Tuesday, 1 July 2025
POLITICS NEWS

'ครูธัญ' ชี้!! สังคมอย่าใช้อำนาจกดดัน 'ครูสาว' บูลลี่ 'ป๋าเปรม' ควรช่วยครูให้เข้าใจความหลากหลายทางเพศทั้งระบบ

(23 ธ.ค. 65) ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีครูท่านหนึ่งพูดถึง พล.อ.เปรม ในชั้นเรียนในฐานะตัวอย่างเมื่อพูดถึงการปกครองในระบอบอำนาจนิยมและมีการพาดพิงถึงประเด็นเรื่องเพศวิถี ตนเห็นว่าสิ่งที่ครูท่านนั้นตั้งข้อสังเกตในประเด็นเพศวิถีและข้อเท็จจริงบางอย่างเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จริง และไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา และขบวนการจัดตั้งของสื่อบางฝ่าย ที่ทำการล่าแม่มด กดดัน ลงโทษ ครูท่านนั้นอย่างไม่เป็นธรรม

ธัญวัจน์ กล่าวว่า การพูดถึง พล.อ.เปรม ในลักษณะอคติทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และข้อเท็จจริงบางอย่างที่เป็นลักษณะเรื่องเล่านั้นควรมีการบอกนักเรียนก่อนทุกครั้งว่ายังไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์ แต่การแก้ปัญหาของกรณีนี้ควรเป็นการตักเตือน และอบรมทัศนคติครูเรื่องการเข้าใจความหลากหลายทางเพศทั้งระบบ ไม่ใช่ดำเนินการทางนิติสงคราม ทั้งทางกฎหมายและทางวินัย รวมทั้งใช้การกดดันทางสังคมอย่างการล่าแม่มดแบบที่บางฝ่ายกระทำอยู่ในปัจจุบัน

ธัญวัจน์ ตั้งคำถามว่า การที่มวลชนและสื่อบางฝ่ายหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมาล่าแม่มดครูท่านนี้ เป็นเพราะต้องการให้ชั้นเรียนตระหนักถึงความเข้าใจความหลากหลายทางเพศจริง หรือเป็นไปเพื่อปิดปากทุกคนที่เห็นต่างจากตนเองกันแน่ ด้วยการกดดันให้ใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าเล่นงาน

ถ้าผู้ที่ออกมาใช้โจมตีครูท่านนี้เห็นความสำคัญของการพิสูจน์ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราควรส่งเสริมคือการเปิดให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย มีการถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทุกด้านและหักล้างกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่การใช้อำนาจปิดปาก สร้างความกลัว และสถาปนาความจริงเพียงแบบเดียวในแบบที่ผู้มีอำนาจต้องการให้เชื่อ

และจากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการ ผบ.ตร. ให้ดำเนินคดีการปลุกปั่นสร้างความแตกแยก เราอยากถามกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ว่าใครกันแน่ที่กำลังสร้างความแตกแยกในสังคม ระหว่างครูคนหนึ่งที่สอนในชั้นเรียนกับสื่อและมวลชนที่ทำการล่าแม่มด เคลื่อนไหวกดดันให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง

การทำให้การศึกษาไทยมีอนาคต ต้องทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ ควบคู่กับการสอนประวัติศาสตร์ที่สร้างการถกเถียงไม่ใช่รับข้อมูลข้างเดียว แต่การล่าแม่มด กำจัดผู้เห็นต่างที่มีความเชื่อต่างจากตัวเอง และใช้อำนาจเข้าข่มขู่คุกคามมากกว่าความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้จะยิ่งปลูกฝังวัฒนธรรมอำนาจนิยมในโรงเรียน และจะยิ่งทำให้การศึกษาของชาติล้าหลัง ไม่ทันโลก

