว ส่วนที่เหลืออีก 12 คนไม่ได้รับสิทธิประกันตัว แม้บางคนจะเป็นนักศึกษาและอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียน เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ไม่นับรวมผู้ต้องหาคนอื่นที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะหลบหนีหรือก่อความยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นนายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หรือนายภาณุพงศ์ จาดนอก

นอกจากนี้ ยังมีการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การพาตัวผู้ต้องหาจากศาลไปยังเรือนจำก่อนที่ผู้ต้องหาจะลงนามรับทราบคำสั่งศาลในคำขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ขณะที่มีแนวโน้มว่านักศึกษาและประชาชนในส่วนที่เหลือจะถูกจับกุมตามหมายแล้วไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวในลักษณะเดียวกัน

การปฏิเสธคำขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาโดยอ้างเหตุผลว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันถือว่าขัดหลักการพื้นฐานทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทั้งในระดับสากลและที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่ว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เพราะเป็นการตัดสินล่วงหน้าว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดทั้งที่กระบวนการไต่สวนพิจารณาคดียังไม่ได้เริ่ม

เครือข่ายนักวิชาการ นักศึกษา ประชาชน รวมถึงผู้ต้องหาและญาติ จึงเดินทางมายังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเพื่อให้ประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะประเทศที่ส่งเสริมประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน รวมถึงผดุงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและนิติธรรม ได้ตระหนักในสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยโดยเฉพาะที่เกิดขึ้นภายใต้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และสื่อสารไปยังรัฐบาลไทยให้ยุติการกระทำดังกล่าวในทันที

ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เมื่อได้รับทราบข้อความ ก็ได้ออกแถลงการณ์ ความว่า...

"ในวันศุกร์ที่ 19 มีนาคม อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต ไมเคิล ฮีธ พบกับมารดาของนักเคลื่อนไหว 3 คนที่กำลังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ โดยเป็นการพบปะกันตามคำขอของพวกเธอ ซึ่งได้แสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับบุตรของพวกเธอ

อุปทูตฮีธ และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ คนอื่นๆ ได้พบปะกับชาวไทยในหลากหลายภาคส่วนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่ทหาร นักธุรกิจ นักวิชาการ หรือผู้นำเยาวชน ทั้งนี้เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมาย ความกังวล และประเด็นที่ชาวไทยให้ความสำคัญ การพบปะกันเช่นนี้สะท้อนถึงงานหลักของเจ้าหน้าที่การทูต อันได้แก่ การแสวงหาความเข้าใจเกี่ยวกับมุมมองที่กว้างขวางในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง และอื่นๆ ของพลเมืองในประเทศที่ประจำการอยู่


ที่มา: https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/144038?utm_campaign=%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87&utm_source=line&utm_medium=oa

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2564

โควิด-19 เป็นดราม่าการเมืองอีกแล้ว ในคลัสเตอร์บางแค จนกลายเป็นการเมืองในเขตบางแค จนได้

ตอนนี้การระบาดโควิดรอบล่าสุดในพื้นที่ตลาดบางแค แหล่งแรงงานพม่า ดราม่านี้เริ่มต้นมาจาก โลกออนไลน์ อย่างชุมชนออนไลน์ในกลุ่มปิดเฟสบุ๊คชื่อว่า ”ของดีบางแค” ซึ่งจุดประสงค์ของกลุ่มนี้คือ เยียวยาเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล หลังโดนพิษโควิด ระลอกแรก เชิญชาวเขตบางแคและเขตใกล้เคียง พื้นที่ฝั่งธน มาค้าขายออนไลน์ ให้คนตัวเล็ก ที่ไม่มีหน้าร้าน คนทุนน้อย คนขายของริมทาง หรือของที่บ้าน แม้กระทั่งคนมีหน้าร้าน

ผู้สื่อข่าว THE STATES TIMES ลงพื้นที่สืบหาข่าวมารายงาน ได้ทราบข่าวว่าชุมชนออนไลน์ กลุ่ม “ของดีบางแค” ก่อตั้งโดย ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา อดีตผู้สมัคร สส.พลังพลังประชารัฐ ซึ่งแพ้การเลือกตั้งล่าสุด ให้แก่นายณัฐพล เรืองปัญญาวุฒิ จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ ไปแค่ 147 คะแนนเท่านั้น และเป็นคนที่แพ้น้อยที่สุดของพรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นอาแท้ ๆ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า

