Thursday, 10 July 2025
POLITICS NEWS

โฆษกรัฐบาลแจง “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่ตรวจราชการสงขลา-พัทลุง เพื่อติดตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 แก้ไขอุทกภัย อ.หาดใหญ่ พร้อมมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพัทลุง และผู้บริหารท้องถิ่น เมื่อวันที่ 22 เม.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนั

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสงขลา และจังหวัดพัทลุง ในวันจันทร์   ที่ 25 เมษายน 2565 เพื่อติดตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 แก้ไขอุทกภัย อ.หาดใหญ่  พร้อมมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพัทลุง และผู้บริหารท้องถิ่น โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ โดยภารกิจ ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 การแก้ไขอุทกภัย อำเภอหาดใหญ่  ในการจัดทำโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ปรับปรุงคลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) ให้มีศักยภาพเพียงพอในการป้องกันน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ และเป็นพื้นที่เก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ณ คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) อำเภอหาดใหญ่

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัส เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2531 “...การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว...” ปัจจุบันโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 92.10% โดยประตูระบายน้ำหน้าควน 2 ซึ่งอยู่บริเวณปากคลองระบายน้ำ ร.1 ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ สามารถบริหารจัดการน้ำโดยการเปิดปิดบานเพื่อควบคุมปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่คลองระบายน้ำ ร.1 และคลองระบายน้ำ ร.1 ซึ่งได้ทำการปรับปรุงโดยการขุดขยายความกว้างของคลองระบายน้ำจากเดิมท้องคลองกว้าง 24 เมตร ขยายเป็น 70 เมตร พร้อมทั้งก่อสร้างกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 90 ทำให้คลองระบายน้ำ ร.1 ในปัจจุบันจะสามารถช่วยในการระบายน้ำในช่วงฤดูฝนได้สูงสุดประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

'ดร.นิว' ยกเคส 'ทานตะวัน' ถูกถอนประกัน-เผชิญกรรมโดดเดี่ยว การหลอกใช้ซ้ำๆ จาก 'ผู้ใหญ่ 3 นิ้ว' ที่ไม่ต้องเฉียดคุกเอง

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมวัย 20 ปี อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา มาตรา 112 ว่า...

สู้เพื่อคนรุ่นใหม่หรือหลอกใช้คนรุ่นใหม่ให้สู้เพื่อตัวเอง?

การถูกเพิกถอนการประกันตัวของน้องตะวัน จนทำให้ต้องกลับเข้าเรือนจำในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงชะตากรรมอันโดดเดี่ยวของคนรุ่นใหม่สามนิ้ว ซึ่งเป็นเพราะบรรดาผู้ใหญ่สามนิ้วที่เป็นแกนนำตัวจริงคอยแต่เอาตัวรอด ดีแต่ปล่อยให้คนรุ่นใหม่สามนิ้วออกหน้าทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเองมาโดยตลอด

การต่อสู้เพื่อคนรุ่นใหม่ จึงเป็นเพียงแค่การหลอกลวงของผู้ใหญ่สามนิ้ว ที่คอยฉกฉวยผลประโยชน์จากการเดิมพันอนาคตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการทำร้ายคนรุ่นใหม่เสียเอง การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมจึงไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมแต่อย่างใด หากแต่เป็นการเอารัดเอาเปรียบอย่างน่ารังเกียจ

ขณะที่คนรุ่นใหม่สามนิ้วกล้าเปิดหน้าชนจนทำผิดติดคุกติดตะราง ผู้ใหญ่สามนิ้วกลับขยันแต่คอยยั่วยุและชี้นำทางความคิด โดยไม่กล้าเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ไม่กล้าเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายจนต้องโทษคดีอาญาใดๆ ตลอดจนจ้องหาจังหวะโหนความโชคร้ายของคนรุ่นใหม่ซ้ำ เพียงเพื่อยกระดับในการชุมนุม