ฉายานักการเมืองส่งท้ายปี 65 มาลองตั้งตามธรรมเนียมกันเถอะ

พอถึงใกล้สิ้นปี สื่อมวลชนจะตั้งฉายาให้นักการเมืองอย่างแสบๆ คันๆ จนกลายเป็นธรรมเนียมปฎิบัติไปแล้ว เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องล้อกันเล่นสนุก ๆ แต่บางปีก็เล่นกันอย่างถึงพริกถึงขิง ชนิดที่เรียกว่านักการเมืองที่โดนตั้งฉายายิ้มไม่ออกเลยก็มี

นักข่าวกลุ่มแรกที่ตั้งฉายาให้กับแหล่งข่าวคือ นักข่าวสายทำเนียบฯ โดยหากย้อนกลับไปในอดีต นักข่าวทำเนียบฯ มีประเพณีตั้งฉายาให้ผู้นำประเทศ นักการเมือง และคณะรัฐมนตรีติดต่อกันมายาวนานกว่า 30 ปี แถมยังมีการเลือก ‘วาทะแห่งปี’ ซึ่งมาจากวลีเด็ดของนายกรัฐมนตรีในช่วงนั้น ๆ ด้วย

สมัยที่สื่อออนไลน์สื่อโซเชียลยังไม่มี นักข่าวแต่ละสายจะสนิทสนมกันมาก โดยเฉพาะสายทำเนียบ เพราะนั่งออรอข่าวอยู่ในรังนกกระจอก สมัยนั้นสื่อมีไม่กี่ฉบับ แม้บางทีจำชื่อไม่ได้ แต่เห็นหน้าค่าตากันก็ร้องอ๋อทันที โดยระบุอัตลักษณ์จากสื่อที่สังกัด แต่สมัยนี้สื่อมีหลากหลายจนสื่อรุ่นเก่ายืนงง ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

ไหน ๆ เล่าเรื่องอดีตแล้ว บอกตรง ๆ ว่านึกดีใจแทนนักข่าวยุคปัจจุบันมาก แค่มือถือเครื่องเดียวทำได้สารพัดประโยชน์ สมัยก่อนนักข่าวต้องไปพร้อมตากล้อง ซึ่งแบกกล้องพร้อมซูมหลากชนิดในกระเป๋ากล้องใบใหญ่ แต่ถ้านักข่าวคนไหนสามารถถ่ายรูปเองได้ก็ฉายเดี่ยวไป ตอนสัมภาษณ์ต้องใช้เครื่องอัดเทปขนาดกลาง น้ำหนักมาก รุ่นที่ฮิตมากคือพานาโซนิค ซึ่งเจ๊งไปแล้ว อัดเทปคาสเซท เขียนข่าวเสร็จ โทรตามพนักงานรับส่งเอกสารมารับขับกลับสำนักข่าว เพราะสมัยก่อนไม่มีอินเตอร์เนต สมัยนี้การทำข่าวสะดวกสบายกว่าเก่ามาก 

รัฐบาลแรกที่ถูกนักข่าวทำเนียบตั้งฉายาก็คือรัฐบาลของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงปี พ.ศ. 2523-2531 ซึ่งครั้งนั้น พลเอกเปรมได้ฉายาว่า ‘เตมีย์ใบ้’ เนื่องจากเป็นนายกฯ ที่มีบุคลิกสุขุม ทำงานหนัก แต่พูดน้อย ด้วยบุคลิกท่านที่มีความเมตตาสูง ทำให้พวกนักข่าวเรียกว่า ‘ป๋าเปรม’ จำได้อย่างแม่นยำว่าปีนั้นวาทะแห่งปีก็คือ ‘กลับบ้านเถอะลูก’ สืบเนื่องมาจากเวลานักข่าวไปดักรอท่านหน้าทำเนียบตอนเย็นๆ ท่านจะบอกว่า “กลับบ้านเถอะลูก” 

พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับฉายาว่า ‘รัฐบาลเพลย์บอย’ เพราะบุคลิกของพลเอกชาติชายคือทรงเอเป๊ะๆ ลุคเพลย์บอยชัดเจน ต่อมาได้รับอีกฉายาคือ ‘ปลาไหลใส่สเก็ตซ์’ คงพอนึกออกว่าทำไมถึงได้ฉายานั้น 

