Monday, 21 April 2025
POLITICS NEWS

เด็ก พปชร. วอน ประชาชนเชื่อมั่น ข้อมูลวิชาการ ฉีดวัคซีน จวก ฝ่ายค้าน หยิบเป็นประเด็นการเมือง

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นางสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวอาจารย์แพทย์ ให้ความเห็นส่วนบุคคลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่บิดเบือน ว่า ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ออกคำแถลงชี้แจงย้ำชัดเจนแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ได้เป็นความเห็นทางวิชาการของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ

นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ว่า วัคซีนโควิดที่ประเทศไทยนำเข้าทั้งซิโนแวค และแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และยังมีประสิทธิภาพต่อเชื้อโรคกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการยืนยันของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาฯ ว่าวัคซีนทั้ง 2 ตัวที่ไทยกำลังฉีดอยู่ป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% และลดอาการป่วยรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังจำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และมีประสิทธิภาพต่อการลดความรุนแรงของโรคของผู้ที่ติดเชื้อตามมาตรฐานสากล

นางสาวทิพานัน กล่าวว่า “ในขณะนี้มีกระบวนการด้อยค่าทีมทำงานของรัฐบาลและสาธารณสุข โดยมุ่งเรื่องวัคซีนเป็นตัวนำ โดยมีพฤติกรรม ขยายผลบิดเบือนเรื่องประสิทธิภาพวัคซีน กล่าวหาเลื่อนลอยเรื่องรัฐผูกขาดนำเข้าวัคซีน จนสร้างความตื่นตระหนกสับสนในสังคม ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ที่อาจตัดสินใจไม่ให้ความร่วมมือมารับการฉีดวัคซีน อันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกำลังใจของทีมนักรบชุดขาวที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพียงเพื่อมุ่งหวังให้เกิดความเสียหายและหวังผลทางเมือง โดยเอาสุขภาพของประชาชนมาเป็นเหยื่อ ดังนั้นจึงขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่มีหลักวิชาการอ้างอิง ที่กำลังระบาดตอนนี้ 

ที่น่าผิดหวังก็คือ นักการเมือง ผู้แทนของประชาชน โดยเฉพาะฝ่ายค้าน เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กกล่าวหารัฐบาลฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ โดยไม่คำนึงว่าจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน และกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร ทำให้สังคมสงสัยและตั้งคำถามว่าคิดแต่ความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่าข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่

ศรีสุวรรณ รวบรวม ข้อมูลทุจริตลต.เทศบาลนครเชียงใหม่ จ่อ ร้องกกต.

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า มีชาวบ้านในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่งข้อมูลและหลักฐานการทุจริตหรือการซื้อสิทธิขายเสียงในการแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 64 ที่ผ่านมา มาให้สมาคมฯเป็นจำนวนมาก แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีหลักฐานโจ๋งครึ่มทำกันได้ขนาดนี้

ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ มีการแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 4 แขวง คือ แขวงนครพิงค์ แขวงกาวิละ แขวงเม็งราย และแขวงศรีวิชัย ซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดว่าพื้นที่เขตเลือกตั้งดังกล่าวมีการซื้อขายเสียงกันดุมากตั้งแต่หัวละ 1,000 - 2,000 บาทเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่หัวคะแนนที่นำเงินมาซื้อเสียงนั้นจะเป็นประธานชุมชน หรือแกนนำชุมชนซึ่งเป็นที่รู้จักและเกรงใจกันของลูกบ้าน ทั้ง ๆ ที่ประธานชุมชนถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของเทศบาล ซึ่งควรที่จะวางตัวเป็นกลาง แต่กลับมามีพฤติกรรมเป็นหัวคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างไม่ละอาย 

ยังมีผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งได้มาร้องเรียนว่าพบเห็นหัวคะแนนของผู้สมัครนายกเทศมนตรีรายหนึ่ง มายืนจ่ายเงินซื้อเสียงกันบริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งเลยทีเดียว ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งดังกล่าว กลับไม่มีใครรู้ใครเห็นเลยหรืออย่างไร อีกทั้งผู้สมัครบางรายมีการจัดทำป้าย คัตเอ้าท์ และการโพสต์ในสื่ออนไลน์หาเสียง ในลักษณะสัญญิงสัญญามากมายว่าหากได้รับการเลือกตั้งแล้วจะดำเนินการให้สิ่งนั้นสิ่งนี้แก่ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากมาย เช่น การจ้างงานแก้โควิด-19 เป็นต้น

