Sunday, 15 June 2025
POLITICS NEWS

‘อนุทิน’ เผยยังไม่คิดอะไร หลังสปอตไลต์ส่องปมแคนดิเดตนายกฯ ชี้ เคารพกติกาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค. 67) ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีมติ 5:4 ถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ตกใจ และขอส่งกำลังใจ จากกระทรวงมหาดไทยให้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน จากข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกคน

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนกรณี ครม. ที่จะต้องพ้นตำแหน่งไปด้วย จากนี้การเมืองจะต้องไปพูดคุยกับพรรคแกนนำเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ขออย่าพึ่งพูดเรื่องนี้ คำวินิจฉัยเพิ่งออกมาไม่ถึงชั่วโมง ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างต้องไปหารือกัน แต่ดีที่สุด คือทุกคนต้องเคารพกติกา แบบที่ตนพูดถึงมาเสมอในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า ตอนนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า แสงสปอตไลต์ส่องไปที่นายอนุทิน พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ยืนยันว่าเราเคารพกติกา มันมีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว ดังนั้นการเคารพกติกาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การจะไปอยู่ตำแหน่งใดนั้น ไปอยู่แล้วไม่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมือง ได้ประโยชน์คนเดียว กลุ่มเดียว บางทีเราอยู่ช่วยเหลือคนอื่น ทำให้รัฐนาวา ลอยพ้นพายุนี้ไปได้ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น วันนี้ตนเห็นใจท่านนายกฯ ตอนนี้ขอส่งกำลังใจให้ท่านก่อน ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะไปส่งที่ทำเนียบ แต่ไม่ทันเพราะนายกรัฐมนตรีกลับไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อในส่วนของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน เป็นแคนดิเดต มีความพร้อมเป็นอย่างไร นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่คิดถึงเรื่องอะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ เพราะรัฐบาลก็ยังรักษาการอยู่ ที่อาจจะเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ เพราะฉะนั้นเราต้องเคารพกติกา มารยาท ที่พรรคเพื่อไทยยังเป็นแกนนำ เมื่อถามย้ำว่าตกใจใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่าเห็นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเรียกประชุมพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คงต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทยก่อน ที่มีแคนดิเดตนายกฯ สองคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจของนายอนุทิน ซึ่งตามกำหนดจะมีภารกิจลงพื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม ซึ่งเป็นการปฏิบัติภารกิจในส่วนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) แต่ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยทั้งคณะ โดยอยู่ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำให้นายอนุทินได้ยกเลิกภารกิจที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทันที

ย้อนคำ ‘ชัยเกษม’ ติด 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และความรู้สึกหากได้นั่งเก้าอี้ ‘นายกรัฐมนตรี’

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปมเสนอชื่อ ‘พิชิต ชื่นบาน’ ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติในความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ต่อมา ได้มีข่าวออกมาว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนถัดไป

สำหรับเรื่องการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และอาจจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนั้น ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ เคยได้เอ่ยถึงไว้เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ในงานปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ภายใต้แนวคิด ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน’ ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนของพรรค ตามที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้นำชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (ในขณะนั้น) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

โดยน.ส.แพทองธาร ได้ให้สัมภาษณ์ ไว้ว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะประกาศให้ประชาชนทราบว่าเราพร้อม พรรคเพื่อไทยพร้อมฟูลทีม สำหรับจุดเด่นของทั้ง 3 คนนั้นไม่เหมือนกันเลย บอกแล้วว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้ทั้ง 3 คนไปทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลือกแคนดิเดตเบอร์ 1 มาจากอะไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครคือเบอร์ 1 2 3 ทุกบัญชีเราเสนอชื่อเต็มหมด ไม่ว่าจะเป็น สส.เขต / ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงความชัดเจนของรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย เพราะอาจจะเป็นแรงดึงดูดให้ประชาชนเลือกพรรค น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับแคนดิเดตนายกฯ 3 คนของพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครเหมือนกันเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ไหนก็ทำงานร่วมกันอยู่ดี นี่คือสิ่งสำคัญ วันนี้จะอาศัยแค่พรรคเพื่อไทย เราต้องชนะไปด้วยกัน ประชาชนต้องออกมาเลือกอนาคตของตัวเองไปพร้อมกับพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่ามั่นใจกว่าพรรคอื่นหรือไม่ที่มีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ในขณะที่พรรคอื่นมีคนเดียว น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าเราเจออะไรกันมาเยอะ และเราตั้งใจกันจริง ๆ ในเรื่องนโยบาย พวกเราทั้ง 3 คนพร้อมเป็นตัวเลือกให้ประชาชน เพราะเราอยากได้นายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทย เพื่อพลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยให้เป็นจริงได้

