Tuesday, 8 July 2025
POLITICS NEWS

หัวหน้าพรรคเล็ก เปิดเผยหลังร่วมดินเนอร์ 3 ป.บรรยากาศชื่นมื่น ใจถึงใจ ด้านหัวหน้าพรรคไทรักธรรม ระบุ นายกฯ เปรย "หากพวกเราร่วมมือกันทำงาน ก็ไม่มีเหตุผลต้องยุบสภา"

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2565 นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เปิดเผยหลังร่วมดินเนอร์กับนายกรัฐมนตรีว่า เป็นการหารือแบบใจถึงใจ เป็นกันเอง นายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้ทุกคนพูดคุย นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า เมื่ออยู่ด้วยกันต้องมั่นใจกัน มีอะไรเสนอนายกรัฐมนตรีได้เลย ซึ่งก็ได้มีการเสนอไปแล้ว

ขณะที่ทุกคนที่ถูกเชิญร่วมวงรับประทานอาหารกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็มาร่วมดินเนอร์ด้วยและไม่มีสัญญาใจต่อกัน ยืนยันไม่มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่ไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่า 30 เสียงพรรคเล็กจะสนับสนุนรัฐบาล แต่ทุกพรรคยังมีทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ ไม่มีการวางตัวผู้ประสานงานระหว่างพรรคเล็กร่วมรัฐบาล แต่ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดูแลพรรคเล็กมาโดยตลอด ทั้งนี้หากมีโอกาสได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีบ่อยขึ้นก็จะเป็นเรื่องดี

ด้านนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท เปิดเผยว่า ยังคงให้ความมั่นใจหนุนรัฐบาลไปตลอดรอดฝั่ง ไม่มีการพูดเรื่องยุบสภา หรือโควตารัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีขอให้ร่วมทำงานเพื่อประเทศชาติ ส่วนตัวมองว่าเมื่อพูดคุยกันแล้วเข้าใจกันดี สถานการณ์ชื่นมื่น เป็นกันเอง

“นายกรัฐมนตรีบอกไม่อยากอยู่หรอก เหนื่อยจะตาย จะไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ ไม่อยากตายคาเก้าอี้ และไม่ส่งสัญญาณอยู่ต่อสมัยหน้า ย้ำว่า ไม่ได้หวงตำแหน่ง”

ด้านนายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ มองว่า นายกรัฐมนตรีมีความสามารถที่จะยังดูแลประเทศได้ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน

 “กอ.รมน.” โต้ ฝ่ายการเมือง แจง งบฯ เป็นไปตามระเบียบ เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)  เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการจัดกิจกรรมเสวนาของฝ่ายการเมือง ภายใต้ชื่อโครงการ “ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน” โดยเนื้อหาพบว่ามีผู้ร่วมเสวนาที่ได้กล่าวถึง เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของ กอ.รมน. ในลักษณะที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง อาทิ มีการกล่าวว่า “กอ.รมน. มีคนไม่ถึง 300 คน แต่มีงบประมาณไปเกือบหมื่นล้าน บางปีหมื่นกว่าล้าน พอเดินเข้าไปดูการใช้จ่ายเงินจะใช้เป็นงบลับ ปีละเกือบ 6,000 ล้าน แล้วงบลับตัวนี้ไม่มาเขียนในระบบงบประมาณแต่ไปซ่อนไว้ และคนใช้งบลับก้อนนี้ก็คือ นายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.รมน. กับ ผบ.ทบ.”

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า การกล่าวถึงตามเนื้อหาข้อความดังกล่าว มีความคลาดเคลื่อนมากจากความเป็นจริง สำหรับข้อมูลความจริงของ กอ.รมน. นั้น ในส่วนของข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานอยู่กับ กอ.รมน. ในแต่ละปีจะมีอยู่ประมาณ 64,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจและทหาร ที่ปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จชต. ประมาณ 54,000 อัตรา และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 10,000 อัตรา จะปฏิบัติงานในพื้นที่ส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ สรุปได้ว่า กอ.รมน. ไม่ได้มีบุคลากรเพียงแค่ไม่ถึง 300 คน   

'น้องแรมโบ้' ซัด 'สุรทิน'  ไม่ไปกินข้าวร่วมนายกฯ ไม่มีใครว่า แต่อย่าหิวแสง เหน็บนายกฯให้เป็นประเด็นการเมือง ย้ำกินข้าวพรรคร่วมหารือแก้ปัญหาบ้านเมือง ส่วนนายสุรทินอยู่กับเจ้าของสวนกล้วยคนไหนใครก็รู้กันทั่วหมดแล้ว

นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปไตยใหม่ ไม่ร่วมรับประทานอาหารกับนายกฯ พร้อมเหน็บว่าลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านมีประโยชน์มากกว่า
โดยระบุว่าหากนายสุรทินไม่อยากร่วมรับประทานอาหารกับนายกฯก็ไม่เป็นไรและการลงพื้นที่ก็เป็นเรื่องที่ดี

แต่อยากให้นายสุรทินรู้เอาไว้ว่าการร่วมรับประทานอาหารของนายกฯก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ได้มีการพูดคุยถึงการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้เช่นเดียวกัน

นายชนะศักดิ์ยังระบุว่าไม่แน่ใจว่าตั้งแต่เป็น ส.ส.นายสุรทินได้ลงพื้นที่บ้างหรือไม่ หรือว่ามาลงแค่ช่วงนี้เท่านั้น ทั้งนี้ยังขออย่านำมาเป็นประเด็นทางการเมืองให้เกิดความขัดแย้ง เพราะขณะนี้ไม่ใช่เวลามาเล่นการเมือง

“อยากลงพื้นที่ก็ลงไป แต่ไม่ควรเอามาเหน็บนายกฯแบบนี้ เพราะนายกฯ หรือรัฐมนตรีทุกคนก็เป็นห่วงประชาชนลงพื้นที่ช่วยประชาชนกันทุกคน ซึ่งตนมองว่าน่าจะทำมากกว่านายสุรทินอีก 

'สน.บางขุนนนท์' ล็อกเป้า!! ส่อสั่งขัง 'โรม' หวังให้หลุดสถานะ ส.ส. เจ้าตัวเผย!! เป็นผลพวงจากอภิปราย 'ป่ารอยต่อ - ค้ามนุษย์'

(17 มี.ค.65) รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่เพิ่งได้รับหมายจับจาก สน.บางขุนนนท์ ว่าหลังจากที่ตนได้อภิปรายทั่วไปเรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเป็นต้นมา ก็ได้มีความพยายามที่จะเร่งรัดกระบวนการของคดีต่างๆ ที่ยัดเยียดมาให้จากการปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะคดีที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ฟ้องตนในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปี 2563

"จากกรณีที่เกิดขึ้น ผลที่ฝ่ายรัฐบาลคาดหวังจากความพยายามเหล่านี้ ก็คงหนีไม่พ้นการให้ผมได้ถูกศาลสั่งขังโดยไม่ให้ประกันตัว แม้เพียง 1 วันก็พอ เพื่อให้หลุดพ้นจากความเป็น ส.ส. โดยล่าสุดผมทราบว่าทางตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ถึงขั้นมีการออกหมายจับผมในคดีนี้ โดยอ้างว่าไม่ได้ไปเข้าพบตามหมายเรียกที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งผมขอชี้แจงดังนี้..

“หมายเรียกแรกที่ออกมานั้น ออกเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎร จึงได้โต้แย้งไปแล้วว่าเป็นการออกหมายเรียกโดยไม่ชอบ เนื่องจากในรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ได้ห้ามไม่ให้มีการออกหมายเรียกตัว ส.ส. ในระหว่างสมัยประชุม

"ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ทาง สน.บางขุนนนท์ก็ได้ออกหมายเรียกอีกครั้งให้ไปพบในวันที่ 11 มีนาคม อย่างไรก็ตามตนติดภารกิจในฐานะ ส.ส. ในวันดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือต่อ สน.บางขุนนนท์ เพื่อชี้แจงความไม่สะดวกและขอเลื่อนการเข้าพบออกไปเป็นวันอื่นที่ได้ระบุไว้ ทว่าทางตำรวจกลับมีคำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนการนัดหมายดังกล่าว และอ้างเหตุนี้ในการขอศาลเพื่อออกหมายจับตน” รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 กำหนดว่าหมายจับจะออกได้ก็ต่อเมื่อ (1) มีหลักฐานการกระทำความผิดอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือ (2) มีหลักฐานการกระทำความผิดและมีเหตุควรเชื่อว่าจะหลบหนี (ซึ่งให้สันนิษฐานกรณีไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรด้วย) กรณีของตนนั้นไม่ใช่ข้อ (1) แน่ๆ เพราะข้อหาหมิ่นประมาทมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนตามข้อ (2) นั้น เมื่อมีหมายเรียกมาตนก็ได้ยื่นหนังสือชี้แจงถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไปแล้ว พร้อมทั้งระบุวันที่สะดวกเข้าพบอย่างชัดเจนด้วย ยังไม่นับว่าในอดีตที่ผ่านมาเมื่อมีการแจ้งข้อหาแก่ตนในคดีนี้ ซึ่งตนก็ได้ไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมายังมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. อย่างสม่ำเสมอไม่หนีหายไปไหน จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะต้องออกหมายจับผมแต่อย่างใดเลย

