Thursday, 3 July 2025
POLITICS NEWS

‘เพื่อไทย’ เผยโฉม 57 ว่าที่ผู้สมัครส.ส. มั่นใจครบ 400 เขตภายในสิ้นปีนี้แน่นอน

(2 ธ.ค. 65) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายวิสุทธิ์ ไชณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์​ โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างรวม 57 เขต

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้เราเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากพื้นที่ภาคกลาง 32 คน และภาคเหนือตอนล่าง 25 คน ซึ่งไม่ครบทุกเขต ถือเป็นการแสดงความมุ่งมั่นเพื่อไปสู่เป้าหมายเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ด้วยสามกลไกลหลัก คือตัวผู้สมัครที่สามารถนำนโยบายตอบสนองความต้องการประชาชนได้ รวมทั้งตัวนโยบายซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะทยอยเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคอย่างต่อเนื่องจนครบเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ว่าจะเปิดให้ครบ 400 เขตภายในเดือนธันวาคม 2565

สำหรับรายชื่อผู้ประสงค์จะลงสมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง จำนวน 57 คน ประกอบด้วย 

ภาคเหนือตอนล่าง 25 คน ได้แก่ 

นครสวรรค์ 
1.นายณรงค์ พนมวัน 
2.นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย 
3.นายสัญชัย วงษ์สุนทร 
4.พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ 
5.นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ 
6.นายวรภัทร ตั้งภากรณ์ 
7.น.ส.ชุติมา เสรีรัฐ 

เพชรบูรณ์ 
1.นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี 
2.นายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล 
3.นายจำเนียร โฉมงาม 
4.น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา 
5.นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ 
6.น.ส.รณิตา นาคะบุตร 
7.นายเกรียงไกร ปานสีทอง 

พิษณุโลก 
1.น.ส.ณัฐทรัชต์ ชามพูนท 
2.นายนพพล เหลืองทองนารา 
3.นายจเด็ศ จันทรา 
4.น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ 
5.นายธนวิน โรจน์สุนทรกิตติ 

พิจิตร 
1.นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร 
2.นางณริยา บุญเสรฐ 
3.นายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ 

ตาก 
1.นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ 
2.นายดิฐชัย ฉันติกุล 
3.นายสราวุธ หาญเมืองใจ

ภาคกลาง 32 คน ได้แก่ 
สุพรรณบุรี 
1.นายไพโรจน์ ลีรัตนนุรัตน์ 
2.นายสหรัฐ กุลศรี

ปราจีนบุรี 
1.นายสมเกียรติ คำดำ 

สระแก้ว 
1.นายสุทธิรักษ์ วันเพ็ญ 

กาญจนบุรี 
1.นายศักดา วิเชียรศิลป์ 
2.นายพนม โพธิ์แก้ว 

ราชบุรี 
1.นายนพพล ภู่แย้ม 
2.นายไก่ ห้องริ้ว 
3.น.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร 

ประจวบคีรีขันธ์ 
1.นายวัชรพล ปลั่งศรีสกุล 

สมุทรสาคร 
1.นายนัธทวัฒน์  ม่วงเผือก 
2.นายอุดม กันม่วง 
3.นายบุญมี นิลถนอม 
4.นายประยงค์ นอบน้อม 

ชาวเน็ตเชียร์ 'ณัฐวุฒิ' อย่าหยุดคุ้ยปม 'ตู้ห่าว' หลังโบ้ยโยง พปชร. แต่กลับสะเทือนถึงเพื่อไทย

(2 ธ.ค. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘ปรับครม.ของพี่คนน้องคน ประชาชนไม่ได้อะไร?’ โดยมีเนื้อหาระบุว่า...

