Wednesday, 2 July 2025
POLITICS NEWS

'พรรคกล้า'​ ปลื้ม!! แม้เป็นพรรคใหม่ แต่กระแสดีขึ้นเรื่อยๆ เผยผลรอบนี้​ ชี้!! 'การเมืองไม่เหมือนเดิม'​ อีกต่อไป

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ เบอร์ 2 แถลงหลังทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ โดยนายกรณ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนอันดับ 1 โดยหวังว่าจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. พร้อมกันนี้ยังกล่าวในฐานะหัวหน้าพรรค ขอบคุณจากใจกับทุกคะแนนที่มอบให้นายอรรถวิชช์ และได้กำลังใจจากคะแนนเสียงที่ได้มา ขอบคุณทีมงาน สมาชิก ผู้สนับสนุนพรรคกล้าทุกคน เพราะเราทุ่มเทกันสุดตัว แน่นอนที่สุดเราไม่ชนะ เราก็รู้สึกผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่ลงเลือกตั้ง เราก็ตั้งใจที่จะชนะเพื่อที่จะสามารถเข้าไปทำหน้าที่ในสภาได้ 

พรรคเราเป็นพรรคใหม่ เราพูดแต่แรกว่าเราเป็นพรรคสตาร์ตอัป ซึ่งความหมายคือ รุกแรงทุกครั้ง รุกเร็วทุกครั้ง เรียนรู้และปรับตัว ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกัน เรามีบทเรียนและประสบการณ์จากการลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ที่ทำให้เรามีกำลังใจว่าเรามาถูกทางแล้วในการนำเสนอการเมืองคุณภาพที่ชัดเจนที่สุดของการเลือกตั้งครั้งนี้ คือพี่น้องประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการเห็นการเมืองที่มีคุณภาพ ต้องการเห็นการเมืองที่ดีขึ้น ต้องการเห็นผู้มีอำนาจตอบโจทย์การแก้ปัญหาและใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น สัญญาณที่ชัดเจนของพี่น้องประชาชนคือความต้องการเปลี่ยนแปลง 

“พรรคกล้าเราถือว่าเรามาถูกทางในการนำเสนอการเมืองคุณภาพ การเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะเป็นการเมืองที่จะสามารถสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนได้ สร้างโอกาสให้กับประเทศชาติได้ ขอกราบพระคุณทุกท่านที่ให้คะแนนกับเรา” นายกรณ์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวขอบคุณทุกคะแนนจากหัวใจ พร้อมแจ้งข่าวดีให้ชาวพรรคกล้าทราบว่า ฐานเสียงเดิมของพรรคกล้าที่เขตจตุจักร มาเป็นอันดับ 1 แน่นอนคุณสุรชาติ เป็นแชมป์เก่าอยู่ที่หลักสี่อยู่แล้ว จึงชนะในเขตหลักสี่ไป แต่จตุจักรเรายังรักษาตำแหน่งที่ 1 ของเราได้ เป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญ การเลือกตั้งคราวนี้ คะแนนทางการยังไม่สรุปว่าเราเป็นที่ 2 หรือ 3 แต่เราก้าวไปเป็นพรรคการเมืองในระดับที่มีคะแนนเทียบกับพรรคก้าวไกลที่มี ส.ส. ในสภา 50 คนแล้ว และถ้าการเมืองคุณภาพที่เราอยากเห็น เราเห็นชัดเจนว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้วในกรุงเทพมหานคร ผลจะเริ่มสะท้อนชัดเจนว่าการทำการเมืองในวิถีแบบใหม่แบบที่พรรคกล้าเป็น ทำให้พรรคเราขึ้นมายืนได้ขนาดนี้ เลือกตั้งเที่ยวหน้าการเมืองคุณภาพแนวนี้ มันจะเป็นเทรนด์การเมืองใหม่ที่หลายพรรคจะต้องเดินตาม และนี่เป็นความภูมิใจ ที่เราสู้มาตลอดเวลา 30 วันนี้

นายอรรถวิชช์ยังกล่าวถึงการประเมินคะแนนเสียงเบื้องต้น นอกจากฐานเสียงเดิมที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือความเป็นพรรคกล้าที่แจ้งเกิดได้ ว่า ปัญหาตอนนี้ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเฉพาะเขต ตอนนี้มีการเปลี่ยนตัวหน่วยในหลายจุด ทำให้การสัญจรไปมาลำบาก คาดว่าอยู่ 30% ของผู้มาใช้สิทธิ์ แต่หลักสี่มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนมาก ขณะที่จตุจักรน้อยมากบางหน่วยเงียบเหงา ต้องฝากทางกรุงเทพมหานครต้องกระจายข่าวสารให้ทั่วถึงมากขึ้น และถือว่าพรรคกล้าแจ้งเกิดทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร เห็นได้ชัดว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้ว การเมืองคุณภาพ การนำเสนอแบบนี้มีโอกาส ตราบใดที่ไม่เสนอการเมืองแบบแบ่งค่าย แต่เป็นการบอกว่าแนวคุณภาพคืออะไรมันไปได้ 