'อรุณี' จี้ นายกฯ สั่งเปิดวิธีเฉลยข้อสอบ GAT หลังข้องใจ คะแนนปีนี้ ต่ำกว่าเกณฑ์

(21 เม.ย. 65) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้ประกาศผลสอบและความถี่ของช่วงคะแนนสอบรายวิชาต่างๆ เมื่อวันที่ 18 เมษายน พบว่า คะแนนในปีการศึกษา 2565 มีนักเรียนสอบ GAT ได้คะแนน 270 ขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 300 คะแนน เพียงแค่ 15 คน แตกต่างจากปีการศึกษา 2564 ที่ได้คะแนนเกิน 270 คะแนน ที่ 2,541 คน 

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักเรียนในปีการศึกษานี้ (#dek65) ตั้งคำถามถึงเกณฑ์การออกข้อสอบ และมาตรฐานในการตรวจข้อสอบของ ทปอ. เป็นอย่างมาก แม้ ทปอ. จะเปิดให้นักเรียนยื่นคำร้องให้ทบทวนผลสอบได้ตั้งแต่ 21-28 เมษายน 2565 แต่เป็นเพียงการยื่นคำร้องให้ตรวจดูคำตอบกับเฉลยเท่านั้น ไม่ได้เปิดให้ดูโจทย์และวิธีคิดคำตอบ และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยื่นคำร้อง 100-300 บาท ซึ่งถือว่าเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้เด็ก อยากเรียกร้องให้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และ ทปอ. เร่งดำเนินการดังนี้...

1.) เปิดวิธีคิดและการหาคำตอบของข้อสอบอย่างเปิดเผยผ่านเว็บไซต์กลาง ให้เด็กนักเรียนสามารถตรวจสอบวิธีการหาคำตอบได้อย่างกว้างขวาง เด็กจะได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ไม่ควรปิดกั้นการเข้าถึงการได้มาของคำตอบในข้อสอบนั้นๆ

2.) ทปอ. ไม่ควรเรียกเก็บเงินในการยื่นคำร้องขอดูคะแนนสอบและเฉลยในทุกกรณี เพราะเด็กเสียเงินค่าสมัครสอบเป็นรายวิชาให้กับ ทปอ. ไปก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นหากเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ทปอ. ก็ควรรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เด็กเกิดคำถามต่อระบบการออกข้อสอบ การเฉลยคำตอบ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อระบบความเชื่อมั่นในการสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในปีต่อไป

3.) กระทรวง อว. และ ทปอ. ต้องถือเป็นบทเรียน คือมาตรฐานการออกข้อสอบต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่นักเรียนเรียนออนไลน์เกือบ 100% การออกข้อสอบเพียงแต่มุ่งหวังความเป็นเลิศทางวิชาการ จะยิ่งผลักให้เด็กกลุ่มที่มีฐานะยากจนให้ขาดโอกาสในการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยมากขึ้น เพราะไม่สามารถแข่งขันได้ ไม่มีเงินจ่ายค่าติวเตอร์ ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน ขาดแคลนอินเทอร์เน็ต

เปิดจดทะเบียนที่ดินออนไลน์ใกล้บ้าน นำร่องกทม. 17 แห่ง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ได้พัฒนาสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินออนไลน์ ให้ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครสามารถจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินแห่งใดของกรุงเทพมหานครก็ได้ที่ใกล้บ้านหรือที่สะดวก โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานที่ดิน ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ โดยสิทธิ หรือนิติกรรมที่จะจดทะเบียนต่างสำนักงานได้ มีดังนี้ ต้องเป็นแบบที่ไม่มีการต้องประกาศหรือรังวัด ต้องมีเอกสารเป็นโฉนดที่ดินเท่านั้น เจ้าของที่ดินต้องเข้าไปดำเนินการด้วยตนเอง  

วิธีการจดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร มีดังนี้ ยื่นคำขอจดทะเบียนผ่านระบบ e-QLands ก่อนล่วงหน้า 3 วันทำการ โหลดแอปพลิเคชั่น e-QLands ผ่านสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ IOS และ Android เลือกรายการ “จองคิวจดทะเบียนต่างสำนักงาน (เฉพาะ กทม.)” เลือกสำนักงานที่ใกล้บ้านหรือที่สะดวก รอการยืนยัน และเดินทางไปจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินที่จองไว้ได้ 