สังคมไทยวันนี้กำลังติดตามจับตาความเป็นไปของ 2 เครือข่าย 1) เครือข่าย “ตู้ห่าว” 2) เครือข่าย “ตู้ห่าว”
เอาที่ “ตู้ห่าว” ก่อน ชายคนนี้เป็นคนสัญชาติจีน เข้ามาทำมาหากินมีครอบครัวในประเทศไทย ถ้าโปร่งใสตรงไปตรงมาไม่ว่ากันนะครับ แต่นี่เข้ามาทำธุรกิจใต้ดินกลิ่นไม่ดี มีพิรุธ และกำลังถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่ในเวลานี้ เรื่องมันแดงขึ้นมาสาวไส้ออกมาก็ยิ่งเห็นภาพชัดว่ามันมีเครือข่ายอิทธิพลนอกระบบใหญ่โต ซึ่งขบวนการทุนข้ามชาตินอกระบบพวกนี้เข้ามาเดินยืดอยู่ในประเทศไทยได้มันมีเหตุผลเดียวเท่านั้นแหละครับ เขาต้องมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้มีอำนาจทางการเมืองและเครือข่ายกลไกรัฐ ซึ่งเครื่องมือเดียวที่จะทำให้สัมพันธภาพนี้ดีขึ้นมาได้ก็คือผลประโยชน์เป็นเม็ดเงิน

เฉพาะ “ตู้ห่าว” เครือข่ายเดียว มีการตรวจค้นมีการเจาะลึกทำให้คนไทยทั้งประเทศตกตะลึงว่า 8 ปีที่ผ่านมาของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งบอกว่าเป็นรัฐบาลคนดี เข้ามาปฏิรูปประเทศ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด แล้วบ้านเมืองมาถึงวันนี้ได้ยังไง?

นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ล่ะครับ เพราะตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เรายังนับไม่ถูกเลยว่าเครือข่ายใต้ดินพวกนี้เข้ามาแล้วสร้างความเสียหายให้กับประเทศไปแล้วขนาดไหน? ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมืองทุกตรอกซอกซอย แต่คนพวกนี้กำลังยืนอยู่ในจุดบนสุดของสังคม มีเงินมีทองจับจ่ายใช้สอยได้ตามอำเภอใจ

พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงภาพย้อนหลังไปเราจะเห็นว่า “ตู้ห่าว” คนนี้ นอกจากทำมาหากินสีเทาใต้ดินแล้ว ยังเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้บริจาคเงินเข้าบัญชี มีหลักฐานในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เฉพาะที่มีหลักฐานก็สามล้านนะครับ แล้วใครจะกล้าฟันธงมั้ยว่าไม่มีการให้กันนอกระบบ ไม่มีการเติมเงินให้พรรคการเมืองนี้เอาไปใช้จ่ายในสนามเลือกตั้ง

นี่ไงครับ! คนพวกนี้ถึงเข้ามาก่อการอยู่ในประเทศไทยได้ แล้วพอพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลมาสามปีกว่าๆ ที่เพิ่งด่ากันจบไปหยก ๆ ไงครับ กรณีรัฐบาลจะแก้ประกาศกระทรวงมหาดไทยให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ 1 ล้านดอลลาร์ แล้วซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ ถ้าผ่านไปบังคับใช้ ใครครับจะมาก่อน? ก็คนพวกนี้ไงครับ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม หมู่บ้านหรูๆ หลายแห่งในกรุงเทพมหานคร ราคา 30 ล้าน 60 ล้าน 100 ล้าน คนพวกนี้ยกโขยงกันมาซื้อยกโครงการ ที่ซอยลาซาล หมู่บ้านมี 66 หลัง เครือข่าย “ตู้ห่าว” และพวก ซื้อไปแล้ว 50 หลัง โดยนอมินีเป็นคนไทย คอนโดบางแห่งซื้อยกชั้น ยกสองชั้น ยกสามชั้น บ้านเดียวบางหลังราคา 100 ล้าน ใช้นอมินีคนไทยไปเป็นผู้ซื้อ

นี่ถ้าชาวบ้านไม่ช่วยกันด่า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเครือข่ายทุนสีเทานอกระบบเหล่านี้จะครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ในประเทศไทยไว้มากมาย ก็ให้นอมินีคนไทยซื้อต่อๆ กัน คนละไร่ๆ 50 ไร่ 100 ไร่ เขาทำได้!