ต่อมาผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามว่า หลังการเลือกตั้งจะไปร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร บอกว่าเร็วเกินไปที่จะพูด ขอโฟกัสที่การเลือกตั้ง สนใจผลการเลือกตั้งของพรรคเราเป็นอันดับแรกก่อน

ผู้สื่อข่าวถามนายเศรษฐาว่ามองแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า แม้ทั้ง 3 มีบุคลิกที่ต่างกันแต่เราทำงานเป็นทีม นายชัยเกษม ก็มาด้วยความอาวุโส เป็นนักวิชาการทางด้านกฎหมาย เป็นบุคคลที่มีคุณภาพของพรรค ส่วนหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง จะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ นั้น ขอให้เป็นทีละขั้นตอน ขอให้ผ่านวันที่ 14 พ.ค. แล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง เราจะพยายามไปพบปะพี่น้องให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขอให้รอฟังนโยบาย ซึ่งจะมีการประกาศตัวเลขบางตัว ซึ่งน่าตื่นเต้น

ผู้สื่อข่าวถามนายชัยเกษมว่า รู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ ที่ได้ตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง นายชัยเกษม กล่าวว่า “ไม่เห็นมีเหตุที่จะต้องตื่นเต้น”

ระหว่างนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมติดตลกว่า "เก่าแล้วๆ" นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า “รู้สึกเฉยๆ เพราะโอกาสเป็นนายกฯ จะมาลงที่ตนมันยาก” ทำให้ น.ส.แพทองธาร หัวเราะ นำศีรษะพิงไหล่นายชัยเกษม พร้อมกล่าวว่า "อาจารย์พูดแบบนี้ได้อย่างไร" ขณะที่ นายเศรษฐากล่าวเสริมว่า "อ.ชัยเกษม พูดถ่อมตัวมาก"

'พีระพันธุ์' ยัน!! รทสช. ย้ำจุดยืนหนุนแคนดิเดต พท. เป็นนายกฯ ต่อ แต่ยังยึดหลักเดิม 'ห้ามแก้ 112' ชี้!! หยุดปั่นดึง 'ลุงตู่' เอี่ยวเก้าอี้นายกฯ

(15 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รักษาการรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วยสมาชิกพรรค ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมพรรค โดยนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคขอสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ อย่างไรก็ตาม พรรครวมไทยสร้างชาติยังยืนยันว่าต้องไม่มีนโยบายที่จะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี กลับมาเป็นนายกฯ? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่กลับมา เพราะเป็นองคมนตรีแล้ว อย่าเอาข่าวแบบนี้มาทำให้มีปัญหาเพราะองคมนตรีไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อีกทั้งตามมารยาทแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่แรก ก็ต้องให้สิทธิกับพรรคแกนนำรัฐบาลก่อน ทั้งนี้ การทำงานของรัฐบาลยังคงต่อเนื่อง เพียงแค่เปลี่ยนตัวนายกฯ เท่านั้น โดยโควตาของรัฐมนตรีเท่าที่ทราบมา ทุกพรรคก็ทำงานต่อเหมือนเดิม ส่วนความพึงพอใจนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติก็พอใจการทำงานที่ผ่านมา ส่วนพรรคอื่นต้องไปถามเอาเอง"

เมื่อถามถึงความกังวลในด้านสุขภาพของนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ตนก็ไม่ทราบเพราะจากข่าวก็ยังไม่มีการสรุปว่าแคนดิเดตจะเป็นนายชัยเกษม ซึ่งจากข่าวที่ออกมาก็ทราบเพิ่มว่าพรรคเพื่อไทยจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ เรื่องโดยมารยาทต้องเป็นเรื่องของพรรคแกนนำ ส่วนเรื่องปัญหาก็ต้องให้พรรคหลักเป็นผู้จัดการ"

