Thursday, 24 April 2025
POLITICS NEWS

“กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” ร่วมด้วยช่วยเพชรบุรีมอบเงินสนับสนุนโรงพยาบาลสนามจังหวัดเพชรบุรี 2 แสนบาท “ชาวเพชรฯ” ขอบคุณรัฐบาลส่งวัคซีนล็อตแรกถึงเพชรบุรีแล้ว “รมช.สาธิต” ยืนยันสธ.จะเร่งส่งวัคซีนล็อต2เพิ่มให้โดยเร็ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ว่า วันนี้กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมาย นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ นายอรรถพร พลบุตร คณะที่ปรึกษารมช.สาธารณสุข และดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 2 แสนบาทสนับสนุนจังหวัดเพชรบุรีสู้ภัยโควิดโดยเฉพาะโรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นหลายแห่งในจังหวัดเพชรบุรีเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิดโดยมีนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะเป็นผู้รับมอบที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

นายอรรถพร พลบุตร ที่ปรึกษารมช.สาธารณสุขกล่าวว่า ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. แจ้งมาล่าสุดว่าได้ส่งวัคซีนล็อตแรกมาให้จังหวัดเพชรบุรีเมื่อวานนี้และจะส่งวัคซีนล็อตต่อไปให้กับเพชรบุรีโดยเร็ว จึงขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีสาธิตและรัฐบาลแทนพี่น้องชาวจังหวัดเพขรบุรีเนื่องจากขณะนี้จังหวัดเพชรบุรีมียอดผู้ติดเชื้อโควิดจากคลัสเตอร์โรงงานแคลคอมพ์ในอำเภอเขาย้อยสูงเป็นลำดับต้นของประเทศและหวังว่ารัฐบาลเร่งส่งวัคซีนมาเพิ่มให้เพชรบุรีเพื่อระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยด่วนที่สุดโดยก่อนหน้านี้ได้ช่วยจังหวัดเพชรบุรีประสานกระทรวงสาธารณสุขผ่านดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพราะการระดมฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงจึงจะสามารถจัดการภัยโควิดในจังหวัดเพชรบุรีได้สำเร็จ

ดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวเพชรบุรีทุกคนและช่วยกันลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด วัคซีคทุกชนิดผ่านการรับรองจากอย.

นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยพาณิชย์กล่าวเสริมว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องเพชรบุรีและมอบหมายตนดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด

ดร.ก่อนหน้านี้กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยได้มอบเงินสนับสนุนจังหวัดในภาคตะวันออกภาคเหนือภาคใต้และภาคกลางสู้ภัยโควิดได้แก่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดเพชรบุรีโดยสัปดาห์ต่อไปจะมอบให้กับภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดอุบลราชธานีตามลำดับ

“อนุทิน” ไฟเขียวแผนเพิ่มขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนดำเนินงาน การเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. นำเสนอ ซึ่งประกอบไปด้วยการดำเนินงาน 5 ส่วน ประกอบด้วย

1.) การศึกษาการเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูม โดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งเป็นการศึกษาในส่วนของการคาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศ ความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมกับเสนอแนวทางเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศายานสุวรรณภมิ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 10 มี.ค.-7 มิ.ย. 2564
  
2.) การศึกษาเพิ่มขีดความสามารถของ ทสภ. โดย องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งเป็นการศึกษาด้านกฎระเบียบและมาตรฐานด้านการบิน จะใช้เวลาประมาณ 9 เดือน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมิ.ย. 2564 และแล้วเสร็จในเดือนก.พ. 2565 

3.) งานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักหลังที่ 1 ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) จะใช้เวลา 29 เดือน เริ่มงานก่อสร้างเม.ย. 2565 ก่อสร้างแล้วเสร็จ ส.ค. 2567

4.) โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ใช้เวลา 30 เดือน เริ่มก่อสร้าง ม.ค. 2566 ก่อสร้างแล้วเสร็จ มิ.ย. 2568  และ

5.) งานก่อสร้างส่วนต่อขยาย West Expansion อยู่ระหว่างรอความจัดเจนจากผ ลการศึกษาของ IATA และ ICAO

‘ชัยวุฒิ’ รมว.ดีอีเอส แถลงร่วมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ลุยสกัดกั้นข่าวปลอมวัคซีน-โควิดระลอก 3 แจ้งดำเนินคดีมือโพสต์แล้ว 6 ราย และอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1) ข้อ 6 ในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สั่งลบโพสต์อีก 12 ราย