คนในรัฐบาลชุดนี้นอกจากจะกินเงินสกปรกจากขบวนการสกปรกแล้ว ส่อว่าคิดถึงขั้นจะขายแผ่นดินให้กับพวกใต้ดินด้วย!!!

ไหนล่ะครับการปฏิรูป? ไหนล่ะครับการบังคับใช้กฎหมาย?

พล.อ.ประยุทธ์ จะอ้างว่าก็กำลังปราบอยู่นี่ไม่ได้นะครับ ท่านมีอำนาจมา 8 ปี เฉพาะรัฐบาลนี้ก็อยู่มา3 ปีกว่า ๆ เรื่องเพิ่งเข้าหูเข้าตาเอาวันนี้เหรอครับ? เพิ่งคิดจะตาม คิดจะจับเอาวันนี้เหรอครับ?

นี่คนยังมองกันอยู่เลยว่าส่วนหนึ่งน่ะ เป็นเกมการเมือง ท่านต้องการจะเด็ดปีกเด็ดหางผู้ช่วยสำคัญคนหนึ่งของพล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่? และนั่นหมายความว่า ถ้าไม่มีความขัดแย้งกันทางการเมือง คนพวกนี้ก็ยังคงจะขยายอิทธิพลต่อไปเรื่อย ๆ หรือยังไง?

8 ปีแล้วนะครับที่ลูกๆ หลานๆ หลายคนที่คิดต่างเห็นไม่ตรงกับฝ่ายผู้มีอำนาจต้องพาตัวหลบภัยไปใช้ชีวิตต่างแดน ในทางกลับกัน ขบวนการทุนข้ามชาติพวกนี้ทำอีลุ่ยฉุยแฉกไว้ที่ไหนก็ตาม กลับเข้ามาเดินอย่างสง่างามในประเทศไทย มันหมายความว่ายังไงครับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ท่านกำลังทำงานกันอย่างเข้มข้น ถ้าโปร่งใสตรงไปตรงมา ท่านเดินหน้าไปเลยนะครับ ประชาชนเขาเอาใจช่วย เขาให้กำลังใจ

อีกเครือข่ายหนึ่งก็ “ตู่หาว” หมายถึงคนชื่อ “ตู่” ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่เวลานี้คงกำลังนั่งหาวล่ะครับ เพราะทำยังไงคะแนนนิยมก็ไม่กระเตื้องขึ้นซะที จัดเอเปคก็แล้ว กระแสก็ยังตกต่ำอยู่อย่างเก่า ยิ่งต้องแยกตัวออกจากพล.อ.ประวิตร มาเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ แทนที่ผู้เห็นเหตุการณ์จะวิจารณ์ว่านี่คือการแตกมาเพื่อโต กลับกลายเป็นว่าใครก็ตามที่พูดเรื่องนี้ฟันธงตรงกัน 100% ว่ายิ่งแยกตัวจะยิ่งเล็กลง แบบนี้ “ตู่” จะไม่หาวได้ยังไงกันล่ะครับ

ส่วนคำถามที่ว่าเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในทัศนะผม ถ้าพอมีสำนึกยางอายอยู่บ้าง จะไม่เห็นการสมัครเป็นสมาชิกจนกว่าจะยุบสภา แต่ก็ไม่แน่นะครับ เห็นเนติบริกร ดร.วิษณุ แกตีไพ่ให้รายวันอยู่เหมือนกัน บอกว่าแม้ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพลังประชารัฐ ก็สามารถสมัครสมาชิกรวมไทยสร้างชาติได้ ไม่ผิดกฎหมาย นี่พูดอีกก็ถูกอีกล่ะครับ กฎหมายมันไม่ได้เขียนห้าม แต่ถามว่ามนุษย์มนาธรรมดาเขาจะคิดทำกันแบบนี้มั้ย? ก็ตัวคุณเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ หมายความว่าได้ตำแหน่งนี้มาจากประชาชนที่เลือกพลังประชารัฐ แล้วส.ส.พลังประชารัฐยกมือให้ อยู่ 3 ปีกว่า ไม่คิดจะสมัครเป็นสมาชิก วันดีคืนดีไปสมัครสมาชิกพรรคอื่นซะอย่างนั้น แบบนี้จะเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ยังไง? ไอ้กฎหมายน่ะไม่ผิด จะไปเทียบกับคุณหญิงสุดารัตน์กับผู้ว่าฯ ชัชชาติ ไม่ได้ล่ะครับ เพราะว่าสองคนนั้นแม้ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย แต่วันนี้เดินออกจากพรรคไปไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ จากคะแนนเสียงหรือส.ส.ของพรรค ต่างกับพล.อ.ประยุทธ์