'พิธา' กร้าว!! เลิกจี้​ 'ก้าวไกล-ทหาร'​ ปฏิปักษ์กัน หลังคะแนนเสียงจากค่ายทหารเทให้มากกว่าเดิม

'ก้าวไกล'​ แถลงยินดี 'สุรชาติ'​ ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน "กรุณพล" ลุยต่อ-มั่นใจเลือกตั้งใหญ่ได้ ส.ส. ด้าน 'พิธา'​ เผยเปอร์เซ็นต์คะแนนดีขึ้น-ชนะเพิ่มในค่ายทหาร 

พรรคก้าวไกล แถลงข่าวผลการเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค, พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม เขตจุตจักร-หลักสี่ เบอร์ 6 โดยมี ส.ส. พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. และทีมอาสาสมัครสังเกตการณ์เลือกตั้งของพรรค ร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก 

พิธา กล่าวว่า ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับคุณสุรชาติ เทียนทอง และพรรคเพื่อไทย รวมถึงยินดีกับพี่น้องจตุจักร-หลักสี่ ที่จะได้คุณสุรชาติเข้าไปทำงาน ในส่วนพรรคก้าวไกล ต้องขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้​ 'เพชร กรุณพล'​ และพรรคก้าวไกล แม้เรายังไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว และผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าการมีอยู่ของพรรคก้าวไกล การมีอยู่ของนักการเมืองแบบนี้ เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ และเมื่อดูจากเปอร์เซ็นต์คะแนนเสียงที่ได้รับ ในการเลือกตั้งปี 2562 เราได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้ได้ 24 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าครั้งที่แล้ว ขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ให้ความไว้วางใจ 

"นอกจากนี้ นโยบายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ก็ถือว่าเป็นที่ตอบรับดีมาก เพราะคะแนนเสียงจากในค่ายทหารในสมัยอนาคตใหม่เราได้ 26 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้เพิ่มเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ นั่นแสดงให้เห็นว่า พี่น้องทหารเห็นด้วยกับสิ่งที่เราจะทำให้กองทัพทันสมัย เป็นทหารมืออาชีพ ชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยดีขึ้น ชัดเจนว่า นโยบายปฏิรูปกองทัพที่เรานำเสนอดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีใครพยายามสร้างภาพว่าพรรคก้าวไกลกับทหารเป็นปฏิปักษ์กัน คิดว่าเลิกพูดแบบนั้นได้แล้ว เพราะแท้จริงเราพยายามทำให้ทหารมีสวัสดิการสวัสดิภาพที่ดีอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ทั้งนี้ เราตั้งใจที่จะทำงานอย่างมุ่งมั่นต่อไปสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงประเทศนี้" พิธา กล่าว 

พรุ่งนี้ เปิดลงทะเบียน Test & Go อีกครั้ง! นายกฯ กำชับ ทุกหน่วยงานเข้มแข็ง รัดกุม พร้อมต่อยอด ท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ให้ประเทศ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายให้เดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุขที่รัดกุม เพื่อให้ประชาชนในหลายๆ สาขาอาชีพ มีงาน มีรายได้ เพื่อตนเองและครอบครัว แต่ไม่ขัดต่อสถานการณ์การควบคุมโรคโควิด -19 ของทั่วโลก จึงได้วางนโยบายกำหนดให้ประเทศไทยเริ่มให้ผู้เดินทางจากทุกประเทศทั่วโลกลงทะเบียน เพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยโดยระบบ Test & Go ได้อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายขายรับแนวทางการดำเนินนโยบายของนายกรัฐมนตรี ยืนยันพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศอย่างเต็มที่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขขั้นสูงสุด

นายธนกร กล่าวว่า สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นด่านหน้าต้อนรับนักท่องเที่ยว ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ภายใต้มาตรการคัดกรองที่เข้มงวด และตามแนวทางโควิดฟรีเซ็ตติ้ง โดยได้บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซี่งในขณะเดียวกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ปรับมาตรการเพิ่มเติมด้านสาธารณสุข รวมทั้ง ได้มีการเตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอนาคต

นายธนกร กล่าวว่า ในด้านการท่องเที่ยว ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 2-3 แสนคน ใกล้เคียงกับเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนมีนาคม ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินนโยบายชู Soft Power ของไทย ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยให้โดดเด่น ให้เป็นส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมทั้ง นอกเหนือจากการท่องเที่ยว ไทยมี Soft Power ที่โดดเด่นในอีกหลายด้าน ได้แก่ กีฬา อาหาร ภาพยนตร์ ดนตรี เพลง การแสดง และศิลปะ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และให้เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยแล้วนั้น soft power ดังกล่าวยังจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกด้วย

นายธนกร กล่าวว่า หนังสือพิมพ์ Washington Post ยังได้เปิดเผยว่า ประเทศไทย คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสําหรับการเดินทางในปี 2022 ของชาวอเมริกัน เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับมาดีขึ้นในหลายประเทศ แม้ในช่วงหลังมานี้ชาวอเมริกันให้ความสนใจภูมิภาคเอเชียน้อยลง แต่ประเทศไทยถือเป็นข้อยกเว้น ชาวอเมริกันยังมีความต้องการที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น โดยส่วนใหญ่มีความสนใจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่มาพร้อมกับกิจกรรม อาทิ การฝึกโยคะ และมวยไทย 

 

 "บิ๊กตู่" ติดตามการฉีดวัคซีนเด็ก ขณะที่ ศธ. และ สธ. จะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งไทยสามารถรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดีขึ้นจนเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ และสัดส่วนการฉีดวัคซีนของประชากรก็เพิ่มขึ้น  ขณะนี้ ไทยยังมีความพร้อมฉีดวัคซีนไฟเซอร์  สำหรับเด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ในประเทศไทย โดยล็อตแรกได้มาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2565 ทั้งนี้  กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารสุขจะดำเนินการให้การบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี หรือ 11 ปี 11 เดือน 29 วัน คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ และเข็มที่ 2 จะฉีดในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า   นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงนักเรียนและเด็กเล็ก กำชับการควบคุมการแพร่ระบาดในสถานศึกษา ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่ม อาทิ การจัดแข่งขันกีฬา ปัจฉิมนิเทศ มีการรับประทานอาหารร่วมกันในลักษณะเดียวกับคลัสเตอร์งานเลี้ยงอื่น ๆ จึงกำชับให้ทุกสถานศึกษาปฏิบัติมาตรการสถานศึกษาปลอดโควิด – 19 ประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม  และ 7 มาตรการเข้มงวด   ได้แก่ การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย การคัดกรองวัดไข้ การลดการแออัด และการทำความสะอาด

6 มาตรการเสริม ได้แก่ การดูแลตนเอง การใช้ช้อนกลางส่วนตัว การกินอาหารปรุงสุกใหม่ การลงทะเบียนเข้าออก การสำรวจตรวจสอบด้วยแบบสอบถาม และการกักกันตัวเอง และ 7 มาตรการเข้มงวด ได้แก่ ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop Covid Plus และรายงานผลอย่างต่อเนื่อง การทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย (Small Bubble) รวมทั้งเตรียมแผนเผชิญเหตุซักซ้อมเพื่อรองรับสถานการณ์  ในกรณีพบผู้ติดเชื้อสามารถจัดให้มีระบบ School Isolation และดูแลการเดินทางของนักเรียนในรูปแบบ Seal Route เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียน ครูและบุคคลากรในโรงเรียนทุกคนด้วย

โฆษกภูมิใจไทย เผย '4 ส.ส.' ติดเชื้อโควิด -19 

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีส.ส.ติดเชื้อโควิด - 19  หลายคน และหลายพรรค โดยในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่ได้รับรายงาน ยืนยันติดเชื้อแล้ว คือ นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี  นายอำนาจ วิลาวัลย์ ส.ส.ปราจีนบุรีและ นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ ส.ส.ระนอง รวมถึงนายสิริพงศ์  อังคสกุลเกียรติ ส.ส. ศรีสะเกษ  ที่ติดไปก่อนหน้านี้