ดราม่าเริ่มต้นว่า คนในเขตบางแค ไม่เคยเห็นหน้านายณัฐพล เรืองปัญญาวุฒิ สส.พรรคก้าวไกลเลย เวลาชาวบางแคเจอวิกฤติโควิดทุกระลอก รวมทั้งงานศพ งานบวช งานแต่ง งานวัด แต่ทุกงาน ทุกวิกฤติ ชาวบ้านเห็นแต่ ดร.ตั้น ลงมาทุกครั้งทุกงาน จนหนึ่งปีแรกของการเลือกตั้ง ชาวบางแคยังเข้าใจว่า ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา เป็น สส.เขตบางแค แต่ที่จริงแล้ว สส.เท้ง ณัฐพล เรืองปัญญาวุฒิ คือสส.เขตบางแค พรรคอนาคตใหม่

จนล่าสุดเกิดโควิด-19 ระลอกล่าสุด คลัสเตอร์บางแค จนเกิดดราม่า เห็นแต่ชายเสื้อขาวร่วมทุกข์ร่วมสุข กับพี่น้องชาวบางแค แต่ไม่เคยเห็นหน้า สส.เท้งเลย

ผู้สื่อข่าว THE STATES TIMES ลงพื้นหาข่าวมาว่าทำไม ดร.ตั้น เป็นที่รู้จักของชาวบางแคอย่างรวดเร็ว เหตุเพราะอยู่ในพื้นที่ตลอด แม้มีตำแหน่งระดับชาติ คือเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโควิดระลอกแรก แจกมาม่า ไข่ไก่ แบบส่งถึงบ้านกันเลย ร่วมกับ ผู้ใหญ่กั๊ม เริงม่วงชุ่ม คณะทำงานติดตามนโยบายผู้ว่า กทม. คนทำงานในพื้นที่เขตบางแคมายาวนาน ที่มีที่มั่นฐานเสียงอยู่ สี่แยกทศกัณฑ์

ปีใหม่ที่ผ่านมา และวิกฤติโควิด มีแต่ป้าย ดร.ตั้น ร่วมกับ ผู้ใหญ่กั๊ม ขึ้นทั่วเขตบางแค แจกเจล แจกแอลกอฮอลล์ แจกหน้ากากอนามัย

อย่าลืมว่าสังคมไทย ในยามยาก ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน คนที่เดือดร้อนเห็นหน้าใคร เขาจะจำไปตลอด จะว่าหาเสียงก็แล้วแต่ใครจะถือหางใคร

ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา

มีพื้นฐานการศึกษา วิศวกรรมศาสตร์ และบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง เป็นคนพื้นที่ฝั่งธนโดยกำเนิด ลงการเมืองครั้งแรกใส่สีเสื้อพรรคพลังประชารัฐ โดยการเปิดโอกาสของ รองหัวหน้าพรรค นายณัฐพล ทีปสุวรรณ

ส่วนพี่เลี้ยงในเขตบางแค มีคนในพื้นที่ ผู้ใหญ่กั๊ม เริงม่วงชุ่ม และผู้ใหญ่อัมพร แก้วลาย ที่ทำงานในพื้นที่ตลอดเวลา และเป็นทั้งคู่เป็นผู้ช่วย สก.นายเพทาย จันเผื่อน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่เคยสอบตกเลย 2 คนนี้เครือข่ายในชุมชนบางแค ถือว่าไม่ธรรมดาเลย รวมทั้งได้แรงหนุนจากเครือข่ายสมาคมชาวปักษ์ใต้ ย่านฝั่งธน โดยมีนายประจวบ ชูใหม่ ผู้บริหารสมาคมชาวปักษ์ใต้ เคียงข้างตลอดเวลาเวลาที่ ดร.ตั้นลงพื้นที่

การเลือกตั้งครั้งล่าสุด ได้อดีต สส.โกวิทย์ ธารณา ที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาช่วยพรรคพลังประชารัฐ อีกแรงนึง

ถือว่ากำลังคนในพื้นที่ ดร.ตั้น แข็งแรงไม่น้อย

สส.เท้ง ณัฐพล เรืองปัญญาวุฒิ

มีพื้นฐานการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยธุรกิจครอบครัวในด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของฝั่งธน ได้เป็น สส.เพราะกระแสเห่อธนาธร ทั้งที่ชาวบ้านไม่ค่อยเห็นหน้าทั้งก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง

สส.รายนี้ถือว่าเป็นคนสนิทของนายธนาธร เพราะหลังจากยุบพรรคอนาคตใหม่ เกิดพรรคก้าวไกล นายธนาธรไว้ใจ สส.เท้ง ให้ที่ทำการพรรคก้าวไกล ตั้งในบริษัทของ สส.เท้ง ในเขตบางแค เลยทีเดียว

ในพื้นที่มีนายอำนาจ ปานเผื่อน อดีตประธานสข. เขตบางแคมาช่วยดูแล พื้นที่ให้ แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายอำนาจ อยู่ในทีมงานหาเสียงของ อดีต สส. 2 สมัย อรอนงค์ คล้ายนก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพ่ายแพ้หมดท่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

หลังเลือกตั้ง นายอำนาจ ปานเผือก ออกจากพรรคประชาธิปัตย์มาช่วยดูแล สส.เท้ง แต่ข่าววงในเล่าว่า พ่อของ สส.เท้ง มีความคุ้นเคยกับ ผู้ใหญ่กั๊ม เริง ม่วงชุ่ม เป็นอันมาก ได้เชิญผู้ใหญ่กั๊ม หลายครั้งหลายครา ด้วยตัวเอง และให้คนสนิทเชิญ ให้มาช่วยดูแลพื้นที่ให้ และพา สส.เท้ง ลงพื้นที่ แต่ผู้ใหญ่กั๊ม ปฏิเสธ เพราะผู้ใหญ่กั๊มเป็นคนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอย่างมาก ไม่อาจร่วมมือ ช่วยงานกับพรรคที่มีแนวทางต่อต้านสถาบันได้

ทางเลือกต่อไปคือนายอำนาจ ปานเผือก ที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ย้ายมาพรรคอนาคตใหม่แทน

ฐานเสียงในพื้นที่ ดร.ตั้น แข็งแรงกว่าการเมืองพรรคอื่นๆในเขตบางแค พอๆกับนายสุธา ชันแสง อดีต รัฐมนตรีว่ากระทรวงพัฒนาการการสังคมและความมั่นคงขอมนุษย์ หรือ พม.

พรรคก้าวไกลเน้นทำงานออนไลน์ สนับสนุนม็อบสามนิ้ว มั่นใจว่าปลุกฐานเสียงคนรุ่นใหม่ ไม่เน้นลงพื้นที่แบบการเมืองเก่า งานศพ งานแต่ง งานบวช งานบุญ เน้นปลุกระดมรื้อรัฐธรรมนูญใหม่ ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ออกสื่อ เน้นงานสภา และโลกออนไลน์ ก็เป็นธรรมดาที่คนในพื้นที่ไม่เคยเห็นหน้า สส.เลย และก็เป็นแบบนี้ในหลายๆเขตของ สส.พรรคนี้ ทุกเขต

สถานการณ์โควิดคลัสเตอร์บางแค มีโอกาสสูงที่ทำให้ สส.ณัฐพล เรืองปัญญาวุฒิ เหนื่อยแล้วเพราะชาวบางแค พูดกันตลอดว่า เห็น สส.แต่ในโลกออนไลน์ ไม่เคยเห็นในพื้นที่

เมื่อมีคนลงพื้นที่จริง และมีพี่เลี้ยงดี อย่าง ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา บวกกับนโยบายรัฐบาลประยุทธ์ ที่ช่วยเหลือประชาชน ด้วยนโยบาย “สารพัดตระกูลชนะ” อาจจะทำให้พรรคก้าวไกล หันมาดูแลทุกข์ยากของประชาชนที่เลือกมา มากกว่าหนุนม็อบสามนิ้ว และมุ่งแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว

เพราะยังไงเสียชาวบ้านนึกถึงปากท้องมาเป็นอันดับแรก


ทีมข่าว THE STATES TIMES รายงานจากพื้นที่เขตบางแค

‘ดร.นิว’ ซัด ‘ปิยบุตร’ เสนอ ‘ความรุนแรง’ หวังเลียนแบบสงครามกลางเมืองฝรั่งเศส เชื่อน่าจะเป็นแกนนำตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังม็อบ ยุยงปลุกปั่นอยู่หลังม่านโซเชียลมีเดียอย่างอำมหิต

