Monday, 23 June 2025
POLITICS NEWS

‘ชัยวุฒิ’ เผย พปชร. ไม่คุยชง ‘บิ๊กป้อม’ ชิงนายกฯ ยัน!! ไร้สัญญาณ ‘พรรคร่วมรัฐบาลเดิม’ เสนอชื่อแข่ง

(18 ก.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตของรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง วันที่ 19 ก.ค.นี้ ว่า ต้องถามทางพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. มีชื่อชิงแคนดิเดตนายกฯ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบประเด็นดังกล่าว แต่ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยกันปั่นกระแส แต่ยืนยันว่าพรรค พปชร. ยังไม่มีการคุยเรื่องดังกล่าว

เมื่อถามยํ้าว่า มีสัญญาณว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะเสนอชื่อนายกฯ แข่งหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไรทั้งสิ้น โนคอมเมนต์

เมื่อถามว่า มองข้อบังคับการประชุมสภาข้อ 41 การลงมติเลือกนายกฯ สามารถเสนอชื่อซ้ำได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตรงนี้เป็นเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งต้องให้ทางรัฐสภาเป็นผู้ตัดสิน พรรค พปชร.ยังไม่มีความเห็นในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยจะเป็นแนวทางที่ดีของพรรค พปชร.หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แล้วตอนนี้ยังไม่เกิด ขอให้เกิดก่อนแล้วกัน 

เมื่อถามยํ้าว่า ส่วนตัวคิดอย่างไรกับนายเศรษฐา นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย ได้ติดต่อมาหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า “ไม่ได้โทรหาผม” 

เมื่อถามย้ำว่า ได้โทรหาพล.อ.ประวิตร หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า “ไม่ทราบ ต้องไปถามพล.อ.ประวิตร ” 

‘ก้าวไกล’ ชงแก้ กม. 2 ชุด ‘ปฏิรูปกองทัพ-ปิดช่องทุนผูกขาด’   หวัง ส.ส. ทุกพรรคเห็นพ้อง แก้ปัญหาที่กดทับประชาชน

(18 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา ส.ส. พรรคก้าวไกล นำโดย พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศ จำนวน 2 ชุด รวม 7 ฉบับ ได้แก่ ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ 5 ฉบับ และ ชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด 2 ฉบับ โดยมีตัวแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับเอกสาร

พริษฐ์ กล่าวว่า สาเหตุของการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลคือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีการเมืองที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม มีระบบการบริหารราชการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ และมีสังคมที่เท่าเทียมและโอบรับความหลากหลาย เริ่มต้นจากการผลักดันนโยบายที่พรรคก้าวไกลได้ให้สัญญากับประชาชนในการเลือกตั้ง ผ่านสองกลไกสำคัญคือ กลไกฝ่ายบริหารและกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ

แม้การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายผ่านกลไกฝ่ายบริหารยังไม่แล้วเสร็จ แต่พรรคก้าวไกลเราพร้อมเดินหน้าในการใช้กลไกนิติบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนนโยบายทันที ผ่านการเสนอชุดกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนและของประเทศ

ปัจจุบัน พรรคก้าวไกลได้เตรียม ‘ชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ’ ไว้ทั้งหมด 14 ชุด โดยวันนี้เป็นการยื่นร่างกฎหมาย 2 ชุดแรก รวมกันทั้งหมด 7 ฉบับ

ได้แก่ ชุดที่หนึ่ง ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ (Demilitarize) จำนวน 5 ฉบับ เพื่อทำให้กองทัพมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ประกอบด้วย
(1) ร่าง พ.ร.บ. รับราชการทหาร เพื่อยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติ และเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ 100%
(2) ร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อตัดอำนาจสภากลาโหม ให้พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ
(3) ร่าง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสเรื่องภาระค่าใช้จ่ายและเงินนอกงบประมาณทั้งหมดของรัฐ
(4) ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิก พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
(5) ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ

ชุดที่สอง ชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด (Demonopolize) จำนวน 2 ฉบับ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม และยกระดับขีดความสามารถของเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย
(1) ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต หรือร่าง ‘สุราก้าวหน้า’ เพื่อปลดล็อกการผลิตสุราของผู้ผลิตรายย่อยและสุราชุมชน
(2) ร่าง พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า เพื่อสร้างกติกาแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ปฏิรูปคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า และออกกฎ ‘คนฮั้ววงแตก’ ในการป้องกันการฮั้วประมูลของบางบริษัทที่ร่วมมือกันผูกขาดหรือลดการแข่งขัน

ส่วนชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศอีก 12 ชุด ที่พรรคก้าวไกลจะยื่นต่อสภาฯ หลังจากนี้ ประกอบด้วย ชุดกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น, ชุดกฎหมายปฏิรูประบบราชการ, ชุดกฎหมายป้องกันการทุจริต, ชุดกฎหมายยกระดับบริการสาธารณะ, ชุดกฎหมายปฏิรูปที่ดิน, ชุดกฎหมายคุ้มครองสิทธิแรงงาน, ชุดกฎหมายรักษาสิ่งแวดล้อม, ชุดกฎหมายปฏิรูประบบภาษี, ชุดกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ, ชุดกฎหมายโอบรับความหลากหลาย, ชุดกฎหมายยุติความขัดแย้ง และชุดกฎหมายแก้รัฐธรรมนูญ

