Wednesday, 25 June 2025
POLITICS NEWS

‘เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล่’ เตือน ไม่ควรไปแตะต้องเบื้องบน ลั่น!! คนรักแผ่นดินจะไม่อยู่เฉย เพราะเราคือคนไทยที่แท้จริง

(6 พ.ค. 66) นายวรเชษฐ์ เอมเปีย หรือ ‘เชษฐ์’ มือกลอง ‘สไมล์บัฟฟาโล่’ วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…

จะทำอะไร ก็ทำไปสิครับ..แต่ไม่ควรไปแตะต้องเบื้องบน..อย่าล้ำเส้น ฮึกเหิมเกินไป..โอ้อวดโชว์เอาดีเข้าตัว โยนความไม่ดีให้คนอื่น ไม่เท่เลยนะ

'อดีตทูตนริศโรจน์' เดือด!! บางพรรคหวังชนะทางการเมืองด้วยวิธีสกปรก ยัดเยียดแนวคิด 'ยุวชนเรดการ์ด' ให้เด็กไทยหัดขู่พ่อแม่

(6 พ.ค. 66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า...

ไม่น่าเชื่อว่าต้องการเอาชนะทางการเมืองด้วยวิธีการที่สกปรกแบบนี้

การที่พรรคการเมืองนึงระดมเด็ก ๆ ให้ทำคลิปลง tiktok / reels พูดในทำนอง ‘ขู่’ พ่อแม่สารพัดว่า ถ้าไม่เลือกพรรค ก.ก. เหมือนกับตน ต่อนี้ไป ก็จะออกจากบ้าน / ไม่ส่งเงิน / ไม่ต้องพูดคุย เหมือนตัดขาด ตัดเยื่อใยสายสัมพันธ์ในครอบครัว เพียงเพราะพ่อแม่คิดต่างไม่เหมือนกับตัวเอง

เฮ้ย..! นี่มันวิธีการแบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ แบบ ‘ยุวชนเรดการ์ด’ สมัยนึงของจีนเลย! 

ที่มีการเอาพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ของตัวเองมาประณาม ประจาน ยึดมั่นแต่หลักการลัทธิที่ตัวเองบูชา มีการเผาทำลายหนังสือที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมเพราะถือว่าเป็นการขัดขวางแนวทางของพรรค จนทำให้จีนเข้าสู่ยุคตกต่ำสุด และสูญเสียมรดกทางวัฒนธรรมไปเยอะมาก 

ยุวชนเรดการ์ดของจีนหลายคนในสมัยนั้น ปัจจุบันได้ออกมาสารภาพผิดที่ครั้งนึงหลงใหลไปกับการปลุกระดมให้เกลียดแม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ถ้าพ่อแม่มีแนวทางที่เป็นอุปสรรคต่อพรรค !!

หลายคนเคยแม้แต่ทุบตีพ่อแม่ตัวเอง จับอาจารย์ที่เคยสอนมากล้อนผมประจาน ถ่มน้ำลายใส่หน้า อาจารย์บางคนทนรับเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ถึงกับฆ่าตัวตายไปก็มี 

บันทึกประวัติศาสตร์ของ ยุวชนเรดการ์ด จีนยุคนั้นยังหาอ่านได้ทั้งบทความและรูปภาพลองค้นกูเกิลดูก็จะเห็น

แจ้งความเอาผิด 'พงศ์ศรัณย์' ผู้สมัครแปดริ้ว เขต 2 พรรค พท. ฐานรุกล้ำทางน้ำสาธารณะบึงขุนรักษ์

(6 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา นายคมสันต์ ชูชื่น รองนายกเทศมนตรีตำบลดอนเกาะกา รับมอบอำนาจจากนายกิตติ เก่งพานิช นายกเทศมนตรีตำบลดอนเกาะ เข้าแจ้งความที่ สภ.ฉิมพลี จ.ฉะเชิงเทรา ว่ามีผู้ทำผิดกฎหมายอาญา บุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง บึงขุนรักษ์ อันเป็นทางน้ำ สาธารณะของแผ่นดิน ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน เพราะเป็นรักษาประโยชน์ ของชาวบ้าน การดำเนินการครั้งนี้เป็นการแก้ไขปัญหานายทุนเข้าบุกรุกที่ดินสาธารณะ เพื่อประโยชน์ส่วนตน 