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ว่า

ความเคลื่อนไหวล่าสุดหลังวาระ 3 ปิยบุตรเสนอ "สงครามกลางเมืองในฝรั่งเศส" ครั้งการปฏิวัติคอมมูนปารีส เผยเหตุผลว่าทำไมที่ผ่านมาปิยบุตรถึงชี้นำการรื้อถอนสถาบันการเมืองเดิมทิ้ง มุ่งหวังที่จะสร้างสถานการณ์เลียนแบบ

เป็นอย่างที่คาดไว้มาโดยตลอดว่าปิยบุตร แสงกนกกุล น่าจะเป็นแกนนำตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังม็อบ ยุยงปลุกปั่นอยู่หลังม่านโซเชียลมีเดียอย่างอำมหิต

เพราะปิยบุตรจมปลักดักดานอยู่กับคอมมูนปารีสและความรุนแรงในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสอย่างโงหัวไม่ขึ้น เป็นที่มาของ RT ค้อนเคี้ยวคอมมิวนิสต์ ตลอดจน REDEM ประชาชนนารวม ที่กำลังเคลื่อนไหวไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

กิโยติน #ม็อบ20มีนา แห่งความป่าเถื่อนของ #REDEM กับการเสนอสงครามกลางเมืองของปิยบุตรในระยะเวลาอันใกล้เคียงกัน คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ประชาชนชาวไทยจะอดทนกับปิยบุตรที่คอยยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยกไปสู่ความรุนแรงได้อีกนานแค่ไหน?

#ปิยบุตรนารวม #ปิยบุตรคอมมูนปารีส

ดร.ศุภณัฐ

18 มีนาคม พ.ศ. 2564

#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3990143471048261&id=100001579425464

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2564

ม็อบ 3 นิ้ว นัดชุมนุมใหญ่ 20 มี.ค. ที่สนามหลวง ผุดกิจกรรมพับจดหมายส่งข้ามรั้ววัง เรียกร้องให้มีการจำกัดอำนาจกษัตริย์ ยันไม่มีเดินขบวน ไม่มีแกนนำ เริ่ม 6 โมงเย็น เลิก 3 ทุ่ม

วันที่ 17 มี.ค. 2564 เพจ ‘เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH’ ได้โพสต์ข้อความนัดมวลชนร่วมชุมนุม ในวันที่ 20 มี.ค. นี้ โดยระบุว่า การต่อสู้ของผู้ถูกกดขี่ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ร่วมลั่นกลองรบและเคลื่อนพลไปพร้อมกัน

สนามราษฎร จะไม่ได้เป็นเพียงที่เผาศพอีกต่อไป มวลชนรีเดมทุกท่านโปรดเตรียมความพร้อมสู้ศึกครั้งนี้ โดยภายในงานประกอบด้วย Highlights คือ

ส่งสารเรียกร้องให้มีการจำกัดอำนาจกษัตริย์และลงมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่หลากหลาย ร่วมกันแสดงพลังหยุดระบอบกษัตริย์เหนือรัฐธรรมนูญ และทวงคืนประชาธิปไตยที่ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า สภาคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมานี้คือการปิดตายทางออกของประเทศผ่านช่องทางสภา และกระทำการเยี่ยงกบฏต่อประชาชน

ทั้งนี้ การคว่ำครั้งนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า ส.ว.คือผู้เป็น #ปฏิปักษ์ ต่อการนำพาประเทศให้พ้นวิกฤติ แล้วใครแต่งตั้งส.ว.หรือ? หากมิใช่คณะรัฐประหารที่ #กษัตริย์ เซ็นรับรอง

วันที่ 20 มีนาคมนี้ มวลชน REDEM ได้นัดหมายไปสนามราษฎร เพื่อส่งจดหมายถึงคนสั่งล้มรัฐธรรมนูญโดยตรง พร้อมกัน 18.00 น. ที่สนามหลวง และยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น.

* ไม่มีการเดินขบวน ไม่มีแกนนำ ร่วมกันแสดงพลังให้เต็มพื้นที่ นำกิจกรรมมาร่วมกันทำ นี่คือพื้นที่ของประชาชนทุกคน!”