สำหรับบริการนี้เริ่มนำร่องในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่แรกรวม 17 สำนักงาน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีเป้าหมายจะขยายบริการจดทะเบียนที่ดินออนไลน์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งในปี 2566-67 จะขยายไปใน 10 จังหวัด แยกเป็น 4 จังหวัดในปี 2566 ได้แก่ อุบลราชธานี หนองคาย เชียงใหม่ และสงขลา และ 6 จังหวัดในปี 2567 ประกอบด้วยขอนแก่น ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ เพชรบุรี สิงห์บุรี

'วิโรจน์' ชูนโยบายเปิดหน้ากากอนามัย เปิดเมืองให้คนกรุงภายใน 90 วัน

(21 เม.ย. 65) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

เมื่อไหร่คนกรุงเทพจะได้เปิดหน้ากากอนามัย

เมื่อวานนี้ตอนดูบอลคู่แมนยูฯ กับลิเวอร์พูล กองเชียร์เปิดหน้ากากดูบอลกันหมดแล้ว ผมคิดว่า เวลานี้คน กทม. เริ่มถามตัวเองแล้วว่า เราฉีดวัคซีนกัน 3-4 เข็ม เพื่อจะต้องใส่หน้ากากรักษาระยะห่างคุยกันแบบนี้ต่อไปถึงเมื่อไหร่ ผู้ว่าฯ กทม. ต้องมีเป้าหมายสำคัญว่า จะต้องเปิดเมืองให้ได้ เปิดหน้ากาก เปิดเศรษฐกิจ เปิดการใช้ชีวิตปกติเสียที

ขณะนี้มหานครหลายแห่งในโลกผ่อนคลายแล้ว ที่เขาทำได้ไม่ได้หมายความว่า เขาติดน้อยลง แต่เนื่องจากการฉีดวัคซีน และพอติด เขาไม่คิดถึงเรื่องการตายอีกแล้ว เพราะเขามั่นใจในระบบการรักษา

“ประยุทธ์”หารือ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ ย้ำความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-เกาหลีใต้ ผลักดันความร่วมมือที่มีศักยภาพร่วมกัน โดยเฉพาะ Soft Power และวัฒนธรรม ต่อยอดส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว

ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายมุน ซึง-ฮย็อน (H.E. Mr. Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ที่มีความใกล้ชิดและมีพลวัตอย่างต่อเนื่องกว่า 60 ปี แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทั้งสองยังคงมีการหารือและแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน รวมถึงมีการช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าทั้งสองประเทศจะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมจากผลกระทบของการแพร่ระบาดควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการปฏิบัติหน้าที่เชิงรุกของเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ จะช่วยสนับสนุนความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้กว่า 10 ปี ให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือกับการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ ในทุกด้าน 

ด้านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีความใกล้ชิดและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดมา โดยเฉพาะความช่วยเหลือในช่วงสงครามเกาหลี ซึ่งชาวเกาหลีใต้ซาบซึ้งและขอบคุณในความช่วยเหลือของไทย นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังมีความสัมพันธ์ในระดับประชาชนที่ใกล้ชิด ยาวนาน ชาวเกาหลีใต้นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ และชื่นชอบอาหารไทยเป็นอย่างมาก ขณะที่ชาวไทยนิยมเรียนภาษาเกาหลีเป็นอันดับหนึ่ง สะท้อนความผูกพันอันใกล้ชิดระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ดี เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ เห็นว่าทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะความร่วมมือด้าน Soft Power อาหาร และการกีฬา 