โดยเดือน เม.ย. 62 นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 หมายเลข 3 พรรคเพื่อไทย และ นายพันธุ์พงศ์ อัศวชัยโสภณ ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน โฉนดที่ดินเลขที่ 9007 ได้ทำการถมคันดิน สองคันดินบริเวณทิศใต้ของโฉนดที่ดินดังกล่าว โดยรุกล้ำเข้าไปในทางน้ำสาธารณะบึงขุนรักษ์ บริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลดอนเกาะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน 

'ดร.นิว' เฉลย!! ติ่งส้มพรึ่บภูเก็ต ฟังพรรคสามนิ้วปราศรัย เพราะเกณฑ์แรงงานต่างด้าวมาผสม ช่วยปั่นทั้งออฟไลน์-ออนไลน์

(6 พ.ค. 66) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์รูปภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า 

"คนที่ภูเก็ตเล่าให้ฟัง พรรคสามนิ้วหนักแผ่นดินที่เคยถูกขับไล่ ทำไมมาภูเก็ตรอบหลังมีคนไปเยอะ ส่วนหนึ่งเขาเกณฑ์แรงงานต่างด้าวมาผสม ปั่นทั้งออฟไลน์และออนไลน์หนุนกันตามที่พวกเขาถนัด คล้ายกับม็อบวันแรงงานที่พวกเขาจัดแรงงานต่างด้าวชูป้ายโจมตี ม.112 จังหวัดอื่นที่ปั่นว่าคนมาเยอะก็น่าจะใช่"

'ประชาธิปัตย์' ชูนโยบาย 'ตัดหนี้ 70,000 ล้าน' ปลดทุกข์เกษตรกรสูงวัยเกษตรกรทุพลภาพ 3 แสนราย

'อลงกรณ์' ยืนยัน ปชป.แก้ปัญหาหนี้เกษตรกรแนวใหม่อย่างยั่งยืนแบบมืออาชีพมีประสบการณ์จริงไม่กระทบฐานะการเงินของธกส.และไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรวันนี้ (5พ.ค.) ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรอย่างยั่งยืน รวมทั้งนโยบายเติมทุนเติมเงินอัดฉีดก้อนใหม่เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร โดยจะตัดหนี้ให้เกษตรกรสูงวัย มีอายุมากเกิน 65 ปี หรือทุพลภาพไม่สามารถประกอบอาชีพได้แล้ว มีอยู่ประมาณ 300,00 ราย มีมูลหนี้ประมาณ 70,000 ล้านบาท จะยกหนี้ให้แก่เกษตรกรผู้สูงอายุ เป็นการตอบแทนคุณความดีที่ผลิตสินค้าให้เป็นอาหารแก่คนไทยมาอย่างยาวนาน หลุดพ้นจากความทุกข์ยากจากการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวโดยตัดเป็นหนี้สูญ 

‘ส.ว.สมชาย’ เปิดหน้าคุยทูตสหรัฐฯ แจงขบวนการใส่ร้ายสถาบัน ด้านทูตฯ รับปากส่งเรื่องต่อรัฐบาล เพื่อดำเนินการต่อไป

(5 พ.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

#คนไทยชักศึกเข้าบ้าน
หรือ
#สหรัฐแทรกแซงอธิปไตย

จากเอกสารที่คนไทยกลุ่มหนึ่ง อ้างกล่าวหาให้ร้ายประเทศไทย ส่งถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และวุฒิสมาชิกกลุ่มหนึ่งของสหรัฐฯ เคลื่อนไหวต่อเนื่อง จะออกมติวุฒิสภา ที่ 114 ต่อประเทศไทยนั้น (3 พ.ค.2566) คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา จึงได้เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นายโรเบิร์ต เอฟ โกเดค และคณะ เพื่อประสานสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริง ที่ห้องรับรองพิเศษวุฒิสภา 