ที่มา : https://www.facebook.com/FreeYOUTHth/photos/a.115688233213576/475821403866922/

ตัวถ่วงประชาธิปไตย 'ชัยธวัช' ชี้ คนไทยรู้สึกแล้ว ส.ว.ไม่จำเป็น ย้ำ สภาเดี่ยว - ปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญ - องค์กรอิสระ เป็นเรื่องสำคัญ ต้องชัดเป็นคำถามพ่วงในประชามติด้วย

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2564 ที่อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหลังมติของที่ประชุมร่วมรัฐสภาในสมัยประชุมวิสามัญ ในการพิจารณาเเก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย ในวาระ 3 มีมติโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาเเละสมาชิกสภาผู้เเทนราษฎรฝั่งรัฐบาลส่วนใหญ่ไม่โหวตรับร่างดังกล่าว

นายชัยธวัช กล่าวว่า จากเมื่อวานนี้ (17 มี.ค. 64) ที่มติสภามีการการคว่ำวาระที่ 3 ของร่างเเก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการเเสดงให้เห็นชัดเจนว่า อุปสรรคที่สำคัญในการขัดขวางการเปลี่ยนผ่านจากระบอบคณะรักษาความสงบเเห่งชาติ (คสช.) มาสู่ระบอบประชาธิปไตย คือ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เเละสมาชิกสภาผู้เเทนราษฎรฝั่งรัฐบาลจำนวนหนึ่ง

ซึ่งมีเจตนาที่ไม่ต้องการให้ที่จะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ( สสร.) ขึ้นมาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้น ประเด็นที่อ้างว่าจะต้องไปทำประชามติถามประชาชนก่อนหรือไม่ ก่อนที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

“พฤติการณ์ที่ผ่านมามันชัดเจนมาโดยตลอดว่า ผู้มีอำนาจร่วมมือกับสว.เเละ ส.ส.จำนวนหนึ่ง พยายามเตะถ่วงมาโดยตลอดให้นานที่สุด ให้ประเทศไทยอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับคสช. (2560) ให้ยาวนานที่สุด เเละไม่มีความต้องการที่จะให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ดังนั้นประเด็นเรื่องจะทำประชามติ หรือไม่ทำประชามติ หรือต้องทำประชามติตอนไหน เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เมื่อวานคือ บทสรุปของกระบวนการที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน เเละการที่พรรคร่วมรัฐบาล( ภูมิใจไทย ) จำนวนหนึ่งออกจากห้องประชุมสภาผู้เเทนราษฎรโดยไม่ร่วมลงมติในวาระ 3 และให้เหตุผลว่าควรจะมีการเลื่อนวาระที่ 3 ออกไปก่อน

เพื่อไปถามศาลรัฐธรรมนูยอีกครั้งเพื่อให้มีความชัดเจนนั้น อันนี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างเช่นกัน เเละยิ่งเป็นการทำให้หลงทิศหลงทาง เพราะจะทำให้เป็นการเตะถ่วงยืดเยื้อไปอีกนานไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไปหลอกคว่ำ หลอกประชาชนในท้ายที่สุด ยิ่งเป็นการสร้างความเสียหาย เสียโอกาสสำหรับสังคมไทยในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปอีก อย่างกรณี ที่อ้างว่าควรจะเลื่อนไปก่อน เเล้วไปถามศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความอีกครั้ง ก็จะทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การเสนอร่างเเก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในลักษณะคล้ายกันก็จะไม่สามารถกระทำได้ในสมัยประชุมหน้า คือจะยืดไปอีก เพื่อไปเริ่มในเดือนพฤศจิกายน ยิ่งเป็นการหลอกต้มประชาชนนานเกินไป" นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า "ประเด็นสำคัญไม่ใช่ควรจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ หรืออ้างว่าไม่ต้องการที่จะร่วมสังฆกรรมเพื่อล้มร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยมือตนเอง เเต่ควรจะไปถามเเกนนำรัฐบาล โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เเละพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเเละหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า จะรับผิดชอบอย่างไรกับการหักหลังประชาชนเช่นนี้ พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคหากมีความจริงใจจริง ๆ ต้องการผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จริงๆ ต้องถามความรับผิดชอบจากเเกนนำพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เเละหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ"