ใครที่คิดว่าจะทำได้แบบที่ ดร.วิษณุ อธิบาย ไม่ใช่แค่แม่นกฎหมายนะครับ ต้องหน้าด้านด้วยถึงจะทำ!!!

ส่วนสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ก็คงเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งแล้วล่ะครับ เพราะล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูก 2 ฉบับ ผ่านฉลุย! เชื่อว่าไม่น่าจะมีเกมพิสดารใดๆ จะขัดขวางหรือล้มการเลือกตั้งได้ ทุกพรรคเขาก็ขยับตัวไปสู่สนามเลือกตั้งแบบเดียวกันนะครับ รัฐบาลเพิ่งปรับคณะรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีใหม่ขึ้นมา 3 คน เห็น 3 รายชื่อนี้ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า นี่คือสัญญาณที่แม้ 2ป จะแยกทางกันไปกันคนละพรรค แต่สุดทางหลังการเลือกตั้งสามารถจะกลับมาจับมือกันได้ตลอดเวลา เพราะ 3 รายชื่อรัฐมนตรีหน้าใหม่คือการประนีประนอมกันของอำนาจ

‘ลุงป้อม’ ปลื้มแรง!! ชาวมุกดาหารแห่รับคึกคัก หลังลงพื้นที่แก้ ‘น้ำท่วม-ภัยแล้ง’ แบบยั่งยืน

(2 ธ.ค. 65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ไปปฏิบัติราชการ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า โดยในช่วงบ่ายได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม โครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ ‘ห้วยบังอี่’ ต.โพธิ์ไทร อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร เพื่อติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้าง โดยกรมชลประทานเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก สำหรับโครงการนี้ หากดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนงานในปี 66 จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ มากถึง 3,000 ไร่ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วในช่วงฤดูแล้ง เพื่อช่วยพร่องระบายน้ำช่วงต้นฤดูฝน และเก็บกักน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร ประมงและอื่น ๆ ในช่วงฤดูแล้ง และใช้ป้องกันน้ำจากแม่น้ำโขงหนุน และไหลย้อนกลับเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรม จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้พบปะผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ ที่มาให้การต้อนรับ อย่างอบอุ่น และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเทการปฏิบัติงาน ด้วยดีที่ผ่านมา

ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการขุดเจาะน้ำบาดาล และสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ของ อบจ. มุกดาหาร ณ บ้านนาดี ต.ดงมอน อ.เมือง จ.มุกดาหาร  ซึ่งเป็นโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเร่งด่วน ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้น้ำเพื่อการเกษตร และการเพาะปลูกพืช ได้ตลอดทั้งปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงฤดูแล้ง แม้จะเกิดฝนทิ้งช่วงก็ตาม

‘บิ๊กป้อม’ รุกเข้ม ‘แก้แล้ง-ที่ดินทำกิน’ มุกดาหาร สั่งลุย!! ทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือทั่วถึง

(2 ธ.ค. 65) ณ ศาลากลาง จ.มุกดาหาร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำแล้ง และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ จ.มุกดาหาร จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

โดยภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ได้พัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วม พัฒนาแหล่งน้ำและระบบระบายน้ำ มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ เกือบ 40,000 ไร่ ครอบคลุม 17,873 ครัวเรือน และในปี 66-67 มีแผนพัฒนาลุ่มน้ำห้วยมุก อ่างเก็บน้ำห้วยเปื่อย และระบบป้องกันน้ำท่วม ตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 1,063 ล้านบาท 

‘เพื่อไทย’ ขยี้!! รบ.ตู่ ‘ยิ่งอยู่ คะแนนยิ่งหาย’ ชี้!! ปชช.เตรียมบอกลา ส่งทีมลุงกลับบ้าน

วันนี้ (2 ธ.ค. 65) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่ม คะแนนนิยมของรัฐบาลในช่วงใกล้ครบวาระหดหายว่า ประชาชนได้สะท้อนผ่านโพล คะแนนนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทรุดต่ำลงตลอด สวนทางกับความมั่นใจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เชื่อมั่นว่าต้องเดินไปตามลายแทงที่ทีมเสธ. เขียนให้ พยายามยื้ออำนาจให้นานที่สุด ลากอายุสภาไปให้ได้นานที่สุด แล้วก็รอสถานการณ์เป็นใจแล้วค่อยตัดสินใจยุบสภา อาจยุบสภาก่อนครบวาระเพียง 1 วัน แต่ความสำเร็จทางการเมือง ไม่ได้ยกมาจัดวางกันง่ายขนาดนั้น

เหตุการณ์สภาล่มซ้ำซาก ส.ส.รัฐบาลไม่มีกะจิตกะใจประชุม เพราะต้องวุ่นวายดีดลูกคิดจะย้ายไปอยู่พรรคไหน เผชิญกับแรงเสียดทานการตกปลาในบ่อเพื่อนโดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคใหม่พรรคเก่าของทีมสืบทอดอำนาจ 2 ลุง การปรับครม.ปรับแล้วแป้ก ไม่ปัง แถมตอกย้ำธาตุแท้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ คนละครึ่งกันแทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้รัฐมนตรี

'รองโฆษกสร้างอนาคตไทย' สับเละ สปสช.ยกเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชน ทำผู้ป่วยกว่า 2 แสนคนเดือดร้อน เรียกร้องเร่งแก้ไข 3 เรื่อง ด่วน!

นายธันวา ไกรฤกษ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตสวนหลวง และรองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงความเดือดร้อนของประชาชนกรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ยกเลิกสัญญา 9 โรงพยาบาลเอกชน ว่า กรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ยกเลิกสัญญา 9 โรงพยาบาลเอกชน ได้แก่ 1. รพ.มเหสักข์ 2. รพ.บางนา 1 3. รพ.ประชาพัฒน์ 4. รพ.นวมินทร์ 5. รพ.เพชรเวช 6. รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2 7. รพ.แพทย์ปัญญา 8. รพ.บางมด และ 9. รพ.กล้วยน้ำไท ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 ที่ผ่านมานั้น ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก 

แม้ทางสปสช.ได้มีการกำหนดทางออกและมาตรการรองรับเบื้องต้น โดยให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการใหม่ และใช้สิทธิรักษาตามหน่วยบริการที่เลือกไว้ หรือรักษาที่หน่วยปฐมภูมิ คลินิก และศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน แต่ในทางปฏิบัติกลับมีความยุ่งยากและซับซ้อน เกิดความสับสนและไม่ตอบโจทย์ประชาชนผู้ใช้บริการ ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยกว่า 200,000 ราย จาก 9 โรงพยาบาลเอกชน ได้รับผลกระทบเข้าไม่ถึงการรักษาและยาอย่างเหมาะสม

'ดร.นิว' ถาม 'ธนาธร' ชี้นำความคิดให้ผู้อื่นกระทำสารพัด แล้วเคยบอกลูกให้ลาเครื่องแบบโรงเรียนนานาชาติหรือยัง?

(2 ธ.ค. 65) นายศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ระบุว่า...