ในระหว่างการหารือกัน ผมได้เสนอให้ท่านทูตสหรัฐฯ รับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และยืนยันว่า มิได้เป็นไปตามที่กลุ่มบุคคลเหล่านั้นไปกล่าวหาให้ร้าย คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาไทย ที่ติดตามการดูแลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่พบปัญหาดังที่มีการกล่าวหา

โดยประเทศไทยนั้นให้เสรีภาพเต็มที่ ในการหาเสียงเลือกตั้งของทุกพรรคการเมือง และสื่อมวลชนสามารถสื่อข่าวสารได้อย่างเสรี ไม่มีการปิดกัั้น

คณะกรรมาธิการและสมาชิกวุฒิสภาไทยเห็นว่า ในท้ายร่างมติ 114 ที่ให้ร้ายและข่มขู่กล่าวหา สถาบันพระมหากษัตริย์ แทรกแซงการเลือกตั้งทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเลือกตั้งนั้น ไม่เป็นความจริง และทำให้วุฒิสภาฝ่ายไทยไม่สบายใจ เกรงจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์อันดี

เพราะข้อเท็จจริงแล้ว พระมหากษัตริย์ไทยทรงอยู่เหนือการเมือง มิเคยทรงยุ่งเกี่ยวในการเลือกตั้งใดๆ ตามที่มีการกล่าวหาให้ร้าย จนทำให้วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกาบางท่านเข้าใจผิด นำข้อมูลดังกล่าวไปร่างยื่นขอมติวุฒิสภา 114 (Senate Resolution 114) ที่กล่าวร้ายรุนแรงต่อประเทศไทยโดยไม่เป็นความจริง

ในประเด็นที่ 2 คือการหารือเรื่องกองทุน NED (National Endowment For Democracy) ให้ทุนสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวการเมือง เพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 กฎหมายสูงสุดของประเทศ และยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครององค์พระประมุข เช่นเดียวกับที่สหรัฐอเมริกามีกฎหมายปกป้องประธานาธิบดี เช่นกัน 

เรื่องนี้ก่อให้เกิดความแตกแยกทางความคิดและความขัดแย้งในประเทศไทย ถือเป็นการกระทบต่ออธิปไตยของมิตรประเทศ และอาจเป็นการแทรกแซงกิจการในประเทศไทยได้ จึงขอให้ท่านทูตฯ ได้เร่งประสานงานให้รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐอเมริกาทราบ และแก้ไขการกระทำดังกล่าวให้ถูกต้องต่อไปโดยเร็ว

เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ตอบรับทราบ ทั้ง 2 เรื่อง และรับปากว่าจะสื่อสารไปยังรัฐบาลและวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการต่อไป

ทัวร์ลง ‘กองทัพบก’ หลังปล่อยเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ช่วงใกล้เลือกตั้ง ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ!! ทหารไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง สมควรถูกปฏิรูป

กองบัญชาการกองทัพบกเผยแพร่วิดีโอคลิปเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ทำชาวเน็ตทัวร์ลงด่ายับ ชี้ มาในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง หลังถูกบางพรรคการเมืองออกนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารพาดพิง

(5 พ.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘กองทัพบก Royal Thai Army’ ของกองบัญชาการกองทัพบก เผยแพร่วิดีโอคลิปเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ที่บรรเลงและขับร้องโดยกรมดุริยางค์ทหารบก หลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปราว 2 ชั่วโมง มีคนแชร์ไปกว่า 300 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นโจมตีกองทัพบกจำนวนมาก พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมถึงได้ปล่อยเพลงนี้ออกมาในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง เพราะมีบางพรรคการเมืองออกนโยบายหาเสียงพาดพิงกองทัพ เช่น ยกเลิกเกณฑ์ทหาร