แสดงให้เห็นว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นไม่แสดงอาการ อย่างนายสิริพงศ์ เขาก็ป้องกันตัวเอง ตรวจATKวันละ 2 ครั้ง และก่อนวันที่จะตรวจว่ามีผลติดเชื้อ ก็พบว่ายังคงมีผลเป็นลบ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุแต่เชื่อว่าในอนาคต การติดเชื้อจะมากขึ้น พร้อมกับตั้งคำถามถึงมาตรการของสภาฯ ว่าจะต้องเข้มข้นขึ้นหรือไม่อย่างไร โดยส.ส.ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการรุนแรง จึงเชื่อว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 3 เข็มไปแล้ว อาจทำให้ความรุนแรงของโรคน้อยลง

‘โฆษกรัฐบาล’ ย้ำ! ผลสำเร็จการเปิดเที่ยวบินพาณิชย์สนามบินเบตง ‘นายกฯ’ มอบความสุขให้คนใต้ มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำถึงผลสำเร็จการเปิดใช้ท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา ให้เที่ยวบินพาณิชย์แบบเช่าเหมาลำ โดยสายการบินนกแอร์  เส้นทางดอนเมือง - เบตง - ดอนเมือง ใช้สนามบินเบตงเป็นเที่ยวบินแรกเมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 65) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับอำเภอเบตง ว่า เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ถือเป็นผลงานของรัฐบาลที่ต้องการดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มว่า ผลสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับพี่น้องชาวเบตงและพื้นที่ใกล้เคียง ที่นอกจากจะเพิ่มทางเลือกการเดินทางมากกว่าเดิมแล้ว ยังจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากขึ้น ถือเป็นการมอบความสุขให้พี่น้องภาคใต้ พร้อมกับนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้สนามบินเบตงเกิดประโยชน์สูงสุด ให้เตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการอำนวยความสะดวกประชาชนให้สามารถเดินทางสัญจรได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ภายใต้มาตรการการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) อย่างเคร่งครัดด้วย 

“บิ๊กตู่” พอใจประมาณการภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 64 ขยายตัวร้อยละ 1.2 ขณะที่ปี 65 คาดขยายตัวร้อยละ 4.0 โฆษกรัฐบาลเผยยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทยเดินมาถูกทาง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อปประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2564 และ 2565 ที่รายงานโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.2 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.9 ถึง 1.4) ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับประมาณการครั้งก่อน ณ เดือนตุลาคม 2564 ที่ร้อยละ 1.0 ต่อปี โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ 

ขณะที่ในปี 2565 นั้น คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วงร้อยละ 4.0 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.5 ถึง 4.5) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายในประเทศที่ขยายตัวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ที่ทำให้การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศมีผลกระทบในวงจำกัด ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เป็นไปอย่างรอบคอบ รัดกุม ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานด้วยว่า บทบาทของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลมีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยภาพรวมด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมาในปี 2564 เศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวอันเนื่องมาจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจไทย และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศที่ปรับดีขึ้น และการเร่งกระจายวัคซีนที่มีความครอบคลุมมากขึ้น โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.2 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -0.1 ถึง 0.4) และการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.7 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.4 ถึง 3.9) 

'เทพไท' เผย กมธ.กาสิโน ตั้งอนุ กมธ.4 ชุด เร่งศึกษาการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร ภายใน 60 วัน

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช  พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้ และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้า และการพนันออนไลน์ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง ความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการ 4 ชุด เพื่อพิจารณาศึกษาในรายละเอียดของสถานบันเทิงครบวงจร ในทุกๆด้าน ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 60 วัน คือ

1. คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษากฏหมาย การจัดเก็บรายได้และภาษี จากสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) โดยมีนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานฯ

2. คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการป้องกัน แก้ไขปัญหาผลกระทบและศึกษาพื้นที่ความเป็นไปได้และหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) โดยมี นายสุชาติ อุตสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานฯ

3. คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการลงทุนและรูปแบบการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) โดยมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เป็นประธานฯ

4. คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาธุรกิจ Gaming โดยมี นายบุญลือ ประเสริฐโสภา ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย เป็นประธานฯ 

‘ราเมศ’ โฆษก ปชป ขอบคุณ ปชช. มีส่วนร่วมสร้างพรรคบริจาคเงินให้ ปชป สูงสุด ย้ำไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้เปิดเผยถึงจำนวนเงินการรับบริจาคของพรรคการเมืองต่างๆว่า