2 ปีผ่านมาแล้ว วันนี้ลูก ๆ ของคุณ Thanathorn Juangroongruangkit ได้บอกลาเครื่องแบบโรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียนกับโรงเรียนนานาชาติไบร์ทตันแล้วหรือยัง?

ผมพูดจริงๆ นะ การที่คุณพล่ามบอกลูกๆ ของชาวบ้านให้ทำนู่นทำนี่สารพัด คอยชี้นำทางความคิดและยัดเยียดภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง แต่ในขณะเดียวกัน คุณกลับไม่ได้พล่ามบอกลูกๆ ของตัวเองให้กระทำเช่นนั้นด้วย 

สุดท้าย คนอย่างคุณก็เป็นได้เพียงแค่นายทุนชนชั้นนำนักเผด็จการคนหนึ่ง ซึ่งมีส่วนร่วมในการสร้างความเหลื่อมล้ำ ชนชั้น และการเอารัดเอาเปรียบ แม้จะพูดจาสวยหรู แต่การกระทำกลับสวนทางกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง

น่าห่วง!! ย้อนรอยการสอดไส้ใส่ยาพิษให้เยาวชน บิดเบือนประวัติศาสตร์ผ่านเครื่องมือตามกระแสนิยม

ย้อนรอยการสอดไส้ใส่ยาพิษให้เยาวชน

ใครจะคิดว่าเกมสำหรับเด็กมีการสอดไส้ด้วยข้อมูลเท็จ เพื่อให้เยาวชนซึมซับรับรู้ผ่านการเล่นสนุก โดยที่ไม่รู้ว่าเนื้อหาสาระของเกมคือการบิดเบือนความจริง ล่าสุดมีข่าวฮือฮาเรื่องบอร์ดเกม Patani Colonial Territory ที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิคณะก้าวหน้า ประเด็นความน่าเป็นห่วงอยู่ที่การบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ เพื่อให้เด็กเกิดภาพจำอันเป็นเท็จ

การบิดเบือนข้อมูลในเกม เช่น เรื่องเอ็นร้อยหวาย ที่ปัจจุบันในวงวิชาการยอมรับว่าเป็นเรื่องแต่งเพิ่มในภายหลังที่ไม่เป็นความจริง แต่สร้างขึ้นเพื่อสร้างความเกลียดชังรัฐสยาม และสถาบันหลักของชาติ เกมนี้จั่วหัวอย่างน่าสนใจว่า นี่คือบอร์ดเกมที่ชวนทุกคนตามรอยประวัติศาสตร์ที่หายไปของปาตานี เป็นผลผลิตของกลุ่ม ‘Chachiluk (จะจีลุ) ร่วมกับสำนักพิมพ์ KOPI โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก Common School มูลนิธิคณะก้าวหน้า 

บอร์ดเกม Patani Colonial Territory ผลิตออกมาทั้งหมด 50 ชุด โดยจะแจกบอร์ดเกมทั้งหมดให้องค์กรต่าง ๆ เน้นที่กลุ่มนักศึกษา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวมาก หน่วยงานด้านความมั่นคงจึงจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเกมนี้นำประวัติศาสตร์ที่เป็นประเด็นขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาออกแคมเปญโฆษณาเพื่อดึงเยาวชนเข้ามาเรียนรู้ข้อมูลในเกม 

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะนักการเมืองกลุ่มนี้เจาะกลุ่มเป้าหมายเยาวชนมาโดยตลอด ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องเกม หากแต่พยายามเปลี่ยนแปลงข้อมูลความจริงในทุกระดับชั้น ด้วยการบิดเบือนหรือใช้ความจริงครึ่งเดียวมาบั่นทอนกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ในระดับการล้มล้างสถาบันอันเป็นเสาหลักของชาติ