สำหรับความเห็นที่น่าสนใจ อาทิ

“ทหารที่ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเองนี่ล่ะครับ หนักแผ่นดินที่สุด”

“เฮือกสุดท้ายแล้วสินะ 555 แต่อาชีพพวกxึงอะ หนักแผ่นดินสุดแล้ว ข่าวระยำในประเทศมีแต่ข่าวพวกxึง เส้นสายใช้กันไม่หยุด คอร์รัปชันในกองทัพเท่าไหร่ จนเกิดจ่าคลั่ง เพลงนี้ร้องให้อาชีพตัวเองฟังกันนะ”

“ต้องมีท่าเต้นด้วยนะครับ ฟังเฉยๆ ไม่รู้สึกฮึกเหิมเลย”

‘ประสิทธิ์ชัย’ ฟาด ‘พิธา’ พลิกลิ้นปมกัญชา ชี้!! หลังๆ ชักแนบแน่นกับ ‘ชูวิทย์’ หลายเรื่อง

แกนนำเครือข่ายกัญชาฯ ฟาด ‘พิธา’ ไม่เหมาะเป็นผู้นำ ไม่ใช่นักประชาธิปไตย คบ ‘ชูวิทย์’ ผลักกัญชาไปเป็นเกมการเมือง ทั้งที่เคยสนับสนุนถึงขั้นรับร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ จากประชาชน และให้ตนเป็นกรรมาธิการฯ ในนามของพรรค แต่กลับเปลี่ยนจุดยืน ถึงขั้นฟ้องศาลให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด หวังเอาคืนหลัง พ.ร.บ.สุราฯ ไม่ผ่านสภาฯ เตือน!! แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะเอาแบบนี้ เพราะอีกไม่กี่วันกระแสเลือกตั้งจะจบลง จะได้เห็นความจริง

(5 พ.ค. 66) นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายประชาชนเพื่อการมีกฎหมายควบคุมกัญชาในประเทศไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘ประสิทธิ์ชัย หนูนวล’ สื่อสารถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า…

พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อไหร่คุณจะพูดเรื่องกัญชาให้ตรงกันเสียที คนที่เป็นนักประชาธิปไตยต้องพูดความจริงและพูดให้ตรงกันในทุกวาระ ไม่ใช่พูดตอนนี้อย่างหนึ่ง พูดตอนอื่นก็พูดอีกอย่างหนึ่ง มันไม่ใช่ลักษณะของผู้นำ ตนเข้าใจว่า พรรคก้าวไกล มีกระแสดี เหตุเพราะมีความชัดเจน และคนรุ่นใหม่ชอบความชัดเจน 

“ผมเจ็บปวดที่สุด วันที่พรรคก้าวไกลยื่นฟ้องศาลให้กัญชากลับไปสู่ยาเสพติด ขอย้ำว่า มันคือการฟ้องศาล พรรคก้าวไกลไม่ได้ทำแบบพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ หรือ ประชาชาติ ที่แสดงความเห็นกัญชาในเชิงนโยบายของพรรค แต่พรรคก้าวไกล เชื่อมั่นยิ่งกว่าว่ากัญชาต้องเป็นยาเสพติด นั่นคือการดำเนินการมากกว่าพรรคอื่น คือ ดำเนินการฟ้องศาลให้เป็นยาเสพติด นี่คือจุดยืนของพรรคก้าวไกล” 

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวถึงเหตุผล ทำไมภาคประชาชนถึงเจ็บปวดกับพรรคก้าวไกล กรณีกัญชา ว่า ตนเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) พ.ร.บ.กัญชาฯ ในนามพรรคก้าวไกล ร่วมกับนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล เหตุที่ตนได้เป็น กมธ.ในนามพรรคก้าวไกล ทั้งที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ก็เพราะว่า ภาคประชาชนได้ยื่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ให้พรรคก้าวไกล รับไปดำเนินการต่อในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