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่
ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยกับเกาหลีใต้มีความร่วมมือทางการทหารที่ใกล้ชิด ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการขยายความร่วมมือไปสู่ด้านอื่น ๆ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายรักษาพลวัตของความร่วมมือ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลเกี่ยวกับการต่อต้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ เนื่องจากมีการประชุมกรอบการหารือทวิภาคีว่าด้วยความมั่นคงทางไซเบอร์กันต่อไป ด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น แม้จะเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และเศรษฐกิจสีเขียว

ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านโมเดล BCG และอุตสาหกรรมเพื่อการเจริญเติบโตสีเขียวในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้นักลงทุนชาวเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นในสาขาที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญ โดยไทยจะดูแลและอำนวยความสะดวกการลงทุน ด้านเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ ยินดีสนับสนุน พร้อมประสงค์ให้ไทยพิจารณาส่งเสริมอุตสาหกรรมเฉพาะด้านที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าอย่างชัดเจน และขอให้ไทยพิจารณาให้เกาหลีใต้ตั้งสถาบันการเงินในประเทศด้วย

เปิดสถิติเด็กตกน้ำ จมน้ำตาย ช่วงปิดเทอมใหญ่ - นายกฯ ขอผู้ปกครองสอนพื้นฐานการช่วยเหลือตัวเอง

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข้อมูลการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค ระบบรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการตกน้ำ จมน้ำ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 มีนาคม 2565 พบเหตุการณ์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำรวมทั้งหมด 64 เหตุการณ์ รวม 70 ราย แบ่งเป็น เสียชีวิต 57 ราย บาดเจ็บ 13 ราย แหล่งน้ำที่เกิดเหตุการณ์มากที่สุด ได้แก่ คลอง แม่น้ำ แหล่งน้ำที่ใช้ในเกษตรกรรม ทะเล และสระว่ายน้ำ ตามลำดับ ลักษณะเหตุการณ์ที่พบบ่อยได้แก่ เด็กลงเล่นน้ำโดยไม่แจ้งผู้ปกครองหรือไม่มีผู้ปกครองดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา อุบัติเหตุพลัดตกแหล่งน้ำที่ไม่มีขอบกั้น และเล่นน้ำในบริเวณที่มีคลื่นลมแรง 

นายธนกร กล่าวว่า ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในชีวิตของเด็กทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่ที่บ้านเป็นหลัก ประกอบกับสภาพอากาศร้อน เด็กอาจชวนกันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ แหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตร หรือบ่อน้ำชุมชน จึงอาจมีความเสี่ยงเหตุการณ์เด็กได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุตกน้ำหรือจมน้ำ ในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี มากขึ้นได้ พร้อมเตือนให้ผู้ปกครองระวังดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ต้องการเห็นภาพการเสียชีวิตจากการจมน้ำในช่วงปิดเทอมใหญ่ โดยได้ กำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล อบต. ที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ในพื้นที่ของตนเอง ต้องพยายามควบคุมพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ต้องร่วมกับชุมชนสำรวจแหล่งน้ำเสี่ยง จัดการแหล่งน้ำให้ปลอดภัย เช่น การสร้างรั้วกั้น ป้ายเตือน เตรียมอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยง และให้ความรู้เรื่องแหล่งน้ำเสี่ยง การป้องกัน และการปฏิบัติตัวเมื่อพบคนตกน้ำ หรือจมน้ำให้กับประชาชน รวมถึงเน้นย้ำโรงเรียนให้ความรู้เรื่องดังกล่าวกับนักเรียนอย่างต่อเนื่องตามบริบทพื้นที่ ให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศร่วมมือกันลดปัญหาเด็กจมน้ำเสียชีวิตในช่วงปิดเทอมให้เป็นศูนย์ ลดความสูญเสียให้ได้ เพราะเด็ก ๆ คือบุตรหลานของเราทุกคน  