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการคว่ำร่างเเก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 เมื่อวานนี้เเล้ว ( 17 มีค 64 ) โดยอ้างว่าต้องไปถามประชาชนก่อนผ่านการทำประชามติ ดังนั้น ก็ถือว่าเป็นความผิดชอบของรัฐบาล หลังจากที่พระราชบัญญัติประชามติ พ.ศ.... ที่จะพิจารณาในวันนี้ ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาเเละมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย หลังจากนี้รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบที่จะต้องจัดทำประชามติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นคนตัดสินใจ ลงมติทั้งประเทศเห็นชอบหรือไม่ ที่จะยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 เเล้วให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ผ่านการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

นอกจากนั้น อาจมีความจำเป็นต้องถามในประเด็นที่สำคัญ เป็นคำถามพ่วงไปด้วย เช่น ประชาชนเห็นชอบหรือไม่ที่จะให้มีสมาชิกวุฒิสภา ( สว.) อยู่ต่อไป หรือเห็นชอบหรือไม่ที่จะต้องมีการปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญเเละองค์กรอิสระอื่น ๆ เพราะเป็นประเด็นใหญ่ที่เสียงของประชาชนมีความชอบธรรมที่สุดที่จะลงมติ โดยในเช้าวันนี้ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการประชุมหารืออีกครั้ง

"ต้องยอมรับว่าจนถึงปัจจุบันนี้ ประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมี ส.ว อีกเเล้ว การมี ส.ว.กลับเป็นตัวถ่วงในการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ นอกจากจะถามว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ คำถามประเภทนี้อาจจำเป็นที่จะต้องถามคำถามพ่วงไปด้วย" ชัยธวัช กล่าวทิ้งท้าย

‘เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส’ เหน็บ ‘บางพรรค’ เล่นใหญ่ใจไม่ถึง แสดงละครหลอกประชาชน ทำทีโวยวาย สุดท้ายหลบไม่ลงคะแนน เย้ยนักเลือกตั้งยอมเผด็จการสืบทอดอำนาจต่อ

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. เวลา 08.30 น.ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการลงมติคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นความประสงค์ของผู้มีอำนาจ ที่ยึดอำนาจมา เขียนรัฐธรรมนูญและ ตั้งศาลรัฐธรรมนูญเอง ฝ่ายค้านพยายามทำเต็มที่ที่สุดแล้ว

แต่มีขบวนการเหนี่ยวรั้งตลอดเวลา และนักการเมืองก็ยอมให้ยึดอำนาจของเราไปให้ศาลตามที่เขาต้องการ เพื่อให้ ส.ว.250 คนเลือกนายกฯ ต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นการสืบทอดอำนาจตามที่วางแผนเอาไว้ แต่ก็อยู่ที่ฝ่ายการเมืองทั้งที่มาจากการเลือกตั้งยังไปสนับสนุนเผด็จการกันอีก

"เมื่อคืนก็แสดงบทบาทไม่เอาอย่างนั้นอย่างนี้ โวยวายในสภาแล้วก็หลบไม่ลงคะแนน ควรจะลงคะแนนแม้ฝ่ายประชาธิปไตยจะแพ้ก็ยังดูดี ไม่ใช่มาเล่นบทหลอกลวงประชาชนไปวัน ๆ เพราะต้องใช้เสียง ส.ว .84 คนเขาไม่ยกให้หรอก มีเพียง 2 เท่านั้นที่ยกให้ แม้ฝ่ายค้านจะยกเต็มที่เท่าไหร่ก็แพ้ เราก็ต้องรอเลือกตั้งกันใหม่ และให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจ จะปล่อยบ้านเมืองเป็นอย่างนี้หรือ" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

ประธานรัฐสภา ‘ชวน หลีกภัย’ เห็นใจคนคิดแก้รัฐธรรมนูญ ชี้รัฐธรรมนูญ 60 เขียนให้แก้ยาก เปิดช่องแก้รายมาตราง่ายกว่า

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. เวลา 08.05 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการดำเนินการต่อไปภายหลังที่ประชุมรัฐสภาลงมติโหวตไม่เห็นชอบการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ในวาระ 3 ว่า จบไปแล้ว ส่วนการเสนอแก้รายมาตรานั้น คงต้องเสนอในสมัยประชุมหน้า