ส่วนยุคของนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน ได้รับฉายาว่า ‘ผู้ดีรัตนโกสินทร์’ 

นายกบรรหาร ศิลปอาชา ได้ฉายาว่า ‘หลงจู๊’ เพราะมีลักษณะการทำงานที่ชอบล้วงลูก พอนึกถึงหลงจู๊แล้วต้องนึกถึง ‘ลูกท้อป’ และ ‘ลูกนา’ นักข่าวรุ่นนั้นเวลาไปทำข่าว บางทีก็ไปรอที่บ้านท่านบรรหาร จึงเห็นทั้ง ‘ลูกนา’ และ ‘ลูกท้อป’ เป็นประจำ แม้จนปัจจุบันเวลาเห็นหน้าท่านรัฐมนตรีวราวุธ ศิลปอาชา นักข่าวอาวุโสส่วนมากยังนึกถึงชื่อ ‘ลูกท้อป’ อยู่นั่นเอง ซึ่งลูกท้อปในวันนี้กลายเป็นรัฐมนตรีที่เก่งกาจฉลาดเฉลียว แถมพูดภาษาอังกฤษแบบบริติชคล่องเปรี๊ยะ

‘เพื่อไทย’ ชี้!! รัฐควร ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้’ ไม่ใช่ส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายช่วงปีใหม่

(23 ธ.ค. 65) นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย เขต 1 พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีครม. เคาะของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนว่า ถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลพยายามคิดมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แต่ของขวัญดังกล่าวเป็นมาตรการที่แก้ปัญหาประชาชนไม่ตรงจุด เสมือนการเกาไม่ถูกที่คัน สิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาส ที่สำคัญที่สุดคือรัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมโอกาสในการสร้างรายได้ในกระเป๋าประชาชน ไม่ใช่ออกมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายเอาเงินออกจากกระเป๋า ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเงินเพิ่ม 

หากเราพิจารณาดูมาตรการของรัฐบาลอย่างคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงการขึ้นค่าไฟภาคเอกชน จะเห็นได้ว่าเป็นมาตรการที่สร้างรายจ่ายให้กับประชาชน ขณะเดียวกันก็ไปสร้างรายได้ให้กับกลุ่มทุนเพียงบางกลุ่ม ซึ่งย้อนแย้งกับยุทธศาสตร์ชาติกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ 

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ) มีมติขึ้นค่าไฟภาคธุรกิจเป็น 5.69 บาทต่อหน่วย สุดท้ายคนที่ต้องรับภาระต้องเป็นพี่น้องประชาชน เพราะภาคเอกชนเองก็ต้องขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันคำถามที่หลายคนให้ความสงสัยก็คือ วันนี้เรามีกลุ่มทุนผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ กฟผ.จะต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้ผู้ผลิตไฟฟ้ากลุ่มนี้ในไตรมาสสุดท้ายของปี เดือน ก.ย. - ธ.ค. ยอด 30,665 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปีหน้า ม.ค. - เม.ย.66 ยอด 32,420 ล้านบาท หากการผลิตไฟฟ้าเราขาดแคลน จำเป็นต้องพึ่งหลาย ๆ ภาคส่วนในการผลิตก็เป็นที่เข้าใจได้ แต่วันนี้เราผลิตเกินความต้องการมากถึงประมาณ 50% สุดท้าย คนที่ต้องรับภาระก็คือภาคประชาชนและเอกชน

‘บิ๊กตู่’ ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ‘รทสช.’ ยัน!! คุย ‘บิ๊กป้อม’ แล้ว สัมพันธ์พี่น้องไม่ขาด

‘ประยุทธ์’ ประกาศชัดเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยันคุย ‘พี่ป้อม’ เรียบร้อยแล้ว ชี้ไม่แตกหัก ‘ประวิตร’ สัมพันธ์พี่น้องทหาร ตัดกันไม่ขาด

(23 ธ.ค. 65) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ ‘เที่ยวชุมชน ยลวิถี’ ประจำปี 2565