รองโฆษกรัฐบาล ชวน  ปชช.ใช้บริการสำนักงานที่ดินออนไลน์ จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนอกพื้นที่ตั้งที่ดินได้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีนโยบายให้พัฒนาบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชนโดยตรงนำระบบดิจิทัลเข้ามาปรับใช้กับการให้บริการ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ได้พัฒนาสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินออนไลน์ ให้ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครสามารถจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินแห่งใดของกรุงเทพมหานครก็ได้ที่ใกล้บ้านหรือที่สะดวก โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานที่ดินซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ โดยสิทธิหรือนิติกรรม ที่จะดำเนินการจดทะเบียนต่างสำนักงานได้นี้จะต้องเป็นแบบที่ไม่มีการต้องประกาศหรือรังวัด ต้องมีเอกสารเป็นโฉนดที่ดินเท่านั้น และเจ้าของที่ดินต้องเข้าไปดำเนินการด้วยตนเอง  โดยผู้ต้องการใช้บริการจดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์นี้  จะต้องจองคิวล่วงหน้าโดยโหลดแอปพลิเคชั่น e-QLands เพื่อเข้าไปลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้า 3 วันทำการ  โดยเข้าไปในแอปพลิเคชั่นแล้วกดเลือกจองคิวจดทะเบียนต่างสำนัก เลือกสำนักงานที่ใกล้บ้านหรือที่สะดวกรอการยืนยัน จากนั้นก็เดินทางไปจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินที่จองไว้ได้ 

“รัฐบาลขอเชิญชวนผู้ที่ต้องจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรมที่ดินใช้บริการจดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ ซึ่งจะเพิ่มความสะดวก ลดลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดเวลาทำนิติกรรมได้มาก เพราะปีหนึ่งๆในกรุงเทพมหานครมีผู้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมถึงปีละ 9 แสนรายการ โดยบริการนี้จะครอบคลุมที่ดินในกรุงเทพมหานครทั้งหมด 2.2 ล้านแปลง” น.ส.ไตรศุลี กล่าว  

“เทพไท”เฉลย ทำไม “จุรินทร์” ยอมรับเป็นนำ”ปริญญ์”เข้าปชป. ทั้งที่ขาดคุณสมบัติทุกข้อ  ชี้ “จุรินทร์”แถลงยอมรับความจริง แสดงถึงความเป็นสุภาพบุรุษ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า จากการที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และต้องขอถือโอกาสนี้ กราบขอโทษกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะหัวหน้าพรรคขอเรียนว่า ตนมีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคฯ เข้าพรรค แม้ว่ากระบวนการจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค และการดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จะต้องผ่านการลงคะแนนให้ความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ก็ตาม หรือแม้แต่กรณีที่เราไม่อาจจะทราบการณ์ล่วงหน้าว่า จะเกิดอะไรขึ้นอย่างไร แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องรับผิดชอบ ต้องร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด

ผมคิดว่าคำพูดของนายจุรินทร์ที่ยอมรับว่า มีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์ เข้าเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้สังคมอยากรู้ว่า มีส่วนสำคัญอย่างไร จึงขออนุญาตอธิบายตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดังนี้ 1.นายปริญญ์ เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งเพิ่งเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ การเข้าสู่ตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค ข้อ 31 ระบุว่า สมาชิกผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกตั้ง เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง

เว้นแต่สมาชิกที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้  (1)เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารพรรค (2)เป็นหรือเคยเป็นคณะกรรมการสาขาพรรค (3)เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรค(4)เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค (5)เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง และ(6)สมาชิกที่ประชุมใหญ่ มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมใหญ่ มีมติให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค 

ถ้าพิจารณาตามข้อบังคับพรรค นายปริญญ์ ขาดคุณสมบัติการเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ใช้สิทธิ์เสนอตามข้อ31(6) ขอให้ที่ประชุมใหญ่ มีมติยกเว้นคุณสมบัติ เพื่อให้นายปริญญ์ มีคุณสมบัติเป็นรองหัวหน้าพรรคได้ จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายจุรินทร์ ที่เป็นผู้เสนอชื่อนายปริญญ์ ให้ที่ประชุมใหญ่รับรองเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ ซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้ให้การรับรอง เปรียบเสมือนการล็อกสเปกตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จากโควต้าของหัวหน้าพรรค