“ตรงนี้แหละครับ คือ ประเด็นของความเจ็บปวด ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นลองนึกตามนะครับ หากมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ประกาศอยู่เคียงข้างประชาชนมาตลอด และยินดียิ่งที่ภาคประชาชนจัดทำร่าง พ.ร.บ.กัญชา ยื่นให้กับพรรค เพราะพรรคเห็นด้วยกับหลักการที่ภาคประชาชนนำเสนอ พรรคจึงอาสานำไปดำเนินการต่อ อยู่มาวันหนึ่ง พรรคก้าวไกลประกาศว่าจะเอากัญชากลับสู่ยาเสพติด และไม่ได้ประกาศเป็นแค่นโยบายพรรค แต่ยังเอากัญชาไปฟ้องศาลให้กลับไปสู่ยาเสพติดอีกด้วย

“คำถามที่สำคัญคือ หลักการ พ.ร.บ.กัญชาของประชาชน ถูกพรรคหยิบทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่ของ กมธ.พ.ร.บ.กัญชา ทำไมพรรคก้าวไกลไม่นำเสนออะไรเลย ว่าค้นพบข้อเท็จจริงใหม่ หรือ พรรคมีมติใหม่ ต้องเอากัญชากลับสู่ยาเสพติด กี่เดือนที่ทำงานกันมาแต่พรรคไม่พูดเรื่องนี้เลย แถมยังมีข้อเสนอที่ก้าวหน้าไปอีก” 

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวอีกว่า เพื่อให้ชัดขึ้น ทุกคนต้องกลับไปฟังการให้สัมภาษณ์ของพิธา เรื่องกัญชา สมัยยังมีพรรคอนาคตใหม่ แล้วไปดูจุดยืนการรับร่าง พ.ร.บ.กัญชาของภาคประชาชน แล้วมาดูพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกลในวันนี้ คำพูดและจุดยืนของเขาเกี่ยวกับกัญชาตรงกันหรือไม่ ดังนั้น จึงมีคำถามถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่ผู้นำที่คนรุ่นใหม่สนับสนุน

1.) จุดยืนของคุณเรื่องกัญชา เปลี่ยนไปตามกระแสและผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ตลอดระยะเวลาพวกคุณไม่เคยพูดถึงกัญชาในแง่ไม่ดีเลย จนกระทั่ง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร พวกคุณจึงเริ่มมีท่าทีเกี่ยวกับกัญชาเปลี่ยนไป คิดเอาคืนทางการเมืองกับพรรค ซึ่งคาดหวังว่าจะยกมือสนับสนุน พ.ร.บ.สุรา แต่แล้วพรรคนั้นไม่ยกมือให้ในนาทีสุดท้ายใช่หรือไม่

ความพลาดหวังครั้งนี้ ทำให้พวกคุณลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง ที่นักการเมืองรุ่นก่อนเขานิยมทำกัน คือ การเอาคืนทางการเมือง และการเอาคืนนี้ต้องเลือกประเด็นที่สังคมอ่อนไหวอยู่แล้ว คือเรื่องกัญชา (อาจเพราะพวกคุณดูโพลสำรวจแล้วพบว่า จากการสำรวจคนยังกลัวกัญชา จึงใช้กระแสความกลัวนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อทำลายพรรคนั้น และกัญชาเริ่มกลายเป็นเหยื่อ) โดยหลังจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าไม่ผ่านสภาฯ ปฏิบัติการเกี่ยวกับกัญชาของพรรคคุณเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือนับแต่บัดนั้น คำถามคือ พวกคุณเปลี่ยนเรื่องกัญชาจากหน้ามือเป็นหลังเพราะอะไร