คนไทยซม! ค่าไฟขึ้น ส่วนเอ็นจีวีตรึงราคาต่อ 3 เดือน

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า จากการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4.00 บาทต่อหน่วย

ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีมาจากผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลต่อวิกฤตราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ กกพ. ต้องปรับสมมุติฐานการประมาณการค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนราคาเชื้อเพลิงในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์ที่ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน

'พท.' ซัด 'ลุง' แก้ปัญหาตามเสียงด่า ปล่อยประชาสู้ตามยถากรรม แนะ 6 แนวมาตรการเก่า พปช.ไปใช้ ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่ซ้ำซ้อน ต่อเนื่องและยาวนาน จากความผิดพลาด บกพร่องและไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้คนไทยต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤติโควิด-19 แบบโงหัวไม่ขึ้นเข้าปีที่ 3 ต่อเนื่อง วันนี้เมื่อเกิดความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและสินค้าวัตถุดิบต่างๆ ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้วจากโรคระบาด ยิ่งวิกฤติหนักกว่าเดิมซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กลับนิ่งเฉยต่อปัญหาความล่าช้า ไร้มาตรการที่ชัดเจน 7 ปีที่บริหารประเทศ ทำงานไล่ตามปัญหา แก้ปัญหาตามเสียงก่นด่าของประชาชน 

น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 2551 ได้เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐฯ สร้างผลกระทบไปทั้งโลก ราคาน้ำมันในตลาดโลกยกระดับสูงขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ สร้างผลกระทบกับค่าครองชีพพี่น้องประชาชน รัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้เร่งรัดหาทางแก้ไขปัญหาในทันทีและรวดเร็ว โดยได้ประกาศ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ที่ครอบคลุมและชัดเจนในการแก้ไขสถานการณ์บรรเทาปัญหาค่าครองชีพพี่น้องประชาชนเมื่อวันที่ 15 ก.ค.51 ประกอบด้วย... 

>> ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภท โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลเหลืออัตราการจัดเก็บเพียง 0.005 สตางค์ 
>> ชะลอการปรับราคาก๊าซหุ้งต้ม (แอลพีจี) ในภาคครัวเรือน 
>> ฟรีค่าน้ำประปาสำหรับผู้ใช้น้ำในประเภทที่อยู่อาศัยที่มีปริมาณการใช้น้ำตั้งแต่ 0-50 ลูกบาศก์เมตร (คิว) ต่อเดือน 
>> ไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วยต่อเดือน และจ่ายค่าไฟฟ้า 50% สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย 
>> รถเมล์ฟรีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 
>> รถไฟฟรีทุกขบวนเป็นเวลา 6 เดือน 

‘ไพร พัฒโน’ ลาออกสมาชิกพรรคปชป.อีกราย เผยแจ้ง 'อภิสิทธิ์' รู้เป็นคนแรกในการตัดสินใจ

นายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และอดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแนบหนังสือลาออก ลงวันที่ 11 มีนาคม 2565 มีรายละเอียดดังนี้... 

“กราบเรียนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน ผมได้ใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้อยู่นานมาก ด้วยความรัก ความผูกพันที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์รวมตลอดถึงผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆท่านที่ผมทั้งรัก ทั้งเคารพ และสุดแสนจะเกรงใจครอบครัวของผมอยู่กับประชาธิปัตย์มากว่า 53 ปี ตั้งแต่สมัยคุณพ่อคือนายไสว พัฒโน และผมเองก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในนามพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว 2 สมัย คือปีพ.ศ.2539 ถึง พ.ศ.2546 จึงเป็นเรื่องยากและยิ่งใหญ่มากในชีวิตของผมต่อการตัดสินใจครั้งนี้….. พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ผมรัก และยังรักอยู่จนถึงตอนนี้ แต่เส้นทางทางการเมืองบางครั้งมันไม่มีทางเลือกให้แก่เรามากนัก”

'บิ๊กตู่' ห่วง เครือข่ายวิทยุชุมชน สั่ง อนุชา ประสาน กสทช. ขยายเวลาคงคลื่นความถี่ออกอากาศ 500 วัตต์ ถึงสิ้นปี 67 

วันที่ 17 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี รับมอบหนังสือแสดงความขอบคุณจากเครือข่ายวิทยุชุมชน ประกอบด้วย องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมสภาวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ สำนักงานสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย โดยมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากคณะทำงานนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนจากกรมประชาสัมพันธ์ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้แทนจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และกลุ่มเครือข่ายวิทยุชุมชน เข้าร่วม

นายอนุชา กล่าวว่า จากกรณีที่เครือข่ายวิทยุชุมชน เคยมีหนังสือถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้พิจารณาระงับ หรือชะลอการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 มาบังคับใช้ ซึ่งเครือข่ายวิทยุชุมชนจำนวน 3,884 สถานี ทั่วประเทศ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงให้ออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 