พรรคประชาธิปัตย์โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ขอบพระคุณประชาชนทุกคนที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างพรรคร่วมกิจกรรมทางการเมืองโดยการบริจาคเงินให้กับพรรคเป็นจำนวนที่สูงสุดในทุกพรรคการเมือง โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาคสูงสุดคือ 14,639,000 บาท 
พรรคในฐานะสถาบันทางการเมืองที่ได้ก่อตั้งมายาวนานที่สุด พรรคดำรงคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าเหตุผลที่สำคัญคือประชาชนร่วมยืนเคียงข้างในทุกช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกคน ทุกรุ่นในพรรค มีความมุ่งมั่นยึดอุดมการณ์และความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นแนวทางสำคัญในการทำงาน ในทุกภารกิจมุ่งทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด พรรคไม่ได้ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อการใดการหนึ่ง แต่ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานให้กับประชาชนและประเทศเป็นสำคัญ

ผลักดันจนสำเร็จ!! เปิดเนื้อหา ฟื้นสัมพันธ์ ไทย-ซาอุฯ สู่ผลงานชิ้นโบว์แดง ‘รัฐบาลลุงตู่’ 

หลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นการเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หลังความสัมพันธ์ตกต่ำมาตลอด 32 ปีที่ผ่านมา 

การเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศแล้วผ่านพิธีการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ในขณะเดียวกันยังมีการเจรจาในแบบทวิภาคีอีกหลายเรื่อง

แน่นอนว่า การเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียของ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ ย่อมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นการเปิดประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์หน้าใหม่ระหว่างสองประเทศในรอบกว่า 30 ปี ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับกันว่า นี่คือ ผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ อย่างปฏิเสธไม่ได้ 

การไปเยือนซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ มีรายละเอียดที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ สรุปไว้น่าสนใจหลายอย่าง ลองไปดูว่ามีอะไรบ้าง เหตุใดจึงสร้างอิมแพค ทั้งในไทยและทั่วโลก ต่างจับตามอง

1.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยได้เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

2.) มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียทรงให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย และทั้งสองฝ่ายได้ประชุมหารืออย่างเป็นทางการ โดยทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความตั้งใจร่วมกันในการสะสางประเด็นที่คั่งค้างทั้งหมดระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียและปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรให้เป็นปกติ ทั้งสองฝ่ายยังได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรของสองราชอาณาจักรและการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับความสัมพันธ์ฉันมิตรกับซาอุดีอาระเบีย และแสดงความเสียใจยิ่งต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่ประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ. 2532-2533 (ค.ศ. 1989-1990)

นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยยืนยันว่า ไทยได้พยายามอย่างที่สุดแล้วในการสะสางกรณีต่างๆ และหากมีหลักฐานใหม่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น ก็พร้อมที่จะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพิจารณา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการให้ความคุ้มครองที่เหมาะสมแก่บุคคลในคณะผู้แทนของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียที่กรุงเทพฯ ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางทูต ปี ค.ศ. 1961 ทั้งสองฝ่ายยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อดูแลความปลอดภัยของคนชาติของกันและกันในแต่ละประเทศ

3.) ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคและระหว่างประเทศต่างๆ และได้หารือถึงแนวทางในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกสาขา ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์และการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของแต่ละฝ่ายเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อประโยชน์ร่วมกันของราชอาณาจักรทั้งสอง

4.) โดยคำนึงถึงจิตวิญญาณของความร่วมมือและความตั้งใจร่วมกันเพื่อฟื้นฟูมิตรภาพและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองราชอาณาจักรและประชาชน ภายใต้การนำและพระราชวิสัยทัศน์อันเข้มแข็งของผู้พิทักษ์ สองมหามัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Majesty King Salman bin Abdulaziz Al Saud) และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่ายที่มีมาอย่างยาวนานเพื่อฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกัน

5.) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกับขั้นตอนสำคัญต่างๆ ที่จะดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำเมืองหลวงของทั้งสองประเทศในอนาคตอันใกล้ และการจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี การติดต่อประสานงานอย่างเต็มที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้าเพื่อหารือความร่วมมือทวิภาคีในสาขายุทธศาสตร์ที่สำคัญ

6.) ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางในการส่งเสริมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองราชอาณาจักรโดยการแสวงหาโอกาสในด้านการลงทุนและอื่นๆ ในบริบทของวิสัยทัศน์ ค.ศ. 2030 ของซาอุดีอาระเบียและวาระการพัฒนาแห่งชาติของไทย กล่าวคือ นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio - Circular - Green Economy) ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะแสวงหาความร่วมมือในสาขาใหม่ๆ อาทิ พลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนา และความมั่นคงทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโตระหว่างทั้งสองราชอาณาจักร รวมทั้งการส่งเสริมการสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างศาสนาและพหุวัฒนธรรม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top