ซึ่งกรณีดังกล่าวจะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้ เพราะถือได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งตาม พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 กำหนดข้อห้ามและบทลงโทษเอาไว้ชัดเจน ผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิด ทั้งหัวคะแนน และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ทำตัวละเว้นเพิกเฉย

อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายข้างต้น ม.65(1)(2) กำหนดห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ด้วยวิธีการจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือ ผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด และหรือให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ชุมชน เป็นต้น

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพื่อนำไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทันทีที่เปิดทำงานตามปกติหลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยเอาผิดและลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัครที่มีส่วนรู้เห็นและหรือเป็นต้นเหตุของการกระทำดังกล่าวด้วย

ทบ. ส่งกำลังพลสนับสนุน พร้อมเตียงเครื่องนอน ตั้งรพ.สนามในหลายจังหวัดกว่า 2,000 เตียง

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ทางกองทัพบก ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ค่ายทหาร ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและ ศบค. แล้ว ล่าสุดได้สนับสนุนกำลังพล และยุทโธปกรณ์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามตามจังหวัดต่าง ๆ ในหลายพื้นที่

รวมทั้งการสนับสนุนอุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลเพื่อเตรียมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ

โดยมีการดำเนินการแล้วในหลายพื้นที่ อาทิ โรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกองพลทหารราบที่ 7 และมณฑลทหารบกที่ 33 ได้ส่งกำลังพลเข้าช่วยลำเลียงเตียงนอนจากโรงแรมและสถานที่ต่าง ๆ ในจังหวัด พร้อมติดตั้งเตียงนอนและเครื่องมือในการดูแลผู้ป่วย ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ต.ช้างเผือก อ.เมือง ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดโรงพยาบาลสนาม และเปิดให้บริการรักษาผู้ติดเชื้อแล้วตั้งแต่ 9 เมษายน

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้โรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้น สามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ขั้นต้น 400 เตียง และขยายได้ถึง 1,000 เตียง ซึ่งปัจจุบันกำลังพลจิตอาสายังคงเข้าช่วยอำนวยความสะดวกในพื้นที่โรงพยาบาลสนามต่อเนื่อง ทั้งนี้หากจังหวัดเชียงใหม่มีความต้องการขยายพื้นที่โรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม ทางมณฑลทหารบกที่ 33 ได้จัดเตรียมสถานที่ภายในศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 พร้อมอุปกรณ์เครื่องนอน ไว้รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาจมีจำนวนมากขึ้น และพร้อมดำเนินการทันทีเมื่อมีการประสาน

นอกจากนี้กองทัพบกยังได้สนับสนุน เตียงเหล็ก ที่นอนและอุปกรณ์เครื่องนอนจำนวน 200 ชุด ให้กับ โรงพยาบาลสนาม ของ กทม ที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งเป็นการขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้ติดเชื้อโควิดจากเดิม 300 เตียง เพิ่มอีก 200 เตียง โดยกองทัพบกได้ขนส่งอุปกรณ์ดังกล่าวจากกรมพลาธิการทหารบกไปยังโรงพยาบาลผู้สูงอายุฯเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2564

ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กองทัพบกโดย ศูนย์การทหารราบ ได้สนับสนุนเตียงสนาม 70 ชุดพร้อมเครื่องนอนให้กับโรงพยาบาลหัวหิน เพื่อจัดตั้ง รพ.สนาม ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการหัวหิน รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ตั้งแต่ 9 เมษายน เช่นกัน

สำหรับความคืบหน้าในการจัดเตรียมสถานที่โรงพยาบาลสนามของกองทัพบกในพื้นที่ กทม.คือที่ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. รองรับได้ 200 เตียง นั้น ปัจจุบันกองทัพบกได้ส่งทหารช่างเข้าปรับปรุงอาคารจำนวน 5 หลังในพื้นที่ดังกล่าว ที่จะใช้เป็น อาคารนอน ห้องน้ำ