2.) คำถามที่สำคัญคือ มีเหตุผลอะไรที่พรรคก้าวไกลจะเอากัญชากลับไปสู่ยาเสพติด ประเด็นนี้ต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง และเพื่อเป็นการเทียบเคียงจุดยืนของพรรคนี้ จึงต้องยกอ้าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้ามาเปรียบเทียบ ถ้าพรรคใช้หลักการตัดสินเรื่องนี้ด้วยข้อเท็จจริง พรรคต้องแสดงข้อเท็จจริงและงานวิจัยที่มี เพื่อเปรียบเทียบโทษระหว่างกัญชากับสุราให้ชัดเจน ย้ำว่าต้องเป็นงานวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ข้อมูลจากความรู้สึก สุราทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างไร ทำลายสุขภาพอะไรบ้าง ประจักษ์กันมานานแล้วมิใช่หรือ ส่วนกัญชานั้นมีงานวิจัยสนับสนุนทั่วโลกนับ 100 สถาบัน ซึ่งพูดถึงกัญชาในฐานะยารักษา พรรคต้องเอาข้อมูลวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบมาแสดงโดยด่วน ถ้าจะแสดงความจริงใจว่าไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนเรื่องกัญชาเพราะการเมือง

พ่อแม่ต้องเลือกข้าง หากไม่ทำตาม ลูกพร้อมตัดขาด เกมการเมืองสุดขี้ขลาดในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

“ถ้าแม่ตัดสินใจเลือกลุงแล้ว...แม่ก็ออกไปหาเงินใช้เองเถอะนะ”

“เมื่อพ่อแม่เป็นสลิ่ม เราเลยโทรไปบอกว่าถ้าไม่เลือกก้าวไกล เราจะไม่กลับบ้าน จะไม่โอนตังให้ด้วย”

“เราบอกพ่อแม่ว่า ถ้าไม่เลือกก้าวไกล ไม่ว่าจะปิดเทอมเล็ก เทอมใหญ่ ปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา ออกพรรษา จะไม่กลับบ้าน จะนอนเฝ้าโรงเรียนอยู่นี่แหละ...ครูสาวท่านหนึ่งมาอยู่เวรที่โรงเรียน”

ข้อความที่ได้เห็นเหล่านี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เริ่มแพร่กระจายอยู่ในสังคมโซเชียลมีเดีย โดยเชื่อว่าน่าจะมาจากกระแสพรรคการเมืองหนึ่งที่ปั่นให้คนรุ่นใหม่ ออกมาทำคลิปสั้นลง tiktok/reels ซึ่งมีเนื้อหาแบบที่ว่ามาข้างต้นซ้ำไปซ้ำมา

แน่นอนว่า หากมองว่านี่คือแคมเปญ มันก็คงมีผลต่อจิตใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่หัวใจบอบบาง และไม่อาจต้านทานสิ่งที่ลูกหลานกำลังหยิบมาต่อรองเป็นแน่แท้

โดยแคมเปญนี้ กำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้าไปก่อความสำเร็จทางการเมือง ด้วยกลยุทธ์ที่ต้องพูดตรงๆ ว่า ‘ต่ำทราม’ ที่สุดในประวัติศาสตร์หน้าการเมืองไทย

นั่นก็เพราะ...แม้สังคมไทยจะมีความขัดแย้งทางการเมืองมากขนาดไหน คนไทยจะชื่นชอบหรือฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด แต่ก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดี ว่าการเมืองคือการเมือง ครอบครัวคือครอบครัว เพื่อนฝูงและมิตรสหายก็คือคนที่ยากจะตัดขาด และหากจะขัดแย้งกันก็ยังอยู่ในบริบทของการเลือกข้าง ภายใต้ความชื่นชอบ เหมือนเชียร์ทีมฟุตบอลทีมโปรด

กลับกัน แคมเปญในลักษณะนี้ คือ ‘ความต่ำช้า’ ที่กำลังนำพาคนไทย ก้าวข้ามคำว่า ‘ชื่นชอบ’ ไปสู่การบังคับให้ ‘ชอบ’ และหากผู้ใดไม่ชอบ สิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดมา คือ ‘ศัตรู’ แม้ผู้นั้นจะเป็นคนที่คุณรักแค่ไหนก็ตาม

‘อดีตทูตนริศโรจน์’ ซัด!! อเมริกันฮีโร่ ผู้พิทักษ์แห่งความวิบัติ เตือน ‘ไทย’ สนามประลองกำลังผ่านการครอบงำคนรุ่นใหม่

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 66 นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา กล่าวถึงสถานการณ์ในเมืองไทย โดยเฉพาะกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง ว่ามีกระบวนการจากต่างชาติที่กำลังเดินเกมเพื่อให้ผลการเลือกตั้งเป็นไปอย่างที่ตนต้องการ ผ่านรายการ ‘แซ่บ หรอย อร่อย ลำ’ ว่า...