เมื่อถามว่าทางพรรคพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทยต่อใช่หรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ในเรื่องของนโยบายยังยึดเช่นเดิม แม้ว่าก่อนหน้านี้พรรครวมไทยสร้างชาติจะกังวลว่านโยบายนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จนกระทั่งมีการชี้แจงจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการคลังว่าสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชี้แจงว่าจะมีปัญหาหรือทำต่อไปได้หรือไม่"

'คปท.' ลั่น!! ชงชื่อ 'ชัยเกษม' นั่งนายกฯ เจอตอปมจริยธรรม ชี้!! เรื่องนี้จะเป็นจุดบอดระบอบทักษิณอีกเรื่องในอนาคต

(15 ส.ค. 67) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ถ้านายกฯ เป็น ชัยเกษม’ ระบุว่า…

ชัยเกษม เป็นอดีตอัยการสูงสุด ที่ใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้อง คดีอาญา พิชิต ชื่นบาน คดีถุงขนม

พิชิต ชื่นบาน ทำให้ เศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกฯ สภาทนายความให้ พิชิต ชื่นบาน ผิดจริยธรรมร้ายแรง ศาลปกครองยืนตามสภาทนายความ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ เศรษฐา พ้นนายกฯ เพราะ พิชิต ชื่นบาน

ชัยเกษม นิติสิริ เกี่ยวพันทางจริยธรรมคดีตั้งแต่ต้น ถ้าชัยเกษม เป็นนายกฯ มีคนไปร้อง จริยธรรมเรื่องดุลพินิจมิชอบ เรื่องนี้เป็นจุดบอดระบอบทักษิณอีกเรื่องในอนาคต

‘สส.เพื่อไทย’ หนุน ‘อุ๊งอิ๊ง’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ฟาก ‘กก.บห.’ ต้องฟังเสียง สส. ก่อนมีมติเด็ดขาด

กรณีที่มีกระแสข่าวว่าบ้านจันทร์ส่องหล้าเคาะจะส่งนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนถัดไป ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ว่า…

จริง ๆ มีการพูดคุยกัน แต่ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตนอยู่ที่สภาฯ เพื่อเคลียร์วาระการประชุมต่าง ๆ กับวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล อย่างไรก็ตามแม้จะมีข่าวออกมาแล้ว แต่ตนก็มองว่าเป็นแค่การพูดคุยกัน ส่วนเรื่องอื่นต้องรอสรุป หลังการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคบ่ายวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เหมือน สส. ส่วนใหญ่จะสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นบุคคลที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์กล่าวว่า จริง ๆ แล้วพรรคเพื่อไทยยังเหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก 2 คน ซึ่งต้องดูความเหมาะสม และจะมีการประชุม กก.บห. ซึ่งจะมีการประชุม สส. เพื่อเรียกกำลังใจกลับมา การที่เราจะปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ส่วนเรื่องของฝ่ายบริหารขอให้เป็นมติของที่ประชุม กก.บห.

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มว่า มติ สส. ที่สนับสนุน น.ส.แพทองธาร จะสามารถสู้มติของกก.บห.พรรคได้หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า แน่นอนว่ากก.บห.ก็ ฟังมติของสส. ฉะนั้นหากมีประชุม ยกเหตุผลมาแล้ว ก็น่าจะสรุปได้ในบ่ายวันนี้

‘สุทิน’ การันตี ‘ชัยเกษม’ สุขภาพดี แข็งแรง ไม่มีปัญหา ความรู้ความสามารถประสบการณ์ไม่ได้เป็นรองใคร

(15 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและรักษาการรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สส. พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนมองว่าแทรกแซงจากบุคคลภายนอก ว่า เขารู้จักกันก็เรียกไปปรึกษาหารือเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นทางการ ปรึกษาหารือธรรมดา

ต่อข้อคำถามว่า ‘ห่วงว่าจะมีคนยื่นเอาผิดภายหลังหรือไม่ กรณีคนนอกเข้ามาแทรกแซงพรรค?’ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่น่ามีอะไรถึงขั้นนั้น เพราะสถานการณ์เป็นแบบนี้ คนรู้จักกัน ต้องหารือกัน ซึ่งการหารือดังกล่าว ไม่ใช่การเคาะชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ให้เสนอชื่อโหวตเป็นนายกฯ ทั้งนี้ชื่อดังกล่าวเป็นการคาดหมายกันเท่านั้น เพราะการเสนอชื่อต้องเป็นมติพรรคที่ต้องออกมาอย่างเป็นทางการ