ขณะที่ประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับและการทำประชามติ ยังไม่มีอะไรชัดเจน ทางสภาเองก็ได้มีการหารือว่าจะมีกระบวนการในการทำอย่างไร ซึ่งยังตอบไม่ได้ แต่ถ้ากรณีที่จะทำใหม่ หากพูดตามจริงในขณะนี้หน้าตาเป็นอย่างไร จะเริ่มอย่างไร ก็คงไม่มีใครตอบได้

นายชวน กล่าวว่า "หลังจากปิดสมัยประชุมในวันนี้ ตนจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปศึกษารายละเอียด ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าจะต้องทำประชามติเสียก่อน ว่าจะต้องมีกระบวนการอย่างไร ซึ่งเราจะต้องดู ต้องตั้งคำถามอย่างไร เพราะในรัฐธรรมนูญไม่มีระบุ"

"เมื่อถามว่าจำเป็นต้องถามกลับไปที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องการทำประชามติ นายชวน กล่าวว่า เป็นงานด้านบริหาร ศาลก็วินิจฉัยไปตามข้อกฎหมายแต่วิธีการปฏิบัติไม่แน่ใจว่าศาลทราบหรือไม่"

เมื่อถามว่าเป็นไปไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายชวน กล่าวว่า "ต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญเขียนเพื่อไม่ให้แก้ไข หลักๆ คือเขียนเพื่อให้แก้ยากที่สุด ฉะนั้นไม่ง่ายตั้งแต่ต้น ก็เห็นใจคนที่คิดจะแก้ไขเพราะเราจะเห็นว่าการแก้มันยากมาก เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น การลงคะแนนเสียงของสมาชิก หรือวุฒิสภาต้องไม่น้อยกว่าเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแต่ด้วยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญคือไม่ต้องการให้แก้ แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นแก้ไม่ได้เลย หากมีการแก้รายมาตราอาจจะง่ายกว่า แต่ทางศาลรัฐธรรมนูญไปตีความว่าการแก้จะมีผลกระทบต่อรัฐธรรมนูญ 2560"

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก​ เกี่ยวกับกรณี​ 'เพนกวิน'​

ผมได้เห็นภาพจริงที่เพนกวิน อาละวาดศาล ในทวิตเตอร์ของ Andrew MacGregor Marshall อดีตสื่อต่างชาติในไทย และหนีคดี 112 สิ่งที่น่าสังเกต

1.​ เพนกวินมีการอ่านเอกสารที่จัดเตรียมมาก่อน

2.​ มีการคล้องแขน ล้อมกรอบ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงเพนกวิน

3.​ มีการถ่ายภาพจริงออกมา และฝรั่งต่างชาติไปเผยแพร่

สิ่งที่เห็นจึงเป็นการยืนยันว่า มีการวางแผน เพื่อทำลายเครดิต นอกจากสถาบันเบื้องสูง ทหาร ยังรวมถึงสถาบันตุลาการของไทย และเผยแพร่โดยชาวต่างชาติ ซึ่งสอดรับกับภรรยาชาวฝรั่งเศส ของนักการเมืองคนหนึ่ง ก็ทำงานอ้างว่าวิจัย เพื่อทำลายสามสถาบันนี้มาก่อน

เพนกวินอาจจะเล่นสมบท และได้รับรางวัล​ "วีระรัฐบุรุษ" เพื่อเอาใจให้เหลิงในแสง แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ตัวเขาต้องรับกรรม

นี่คือการพิสูจน์ว่า กระบวนการนักการเมืองชั่ว ร่วมกับอาจารย์ นักวิชาการหัวรุนแรง ปั่นหัวศิษย์เลว ร่วมมือกับต่างชาติ เพื่อหวังครอบงำประเทศ ผ่านกระบวนการชักศึกเข้าบ้าน วิธีการที่เราจะชนะเขาคือ การรู้เท่าทันนั้นไม่พอ เราคนไทยต้องรักและสามัคคีกันด้วย เพื่อไม่ให้ไทยเราเป็นเหยื่ออย่างบางประเทศในตะวันออกกลาง


ที่มา : https://www.facebook.com/1635406246730420/posts/2869483936655972/

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2564

'พานทองแท้' บ่นตอนพ่อเป็นนายกฯ ไปเจรจาระหว่างประเทศ เคยนั่งเครื่องไปด้วยหลายสิบครั้ง เสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้เรียนรู้เทคนิคการเจรจาระดับสูงจากพ่ออย่างเต็มที่ ก่อนถามเสียดายโอกาสของประเทศไทยที่หายไปกันบ้างหรือเปล่า

จากเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra ของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญาแผ่นดิน ได้โพสต์ข้อความเล่าความหลังว่า...

