Tuesday, 10 June 2025
POLITICS NEWS

"บิ๊กป้อม" ประชุมคกก.แม่น้ำโขงแห่งชาติ ไทยเจ้าภาพเตรียมจัดประชุมสุดยอดผู้นำ ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ยืนยันท่าทีไทย/ปชช. ได้รับประโยชน์สูงสุด สั่งเดินหน้า 24 โครงการ ร่วมพัฒนาลุ่มน้ำโขงยั่งยืน เร่งบรรเทาผลกระทบ ปชช.8 จ.ว.ริมโขง

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่าวันนี้ เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564  ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบสถานการณ์แม่น้ำโขง  จากปัญหาภาพรวม การผันผวนของปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง ตั้งแต่ 1 ม.ค 64 ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนของไทยริมฝั่งแม่น้ำโขง ในการดำเนินชีวิต อาทิ การเลี้ยงปลาในกระชัง การเดินเรือขนาดเล็ก เป็นต้น ต่อมากระทรวงการต่างประเทศ และ สทนช. ได้ประสานงานร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน เพื่อแก้ปัญหา และได้รับความร่วมมือด้วยดีกระทั่ง ระดับน้ำเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ตั้งแต่ มี.ค.64 และได้รับทราบ ผลการประชุมคณะมนตรีฯแม่น้ำโขงเมื่อ 26 พ.ย.63 เห็นชอบกรอบความร่วมมือ ทั้งการพัฒนาลุ่มน้ำโขง การจัดการสินทรัพย์ด้านสิ่งแวดล้อม และการคมนาคมขนส่ง เป็นต้น 

จากนั้น คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบเรื่องสำคัญ ได้แก่การเตรียมจัดการประชุมสุดยอด ผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 4  การประชุมคณะมนตรีครั้งที่ 28 และการประชุมร่วมระหว่างคณะมนตรีกับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนาครั้งที่ 26 ในฐานะไทยเป็นประธานคณะมนตรีฯปีพ.ศ.2564 ประมาณช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 64 และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ covid-19 ด้วย และเห็นชอบให้ทำการศึกษาการพัฒนาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขง โดยให้ สทนช.ร่วมกับ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เร่งประสานงานกับ สปป.ลาว รวมถึงเห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการระดับประเทศ (พ.ศ.2564-2568) จำนวน 24 โครงการ เพื่อบริหารจัดการแม่น้ำโขง อย่างยั่งยืน สอดคล้อง แผนแม่บทบริหารทรัพยากรน้ำ 20ปี

พล.อ.ประวิตร ยังได้สั่งการ สทนช. และกำชับ หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตามแผนงาน ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว โดยขอให้มีความคืบหน้าตามเป้าหมาย อย่างเป็นรูปธรรม โดยจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับสูงสุด ภายใต้กรอบความร่วมมือ และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้มากขึ้น ที่สำคัญอย่างยิ่งจะต้องเร่งขับเคลื่อนโครงการที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน จากผลกระทบ ของพี่น้องประชาชน 8 จังหวัด ริมแม่น้ำโขงของไทย อย่างรีบด่วน

"ราเมศ" สอน "วิโรจน์" ไปศึกษาคำว่า “จิตสำนึก” จี้ใจดำ กลับกลอกกลิ้งออกนอกใบบัว

นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมากล่าวถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย กล่าวว่ายังไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่รอให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ฉีดให้ครบก่อน เพราะเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยง ว่า

การอธิบายสิ่งต่างๆให้นายวิโรจน์ ฟัง ยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ตอบคำถามที่นักข่าวได้ถามว่า ส่วนตัวได้ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง นายชวน ตอบว่ารอให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนให้ครบก่อนทุกคน ไม่เช่นนั้นจะหาว่า นักการเมืองเอาไปก่อน ขณะที่บุคลากรผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อยังไม่ได้ฉีด ตนจึงรอให้เขาเรียบร้อยก่อน คำพูดที่นายชวนตอบ คือความตั้งใจของนายชวน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เห็นได้ชัดว่าบุคลากรทางการแพทย์คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงและทุ่มเททำงานหนักมากที่สุด 

