Thursday, 3 July 2025
POLITICS NEWS

'บิ๊กตู่' เร่ง ตั้งกรรมการฟื้นไทย-ซาอุฯ เดินหน้าดัน แรงงาน-เศรษฐกิจ-การทูต คาดเห็นผลภายใน 2 เดือน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากการเยือนราชอาณาจักร ซาอุดีอาระเบีย ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของไทยและซาอุดีอาระเบีย ในรอบ 30 ปี  ทำให้เกิดการหารือในระดับทวิภาคีในหลายมิติ ครอบคลุม ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การทูต และ แรงงาน ฯลฯ 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการเร่งรัดให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนแรงงาน เร่งดำเนินการหลังการเจรจาหารือที่เกิดขึ้น โดยได้มอบหมายนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งกรรมการเร่งดำเนินการเพื่อติดตามการทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ 

นายธนกร กล่าวว่า และให้กระทรวงแรงงานประสานไปยังหน่วยงานในกำกับเพื่อเร่งเตรียมความพร้อมในการเยือนของรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อลงนาม MOU ซึ่งถือว่าเป็นการขับเคลื่อนที่เร็วกว่าที่กำหนดไว้ภายใน 2 เดือน โดยมีความคืบหน้าในส่วนของกระทรวงแรงงาน มีการดำเนินการจัดหาแรงงานมีฝีมือตามความต้องการของฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีความต้องการแรงงานต่างชาติจำนวนกว่า 8 ล้านคน ในสาขาภาคบริการ โรงแรม สุขภาพ และอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่

ซึ่งขณะนี้ได้เร่งประชุมกับหน่วยงานในกำกับ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศเกี่ยวกับรายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และกระบวนการจัดส่งแรงงานไทยที่มีฝีมือในสาขาบริการ โรงแรม สุขภาพ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อไปทำงานในซาอุดีอาระเบีย ภายใต้หลักการ “รัฐจัดหา เอกชนจัดส่ง” 

นายธนกร กล่าวว่า ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ได้สานต่อการหารือเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุฯ ซึ่งในระยะแรกจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตและการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคี ตลอดจน การร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ อาทิ องค์การ OIC (โอไอซี) อาเซียน GCC (จีซีซี) รวมถึงการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยในปีนี้ด้วย 

'ฟลุ๊ค พชร' เชื่อ พท.ชนะที่หลักสี่ สะท้อนคนอยากให้ 'พี่โทนี่' ช่วยฟื้นศก.

‘ฟลุ๊ค พชร’ โหนผลเลือกตั้งซ่อมเพื่อไทยชนะ คนกรุงเบื่อ ‘บิ๊กตู่’ อยากได้ ‘พี่โทนี่’ กลับมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 นายพชร ธรรมมล หรือ ‘ฟลุ๊ค เดอะสตาร์’ สมาชิก พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมกรุงเทพมหานครเขต 9 จตุจักร-หลักสี่ ที่นายสุรชาติ เทียนทอง จากพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งแบบขาดลอยด้วยคะแนนแบบไม่เป็นทางการ 29,416 คะแนน ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐเจ้าของพื้นที่เดิมได้เพียง 7,906 คะแนนเท่านั้น ซึ่งเป็นการพ่ายแพ้แบบหมดฟอร์ม นอกจากจะแปลว่าคน กทม. และคนไทยส่วนใหญ่จะเบื่อหน่ายพลเอกประยุทธ์ อย่างสุดขีดแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ คงอยากให้คนมีความรู้ความสามารถอย่าง ‘พี่โทนี่’ กลับมาช่วยคิด ช่วยทำ ช่วยดูแล การบริหารประเทศไทยที่กำลังย่ำแย่โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจเหมือนที่โพลสำรวจบอกว่าคนส่วนใหญ่อยากให้พี่โทนี่ กลับมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เพราะหากให้คนขาดความรู้ความสามารถและไม่รู้เรื่องแบบพลเอกประยุทธ์ บริหารต่อไป เศรษฐกิจไทยได้แต่รอวันเจ๊งและพังแน่ ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจไทยก็พังมากอยู่แล้วและยังไม่มีวี่แววจะฟื้นเลย คนลำบากกันมาก และประชาชนเบื่อหน่ายความด้อยประสิทธิภาพของพลเอกประยุทธ์แล้ว 