2.เมื่อมีกระแสข่าวว่านายจุรินทร์ จะเสนอชื่อนายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้มีสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง ที่ทราบประวัติของนายปริญญ์มาก่อน ได้เข้าให้ข้อมูลและท้วงติงเกี่ยวกับประวัตินายปริญญ์ต่อนายจุรินทร์ แต่เมื่อนายจุรินทร์ยืนยันที่จะใช้สิทธิ์เสนอชื่อ นายปริญญ์เป็นรองหัวหน้าพรรค ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่สามารถกระทำได้ และ3.การเสนอชื่อนายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค เพื่อทำภารกิจเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ต้องการให้เข้ามาแทนที่บทบาทของนายกรณ์ จาติกวณิชย์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะนายกรณ์ เป็นคู่แข่งขันในตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับนายจุรินทร์

'สกลธี' ฟ้อง 2 พิธีกร วิจารณ์หยาบ กระทบหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

‘สกลธี’ ใช้สิทธิ์ทางกฎหมายมอบทนายความ ยื่นฟ้องดำเนินคดี2 พิธีกรรายการ Talking Thailand Voice TV ‘วิโรจน์-ลักขณา’ ฐานวิพากษ์วิจารณ์และอาจทำให้ตนถูกเกลียดชังโดยที่ไม่ทราบเรื่องที่มาที่ไปทั้งหมด ทั้งยังสร้างความเสียหายช่วงหาเสียงลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ระบุสื่อวิจารณ์ได้แต่ควรอยู่บนขอบเขต

วันที่ 20 เม.ย. 65 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้แข่งขันลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 3 ได้โพสต์ข้อความลงบน Facebook ส่วนตัว โดยระบุว่า ‘16 ปีที่อยู่ในการเมือง ผมเข้าใจดีถึงความเป็นบุคคลสาธารณะของผมครับ…ดังนั้นการที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งประชาชนและสื่อมวลชนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และผมก็ยอมรับและรับฟังเสมอมาเพราะในทุกสังคมก็มีทั้งคนที่ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจในหลายสิ่งที่เราทำ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…การจะวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องเป็นการติชมโดยสุจริตและไม่เป็นการด้อยค่าหรือด่าทอด้วยจิตใจที่มืดบอดและอคติในตัวบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งเป็นสื่อมวลชนด้วยแล้ว จรรยาบรรณในการทำหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญครับ หากไร้ซึ่งจรรยาบรรณของสื่อมวลชนรายนั้นๆ คิดอย่างไรพูดอย่างนั้นโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองของสมอง ก็ไม่มีค่าพอที่จะเป็นสื่อมวลชนครับ’ นายสกลธี เขียนระบุบน Facebook ส่วนตัว

โดยนายสกลธี ยังเขียนระบุบน Facebook ส่วนตัวอีกว่า สืบเนื่องจากรายการ Talking Thailand ซึ่งออกอากาศทางแฟนเพจของ Voice TV เมื่อวันที่ 24 มี.ค. และ 11 เม.ย. 2565 ซึ่งดำเนินรายการโดย นายวิโรจน์ อาลี น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ ‘คำผกา’ ได้กล่าวถึงผม อุดมการณ์ทางการเมืองของผม รวมถึงสิ่งที่ผมได้เคยโพสต์ในอดีตด้วยการด้อยค่าและถ้อยคำหยาบคาย เกินกว่าหน้าที่ของสื่อมวลชนจะติชมหรือวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต และเป็นที่เชื่อได้ว่าอาจทำให้ผมถูกเกลียดชังจากบุคคลที่ได้รับชมรายการและไม่ทราบเรื่องที่มาที่ไปทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่ผมอยู่ในช่วงหาเสียงลงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมจึงขอใช้สิทธิ์ทางกฎหมายมอบให้ทนายความไปฟ้องดำเนินคดีบุคคลทั้ง 2 คนรวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top