นายอนุชา กล่าวว่า และจากนั้นให้ออกอากาศด้วยกำลังส่งต่ำเหลือเพียง 50 วัตต์ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 จนถึงปี พ.ศ.2567 จากการลดกำลังส่งดังกล่าว ส่งผลต่อการนำข้อมูลข่าวสารภาคประชาชนออกอากาศในชุมชนต่างๆ ทำให้การสร้างการรับรู้ แก่ประชาชนไม่ทั่วถึง กลุ่มเครือข่ายจึงรวมตัวกัน และส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 

นายอนุชา กล่าวว่า จึงดำเนินการหารือ และประสานงานกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังทาง กสทช. ได้พิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าว จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม โดยให้วิทยุชุมชนผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ยังคงออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ได้ต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567  

“ประวิตร” ตรวจสถานการณ์น้ำ เมืองแปดริ้ว สั่ง ปรับปรุงเขื่อนทดน้ำบางปะกง ป้องน้ำเค็มรุก 

ที่ศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กนช.)พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินผล มาตรการรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูฝนปี2564/2565ในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา และพื้นที่ภาคตะวันออก รวมถึงภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของภาคตะวันออก และแนวทางการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกง 

โดยลุ่มน้ำบางปะกง มีปริมาณน้ำเก็บกัก 1,571 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำปัจจุบัน 699 ล้าน ลบ.ม.ยังเพียงพอต่อการใช้ในพื้นที่ สำหรับปัญหาน้ำที่ผ่านมา มีทั้งน้ำท่วม และน้ำแล้ง  ซึ่งกำลังได้รับการแก้ไขแล้วตามแผนงาน อย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันมีปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็ม ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำเพื่อการดำรงชีวิตของประชาชน และภาคการเกษตร ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข ต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า เร่งรัดการดำเนินงาน บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา จากปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกง ส่งผลกระทบต่อประชาชนในการใช้น้ำอุปโภคบริโภค และผลกระทบจากความต้องการใช้น้ำจืดมากขึ้น ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับภาคการลงทุนอีอีซี โดยบูรณาการร่วมกับทุกส่วนราชการ เพื่อขับเคลื่อนแผนหลักการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว อย่างเป็นระบบให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งรัดซ่อมแซมเขื่อนทดน้ำบางประกง ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นกลไกหลักควบคุม การป้องกันน้ำเค็มรุกให้เต็มประสิทธิภาพ และพร้อมช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำและจากวิกฤตโควิด-19 ด้วย และพร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ 

12 หน่วยงานลงนามความเชื่อมโยงบริการสุขภาพคนไทย “บิ๊กตู่” ย้ำ คนไทยทุกคนต้องได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพทั่วถึงและเที่ยงธรรม “ลั่น” เจ็บป่วยที่ไหนแพทย์สามารถตรวจสอบประวัติและทำการรักษาได้ทันท่วงที

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านระบบ Video Conference โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ"โครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล" กับ 12 หน่วยงานภาคีเครือข่าย ไปยังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการพัฒนาด้านสาธารณสุขไทย ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชน แต่ยังส่งผลกระทบและสังคมของประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลและแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่เราต้องเร่งพัฒนาระบบบริการและการบริหารจัดการของประเทศในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบการบริการสุขภาพประชาชนซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของประเทศ สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบบริการ จัดการ ระบบสาธารณสุขของประเทศคือเทคโนโลยีในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ หรือบิ๊กเดต้า โดยการนำข้อมูลขนาดใหญ่ มาช่วยในการบริหารจัดการและการวิเคราะห์เพื่อพัฒนางานบริการจะต้องอาศัยการเชื่อมโยงกับข้อมูลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ 

“ ขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงกลาโหมกระทรวงการคลังกระทรวงแรงงานและในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้นำร่องการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพผ่านระบบ เฮลท์ลิ้งค์ (HealthLink)ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง ที่เข้าร่วมและสามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเจ็บป่วยไปรักษาที่ได้ แพทย์สามารถตรวจสอบประวัติการรักษาและให้การรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เพิ่มมากขึ้น ขอขอบคุณคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ที่มีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันการปฏิรูประบบบริหารจัดการฐานข้อมูลและการสื่อสารของประเทศให้มีประสิทธิภาพสามารถรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด ทั้งในปัจจุบันและอนาคต สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน ซึ่งหวังว่าระยะต่อไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันผลักดันให้เกิด แพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพของประเทศขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างรากฐานระบบสาธารณสุขของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป”นายกรัฐมนตรีกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top