รวมถึงอาคารที่ใช้เป็นสถานที่ทำงานและที่พักของบุคลากรทางการแพทย์และได้ดำเนินการติดตั้งรั้วโดยรอบโรงพยาบาลสนามเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ในภาพรวมขณะนี้กองทัพบกได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไว้แล้วจำนวน 12 พื้นที่ทั่วประเทศสามารถรองรับได้ 2,220 เตียง “กองทัพบกจะดำรงการช่วยเหลือและสนับสนุนอุปกรณ์ให้กับหน่วยงานในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามประจำจังหวัด รองรับการดูแลประชาชนและผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุดต่อไป” พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว

นายกฯ ไทย - ญี่ปุ่นหารือชื่นมื่นพร้อมต่อยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยไทยพร้อมเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค  พร้อมจับมือไทยสนับสนุนลดความตึงเครียดในเมียนมาด้วยสันติวิธี และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับผู้หนีภัย

วันที่ 9 เมษายน 2564 ที่ห้องโดม ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทางโทรศัพท์กับนายซูกะ โยชิฮิเดะ (H.E. Mr. Suga Yoshihide) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเข้ารับตำแหน่ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสที่ได้มีโอกาสหารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ทราบว่านายกรัฐมนตรีได้เคยทำหน้าที่เป็นประธานร่วมฝ่ายญี่ปุ่นของคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย -ญี่ปุ่น (High Level Joint Commission: HLJC) สมัยที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จึงหวังว่าจะสานต่อความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างไทย - ญี่ปุ่น ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะกระชับความร่วมมือกับญี่ปุ่นในฐานะประเทศหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าทั่วโลกจะพบกับความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่นยังมีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง โดยไทยได้อำนวยความสะดวกการเดินทางระหว่างนักธุรกิจและประชาชนของทั้งสองฝ่ายตามมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาลไทย  

ด้านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวยินดีที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก พร้อมระบุว่า จากที่มีโอกาสทำหน้าที่สนับสนุนความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับไทย และเคยเยือนไทยเพื่อเข้าร่วม การประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้องเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ทั้งนี้ ญี่ปุ่นชื่นชมการจัดการเพื่อควบคุมโควิดของไทย และญี่ปุ่นพร้อมให้ความสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ตู้แช่วัคซีน และบริการขนส่งแก่ไทย และประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ภายใต้ โครงการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าฉุกเฉินผ่านองค์การ UNICEF และ JICA ซึ่งจะช่วยทำให้แจกจ่ายวัคซีนให้แก่ประชาชนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอบคุณญี่ปุ่นที่สนับสนุนการค้าการลงทุนกับไทย และให้ความสำคัญกับการลงทุนในเขตEEC มาโดยตลอด รัฐบาลไทยเตรียมการที่จะปรับปรุงแก้ไขอุปสรรคด้านการลงทุนต่าง ๆ พร้อมยกระดับสภาพแวดล้อม การทำธุรกิจภายในประเทศเพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่มีศักยภาพและมีความสนใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประสงค์ให้มีความร่วมมือระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายพร้อมสนับสนุนให้จัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย - ญี่ปุ่น (High Level Joint Commission: HLJC) ครั้งที่ 5 เพื่อขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีส่วนฟื้นฟูสำคัญภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) อนุรักษ์พลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม จึงเชิญชวนให้ญี่ปุ่นพิจารณาไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ในประเทศไทย 

ในส่วนของความร่วมมือพหุภาคี ญี่ปุ่นเชื่อมั่นบทบาทของไทยการเป็นผู้นำในหลายด้านของภูมิภาค และพร้อมสนับสนุนความร่วมมือกับไทยเพื่ออนาคตความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (Mekong-Japan Cooperation - MJ) ที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าไทยพร้อมร่วมมือกับญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกอาเซียนในโอกาสที่ไทยเป็นผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน – ญี่ปุ่น ช่วงปี 2564-2567 ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพของไทย และร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดในห้วงที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเอเปคในปี 2565 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับญี่ปุ่นต่อสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นชื่นชมบทบาทของไทยและอาเซียน ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายพร้อมให้การสนับสนุนเมียนมาให้ลดความตึงเครียดของสถานการณ์ด้วยสันติวิธี และยืนยันให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับผู้หนีภัยความไม่สงบในเมียนมาตามหลักมนุษยธรรม 