วันนี้ (24 พ.ค.64) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) มอบหมายให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. ( PCT ) และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หัวหน้าชุดบังคับบัญชาฝ่ายประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลฯ เข้าร่วมแถลงข่าวการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ได้กระทำการโพสต์เสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือบิดเบือนข่าวสาร สร้างความเข้าใจผิด ส่งผลให้เกิดความเสียหาย สร้างความตื่นตระหนกกับประชาชนและสังคมในวงกว้าง ตลอดจนกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ดังนั้นจึงได้มีความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดฯ และดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน ข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามหมายค้นเป้าหมาย และติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว 18 ราย แบ่งเป็น มีการดำเนินคดี 6 ราย และปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1 ) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำนวน 12 ราย

สำหรับผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยมีข้อมูลได้รับการตรวจสอบยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่า ข้อความโพสต์ของทั้ง 6 รายเป็นข่าวปลอม ประกอบด้วย

1.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก สาวสกล… โพสต์ว่า ‘พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่วัดสังฆทาน จำนวน 300 ราย’

2.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Stanley… โพสต์ว่า ‘ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00-04.00 น. พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด’

3.ผู้ใช้เฟซบุ๊ก จิ๊บ... โพสต์ว่า ‘เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่มวันที่ 23 เม.ย.64 นี้’

4.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก กะทิ... โพสต์ว่า ‘พบผลข้างเคียงรุนแรง เลือดออกในสมอง หลังจากฉีด วัคซีน Sinovac’

5.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @tuykal... โพสต์ว่า ‘พยาบาล รพ.หนองม่วง แพ้วัคซีนคับ’ และ

6.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wadfhan... โพสต์ว่า ‘พยาบาล รพ.หนองม่วง แพ้วัคซีนคับ’

โดยจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้โพสต์ข้อความทั้ง 6 รายข้างต้น ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 มีอัตราโทษ จำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังได้ปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อีก 12 จุด พบตัวผู้กระทำผิด 12 ราย ประกอบด้วย

1.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Thanapol...

2.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aom...

3.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธัญชนก... และ

4.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กแบงค์... โดยทั้ง 4 รายนี้ ได้โพสต์ว่า ‘สธ. ประกาศฉุกเฉิน ระวัง 35 พื้นที่สีแดง เสี่ยงโควิด-19’ ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

5.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์ ????ℎ???????? ????????????... โพสต์ว่า’โรงพยาบาล Medpark เปิดให้ลงทะเบียน จองวัคซีน Moderna’ ซึ่งทาง ศบค. แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม .

6.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์น้องโย... โพสต์ว่า ‘ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อที่เยาวราช เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก’ โดยทางสำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

7.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Keawjah...

8.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Mai...

9.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chanyaphut...

10.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก เรืองชัย...

11.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธนกฤต... และ

12.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ศุภชัย... โพสต์ว่า ‘The Old Siam ปิด 1 อาทิตย์ หลังมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียมาใช้บริการ’ ซึ่งทางเพจ The Old Siam Shopping Plaza แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

‘ทั้ง 12 รายนี้ ผู้กระทำผิดกระจายอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัดทั้งกรุงเทพ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ราชบุรี อุดรธานี สกลนคร สุรินทร์ ระนอง ซึ่งผู้โพสต์ได้รับว่ากระทำผิดจริง จึงได้อาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้ให้ผู้โพสต์ระงับ สั่งให้แก้ไขข่าว ผู้โพสต์จึงลบโพสต์ดังกล่าว และรับว่าจะไม่กระทำแบบนี้อีก’ นายชัยวุฒิกล่าว

รมว.ดีอีเอส กล่าวย้ำว่า อยากขอเตือนประชาชน ที่จะโพสต์ข้อมูลข่าวสารอันไม่เป็นความจริง หรือบิดเบือนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เกิดความหวาดกลัว การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'สุพัฒนพงษ์' ถก  'นายกฯ' เลี่ยงตอบปมพ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้านบาท ชี้ ให้รอ 'คลัง' แจง

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ถึงกรณีที่ครม.เห็นชอบการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังระบุว่าไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม และมีงบประมาณเพียงพอ ว่า "เดี๋ยวก็คงมีการชี้แจง" 