ส่วนในเรื่อง ส.ส.ที่ได้รับแจ้งให้ไปฉีดวัคซีนนั้น ทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้มีการประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข มี ส.ส.หลายคนที่ไปฉีดมาแล้ว ก็ไม่ได้ผิดกฎเกณฑ์กติกาอะไรสามารถทำได้ เช่นกลุ่มนายวิโรจน์ แต่ที่ทุกคนสับสนคือ ก่อนหน้านี้ยืนยันปั้นหน้าหล่อชัดเจนว่า”ตราบใดที่วัคซีนมีจำกัด จะให้ไปแย่งประชาชนฉีดได้อย่างไร” อีกวันกลับกลอกพูดอีกอย่างว่า “เมื่อมีหมายให้ไปฉีด ก็ต้องไปฉีดตามหมายตามวัคซีนที่ทางการจัดสรรให้เพื่อให้เป็นไปตามแผน” ทุกคำพูดของนายวิโรจน์จะเป็นคำอธิบายได้ดีที่สุดว่าเป็นคนแบบไหนแล้วอย่าพยายามบิดเบือนคำพูดนายชวนเพื่อลบการกระกลับกลอกของตน

แต่ต้องขอชื่นชม ส.ส.หลายคนที่มีเจตนาเช่นนายชวน ที่มีความเป็นห่วงสถานการณ์การฉีดวัคซีนที่อยากให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ฉีดก่อน ทั้งๆที่สามารถไปฉีดวัคซีนได้นายวิโรจน์คงต้องกลับไปศึกษาความหมายของคำว่า “จิตสำนึกที่ดี” เพื่อประกอบการทำงานการเมือง ซึ่งมีความสำคัญกว่าการพูดที่กลับกลอก กลิ้งไปกลิ้งมาจนหลุดจากใบบัว ลงไปอยู่ในโคลนตม

“ศักดิ์สยาม” รอตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกรอบหลังแพทย์ให้กลับบ้านได้ ย้ำต้องยกการ์ดสูงแม้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันแล้ว ขอให้เชื่อมั่นสาธารณสุข​ไทย รอ “อนุทิน” หารือกรมควบคุมโรคยังต้องฉีดวัคซีน​เข็มที่ 2 หรือไม่

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงการรักษาอาการจากการติดเชื้อ​โรควิด-19 ว่า ขณะนี้​แพทย์อนุญาตให้กลับมาพักและกักตัวที่บ้าน ที่ จ.บุรีรัมย์​ และอีก 2-3 วัน จะต้องไปรับการตรวจหาเชื้อแบบ Swab และเจาะเลือดตามมาตรฐานสาธารณสุขอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูจำนวนเชื้อที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามมาตราฐาน​ของสาธารสุข ก็สามารถ​ใช้ชีวิตตามปกติได้ และพร้อมเข้าปฏิบัติงาน​ที่กระทรวง​คมนาคม​ ซึ่งภายหลังที่ตนเองติดเชื้อโควิด-19 นั้น ได้มีการพ่นยาฆ่าเชื้อที่กระทรวง ห้องทำงาน และตรวจหาเชื้อไม่พบว่ามีใครติดเชื้อโควิด-19 

เมื่อมีการตรวจหาเชื้อรอบที่ 2 เมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมาพบมีเพียงแม่บ้าน 1 ราย ที่ติดเชื้อ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาล​สงกรานต์​ ไม่ได้ไปทำงานที่กระทรวง ทั้งนี้ เมื่อทราบทางทีมงานตนเองได้ประสานไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อนำตัวเข้ารับการรักษาต่อไป โดยเบื้องต้น ทราบว่าแม่บ้านที่ติดเชื้ออยู่กับครอบครัว​จำนวน 8 คน จึงไม่ทราบว่าติดเชื้อจากที่ใด แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ติดเชื้อจากสถานที่ทำงานแน่นอน และขณะนี้ได้สั่งการให้พ่นยาฆ่าอีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจ

นายศักดิ์​สยาม​ กล่าวว่า ตามมาตราฐานสาธารณสุข​ แม้ตนจะรักษาอาการหายแล้ว ร่างกายสร้างภูมิกัน แต่วันนี้โรคโรควิด-19 ยังเป็นโรคใหม่สามารถกลายพันธุ์​ได้ตลอดเวลา ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ​สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด​ โดยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์​ และเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อความปลอดภัย​ เนื่องจากเห็นได้จากตนเองที่ยกการ์ดสูงมากยังติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อมั่นกระบวนการสาธารณสุข​ของไทย 

เมื่อพบว่าป่วยต้องรีบไปรักษาจะไม่มีปัญหาอะไร และขอให้ยึดตามมาตรฐานสาธารณสุข​เป็นหลัก ให้ประชาชนเชื่อมั่นเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า ตนก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ติดเชื้อแล้วเข้ารับการรักษา​ตามกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นคนป่วยหรือไม่ป่วยก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของสาธารณสุข จะคิดเอาไม่ได้ว่าแข็งแรง หรือฉีดวัคซีน​แล้วจะไม่ติดเชื้อ และทางผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาบอกแล้วว่า แม้ฉีดวัคซีน​มีภูมิคุ้มกัน​ โอกาสการติดเชื้อก็ยังมีอยู่ เพราะไม่ได้มีเชื้อสายพันธุ์​เดียว

ส่วนการรับวัคซีนชิโนแวค เข็มที่ 2 ยังคงต้องรับอีกหรือไม่ เพราะติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เพื่อให้สอบถามความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ​กับกรมควบคุมโรค ว่จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป เนื่องจากทางแพทย์​ที่ให้การรักษาตนบอกว่าร่างกายมีภูมิ​คุ้มกันโรคแล้ว แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ จึงต้องนำทุกเคส ทุกวิธีการรักษา​มาพิจารณา เพื่อใช้เป็นองค์ความรู้ในการต่อสู้กับเรื่องนี้ในอนาคต

"ศรีสุวรรณ" ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบ​ "วีรศักดิ์-ยลดา" ปม หนี้หาย 1.1.หมื่นล้าน​ แถมรวยขึ้นในเวลาแค่ 2 ปี

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยพบว่าในส่วนของนางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา(นายก อบจ.) คู่สมรสของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม แจ้งบัญชีทรัพย์และหนี้สินในการเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 มีความผิดปกติ ในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้สินของนายวีรศักดิ์และภรรยา ที่เคยมีรวมกันทั้งสิ้น 11,138,404,713 บาท 

เมื่อเทียบกับการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายวีรศักดิ์ ที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. เมื่อ 22 ส.ค.62 ซึ่งระยะเวลาผ่านไปเพียงประมาณ 2 ปี หลังจากนายวีรศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ หนี้สินประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทหายไปเกือบทั้งหมด​ เหลืออยู่เพียงประมาณ 35.5 ล้านบาทที่เป็นเงินเบิกเกินบัญชี ขณะที่นางยลดา มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 150,147,276 บาท ส่วนนายวีรศักดิ์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 211,469,361 บาท รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 361,616,637 บาท เป็นไปได้อย่างไร ดังนั้นทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องที่ผิดปกติดังกล่าว โดยจะไปยื่นในวันพฤหัสบดีที่ 22 เม.ย.64 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี

"พีระศักดิ์" เผย เห็นด้วยกับการแก้ม.272-กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ชี้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมาหาข้อยุติในสภา

เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ที่รัฐสภา นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของ ส.ว. ว่า เนื่องจาก ส.ว. ค่อนข้างเป็นอิสระ เพราะไม่ได้เป็นพรรคการเมือง จึงไม่ได้มีการหารือกันเป็นกิจลักษณะ หรือเป็นมติของวิปคงทำไม่ได้ จึงเป็นเรื่องความคิดเห็นของแต่ละกลุ่มว่าจะคิดเห็นกันเช่นไร