รมว.สุชาติ หารือร่วม ผู้ว่าฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ หารือร่วมเร่งเดินหน้านโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน บูรณาการทุกภาคส่วน ส่งเสริมการมีงานทำ สร้างหลักประกันความมั่นคงแก่แรงงานทุกคน สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่
        
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ในโอกาสเข้าพบเพื่อหารือการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และแนวทางในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ โดยเริ่มจากปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วทันเหตุการณ์ ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ
        
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ผมได้ต้อนรับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ในโอกาสเข้าพบเพื่อหารือการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และแนวทางในการปฏิบัติงาน ตลอดจนรับทราบความก้าวหน้า ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะของจังหวัด เพื่อนำข้อมูลไปประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันตามภารกิจของกระทรวงแรงงาน 

ทั้งนี้ รมว.แรงงาน ยังได้เน้นย้ำกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัดให้บูรณาการทำงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน อาทิ ด้านส่งเสริมสินค้าเกษตรและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ในพื้นที่ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การยกระดับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบไฟฟ้า น้ำประปา และติดตั้งกล้องวงจรปิดตามแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสร้างมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว 

โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจะเข้าไปสนับสนุนตามภารกิจ อาทิ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานโดยต่อยอดให้พี่น้องแรงงานในพื้นที่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ ส่งเสริมระบบตลาดออนไลน์ การส่งเสริมการมีงานทำในระดับชุมชนพื้นที่ การพัฒนาทักษะฝีมือ Up – skill Re – skill และ New – skill ตามความต้องการของแรงงานทุกกลุ่ม การคุ้มครองดูแลให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานทั้งแรงงานในระบบและแรงงานนอกระบบได้รับสิทธิประโยชน์และมีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต เป็นต้น

ศบค.มท. แจ้งทุกจว. อนุญาตผ่อนคลายเฉพาะการซ้อมชนโค ชนไก่ กัดปลาโดยไม่มีผู้เข้าชมในสนาม

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564  ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ด้วยคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ให้กระทรวงมหาดไทยหรือหน่วยงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย พิจารณาผ่อนคลายกิจกรรมตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 18) กรณีสนามชนโค สนามชนไก่ สนามกัดปลา สนามฝึกซ้อมหรือแข่งขันหรือการจัดกิจกรรมอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน โดยให้สามารถจัดการฝึกซ้อมหรือแข่งขันได้แบบไม่มีผู้ชม และปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด และเพื่อให้การดำเนินการตามมติครม.เป็นไปในแนวทางเดียวกันทุกจังหวัด 

รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโค ไก่ชน และปลากัด ได้กลับมาประกอบอาชีพอีกครั้ง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาอนุญาตผ่อนคลายกิจกรรมพื้นบ้านได้เฉพาะการซ้อมชนโค ชนไก่ และกัดปลา โดยไม่มีผู้เข้าชมในสนาม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และต้องปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากพบว่ากิจกรรมใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข ให้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาสั่งปิดเป็นรายกรณีต่อไป

ประกันสังคม เปิดรับสมัคร รพ.เอกชน เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน ประจำปี 2565

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการดำเนินการจัดหาสถานพยาบาลเพื่อให้บริการทางการแพทย์ให้แก่ผู้ประกันตน ว่าสำนักงานประกันสังคม ได้เปิดรับสมัครสถานพยาบาลเอกชนเข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลเพื่อให้บริการ ทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนประจำปี พ.ศ. 2565 โดยสถานพยาบาลเอกชนที่มีความประสงค์เข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม สามารถขอรับและยื่นใบสมัครได้ที่สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม เลขที่ 88/28 หมู่ที่ 4 ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี หรือสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา ในท้องที่ที่สถานพยาบาลตั้งอยู่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 

จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ในวันและเวลาราชการ โดยสามารถดูข้อมูลและดาวน์โหลดเอกสารการรับสมัครได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม http://www.sso.go.th หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักจัดระบบบริการ ทางการแพทย์ หรือติดต่อสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ทั้งนี้ การเปิดรับสมัครสถานพยาบาลเอกชนเข้าร่วมเป็นคู่สัญญากับประกันสังคมเป็นประจำทุกปี นอกเหนือจากการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนเป็นไปอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังจะช่วยรองรับจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี และเป็นการกระตุ้นให้สถานพยาบาลเอกชนเกิดการแข่งขันทั้งด้านการให้บริการและคุณภาพในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนอีกด้วย

"ชัยวุฒิ" โชว์ผลตรวจเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด หลังร่วมเปิดงาน หลักสูตรDigital Tranformation For CEO#3 ที่จัดโดยเครือเนชั่น งานเดียวกับที่พ่อปันปันไปร่วมงานเลี้ยง

ภายหลังจากที่ นายสุรศักดิ์ อุดมศิลป์ หรือ พ่อของน.ส.สุทัตตา อุดมศิลป์ หรือ ปันปัน ดารานักแสดงชื่อดัง ที่ไปร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวหลักสูตร Digital Tranformation For CEO#3 ช่วงค่ำของวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา และได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลออกมาวันนี้ พบว่าติดเชื้อโควิด โดยในงานดังกล่าว มีนายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ไปเป็นประธานเปิดงาน ในช่วงเวลา 14.30 – 15.30 น. แล้วได้เดินทางกลับทันที ไม่ได้อยู่ในช่วงงานเลี้ยงอาหารค่ำแต่อย่างใด

ล่าสุดนายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวกรณีที่ตนไปเปิดงานหลักสูตรDTC ดังกล่าว แล้วเกิดพบว่ามีผู้ติดโควิดมาร่วมในงานด้วยนั้น จึงได้ไปตรวจหาเชื้อโควิดตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 7 เม.ย. 64 แล้ว ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลอะไรเพราะไม่ได้อยู่ร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำ จึงไม่ได้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่เจ้าหน้าที่ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงที่ตนเองได้ร่วมประชุม และหารือการทำงานให้เกิดความมั่นใจ และปลอดภัยจึงไปตรวจไว้

ทั้งนี้ทางแพทย์โรงพยาบาลพญาไท ได้แจ้งผลตรวจหาเชื้อโควิดออกมาแล้ว โดยพบว่า ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องเข้มเรื่องมาตรการป้องกันโควิดมากขึ้น และที่สำคัญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับรัฐมนตรีและครม. ให้ไม่ประมาทในการไปร่วมงานต่าง ๆ พบปะประชาชนต้องเข้มมาตรการด้านสาธารณสุขมากขึ้นกว่าเดิม

รมช. แรงงาน ยำแผนบูรณาการ เทรนแรงงานป้อนอุตสาหกรรม S-Curve

วันที่ 9 เมษายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ครั้งที่ 2/2564 เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังคนของประเทศรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve  โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สิมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะทำงาน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้จัดทำแผนพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ได้รวบรวมแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-curveประกอบด้วย ข้อมูลแผนงาน/โครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมจำนวน 160 โครงการ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมพัฒนาคนและการศึกษา เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาแรงงานในกลุ่ม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

จากข้อมูลแผลการดำเนินของแต่ละหน่วยงาน มีเป้าหมายในการพัฒนาจำนวนกำลังแรงงานประมาณ 890,000 คน ครอบคลุมประมาณการความต้องการกำลังแรงงานใหม่และแรงงานที่อยู่ในสถานประกอบกิจการ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปี 2562 - 2566 รวมกว่า 475,000 คน ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ มีความต้องการแรงงานกว่า 142,00 คน อุตสาหกรรมดิจิทัลจำนวนกว่า 116,000 คน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จำนวนกว่า 58,000 คน เป็นต้น ซึ่งการจัดทำแผนฯ ครั้งนี้ ทำให้สามารถเห็นภาพความต้องการกำลังแรงงานของ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายใน S-Curve ของประเทศ พร้อมวางแผนการพัฒนากำลังแรงงานเพื่อนำไปสู่การพัฒนาแรงงานในเชิงรุก ด้วยการ re skill และ up skill 

“แผนพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ โดยเน้นการพัฒนาทักษะเพื่อการทำงาน ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมและการประกอบอาชีพในอนาคต โดยจะนำกรอบแผนพัฒนากำลังคนเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) เพื่อเร่งขับเคลื่อนต่อไป” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

‘บิ๊กตู่’ แจงทุกเรื่อง!! ลั่นหยุดสักทีพวกเที่ยวที่อโคจร!! เตือนนักการเมืองเป็นบทเรียน บอกตัวเองไม่เคยไปมาหลายสิบปี ส่วนตอนหนุ่มๆ คนละเรื่อง พร้อมขู่ฟ้องคนโยง ‘ไทยคู่ฟ้าคลับ’ ยันไทยไม่ได้ฉีดวัคซีนช้ากว่าใคร แจงต้องยึดความปลอดภัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังร่วมกับคณะแพทย์ ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารป้องกันโควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กว่า ขอให้พวกเราทุกคนระวังตัวไว้ด้วยกับสถานการณ์ในวันนี้ ซึ่งการที่ตนบอกว่าอะไรจะเกิดมันต้องเกิดนั้น เพราะตราบใดที่ยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ทั้งหมด เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้ไขกันต่อไปไม่มีอะไรจบปุ๊บปั๊บ เพราะเป็นเรื่องเชื้อโรค เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่าหลังโควิดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีก เช่น เชื้อสายพันธุ์ใหม่

นายกฯ ย้ำว่าตนให้ความสำคัญทุกช่วงให้เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข รวมทั้งได้เชิญตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน มาด้วย โดยหารือหลักการนำเข้าวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง แต่ปัญหาคือต้องไปแก้ไขเรื่อง อย.และเภสัชด้วย เพื่อพิจารณาการนำเข้าวัคซีน เพราะย้ำว่าเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงให้ไปหาทางว่าจะเอาเข้ามาได้อย่างไร เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือก วันนี้เราจึงเดินหน้าเรื่องวัคซีนทางเลือก โดยหารือกับผู้ผลิตด้วย เพราะมีหลักการหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่โรงพยาบาลเอกชนจำนวนมากอยากหาวัคซีนช่วยรัฐบาล ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้นอยู่แล้ว แต่มีปัญหาในเรื่องการนำเข้า ซึ่งเกี่ยวกับต่างประเทศด้วย จึงต้องไปปลดล็อคตรงนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีวัคซีนเข้ามาแล้ว 3.5 แสนโดส และในเดือนเม.ย.นี้ จะเข้ามาเพิ่มเติม 1.5 ล้านโดส และจะเข้ามาตามลำดับ เว้นแต่มีปัญหาที่ต้นทาง ซึ่งจะควบคุมได้ยาก ส่วนที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้น 300-400 ที่ทำให้ตระหนกกันนั้น ยืนยันว่าเราควบคุมได้ โดยหาตัวมาเข้าสถานกักตัว เข้ารับการรักษา และเตรียมโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเตรียมการไว้ทั้งหมด หากสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น

ย้ำว่านายกฯ ไม่เคยทอดทิ้งใคร ขณะเดียวกันวันนี้ได้ข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หมอและพยาบาลติดเชื่ออีก ดังนั้นทำอย่างไรไม่ให้มีการระบาดในโรงพยาบาลจึงต้องมีโรงพยาบาลสนามไว้ตรวจคัดกรอง นอกจากนี้ยืนยันว่าน้ำยาตรวจมีเพียงพอ ไม่มีปัญหาอะไร

นายกฯ กล่าวย้ำว่า วันนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวเองเว้นระยะห่างสวมหน้ากากและล้างมือและเว้นไปในที่อโคจร ระมัดระวังตัวเอง ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไปสั่งห้ามคนไม่ให้ไปไม่ได้ มีอย่างเดียว คือ สั่งปิดสถานบริการ ซึ่งวันนี้ สั่งปิดเพิ่มอีกใน 41 จังหวัดตามมาอีก แล้วใครเดือดร้อน ซึ่งเราโทษใครไม่ได้ แต่ทุกคนต้องทำเพื่อคนไทยซึ่งนายกฯ เข้ามาเพื่อแบบนี้