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังบอกว่าจะออกมาชี้แจง แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังเงียบ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า "ไม่นานหรอก ไม่เงียบหรอก ถึงเวลาก็ต้องชี้แจง และคงต้องรอฟังรายงานของคณะที่ปรึกษาฯ ที่เกี่ยวข้องในวันนี้ก่อน"

นายกฯ เห็นชอบดำเนินการโครงการเชื่อมสวนเบญจกิติ กับสวนลุมพินี เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่คนไทยภาคภูมิใจร่วมกัน

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ห้อง PMOC ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะเบญจกิตติกับสวนสาธารณะอื่น ๆ ในกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการดำเนินการสวนสาธารณะ เบญจกิติเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยสวนแห่งนี้ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เป็นสวนสาธารณะใหม่ที่คนไทยภาคภูมิใจร่วมกัน เป็นปรากฏการณ์ของเมืองไทยใหม่ ที่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของคนไทยและคนต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และเป็นสวนสาธารณะที่ช่วยแก้ไขปัญหา PM 2.5 ได้ด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิด เน้นให้มีการสร้างสีสันให้กรุงเทพมหานครด้วยดอกไม้ตามฤดูกาล ภายในสวนต้องเป็นแหล่งของการเรียนรู้ มีพื้นที่สำหรับเล่นกีฬา ออกกำลังกาย เป็นสถานที่เล่นดนตรีในสวน มีพื้นที่ให้กับสมาชิกครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาออกกำลังกายในพื้นที่ที่ควบคุมได้ รวมทั้งเป็นแหล่งการท่องเที่ยวที่ประชาชนทุกคนและกลุ่มเปราะบางสามารถเข้าถึงได้ รวมทั้งให้คำนึงถึงความปลอดภัยและความสะอาดเป็นสำคัญด้วย

โดยมติที่ประชุมรับทราบการดำเนินโครงการสวนสาธารณะเบญจกิติที่เป็นการดำเนินการภายใต้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2534 ในพื้นที่เดิมของโรงงานยาสูบ เนื้อที่ประมาณ 450 ไร่ โดยในปี 2547 ได้จัดสร้างสวนน้ำเนื้อที่ 130 ไร่เสร็จแล้ว และในปี 2559 ดำเนินการจัดสร้างสวนป่า ระยะที่ 1 เนื้อที่ 61 ไร่เสร็จแล้วเช่นกัน และได้ส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาและบริหารจัดการแล้ว สำหรับการจัดสร้างสวนป่าเบญจกิติระยะที่ 2-3 เนื้อที่ 259 ไร่ ในปี 2563 กรมธนารักษ์ได้ขอความร่วมมือจากกองทัพบก เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสวนป่าเบญจกิติระยะที่ 2-3 เนื้อที่ 259 ไร่ เพื่อให้การก่อสร้างสวนป่าแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดและสามารถจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2564 นี้ได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 พื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างกองทัพบกดำเนินการก่อสร้างโดยมีความคืบหน้าการก่อสร้าง พื้นที่ก่อสร้างที่ 1 ร้อยละ 70.18 พื้นที่ก่อสร้างที่ 2 ร้อยละ 15.40

นอกจากนี้ ยังรับทราบการดำเนินการเชื่อมสวนสาธารณะเบญจกิติ กับสวนลุมพินี ตามที่กรมธนารักษ์และกรุงเทพมหานคร ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ กรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการงานปรับปรุงภูมิทัศน์ทางคนเดิน-ทางจักรยาน (สะพานเขียว) และการปรับปรุงสวนลุมพินี ในวาระครบรอบ 100 ปี โดยร่วมมือกับภาคเอกชนในการออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่โครงการ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าสามารถปรับปรุงเพิ่มเติมรูปแบบให้สะพานเขียวดังกล่าวเชื่อมต่อระหว่างสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” กับสวนลุมพินีได้อย่างเป็นรูปธรรม

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 63/2564  ลงวันที่ 9 มีนาคม 2564 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” กับสวนสาธารณะอื่น ๆ ในกรุงเทพมหานคร และเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” กับสวนลุมพินี ซึ่งมีองค์ประกอบของคณะกรรมการคือ นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้าส่วนราชการ/หน่วยงาน จำนวน 15 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยมีอธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ หัวหน้าส่วนราชการ/หน่วยงาน จำนวน 3 คน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ โดยคณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ในการอำนวยการจัดสร้างสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และสั่งการ บริหาร ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนงานการเชื่อมต่อระหว่างสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” กับสวนลุมพินี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมเห็นชอบการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการ จากโครงการเชื่อมสวนสาธารณะเบญจกิติและสวนสาธารณะอื่น ๆ ในกรุงเทพมหานคร เป็นการดำเนินโครงการเชื่อมสวนสาธารณะเบญจกิติกับสวนลุมพินีโดยมอบหมายให้กรุงเทพมหานครจัดทำรูปแบบสะพานเขียวเพิ่มเติม เพื่อให้มีการเชื่อมต่อระหว่างสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” กับสวนลุมพินี พร้อมจัดทำรายละเอียดโครงการ แผนการดำเนินงาน และประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานกับสำนักงบประมาณต่อไป

'บิ๊กป้อม' สั่งอุดรูรั่วนำเข้าแรงงานเถื่อน ปัดไม่รู้ขบวนการนำเข้าปท. เมินตอบ คนแห่ไล่ 'บิ๊กตู่' พ้นนายกฯ

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการคุมเข้มชายแดนเพื่อป้องกันลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และการขอความร่วมมือผู้ประกอบการไม่ให้รับแรงงานต่างด้าวเพิ่มว่า ต้องดูว่าแรงงานที่เข้ามา ผิดกฎหมายหรือไม่ หากต้องการเพิ่ม ก็ต้องหยุดรับไปก่อน ส่วนจะกำหนดเวลานานหรือไม่ต้องดูว่าถ้าการแพร่ระบาดไม่กระจาย ก็สามารถทำได้ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดว่าลดลงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะส่งผลกระทบให้ขาดแคลนแรงงานหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขาดแคลนแล้วเราทำอย่างไรได้ เมื่อถามว่าสาเหตุของการรั่วไหลเข้ามาของแรงงานผิดกฎหมายเกิดจากอะไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นการเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ทั้งนี้ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ช่วยดูแลและถ้าท้องถิ่นดูแลดี ก็ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่าได้สั่งคาดโทษเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องลงโทษ เมื่อถามถึงขบวนการที่นำทางเข้ามา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมจะไปรู้ได้อย่างไร" 

ผู้สื่อข่าวรายถามถึงกรณีที่มีกระแสเรียกร้อง ของกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงกลุ่มไทยไม่ทน เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมลาออกจากตำแหน่ง พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ก่อนขึ้นรถยนต์เดินทางกลับทันที

รองโฆษก ปชป. ชื่นชมรัฐบาลเปิดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แรงงาน ม.33 เป็นสิ่งที่ดี แนะตั้งศูนย์ฉีดเคลื่อนที่ไปในสถานประกอบการ วอนเลื่อนกำหนดการฉีดประชาชนทั่วไปเร็วกว่าเดิม

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน เตรียมดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 ให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลจะดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้มีผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรคเสี่ยงยังมีความลังเลไม่ลงทะเบียนเพื่อรับการฉีด ทำให้มีวัคซีนเพียงพอที่จะกระจายให้กับผู้ประกันตนในมาตรา 33 ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการฉีดโดยขอให้มีการตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุกไปยังสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของประชาชนที่จะมารวมตัวกัน รวมถึงในการดำเนินการฉีดวัคซีนขอให้ใช้งบประมาณของประกันสังคมมาจ้างบุคลากรจากภาคเอกชนมาดำเนินการเหมือนกับการตรวจหาเชื้อเชิงรุก เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้บุคลากรของภาครัฐที่จะต้องดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป

“อยากให้รัฐบาลเร่งตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบเคลื่อนที่เชิงรุกในสถานประกอบการ เพื่อลดความแออัด โดยใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม และบุคลากรจากภาคเอกชนในการดำเนินการบริการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อจะได้ไม่กระทบกับบุคลากรทางการแพทย์ภาครัฐที่จะการให้บริการกับพี่น้องประชาชนทั่วไป” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช ยังเรียกร้องให้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มทั่วไป โดยขอให้มีการเลื่อนกำหนดการฉีดขึ้นมาให้เร็วกว่าเดิม เนื่องจากการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุยังลงทะเบียนไม่ครบตามเป้าหมายเพราะบางส่วนยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยดังนั้นขณะนี้มีประชาชนทั่วไปมีความสนใจที่จะรับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก หลังจากที่รัฐบาลได้รณรงค์และสร้างความเชื่อมั่น จึงขอให้รัฐบาลได้เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปเร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิมเพื่อจะได้สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอีกด้วย

‘ประวิตร’ เร่ง ผลักดัน ‘ทะเลอันดามัน’ ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เน้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สั่ง ทส.จูงใจปชช.มีส่วนร่วม