‘ความไม่มั่นคงของฝั่งรัฐบาลน่าจะมีปัญหาอย่างมาก ดังจะเห็นได้จาก ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ออกมาโพสต์หลังทราบผลการเลือกตั้งแบบไม่เป็นทางการว่า ‘ผมดีใจมากครับที่เห็นพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้ง นี่คือ ‘ประชาธิปไตย’ ครับ the enemy of my enemy is my friend หรือแปลว่า ‘ศัตรูของศัตรูผมคือเพื่อนผม’ ซึ่งน่าจะแปลได้อีกว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ น่าจะนับถอยหลังได้แล้ว ซึ่งเชื่อได้ว่าผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะเป็นรูปแบบของการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตที่พรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสชนะแบบแลนสไลด์ได้สูง ถ้าหากประชาชนให้ความเชื่อถือพรรคเพื่อไทย เหมือนการเลือกตั้งซ่อมในกรุงเทพมหานครเขต 9 นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่พรรคเพื่อไทยน่าจะมีความพร้อมในเรื่องนี้มากกว่าพรรคอื่นทั้งหมด’ นายพชร กล่าว

ครม.เห็นชอบ! แนวทางการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา เน้น รองรับพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย-ยกระดับนวัตกรรมการศึกษา

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบมอบอำนาจให้สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา และมีคำสั่งให้สถาบันอุดมศึกษาหรือส่วนงานในสถาบันอุดมศึกษาจัดการศึกษาที่แตกต่างไปจากมาตรฐานการอุดมศึกษา แทน ครม. โดยให้ถือว่าการอนุมัติและความเห็นชอบดังกล่าวเป็นมติของครม. 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า การจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา มีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ สถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันการศึกษาอื่น ทั้งรัฐและเอกชน ทั้งในสังกัดและนอก อาทิ 1.การทดลองใช้นวัตกรรมการจัดการศึกษารูปแบบใหม่ที่อาจยังไม่มีมาตรฐาน การอุดมศึกษาในปัจจุบันมารองรับ เช่น ใช้ระบบออนไลน์ แทนการเรียนในห้อง และจัดการเรียนการสอนลักษณะหลักสูตรระยะสั้นประกอบการเรียนรู้ทฤษฎีร่วมกับการฝึกปฏิบัติในภาคอุตสาหกรรม และจับคู่ภาคเอกชนเพื่อร่วมผลิตนักศึกษา เป็นต้น 2.ปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นข้อจำกัดต่อการจัดการศึกษารูปแบบใหม่ โดยมีกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องรวม เช่น กฎกระทรวงว่าด้วยด้านมาตรฐานการจัดการระดับอุดมศึกษา กฎกระทรวงว่าด้วยมาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา กฎกระทรวงว่าด้วยมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา เป็นต้น

เพื่อให้เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมการผลิตบัณฑิตมากขึ้น และให้ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่เป็นที่ยอมรับจากภาคอุตสาหกรรม เป็นผู้สอนในสถาบันอุดมศึกษาได้ รวมทั้งลดจำนวนหน่วยกิตในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปและลดเวลาหลักสูตรในการเรียนให้เหลือเพียง 3 ปี หรือน้อยกว่า เป็นต้น และจะมีผลกับสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งต่อไป โดยระหว่างการจัดทำร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ หากสถาบันอุดมศึกษาต้องการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา สามารถดำเนินการได้ภายใต้มาตรา 69 พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นการยกเว้นมาตรฐานการอุดมศึกษาสำหรับสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการอนุมัติเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการอุดมศึกษาใหม่

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงแรงงาน กำหนดให้สถานประกอบ ต้องมีจนท.ความปลอดภัยในการทำงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคล เพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ

โดยสาระสำคัญของร่างฯ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคล เพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะเป็นกลไกในการกำกับดูแลและบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ 1.กำหนดสถานประกอบการที่ต้องดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงนี้ในบัญชีท้าย โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สถานประกอบการตามบัญชี 1 เช่น อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมปิโตรเลียม อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เป็นต้น สถานประกอบการตามบัญชี 2 เช่น อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร อุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น และสถานประกอบการตามบัญชี 3 เช่น โรงรับจำนำ โรงถ่ายทำภาพยนตร์ สนามกีฬา เป็นต้น2.กำหนดประเภทและระดับของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน มี 2 ระดับ ได้แก่ ระดับหัวหน้างาน และระดับบริหาร

เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานโดยหน้าที่เฉพาะ มี 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเทคนิค ระดับเทคนิคชั้นสูง และระดับวิชาชีพ โดยเจ้าหน้าที่แต่ละประเภทและระดับต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง 3.นายจ้างของสถานประกอบการ ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ถานประกอบการตามบัญชี 1 ที่มีลูกจ้าง 2 คนขึ้นไป ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพอย่างน้อย 1 คน ส่วนสถานประกอบการตามบัญชี 2 ที่มีลูกจ้าง 50 คนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 100 คน ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิคชั้นสูงอย่างน้อย 1 คน สถานประกอบการตามบัญชี 3 ที่มีลูกจ้าง 20 คนขึ้นไป ต้องจัดให้ลูกจ้างระดับหัวหน้างานทุกคนได้รับการฝึกอบรมเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน

ครม.เห็นชอบเลื่อนจัด "เอเชียนอินดอร์-มาเชี่ยลอาร์ทเกมส์" ครั้งที่ 6 ไปปี 2566 เหตุ มีข้อจำกัด-เสี่ยงการแพร่โควิด-19

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบการทบทวนมติครม.เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 เรื่อง การเลื่อนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ปี 2021  จากปี 2564 เป็นปี2565 และให้เลื่อนไปจัดระหว่างวันที่ 17-26 พ.ย. 2566 โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุเหตุผลขอเลื่อนครั้งนี้ โดยพิจารณาถึงความพร้อมของประเทศไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)ที่มีข้อจำกัดจากเงื่อนไขตามมาตรการ ภายใต้วิถีปกติใหม่ ที่เป็นอุปสรรคต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน และมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19

ครม. เคาะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 20 ล้านคน  

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มตกหล่นให้สามารถเข้าถึงโครงการฯ 

ทั้งนี้มีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 20 ล้านคน ทั้ง ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่ คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 โดยมีกรอบวงเงิน 564.455 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบฯ ของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

'อรุณี' ฟันธง พฤษภาคม 'ประยุทธ์' ชะตาขาด หลังความวัวไม่ทันหายความควายแทรกไม่หยุด

1 ก.พ. 65 - น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 24 สิงหาคม 2565 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีครบปีที่ 8 ซึ่งถือเป็นการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานเทียบเท่ากับจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ที่มาจากการรัฐประหารเมื่อปี 2491 ถือว่านานเกินกว่าที่ประชาชนจะทนไหว

แต่ในเดือนพฤษภาคม ชะตากรรมของพลเอกประยุทธ์ในคราบนักการเมืองสวมเครื่องแบบทหารจะไม่รอด นอกจากพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร อย่างถล่มทลายแล้ว พรรคพลังประชารัฐยังได้คะแนนต่ำกว่า 3 อันดับแรก จากนี้ไปจะมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างที่อาจจะเป็นตัวชี้วัดตัดสินอนาคตทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์และองคาพยพว่ากำลังจะถึงเวลาดับลงแล้ว 

น.ส.อรุณี กล่าวว่า ก่อนปิดสมัยประชุมสภาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลแบบไม่ลงมติต่อประสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 152 หรือการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 รัฐบาลกำลังจะถูกบีบจากทุกทางแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่พลเอกประยุทธ์เข้ามาบริหารประเทศจากการเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร จนถึงปัจจุบัน ไม่มีวันไหนเลยที่ประชาชนจะกินอิ่ม นอนหลับ มีเงินในกระเป๋า มีงานทำ หากดูปัญหาในเดือนมกราคม 2565 เพียงเดือนเดียว มีปัญหาในเชิงสังคม คุณภาพชีวิต ปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ที่รอการแก้ไขมากมาย