หลายครั้งที่ปรากฎข่าวว่ามีนักการเมืองบางพรรคและบางกลุ่ม เข้าไปพูดให้นักเรียนมัธยมฟังในสถานศึกษา ส่วนมากโน้มน้าวให้เกิดประเด็นขัดแย้งเรื่องสถาบันทหารหรือสถาบันกษัตริย์ แม้กระทั่งข้อมูลพื้นฐานบางอย่าง ก็มีทีมงานบิดเบือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขอยกตัวอย่างที่เห็นชัดตัวอย่างหนึ่ง คือโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งก่อนหน้านั้นในวิกิพีเดียระบุว่าก่อตั้งโดยหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ต่อมามีการเข้าไปเปลี่ยนชื่อผู้ก่อตั้งเตรียมอุดมศึกษาเป็นจอมพลป.พิบูลสงคราม เมื่อศิษย์เก่าเข้าไปแก้ไขให้ถูกต้อง ก็มักมีการเปลี่ยนกลับมาเป็นชื่อจอมพล ป. พิบูลสงครามอยู่เสมอ

นอกจากนี้ยังมีการบิดเบือนข้อมูลทางประวัติศาสตร์หลายชิ้น เพื่อด้อยค่าสถาบันกษัตริย์ โดยใช้ชุดความคิดที่บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือให้ความจริงแค่ครึ่งเดียวในอดีตนำมาปัดฝุ่นใหม่ เพื่อนำมาสร้างเป็นชุดความคิด ป้อนเยาวชนคนรุ่นใหม่ เช่น มีการอ้างอิงเอกสารชุดหนึ่งว่านำมาจากซีไอเอ นำมาติดแฮชแทคโจมตีในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยกล่าวหาว่าพระองค์เป็นผู้สั่งสังหารนักศึกษา

เอกสารชุดนั้นตัดมาแค่ข้อความไม่กี่บรรทัดในภาษาอังกฤษ เมื่ออ่านฉบับเต็มอย่างไม่มีอคติแล้วพบว่า รัชกาลที่ 9 ไม่มีถ้อยรับสั่งให้ฆ่านักศึกษาแต่อย่างใด แต่หมายถึงต้องการให้ระงับเหตุการณ์รุนแรงในครั้งนั้น เอกสารชุดนี้เขียนขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2517  ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการสั่งสังหารใครเลย เป็นเพียงซีไอเอรายงานให้ประธานาธิบดีรู้สถานการณ์ และการปฏิบัติงานของหน่วยงานอเมริกันในประเทศนั้น ๆ

มีการนำชุดข้อมูลดังกล่าวกลับมาวนฉายซ้ำ ปลุกเร้าให้เยาวชนเกลียดชังสถาบันอย่างถึงที่สุด ไม่เว้นแม้รัชกาลที่ 9 ซึ่งเสด็จสวรรคตไปแล้ว ก็ถูกลากมาก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ข้อมูลชุดนี้นำมาวนหลายครั้งหลายหน พร้อมแฮชแทคประกอบว่ารัชกาลที่ 9 สั่งฆ่านักศึกษา เมื่อเยาวชนคนรุ่นใหม่เสพข้อมูลที่ถูก 'แปล' และ 'แปลง' ให้เชื่อ ก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าทุกถ้อยคำคือความจริง จนกลายเป็นเบี้ยหมากในเกมการล้มสถาบันในที่สุด

ช่วงที่ม็อบสามนิ้วออกมาม็อบตามท้องถนน มีการว่าจ้างนักเขียนนิทานคนหนึ่ง ซึ่งมีแนวคิดสนับสนุนม็อบให้เขียนนิยายภาพสำหรับเด็ก โดยเป็นนิทานสำหรับเด็กสี่สี แต่เนื้อหาเต็มไปด้วยการสอดไส้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเป็ดน้อย แต่เขียนเล่าเรื่องเป็ดที่ตามหาประชาธิปไตย และเติบโตมาพร้อมกับเด็ก ๆ หรือ 10 ราษฎร เป็นเรื่องเล่าถึงผู้คนบนเส้นทางประชาธิปไตย มีการวาดภาพบรรดาแกนนำม็อบให้กลายเป็นฮีโร่ แปลกที่ไม่ยักบอกว่าฮีโร่เหล่านี้กำลังเดินเข้าคุกกันทุกคน