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วย อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชารมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เข้าร่วม

โดยที่ประชุมเห็นชอบองค์ประกอบ และท่าทีของไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ที่จะมีขึ้นระหว่าง 16-31 ก.ค.นี้ ที่เมืองฝูโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมทางไกล เต็มรูปแบบ ซึ่งมีวาระที่สำคัญ ได้แก่ การรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่  และการขึ้นทะเบียน พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นมรดกโลก รวมทั้งได้เห็นชอบให้นำเสนอ พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ "ทะเลอันดามัน" บรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ของศูนย์มรดกโลก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ระนองจ.พังงา และจ.ภูเก็ต เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ก่อนเสนอขึ้นเป็นมรดกโลก ต่อไป เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ อย่างยั่งยืน และสร้างความภาคภูมิใจให้คนไทย พร้อมทั้งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สำคัญของประเทศชาติ 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์มรดกโลกอย่างต่อเนื่อง และขอให้คนไทย ได้ร่วมกันดูแลรักษา สงวนไว้ให้คงคุณค่า และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อให้มรดกโลกในประเทศไทย คงอยู่กับคนไทย และลูกหลานไทย อย่างยั่งยืน ถาวร สืบไป พร้อมขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมศิลปากร และภาคประชาชน ที่ได้มีส่วนร่วมอนุรักษ์ อย่างจริงจัง ที่ผ่านมา

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้กระทรวงทรัพยากรฯประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการผลักดันขอขึ้นทะเบียน แหล่งทางธรรมชาติ และทางวัฒนธรรม ให้เป็นมรดกโลกให้ได้ตามเป้าหมาย และปฏิบัติตามมติคณะกรรมการมรดกโลก อย่างถูกต้อง ครบถ้วน  พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำให้ ทส.เร่งสำรวจการถือครองที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยของประชาชน ในเขตอุทยานแห่งชาติ ให้ได้ข้อยุติตาม กม. อย่างถูกต้องโดยเร็ว พร้อมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนอย่างทั่วถึง

”บิ๊กป้อม” สั่งก.รง. เอาผิดนายจ้าง นำเข้าแรงงานต่างด้าว ฟัน ไม่มีละเว้น เผย จัดชุดเฉพาะกิจ 5 ชุดลงพื้นที่ตรวจจับ

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด ว่า ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้หารือถึงมาตรการป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง โดยเฉพาะการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมีการแถลงให้ทราบกัน ในส่วนของกระทรวงแรงงานจะดูในเรื่องของสถานประกอบกิจการที่มีการนำแรงงานผิดกฏหมายเข้ามา ที่ผ่านมาได้จับไปแล้วถึง 3 แสนกว่าคนใน 2 หมื่นกว่ากิจการ

“เรากำลังจะประชุมร่วมกับประธานหอการค้าไทย สภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ก่อนที่จะมีการออกประกาศกฎกระทรวงเพื่อขอความร่วมมือและเอาผิดกับบรรดานายจ้างทั้งหมดที่นำเข้าแรงงานผิดกฏหมาย จะมีการกำหนดบทลงโทษชัดเจน โดยจะมีชุดเฉพาะกิจทั้งหมด 5 ชุดในการออกตรวจจับ ถ้าเจอก็จะดำเนินคดีให้สูงที่สุด ไม่มีละเว้นและรายงานผลออกมา เรื่องนี้เป็นนโยบายของพล.อ.ประวิตร อยู่แล้ว โดยจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดจากนี้ไป แต่จะไม่มีการดำเนินการย้อนหลังกับโรงงานที่ทำความผิดก่อนหน้านี้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไรก็สถานประกอบการหรือเจ้าของโรงงานที่ไม่ยอมให้ตรวจ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ตรวจได้ ตนมีอำนาจในการตรวจ ซึ่งโทษก็จะมีทั้งจำ ทั้งปรับ ส่วนบางโรงงานที่ปกปิดข้อมูลนั้น ไม่เชิงปกปิดข้อมูล และมีไม่เยอะ อย่างบางเคสที่เราเจอก็จะมีการปรามเพื่อไม่ให้มีการสั่งออเดอร์แรงงานเข้ามา ถ้าสั่งมาก็จับโดยส่งข้อมูลให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี กระทรวงแรงงานจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้กล่าวโทษ ส่วนการดำเนินคดีจะเป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งมีโทษแรง ทั้งนี้กระทรวงแรงงานจะทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทางตำรวจซึ่งได้ คุยกับผบ.ตร.แล้ว รวมถึงกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้เราก็ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีสถานการณ์ของโควิดอยู่ จึงมีความเป็นห่วง