นอกจากนี้ในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยงและกิจกรรมเสี่ยง ต้องได้รับการดูแลโดย สงกรานต์ปีนี้ขอให้เป็นสงกรานต์ปลอดภัย เป็นแบบ New Normal การไปรดน้ำพระหรือไปที่ที่มีคนจำนวนมากยังอันตรายทั้งหมด จึงขอให้รดน้ำคนที่บ้าน สิ่งสำคัญนอกจากไหว้พระแล้ว ต้องทำกุศลให้คนอื่นปลอดภัยด้วย มีจิตสำนึกรู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงในช่วงรอมฎอนด้วย ขอให้ระมัดวังที่สุด เพราะสถานการณ์โควิดทั่วโลกยังไม่หยุด มีคนติดเพิ่มเป็นหมื่น ๆ บางประเทศตายเป็นแสน ๆ แต่ของเราไม่ได้จะว่ามากหรือน้อย เพราะชีวิตคือชีวิต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนอย่ามองว่าฉีดช้าหรือเร็ว ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ ทั้งนี้หลายประเทศไม่ต้องจัดหา วัคซีนเองด้วยซ้ำ เช่นประเทศมีรายได้ร้อย แต่เป็นการฉีดให้ทดลองก่อนแล้วเรากล้าหรือไม่ ดังนั้นไม่ใช่ช้ากว่าเขา ถ้าวัคซีนมีฉีดได้หมด แต่เราไม่ใช่วัคซีนบริจาคซื้อเอง เพราะเรารายได้ปานกลาง ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันวันนี้เราต้องบริหารความเข้าใจให้ได้ลดความแตกแยก เพราะทุกคนเป็นคนไทยและสำคัญทั้งหมด ซึ่งตนเองในมุมหนึ่งเป็นนายกฯและนักการเมือง แต่ก็เป็นประชาชนเหมือนทุกคน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะทำงานโดยมี นพ.ปิยสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์ศบค. เป็นประธานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมและบริหารการฉีดวัคซีน โดยต้องฉีดให้ได้ อย่างน้อย 45 ล้านคนทั้งประเทศ

เมื่อถามถึง ความเป็นไปได้ในการลดขั้นตอนการนำเข้าวัคซีนของ ภาคเอกชนได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะลดขั้นตอน แต่ต่างประเทศเขาไม่ยอมลด เพราะมีมาตรฐานที่ทั้งโลกต้องดำเนินการ แต่ปัญหาหลักคือตอนนี้ต่างประเทศจะขายให้เราหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ก็มีการแย่งวัคซีนกัน ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการช้าไปกว่าประเทศอื่น อย่างในประเทศอินเดียที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่จากบริษัทแอสตราเซเนกา ยังประสบปัญหาผลิตไม่ทัน เพราะคนติดเชื้อมากขึ้น ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อภายในประเทศไทยก็มีมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือต้องไม่เจ็บและไม่ตาย รักษาให้ได้ ซึ่งขณะนี้ยารักษาภายในประเทศนั้นเพียงพอ ส่วนวัคซีนนั้นสามารถป้องกันได้ แต่ไม่ใช่ป้องกันได้ 100% เป็นเพียงการเพิ่มภูมิต้านทานให้ติดเชื้อยากขึ้น ไม่ใช่ว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไปในสถานที่อโคจร ไม่เช่นนั้นก็ติดอยู่ดี

ส่วนเมื่อถามถึงกรณีที่โรงพยาบาลเอกชนไม่รับตรวจโควิด-19 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เกิดจากสาเหตุเตียง โรงพยาบาลเอกชนไม่เพียงพอ หากรับตรวจเมื่อพบว่าติดเชื้อก็ต้องรักษา จึงต้องนำผู้ป่วยนี้ดึงออกมาอยู่ในโรงพยาบาลสนาม และยืนยันว่าขณะนี้เองโรงพยาบาลเอกชนสามารถตรวจได้แล้วและมีน้ำยาเพียงพอ พร้อมอธิบายว่าหากรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งหมดจะไม่สามารถรักษาโรคปกติได้ ซึ่งต้องมีการบริหารคนหมู่มาก