เมื่อถามว่ามีส.ว.บางท่านเห็นด้วยกับการแก้มาตรา 272 ส่วนตัวเห็นด้วยหรือไม่ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของพรรคการเมืองเพราะเป็นคนเสนอนโยบายต่อประชาชนในตอนเลือกตั้ง ว่ามีนโยบายอย่างไรหรือเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเห็นด้วยกับการแก้ประเด็นนี้มานานแล้ว แต่ว่าในการเลือกตั้งครั้งแรกตนเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาเลือกพล.อ.ประยุทธ์ แต่หลังจากนี้ให้กำหนดในรัฐธรรมนูญเลยก็ได้ว่าให้เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร 

เมื่อถามว่ามองว่าหลังจากนี้เสียงโหวตของส.ว.ในการแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับตนโหวตเห็นควรให้แก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น แต่เมื่อโหวตครั้งที่ 2 เกิดปัญหาข้อกฎหมายว่าแก้ได้หรือไม่ ตนจึงงดออกเสียง แต่หลักการแล้วเมื่อพรรคฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลและภาคประชาชนเสนอแก้ฉะนั้นต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

เมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไรที่พรรคฝ่ายค้านเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งที่เปลี่ยนจากบัตรเลือกตั้ง 1 ใบเป็นบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อยุติ ตรงนี้เป็นในส่วนของรายละเอียด สำหรับตนเคยเสนอแก้ไขเปลี่ยนเป็นบัตร 2 ใบเหมือนเดิม เพราะเป็นการรอนสิทธิ์ของประชนชนจากเดิมที่สามารถใช้สิทธิ์เลือกได้ทั้งพรรคและตัวบุคคล ประเด็นใดที่เปิดโอกาสให้ประชาชนก็ควรจะทำ 

เมื่อถามว่าการแก้ไขรายมาตรามีโอกาสจะสำเร็จมากกว่าการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างใหม่ใช่หรือไม่ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เดินไปในทางการแก้ไขรายมาตราอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามต้องใช้เสียง 1 ใน 3 ของส.ว. ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของส.ว.แต่ละท่าน ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องต้องการให้ยกร่างใหม่มากกว่า ซึ่งเป็นความเห็นของแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตามต้องมาหาข้อยุติสุดท้ายในสภา ว่าทั้งส.ส.และส.ว.จะเห็นด้วยอย่างไรกับกติการัฐธรรมนูญฉบับปี 60 นี้ 

เมื่อถามว่าการแก้รายมาตราหรือการยกร่างจะช่วยลดอุณหภูมิทางการเมืองหรือไม่ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของส.ส.และส.ว. อยู่แล้วในฐานะที่เป็นผู้แทนประชาชนที่จะต้องฟังกระแสสังคม และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ในระยะยาวกับประชาชน ขอให้ประชาชนสื่อสารกันมาเยอะๆ เพราะหลักประชาธิปไตยคือต้องเปิดพื้นที่ในการแสดงความเห็น อย่าจำกัดสิทธิ์ประชาชนมาก อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ต้องใช้กติกาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

ก.แรงงาน ขานรับข้อห่วงใยนายก เร่งเยียวยาผู้ประกันตนที่ทำงานกลางคืนจากเหตุสุดวิสัยโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขานรับข้อห่วงใยนายกรัฐมนตรี กรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 และนายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการเนื่องจากทางราชการมีคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน รวมกันไม่เกิน 90 วัน 

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ช่วยดูแลพี่น้องแรงงานที่ทำงานกลางคืนให้เหมือนคนในครอบครัว 

ภายใต้กรอบของกฎหมาย เนื่องจากคนทำงานภาคกลางคืน เช่น ผับ บาร์ สถานบันเทิง ภัตตาคาร ร้านอาหาร สถานบริการ เป็นต้น ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 ซึ่งเป็นผู้ประกันตนให้ได้รับการช่วยเหลือเยียวยากรณีนายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการเนื่องจากทางราชการมีคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ให้ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยโควิด-19 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า กรณีเหตุสุดวิสัยโควิด -19 กระทรวงแรงงาน ได้ออกกฎกระทรวงได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ.2563 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไปให้ความคุ้มครองกรณีผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากต้องกักตัวเฝ้าระวังการระบาดของโรค 