เมื่อถามถึง ‘ความพร้อมของนายชัยเกษมต่อการรับตำแหน่งนายกฯ เพื่อบริหารประเทศ’ นายสุทิน กล่าวว่า ดูแล้วล่าสุดนายชัยเกษมสุขภาพดี แข็งแรง ไม่มีปัญหา และโดยความรู้ความสามารถประสบการณ์ไม่ได้เป็นรองใคร ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อนายชัยเกษมต่อสภาฯ มั่นใจว่า จะได้รับเสียงโหวตเพราะพรรคเห็นด้วย แต่หากที่ประชุมมีมติไม่ส่งชื่อนายชัยเกษมแสดงว่าพรรควิเคราะห์แล้วว่าไม่ได้รับการยอมรับ 

“เราเป็นพรรคเดียวกันและทำงานต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาต่อความเชื่อมั่น อีกทั้งยังทำงานเป็นทีมและมีทีมที่ดีจึงไปต่อไป ทั้งนี้ผมเชื่อว่าหากสส. และสภาฯ ยอมรับก็ขายได้ ส่วนประชาชนจะยอมรับหรือไม่ ที่ผ่านมานายชัยเกษมเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ตั้งแต่ต้น ถือว่าผ่านการเสนอตัวและพิจารณาจากประชาชนมาแล้ว” นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามถึง ‘ปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีหลังจากนี้’ นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องรอหลังจากได้ตัวนายกฯ แล้ว

สุดท้ายเมื่อถามย้ำว่านายสุทิน ‘ยังดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมต่อหรือไม่’ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่แน่ เรากำหนดตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะอยู่ที่ไหนอย่างไร เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือยังกับตำแหน่งนี้ นายสุทิน กล่าวว่า “ยังฟิตอยู่ อยู่ที่โอกาส” 

‘ผู้เขียนบท 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ เผยความโชคร้ายของไทยคือการเกิด ‘ศาลพิเศษ’ ในยุคของ จอมพล ป.

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้จัดกิจกรรมเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' และรับชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

สำหรับการเสวนาในหัวข้อ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' นั้น หนึ่งในวิทยากรที่ขึ้นบรรยายได้แก่ นางสาวปัณฑา สิริกุล ผู้เขียนบทภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ได้เล่าถึงเส้นเรื่องของประวัติศาสตร์และตั้งข้อสังเกตถึงบางช่วงบางตอนของประวัติศาสตร์ที่ไม่ปรากฏในตำราและหนังสือใด ๆ โดยเฉพาะการฉ้อโกง และดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของคณะราษฎร ประกอบกับการนำข้อมูลของศาลพิเศษของหลวงพิบูลสงครามมาเป็นข้อมูลประกอบในหนังสือซึ่งขาดความน่าเชื่อถือ เพราะจากการสืบค้นและตรวจสอบข้อมูลพบว่า การให้การภายในศาลพิเศษนั้น ล้วนเต็มไปด้วยคำให้การเท็จเป็นจำนวนมาก

ในบางช่วงบางตอน โดยนางสาวปัณฑาระบุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุกบฏบวรเดชว่า “ความโชคร้ายของประเทศไทย คือ…กบฏบวรเดชทำให้เกิดหลวงพิบูลสงครามขึ้น และต่อมาก็เกิดศาลพิเศษ ที่จำเลยไม่มีทนาย ไม่มีการอุทธรณ์หรือฎีกา เมื่อพิพากษาเสร็จให้บังคับคดีได้เลย”

เปิดรายชื่อ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 ต่อ 4 วินิจฉัย 'เศรษฐา' พ้นนายกฯ

(14 ส.ค. 67) จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติโดยเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5)เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) แล้ว รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นำมาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

สำหรับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 5 คน เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160 (4) และ (5) ประกอบด้วย...

1.นายปัญญา อุดชาชน
2.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม
3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน
4.นายจิรนิติ หะวานนท์
5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์

ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 4 คน เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรม นูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ประกอบด้วย...

1.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์
2.นายนภดล เทพพิทักษ์
3.นายอุดม รัฐอมฤต
4.นายสุเมธ รอยกุลเจริญ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top