แต่ประเด็นที่โด่งดังและชัดเจนที่สุดคือ หนังสือประวัติศาสตร์ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ของ ณัฐพล ใจจริง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา สองเล่มคือ 'ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ' และ 'ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี'  

‘บิ๊กตู่’ นำ 3 รมต.ใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ด้าน ‘สุนทร’ เปิดใจ พร้อมทำตามกรอบนโยบาย

‘บิ๊กตู่’ นำ 3 รมต.ใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ด้าน ‘สุนทร’ เปิดใจ ไม่กดดัน พร้อมทำงานตามกรอบนโยบาย แม้เวลาน้อย ยัน ส.ส. กลุ่มปากนํ้า ยังอยู่พปชร. 

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 1 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดารัฐมนตรีชุดใหม่ 3 ราย ได้แก่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายนริศ ขำนุรักษ์ รมช.มหาดไทย เดินทางมาที่ตึกสันติไมตรี เพื่อถ่ายภาพทำบัตรประจำตัวรัฐมนตรี ก่อนที่ในเวลา 17.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะนำรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ หลังจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีใหม่ทั้ง 3 คน มีสีหน้ายิ้มแย้ม ทักทายผู้สื่อข่าวอย่างเป็นกันเอง โดยนายสุนทร ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ขณะที่นายนริศ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ขอพูดหลังเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ จะเหมาะสมกว่า ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ช่างภาพได้เก็บภาพ 

นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ว่า ตนจะตั้งใจทํางานให้ดีที่สุดตามนโยบายของรัฐบาล แม้ช่วงระยะเวลาการทํางานไม่มากเท่าไหร่ แต่จะทําให้ดีตามที่ได้รับมอบหมาย และไม่รู้สึกกดดันอะไร เพราะเคยทํางานท้องถิ่นมาก่อน และตลอดระยะเวลาที่ทํางานท้องถิ่นมาไม่น้อยกว่า 40 ปี เริ่มตั้งแต่ผู้ช่วย ส.ส. สมัยที่นายวัฒนา อัศวเหม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง จากนั้นตนเข้ามาเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยเป็นรองประธานสภา เลขาธิการสภา และต่อมาเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การทํางานระดับท้องถิ่นและระดับกระทรวงต่างกันหรือไม่ นายสุนทร กล่าวว่า ในกรอบการทํางานคล้ายกัน โดยมุ่งเน้นพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า ให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีรายได้ และทําตามกรอบที่รัฐบาลวางเป้าหมายไว้ 

‘บิ๊กป้อม’ สั่งเพิ่มพื้นที่แก้มลิงแก้ปัญหาน้ำท่วม กำชับรับมือน้ำท่วมภาคใต้ พร้อมเร่งเยียวยา ปชช.

พล.อ.ประวิตร เร่งฟื้นฟู เยียวยา พื้นที่ภาคอีสาน/ภาคกลาง หลังน้ำลดพร้อมถอดบทเรียน  สั่งระบายน้ำออกจากทุ่งเพิ่มแก้มลิง แก้ปัญหาเร่งด่วนลุ่มเจ้าพระยา ย้ำเฝ้าระวัง พื้นที่เสี่ยงฤดูฝนภาคใต้ทุกแห่ง 

(1 ธ.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 4/2565 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565 ซึ่งภาพรวมมีความคืบหน้าตามแผนงานด้วยดี สามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นพื้นที่บริเวณกว้าง และขณะนี้ทุกภาคของประเทศไทยได้สิ้นสุดฤดูฝน ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด (สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส) และรับทราบความก้าวหน้า 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง ปี2565 /2566 ซึ่งยังคงดำเนินการ อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ตามแผนงานของ สทนช. รวมถึงรับทราบ สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และแนวทางการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนบางลาง ปี 2565 เพื่อลดผลกระทบที่มักจะเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าสู่บ้านเรือนประชาชน และพืชสวนการเกษตร 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top