เมื่อถามถึงกรณีที่บุคคลากรด้านหน้าทั้งหมอ พยาบาล ทำงานเหนื่อยกันมาก แต่ด้านหลังกลับปล่อยให้มีการลักลอบเข้ามา นายสุชาติ กล่าวว่า ความจริงต้องดูว่าตัวเลขที่เข้ามามีจำนวนเท่าไหร่ ความจริงไม่ได้มากอย่างที่คิดกัน และการที่จะติดเชื้อก็ไม่ได้ติดเฉพาะจากคนต่างชาติ แต่ก็มีติดจากคนไทยด้วย เพราะฉะนั้นต้องบูรณาการร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวหนักใจกับโรงงานต่าง ๆ ที่มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาหรือไม่ รมว.แรงงาน กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าทุกโรงงานจะมีแรงงานต่างด้าว เพราะที่ไปตรวจ บางโรงงานก็ไม่มี หรืออย่างแคมป์คนงานที่อิตาเลียนไทยที่พบการติดเชื้อ ปรากฏว่าไม่ได้ติดจากแรงงานต่างด้าว แต่เป็นการติดจากคนไทยที่พบติดเชื้อถึง 15 คน ขณะนี้กำลังจะนำทีมเข้าไปฉีดวัคซีนในโรงงานที่มีคนงาน 500 คนขึ้นไป ส่วนโรงงานอื่น ๆ นั้น บางครั้งหากจะเข้าไปฉีดก็ต้องดูด้วยว่าอยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือไม่ เพราะหากฉีดแล้วเกิดผลกระทบอะไรขึ้นมาก็อาจจะลำบากในการนำตัวไปยังโรงพยาบาล

"อรรถวิชช์" เสนอรัฐบาล เร่งส่งวัคซีนฉีดให้เจ้าหน้าที่ไทยในต่างประเทศ ชี้ นายกฯ ได้ครบ 2 เข็มพร้อมสู้ แต่ทูต-เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานยังเสี่ยง 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวเสนอให้รัฐบาลส่งวัคซีนที่มีอยู่ ฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ไทยที่ปฏิบัติงานดูแลคนไทยในต่างประเทศ เพราะมีข้อร้องเรียนมาว่า เจ้าหน้าที่ที่ประจำการหลายประเทศยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ดูแลคนไทย ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักในหลายประเทศ มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยประเทศปลายทางเป็นผู้ให้บริการ

"ทูตและผู้แทนไทย เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตร กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ ตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย BOI การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปปส. หน่วยงานเหล่านี้ล้วนมีเจ้าหน้าที่อยู่ต่างประเทศ แต่หลายคนยังไม่ได้รับวัคซีน ทั้งที่มีหน้าที่เป็นด่านหน้าในการดูแลคนไทยในต่างประเทศสู่ภัยกับโรคระบาดครั้งนี้ จนปัจจุบันมีหลายท่านที่ป่วยและไม่สามารถปฏิบัติงานได้" นายอรรถวิชช์กล่าว 

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้รับวัคซีน Astrazeneca เข็มที่ 2 แล้วในวันนี้ ก็คงสามารถทำงานได้ดีขึ้น เสี่ยงน้อยลง แต่เจ้าหน้าที่ของไทยในต่างแดนยังต้องเสี่ยงอยู่ ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนที่ท่านนายกฯ เคยกล่าว โดยขอให้เทียบเคียงกรณีสหรัฐฯ ส่งวัคซีน Pfizer มาฉีดให้เจ้าหน้าที่สหรัฐในไทยเมื่อต้นเดือนนี้ หรือจีนที่ส่งวัคซีน Sinovac มาให้คนจีนในไทยฉีดในช่วงเวลาที่ผ่านมา 

นายอรรถวิชช์ ย้ำด้วยว่า เรื่องนี้สะท้อนระบบราชการที่ล้าหลัง ในการดูแลคนทำงานหน้าด่านในต่างประเทศ การส่งวัคซีนข้ามประเทศโดยใช้เอกสิทธิ์ทางการทูตน่าจะไม่จากเกินกำลังของรัฐบาลไทย  ความเร็ว เป็นหัวใจในการแก้วิกฤติ เป็นกำลังใจให้คนทำงาน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top