“เวลาดีเบตกันพรรคการเมืองและคนส่วนใหญ่จะไม่พูดถึงปัจจัยภายนอกที่เข้ามาแทรกแซง ซึ่งสำคัญมาก และผมมองว่าถ้ามีโอกาสก็อยากให้ไปดูคลิปของฝรั่งคนหนึ่งชื่อ ไบรอัน เบอร์เลติก เขาเคยเป็นทหารทหารอเมริกัน และผมเคยได้พูดคุยกับเขา โดย ไบรอัน เป็นคนพูดเอง ว่ามีกระบวนการนี้อยู่ เรียกว่าถ้าเป็นคนไทยด้วยกันเองพูด ก็ไม่เชื่อหรอก ต้องให้ฝรั่งมาพูด”

นายนริศโรจน์ กล่าวต่อว่า “ไบรอัน พูดว่า การเมืองไทยถูกแทรกแซง มีต่างชาติ มหาอำนาจพยายามเข้ามาแทรกแซง และเข้ามาชี้นำ เพื่อให้ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามผลประโยชน์ที่ตัวเองต้องการ อันนี้ฝรั่งก็รู้ นักการเมืองระหว่างประเทศก็รู้ แต่ว่าเด็ก ๆ ไม่รู้ เด็ก ๆ กลายเป็นเครื่องมือ”

พร้อมได้ยกตัวอย่างเสริมว่า “ตอนที่เกิดเหตุวุ่นวายที่ฮ่องกง ที่เขาเรียกว่า ‘ฮ่องกงโมเดล’ เด็ก ๆ ที่นั่นก็เหมือนตอนนี้ ถูกปั่นหัว ซึ่งเด็กฮ่องกง (ตัวปั่น) ในยุคนั้น ต้องถูกจีนใช้ไม้แข็ง จนบางคนต้องลี้ภัยกันไปหมด เพราะป่วนกันจนเด็ก ๆ ถึงขั้นร้องเพลงชาติสหรัฐฯ โบกธงสหรัฐ เพื่อต้องการให้สหรัฐฯ เข้ามาปลดปล่อยฮ่องกง”

นายนริศโรจน์ ได้ตั้งคำถามต่อกับประเด็นนี้ด้วยว่า “แล้วคิดว่าเป็นไปได้หรือ ที่จีนจะยอม ขนาดไต้หวันจีนยังไม่ยอมเลย คือจีนเขาถือเรื่องอธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญ ทุกประเทศก็เช่นกัน มันก็เหมือนกับถ้ามีใครไปบอกว่าให้ Texas แยกตัวออกมาจากสหรัฐฯ ซะ คุณคิดว่าคนอเมริกันจะคิดยังไง บทบาทของตำรวจโลก ที่ไม่ได้สร้างความชอบธรรม มันก็ยิ่งจะทำให้เกิดการแบ่งแยก และสงครามมันก็จะเกิดขึ้นตามมา”

นายนริศโรจน์ เล่าย้อนไปว่า “สมัยภัยคอมมิวนิสต์น่ากลัวมาก คอมมิวนิสต์ถูกว่าภาพเป็นปีศาจ แต่โลกมันผกผัน จากปีศาจที่เราเคยกลัว กลายเป็นไม่น่ากลัวเท่ากับ American Hero หรือ Super Marvel ต่าง ๆ ที่แสดงตัวว่าฉันคือผู้พิทักษ์โลก แต่อย่าลืมว่า ผู้พิทักษ์โลก เขาไปที่ไหนก็พินาศที่นั่น”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top