ครม. อนุมัติ จ่ายเงินทดแทนปชช.ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา ให้ที่ดินไร้เอกสารสิทธิ 350 แปลง 770 ไร่ ไร่ละ 45,000 บาท เกลี่ยงบกรมชลฯ 34.67 ล้านบาท ดำเนินการ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.อนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทน ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 350 แปลง เนื้อที่ 770 ไร่ 1งาน 59 ตารางวา ในอัตราไร่ละ 45,000 บาท  รวมเป็นเงิน 34.67 ล้านบาท ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา เฉพาะกลุ่มโนนสัง กลุ่มราศีไศล และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยงบประมาณที่จะนำมาจ่ายทดแทนทางกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2565 มาดำเนินการ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ครม.ยังได้อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินค่าทดแทน จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงินและจำนวนเงินค่าทดแทนให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายละเอียดผลการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์ที่ดินที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอกันทรารมย์ และอำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธาน  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ มีอำนาจหน้าที่พิจารณาตรวจสอบบุคคลผู้มีสิทธิ จำนวน 350 ราย และควบคุมการโอนจ่ายเงินค่าทดแทนให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ จำนวนเนื้อที่ และจำนวนเงินค่าทดแทนตามที่ครม.อนุมัติ  ให้จ่ายด้วยวิธีจ่ายตรงโดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารตามบัญชีรายชื่อบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบ หรือทายาท โดยให้ถือความเห็นของคณะกรรมการชุดนี้เป็นหลักฐานประกอบการจ่ายเงินค่าชดเชย

ครม. เคาะ หลักเกณฑ์ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 กลุ่มเป้าหมาย 20 ล้านคน  คาดเริ่มใช้สิทธิ 1 ต.ค. หวังสร้างโอกาสเข้าถึงบริการแห่งรัฐครบวงจร

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และเห็นชอบร่างประกาศ คกก.ฯ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงาน และความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มตกหล่นให้สามารถเข้าถึงโครงการโดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 20 ล้านคน คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการเดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่ คาดสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565  

โดยมีกรอบวงเงิน 564.455 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียน และการยืนยันตัวตน 164.274 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียน ของหน่วยรับลงทะเบียน 400.181 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบฯ ของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน มี ดังนี้ ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ 

รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ เช่น วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คกกฯกำหนด

นายธนกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการและปัญหาผู้มีบัตรที่ไม่ควรได้รับสิทธิ ทั้งนี้ จะมีการเปิดรับลงทะเบียน ตามโครงการฯอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ จะมีการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งอีกด้วย

สำหรับผู้ได้รับสิทธิจากโครงการฯ ปี 2565 จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรสวัสดิการเนื่องจากบัตรสวัสดิการที่ได้เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี และจะหมดอายุในเดือนกันยายน 2565 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตบัตรสวัสดิการใหม่ ประมาณ 1,258 ล้านบาท อีกทั้ง ลดปัญหาเรื่องการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนหรือการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้ สิทธิแทน และช่วยลดการทุจริต เช่น กรณีร้านค้าเก็บบัตรสวัสดิการไว้เอง

“โฆษกรัฐบาลฯ” ฟุ้ง ปชช.หนุน ”บิ๊กตู่” โว ผลงานชัด-ซื่อสัตย์สุจริต เหน็บ พท.อย่าเพิ่งตีปีก ย้อน ลต.เขตเดียวไม่ใช่สนามใหญ่ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถนำพาประชาชนออกจากวิกฤตได้ ทางที่ดีที่สุดคือคืนอำนาจให้ประชาชน และการยุบสภาฯ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ว่า ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้หวงอำนาจ และเข้ามาบริหารประเทศตามมติของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นตัวแทนประชาชน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมอำนาจย่อมกลับคืนสู่ประชาชน และไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านต้องการให้รัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชนหรืออยากให้คืนอำนาจให้ฝ่ายค้าน กลับมามีโอกาสเป็นรัฐบาลอีกครั้งกันแน่ ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าประชาชนยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เพราะมีผลงานที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ที่สำคัญคือ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เด็ดขาดกับการทุจริตคอรัปชั่น ไม่เหมือนรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา แม้การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.ครั้งล่าสุดพรรคเพื่อไทย จะได้รับชัยชนะแต่อย่าเพิ่งดีใจ เพราะเป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อมเพียงเขตเดียว ไม่ได้ส่งผลต่อเสียงของรัฐบาล จึงไม่สามารถนำมาวัดกับการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศในสมัยหน้าได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top