โดยกล่าวว่าวันนี้ตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว (รทสช.) โดยเป็นแคนดิเดตนายกกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

โดยได้มีการพูดคุยกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้วซึ่งท่านและผมก็มีความเข้าใจซึ่งกันและกันไม่ได้โกรธเคืองอะไรแต่เพื่อให้การเลือกตั้งมีความชัดเจนทางการเมืองขึ้น

‘หมอชลน่าน’ ชู 2 เสาหลักสร้าง ศก.ดิจิทัล ตั้งเป้าปี 2570 สร้างคนดิจิทัล 2 ล้านคน

(22 ธ.ค. 65) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แสดงวิสัยทัศน์ในงานสัมมนา ‘NEXT STEP THAILAND 2023 ทิศทางแห่งอนาคต’ จัดโดยสปริงนิวส์ เนชั่นทีวี และโพสต์ทูเดย์ โดยในโอกาสนี้นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมงานสัมมนาด้วย

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวว่า ภายในปี 2570 พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค คนไทยต้องรู้เท่าทัน รู้การเปลี่ยนแปลง และก้าวไปได้ทันกับเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะเศรษฐกิจดิจิทัล มีทั้งโอกาสและอันตรายซ่อนอยู่ คือ เค้กชิ้นใหญ่ที่ทุกฝ่ายอยากไขว่คว้ามาแบ่งกัน ปัญหาคือประเทศไทยไม่มีคนผลิตเค้ก พรรคเพื่อไทยจึงต้องตอก 2 เสาหลัก เพื่อวางอนาคตด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ได้แก่

1. โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งคือเครื่องผลิตเค้ก พรรคเพื่อไทยไม่ได้หยุดอยู่ที่อินเทอร์เน็ตฟรีทุกหมู่บ้าน หรือแท็ปเล็ตฟรีทุกครอบครัว แต่พรรคเพื่อไทยต้องการวางโครงสร้างระบบการเงินของประเทศด้วย Central Bank Digital Currency (CBDC) ให้คนไทยทุกคนมีกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล มี digital ID ของตนเอง ทลายกำแพงการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วย Blockchain สัญชาติไทย รวมทั้งการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

พรรคเพื่อไทยประกาศเปิดเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่ง เชียงใหม่ กรุงเทพ ขอนแก่น หาดใหญ่ เพื่อสร้างกฎหมายธุรกิจใหม่ ดึงดูดการลงทุนต่างชาติด้านดิจิทัล และธุรกิจในโลกยุคใหม่ เขตธุรกิจใหม่นี้จะสร้างและเชื่อมเอสเอ็มอีที่มีตลาดในมือ กับ สตาร์ตอัปที่มีไอเดียและเทคโนโลยี และยังดึงดูดแรงงานทักษะสูงจากต่างชาติเข้าทำงานระยะยาวในไทย

‘ณัฐชา’ ถามหาคนรับผิด ปมเรือหลวงอับปาง ชี้!! ถึงเวลาปฏิรูปกองทัพ - เลิกให้ตรวจสอบกันเอง

‘ณัฐชา’ ซักยิบกรณีเรือหลวงอับปาง ‘ประยุทธ์’ ส่ง ‘ชัยชาญ’ รับหน้าตอบ จี้ถามใครต้องรับผิดชอบความสูญเสีย ลั่นถึงเวลาปฏิรูปกองทัพ มีตัวแทนประชาชน ‘ผู้ตรวจการกองทัพ’ ร่วมตรวจสอบ - เลิกตรวจสอบกันเอง 

(22 ธ.ค. 65) ที่รัฐสภา ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 โดย พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทนตอบคำถาม 