“โดนจับนั่งเครื่องไปด้วยตอนพ่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเจรจาระหว่างประเทศหลายสิบครั้ง #ไปเองจ่ายเองนักเลงพอ #ไม่ใช้เงินหลวง #NoDrama

ตอนนั้นยังเรียนไม่จบเพิ่ง 20 ต้น ๆ ยังไม่สนใจการเมือง จึงไม่สนใจว่าพ่อจะเจรจาอย่างไรบ้าง เพิ่งจะได้ฟังเทคนิคการเจรจาระดับสูงจากพ่อ ตอนมาฟังคลับเฮาส์พร้อมๆ กับ Tony’s FC วันนี้นี่เอง ฟังแล้วก็คิดถึง และเสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้เรียนรู้จากพ่ออย่างเต็มที่

เพื่อน ๆ ล่ะครับ!! เสียดายโอกาสของประเทศไทย ที่หายไปกันบ้างหรือเปล่า? #tonywoodsome”


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000025528

มูลนิธิรำลึก 18 พฤษภาคมแห่งนครควังจู สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์เรียกร้องทางการไทย หยุดคุกคามนักกิจกรรมในเรือนจำ

ความว่า มูลนิธิรำลึก 18 พฤษภาคม ขอเตือนทางรัฐบาลไทยว่า โลกกำลังจับตามองปฏิบัติการ อันน่าสงสัยของเจ้าหน้าที่ และรัฐบาลไทยในการความพยายามกระทำการ ต่อ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ผู้ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2017 และ นายอานนท์ นำภา ผู้ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2021 กับเพื่อนนักกิจกรรมของเขา ในคืนวันที่ 15 มีนาคม 2564

ทางเจ้าหน้าที่รัฐของไทยได้ใช้ความพยายามอันน่าสงสัยถึง 3 ครั้ง เพื่อจะนำเอาตัว นายจตุภัทร์และนายอานนท์กับพวกไปยังส่วนอื่นของเรือนจำ ในเวลากลางดึกจนถึงช่วงวันใหม่ และพวกเรามีความกังวลต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัย ของผู้ได้รับรางวัลทั้งสองกับเพื่อนนักกิจกรรมของเขาเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นทางมูลนิธิฯ กับกลุ่มองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติ จะจับตาปฏิบัติการของรัฐบาลไทย ที่กระทำกับพวกเขาอย่างใกล้ชิด ในโอกาสนี้ ทางมูลนิธิขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวผู้ได้รับรางวัลของเรา และเพื่อนนักกิจกรรมของเขาในทันที

ทั้งนี้มูลนิธิรำลึก 18 พฤษภาคม แห่งนครควังจู สาธารณรัฐเกาหลีใต้ เป็นมูลนิธิที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรำลึกวีรชนและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนให้กับโลก มูลนิธิเกิดขึ้นจากการรวมตัวของครอบครัววีรชนชาวควังจู ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหารเกาหลีใต้ในปี 1980 ซึ่งทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก

และในระหว่างเรียกร้องความเป็นธรรมนั้น ก็มีผู้สละชีวิตประท้สวงรัฐบาลเกาหลีใต้ให้หันมาสนใจ และคืนความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เมื่อเกาหลีใต้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น การเรียกร้องให้คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และคืนความเป็นธรรมให้กับวีรชนและครอบครัวผู้เสียชีวิต ชาวควังจูก็ได้เล็งเห็นความสำคัญในการรณรงค์ เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

จึงได้มอบรางวัลสิทธิมนุษยชนฯ ดังกล่าว แก่ผู้มีผลงานในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสันติภาพ ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมามูลนิธิรำลึก 18 พฤษภาคม ได้มอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้แก่ ซานาน กุสเมา ปี 2000, อองซานซูจี ปี 2004 ในบทบาทยุคที่ถูกเผด็จการทหารกักตัว, สำหรับประเทศไทย ผู้ได้รับรางวัลนี้ได้แก่ นางอังคณา นีละไพจิตร ปี 2006, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ปี 2017 และ นายอานนท์ นำภา ปี 2021


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/politic/2051601


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top