นายจ้างต้องหยุดประกอบกิจกรรมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเนื่องจากทางราชการมีคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ และลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน รวมกันไม่เกิน 90 วัน 
ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป และสำนักงานประกันสังคมได้เปิดให้นายจ้างและผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนโดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ www.sso.go.th

เทพไท แจงเหตุผลตัดงบ สัมมนาดูงาน ก่อสร้าง ซื้ออาวุธ ได้เงิน 4 แสนล้าน สู้โควิด

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว มีข้อความว่า จากกรณีที่ผมได้เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565  โดยขอเสนอให้ตัดงบประมาณใน 4 ส่วน ด้วยเหตุผลดังนี้ คือ

1.งบประมาณการจัดสัมมนาซึ่งเห็นว่างบประมาณส่วนนี้ไม่ควรที่จะดำเนินการในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะการสัมมนาเป็นการรวมตัวของคนหมู่มาก สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

2.งบประมาณด้านการศึกษาดูงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ควรมีงบประมาณส่วนนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะการศึกษาดูงานเป็นเพียงการเปิดวิสัยทัศน์และเพิ่มประสบการณ์ให้กับข้าราชการในการทำงาน ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนในสถานการณ์เช่นนี้ และยังไม่มีประเทศใดเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศในสถานการณ์โรคไวรัสโควิดกำลังระบาดอยู่

3.งบประมาณด้านการก่อสร้างที่เป็นโครงการใหม่ ทั้งการก่อสร้างถนน และอาคาร ซึ่งยังไม่มีความจำเป็น และไม่ใช่สิ่งจำเป็นเร่งด่วน สามารถชะลอโครงการก่อสร้างออกไปได้หนึ่งปี จะไม่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง

4.งบประมาณด้านการทหารในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการก่อสร้างอาคาร ค่ายทหาร ซึ่งไม่มีความจำเป็นสำหรับการสู้รบในโลกปัจจุบัน ที่มีการสงครามทางโลกไซเบอร์มากกว่า และการก่อสร้างในค่ายทหารก็ได้รับงบประมาณในช่วงรัฐบาล คสช. มากกว่าทุกรัฐบาล

 ถ้าหากรัฐบาลดำเนินการตัดงบประมาณทั้ง 4 ส่วนดังกล่าวนี้ จะมีเม็ดเงินงบประมาณไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณที่เกี่ยวกับการป้องกันและเยียวยา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ครบวงจร โดยนำเม็ดเงินงบประมาณทั้งหมดไปจัดทำงบประมาณโครงการดังนี้ คือ

1.) จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลประจำอำเภอ ทั่วประเทศ เพื่อให้มีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเชิงรุก เป็นการป้องกันโรคในเบื้องต้น

2.) จัดซื้อวัคซีนเพื่อใช้ฉีดป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนทั้งประเทศ ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงครบทุกคน เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาชนในประเทศ

3.) จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ด้านการพยาบาลให้กับ อสม.และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ที่ขาดแคลนเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในการบริการประชาชนในชนบท

4.) จัดเป็นงบประมาณส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจรายย่อยหรือ SME เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก

5.) จัดเป็นงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ให้กับประชาชนทุกสาขาอาชีพ 

ถ้ารัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อเสนอแล้ว ก็สามารถจะแก้ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 และความเดือดร้อนของประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมาปรับลดงบประมาณ หรือจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณกลางปีขึ้นมาใหม่ เหมือนที่ผ่านมา และเป็นการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ4หรือรอบ5 ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ 

สำหรับปีนี้ ผมไม่มีโอกาสได้อภิปรายแสดงความเห็นในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงขอใช้สิทธิ์ผู้แทนนอกสภา เสนอความเห็นเกี่ยวกับการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2565 ผ่านสื่อมวลชนไปถึงรัฐบาลด้วยความจริงใจ

ก.แรงงาน ชวนทำดี จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา”

ก.แรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เชิญชวนสถานประกอบกิจการ นายจ้าง และเครือข่ายพี่น้องแรงงาน จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนจิตอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความสุขของแรงงานและประชาชน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2564