ณัฐชากล่าวว่า ข่าวเรือหลวงสุโขทัย เป็นข่าวที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศเสียใจ ตนขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และครอบครัวของกำลังพลทุกคน ครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกที่เรือรบอับปางเพราะคลื่นลมแรง ที่ผ่านมา ตนได้อภิปรายความผิดพลาดของกองทัพหลายครั้ง ครั้งนี้ผู้รับผลกระทบจากความผิดพลาดคือกำลังพลของกองทัพเอง ก่อนหน้านี้ ฟังแถลงข่าวของผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พบว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกของประชาชนที่ติดตามเหตุการณ์ จึงขอให้รัฐมนตรีฯ ช่วยอธิบายลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เวลาที่น้ำเริ่มเข้าเรือและเรือเกิดเหตุ ว่าได้รับการแจ้งเหตุเวลาใด เรือที่เข้าไปช่วยลำแรกคือเรือหลวงกระบุรีไปถึงช่วงใด ได้เห็นกำลังพลเท่าไหร่ เรือยังไม่จมสู่ใต้ทะเลใช่หรือไม่ อุปกรณ์ในการช่วยเหลือมีอะไรบ้าง จำนวนเสื้อชูชีพและเรือยางมีเท่าไร รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะช่วยกำลังพลให้รอดชีวิต ได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดบ้าง ได้รับตอบรับจากหน่วยใดบ้าง และเรือหลวงสุโขทัยอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ มีประวัติการซ่อมบำรุงมากน้อยเพียงใด และซ่อมบำรุงเมื่อไร

ด้านชัยชาญได้ชี้แจงลำดับเหตุการณ์และสภาพอากาศในวันเกิดเหตุว่ามีคลื่นลมแรง เรือฝ่ามรสุม ทำให้น้ำเข้าตัวเรือบางส่วน เครื่องจักรของเรือหยุดทำงาน ส่วนจำนวนชูชีพ เรือแต่ละลำจะมีอัตราประจำเรือ และมีส่วนหนึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล มีทั้งชูชีพส่วนบุคคล ชูชีพพวง และแพชูชีพ แต่วันเกิดเหตุเนื่องจากสภาพเรือเอียง ทำให้ไม่สามารถปล่อยแพได้ ส่วนปฏิบัติการช่วยเหลือในวันนั้น ทุกอย่างเป็นการควบคุมสั่งการจากศูนย์อำนวยการกองทัพเรือผ่านไปยังกองทัพเรือภาคที่ 1 และเรือกระบุรี ในส่วนงบซ่อมบำรุง เนื่องจากอายุการใช้งานของเรือรบอยู่ที่ประมาณ 40 ปี การซ่อมบำรุงจึงมีทั้งซ่อมตามวงรอบปกติและการซ่อมใหญ่ โดยเรือหลวงสุโขทัยมีการบำรุงใหญ่เมื่อปี 2561 และ 2563 เสร็จสิ้นตรวจรับเมื่อปี 2564 งบที่ได้รับเฉลี่ยปีละ 1,300 ล้านบาท และในปี 2566 ได้รับงบประมาณ 1,800 ล้านบาท

“สำหรับเหตุการณ์ที่แท้จริง ได้สั่งให้กองทัพเรือสอบสวนทุกเรื่อง ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร รวมถึงจำนวนเสื้อชูชีพที่สังคมสงสัย ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด เพื่อชี้แจงให้ทุกคนทราบโดยไม่มีการปกปิด” ชัยชาญกล่าว

'ดร.เสรี' ชี้!! ชาวกทม.เทคะแนนเลือกผู้แก้ปัญหา แต่สุดท้ายได้คนมาออก Event เล่น Cosplay

(22 ธ.ค. 65) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า...

วิ่งๆๆๆๆ เต้นๆๆๆๆ ออก Event เล่น Cosplay มาแล้ว 6 เดือน

มีอะไรที่เรียกว่าเป็นการแก้ปัญหา

มีอะไรที่เรียกว่าเป็นการพัฒนา

มีอะไรที่ทำได้ตามคำสัญญา

แบบนี้ยังมีคนมอบรางวัลว่าเป็นขวัญใจ

'บิ๊กป้อม' ตั้ง 'ไพบูลย์' นั่ง ปธ.คณะทำงานธุรการฯ จัดการเอกสารเกี่ยวเนื่องเลือกตั้ง เพื่อยื่นต่อสู่ กกต.