ส่วนแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเพียงแผน หากดำเนินการไม่ได้ก็ไม่ทำตามแผน ซึ่งหากจะบังคับใช้ได้จริงจะต้องออกมาเป็นคำสั่งไม่ใช่แผน รวมถึงการเจรจากับประเทศ เช่น มีวัคซีนพาสปอร์ตหรือไม่ พร้อมย้ำว่าแผนการเปิดประเทศไม่ใช่เปิดโล่งทั้งหมด ต้องดูด้วยว่าประเทศเพื่อนบ้านเขาเปิดหรือไม่ ทุกวันนี้ต้องย้ำเรื่องเศรษฐกิจค้าขายเป็นหลัก ทั้งต้องเตรียมวัคซีนให้พร้อมในพื้นที่ท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งทำอะไรต้องเป็นกลางเสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม รับฟังความคิดเห็นว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้าง ไม่ใช่เพียงแค่คิดแล้วสั่งโครมๆ ลงไปเลย

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่นักการเมืองหรือรัฐมนตรีบางคนยังเดินทางไปที่อโคจร รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไก่เกิดก่อนไข่หรือไข่เกิดก่อนไก่ ใครจะไปที่ไหนมาก็รู้ตัวอยู่แล้ว รัฐบาลจะไปห้ามก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล วันนี้ตนมองว่าเป็นบทเรียนพอสมควรแล้ว ขอให้หยุดกันเสียที เพราะหากใครติดเชื้อก็ต้องรักษา ซึ่งเป็นบทเรียนว่าสถานที่อโคจร ไม่ควรไป เพราะนายกฯ ก็ไม่เคยไปไหนเลยกว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย แต่สมัยหนุ่มๆ ก็คงคนละเรื่อง แต่ไม่ไปขนาดนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ว่า มีการรายงานการกักตัวเข้ามาให้ทราบ ซึ่งเขาก็โอเค และตนได้สั่งการให้ทำงานอยู่ที่บ้าน ผ่านการประชุมระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ไม่ใช่ 14 วันและจะหายไปเลย ทุกคนมีความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาใดก็รับผิดชอบ จึงขอทุกคนรับผิดชอบไปกับตนเองด้วยรวมถึงสื่อมวลชนด้วยว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองสงบ

ส่วนกรณี ที่รัฐสภามีการเลื่อนพิจารณาร่างประชามตินายกรัฐมนตรีย้อนถามว่าเพราะอะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เพราะมีการติดเชื้อโควิด ซึ่งตนจะไปบังคับใครไม่ได้เนื่องจากเป็นเรื่องของสภาฯ เมื่อมีการระบาดสมาชิกก็กลัวจะติดไปด้วย ยืนยันว่าตนจะไม่เข้าไปยุ่งกรณีที่ร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะหลายอย่างที่เสนอผ่านรัฐบาลไปแล้วเป็นสิ่งที่เห็นชอบและจะไปควบคุมไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไร เพราะทุกคนมีความคิดไม่ต้องไปสั่งเขา

ส่วนการออกมาตรการของจังหวัดที่ออกมาควบคุมป้องกันการแพทย์ระบาดนั้น นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 อย่าง คือ จังหวัดจะจัดการพื้นที่อย่างไรที่มีการระบาดอย่างไร และจะเข้าไปอย่างไร และอีกประการคือคนที่จะเข้าไป มาจากพื้นที่ใดบ้าง ทั้งนี้ต้องคำนึงด้วยว่า การเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ถึงจังหวัดปลายทางจะรับหรือไม่ ส่วนจะเพิ่มพื้นที่หรือไม่ ศบค. จะเป็นผู้แถลงชี้แจง และในวันนี้ สถานบันเทิงก็มีปิดตัวลงและได้รับความเดือดร้อนด้วย อีกทั้งตนยังได้สั่งตำรวจดูแลในเรื่องของอุปกรณ์การตรวจวัดแอลกอฮอล์ในจุดตรวจด่านแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาดด้วย โดยยืนยันว่ามีการเปลี่ยนหลอดเป่าอยู่ตลอดไม่ใช่การเป่าปี่หรือดูดแต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีที่มีการโยงสถานบันเทิงกับตึกไทยคู่ฟ้าว่า กำลังสั่งการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่ การใช้คำว่าไทยคู่ฟ้า ไปทำโน้นทำนี้ คงไม่ใช่ ขอให้ระวังกันด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top