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติตามปกติจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงถึงพลังของแรงงานในการร่วมพัฒนาประเทศ ตลอดจนรับทราบปัญหา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างขวัญกำลังใจแก่พี่น้องแรงงาน แต่ปีนี้เนื่องจากสถานการณ์ของ โรคโควิด-19 เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ จึงมีความจำเป็นต้องงดการจัดกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มีนโยบายการบริหารงานภายใต้วิสัยทัศน์ “แรงงานมีศักยภาพสูง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” โดยให้ความสำคัญกับการน้อมนำพระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการขับเคลื่อนโครงการจิตอาสา หวังให้ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน จึงได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา” เพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการ นายจ้าง และลูกจ้าง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีส่วนร่วมในกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม ตลอดจนก่อให้เกิดความสามัคคีและความเข้มแข็งของเครือข่ายพี่น้องแรงงานผู้ที่ทำประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

ด้าน นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมดังกล่าว กรมได้มอบหมายให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 76 จังหวัด ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานประกอบกิจการและเครือข่ายแรงงาน จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานและประชาชนให้มีความสุข ได้แก่ การมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์ ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดสถานประกอบกิจการ พื้นที่ในชุมชน เช่น วัด และโรงเรียน หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันในการบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาติไทย พร้อมทั้งกิจกรรมยกระดับสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของพี่น้องแรงงาน ให้มีความรู้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในการดูแลตนเองและครอบครัว

โดยร่วมแบ่งปันหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้กรมตั้งเป้าจัดกิจกรรมมุ่งสร้างความสำคัญของแรงงานในวันแรงงานแห่งชาติ อาทิ การให้คำปรึกษาแนะนำ ตรวจเยี่ยม และติดตามป้องกันเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้านแรงงาน อันเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของนายจ้างและลูกจ้างในการก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจและผ่านพ้นวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ไปด้วยกัน

“ธนกร” โต้แทน “บิ๊กตู่” แจง ”บิ๊กแสนสิริ” ยันรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนไทม์ไลน์ชัดเจน ซัด ฝ่ายค้านอย่าติงทุกเรื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและผู้จัดการใหญ่บริษัทแสนสิริจำกัด(มหาชน) เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ว่า นายเศรษฐา ออกมาให้ความเห็นบ่อยในช่วงหลังซึ่งเป็นไปอย่างสุภาพ ส่วนจะหวังผลการเมืองหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ดีกว่าฝ่ายการเมือง ขอยืนยันกับนายเศรษฐา ว่ารัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และมีแผนการฉีดวัคซีนที่ชัดเจน ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่าขณะนี้ไทยมีวัคซีนป้องกันโควิดเข้ามาจำนวน 2,117,000 โดส และในวันที่ 24 เม.ย. วัคซีนซิโนแวคจะเข้ามาอีก 5 แสนโดส และเดือนพ.ค.วัคซีนซิโนแวคเข้ามา 1 ล้านโดส 

ส่วนวัคซีนแอสตราเซนเนกา ที่ผลิตในไทยจะเริ่มทยอยส่งเดือนมิ.ย. 4-6 ล้านโดส และจะเพิ่มจำนวนตั้งแต่เดือนก.ค.จนถึงสิ้นปี64 จะครบ 61 ล้านโดส และมีวัคซีนทางเลือกที่ให้ภาคเอกชนอีก 5-10 ล้านโดส ที่น่าจะเพียงพอ และเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์ไว้แล้ว ในเดือนเม.ย.-พ.ค.จัดหาเพิ่ม 2 ล้านเม็ด เดือนพ.ค-มิ.ย.1 ล้านเม็ด และมิ.ย.-ก.ค.อีก 5 แสนเม็ด และจะสั่งซื้อให้มีสำรองในสต็อก 3.5 ล้านเม็ด 

“ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาล ทุ่มเททำงานช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ที่หวังดีและเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่เหมือนกับฝ่ายค้านที่โจมตีโดยประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ส่วนฝ่ายค้านให้ลดการตำหนิรัฐบาลลง และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์จะดีกว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเมือง แต่เป็นเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมแรงร่วมใจทำงานช่วยเหลือประชาชน” นายธนกร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top