(22 ธ.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.ได้ลงนามคำสั่งพรรคพลังประชารัฐที่ 149/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไป พรรคพลังประชารัฐ 

เพื่อให้การดำเนินงานธุรการของพรรคพลังประชารัฐ ในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2566 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งในกระบวนการรับสมัคร กระบวนการสรรหา การจัดประชุมสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรค และการยื่นเอกสารสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17(1)(ซ) 

จึงแต่งตั้งคณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไป พรรคพลังประชารัฐ ดังนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานคณะทำงาน และมี พล.อ.จิรศักดิ์ บุตรเนียร คณะทำงาน, นายวีระวัฒน์ ภู่พงษ์ คณะทำงาน, นายกันติพจน์ สิริภักดิสกุล คณะทำงาน และนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร คณะทำงาน

‘พิธา’ โชว์ภูมิพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ชี้ ควรเพิ่มงบท้องถิ่น - ใช้เทคโนโลยีลดเหลื่อมล้ำ

‘พิธา’ โชว์วิสัยทัศน์เศรษฐกิจดิจิทัล ชี้จีดีพีไทยโตขึ้นแต่ยังรั้งกลางตารางอาเซียน ชูหลักคิด ‘ก้าวไกล’ ตั้งเป้าหมายไประดับโลก ต้องเริ่มต้นจากท้องถิ่น

(22 ธ.ค. 65) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแสดงวิสัยทัศน์นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลในหัวข้อ ‘เทรนด์ใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัลและยุทธศาสตร์ด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’ ร่วมกับแกนนำพรรคการเมืองใหญ่ 5 พรรค ในงานเสวนา “Next Step Thailand 2023 ทิศทางแห่งอนาคต” ความตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจดิจิทัลไทยในปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท คาดการณ์การเติบโตอยู่ที่ 15% ต่อปี โดยมีการลงทุนจากภาคเอกชนอยู่ที่ราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ดีเมื่อเทียบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งระบบ ที่จีดีพีคาดการณ์การเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3% แต่กระนั้นหากเทียบกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียนด้วยกัน จะพบว่าประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 6 ของอาเซียน ทั้งในด้านคาดการณ์การเติบโตและปริมาณการลงทุน และเมื่อหันมาดูด้านงบประมาณที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล จะพบว่ารัฐบาลได้ให้งบประมาณด้านแผนงานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัลเพียง 980 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.03% ของงบประมาณทั้งหมด ส่วนงบประมาณด้านการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 7.36 พันล้านบาท ส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่กรมโยธาธิการและผังเมืองของกระทรวงมหาดไทย ถึง 7.16 พันล้านบาท ซึ่งไม่ตอบโจทย์ในการสร้างยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลโดยตรง

‘เพื่อไทย’ จี้ถาม 4 ข้อ ปมเรือหลวงอับปาง ซัด!! เบิกงบบำรุงตลอด แต่ความปลอดภัยยังต่ำ

วันนี้ (21 ธ.ค. 65) ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางตั้งแต่คืนวันที่ 18 ธันวาคม 2565 จนทำให้มีลูกเรือเสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก โดยขอให้กำลังใจแก่ครอบครัวของลูกเรือและทีมค้นหาเพื่อให้ทุกคนนั้นปลอดภัย และขอตั้งคำถามถึงกรณีดังกล่าว ดังนี้

1. การบริหารจัดการภายในกองทัพภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการใช้งบประมาณในการบำรุงรักษาเรือหลวงสุโขทัยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างไร เพราะทราบมาว่า กองทัพเรือได้รับงบประมาณเพื่อบำรุงรักษาเรือมาโดยตลอด แต่เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

2. การบริหารจัดการภายในเรือ โดยปกติแล้วเสื้อชูชีพและอุปกรณ์ช่วยชีวิต จะต้องจัดเตรียมให้เพียงพอก่อนออกเรือทุกครั้ง แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเสื้อชูชีพมีไม่เพียงพอ และยังไม่มีการเตรียมการที่ดีพอในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top