พรรคก้าวไกลเชื่อว่าหากได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ชุดกฎหมายดังกล่าวจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่าประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม เป็นไปได้ โดยมีจุดเริ่มต้นที่สภาผู้แทนราษฎร

เปิดเซฟ 'จักรกฤษณ์ ทองศรี' ส.ส.ภูมิใจไทย พบข้อมูลถือครองหุ้นไอทีวี 4 หมื่นหุ้น

(18 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน อดีต ส.ส.หลายราย หลังพ้นจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้นั้น ล่าสุดพบข้อมูลว่า นายจักรกฤษณ์ ทองศรี อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ปัจจุบันได้รับเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566

ซึ่งนายจักรกฤษณ์ พร้อมด้วย น.ส.ศุภจิรา ทองศรี คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 84,427,312 บาท ไม่มีหนี้สิน โดยแบ่งเป็นทรัพย์สินนายจักรกฤษณ์ 80,031,205 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝาก 32,211,174 บาท เงินลงทุน 16,632,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 12,500,000 บาท ที่ดิน 7,600,000 บาท เป็นต้น ส่วนทรัพย์สินคู่สมรส 4,178,135 บาท และทรัพย์สินบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 217,9714 บาท

ทั้งนี้ ที่น่าสนใจคือ ทรัพย์สินในส่วนของเงินลงทุน นายจักรกฤษณ์ แจ้งว่ามีเงินลงทุน 2 รายการ คือ หุ้นไอทีวี จำนวน 40,000 หน่วย แจ้งมูลค่า 0.00 บาท และหุ้น PF จำนวน 41,580,000 หน่วย มูลค่า 16,632,000 บาท

อย่างไรก็ตาม นายจักรกฤษณ์ ทองศรี มีศักดิ์เป็นหลานของนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

‘อุ๊งอิ๊ง’ ชี้!! ‘เศรษฐา’ ตัวเลือกที่ดีที่สุด หาก ‘พิธา’ ชวดตำแหน่งนายกฯ โหวตรอบ 2

(18 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า หากโหวตนายกฯ รอบ 2 คะแนนไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็เป็นหน้าที่พรรคเพื่อไทย ว่า นายพิธา คงพูดไปตามระบบ แต่ขอให้ทำให้เต็มที่ก่อนในวันที่ 19 ก.ค. ยืนยันพรรคเพื่อไทย สนับสนุน แต่ที่สุดแล้วผลจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู

เมื่อถามว่า หากที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย มองว่าการเสนอนายพิธา เป็นญัตติซ้ำขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ 41 อาจจะทำให้ต้องเสนอชื่ออื่น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่เราเตรียมการ คือ การโหวตให้นายพิธา แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 19 ก.ค. กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ต้องคุยกันก่อน

ถามว่า ในส่วนของแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน ได้พูดคุยกันบ้างหรือไม่ หากถึงเวลาพรรคเพื่อไทยต้องเสนอชื่อแคนดิเดต จะเป็นใคร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน อันนี้เป็นที่ชัดเจน แต่เราทำไปทีละขั้น”

ซักว่า หากนายกฯ เป็นนายเศรษฐาแล้ว น.ส.แพทองธาร จะรับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดในส่วนของตัวเองไว้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรแคนดิเดตทั้ง 3 คนจะช่วยกันทำงาน ตอนนี้ที่กำลังเสนอชื่อนายพิธา เราก็ทำงานด้วยกันทั้ง 3 คน และทุกคนในพรรคยืนยันไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรก็ช่วยกันได้แน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย ไม่สนับสนุนนายเศรษฐา น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเป็นการตกลงกันในพรรค ตนไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน แต่ตนสนับสนุนนายเศรษฐา

“ตอนนี้ประเทศชาติไม่ง่าย เพราะฉะนั้นเราคิดว่าตัวเลือกที่สุดกับประเทศ ณ ตอนนี้ คือคุณเศรษฐา ที่จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจ ถ้าพรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้เราก็ทำงานร่วมดันในการช่วยประเทศชาติ ทั้งนี้หากเป็นหัวหน้ารัฐบาลและต้องเลือกจากเรา เราก็มองว่าคือคุณเศรษฐา” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ถามย้ำว่า หากเป็นชื่อนายเศรษฐา จะพูดคุยกับส.ส.ได้ทั้งหมดหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้แน่นอน เพราะตนสนับสนุนอยู่เต็มที่ และตนก็มองตัวเองด้วยว่าเราพร้อมแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรหากถึงเวลาต้องลุยตนมีทีมที่ดี แต่ตอนนี้หากเป็นไปได้ก็มองว่านายเศรษฐา เป็นคนที่สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที และตนก็จะเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ว่ามีตรงไหนที่พัฒนาตัวเองได้ก็เป็นเรื่องดี

เมื่อถามว่า ท่าที ส.ว. หากยกมือสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วม และกก.บห.คุยกันอีกดัน ตนไม่มีหน้าที่ตอบ และเราจะทำไปทีละขั้นตอน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายและความไม่สบายใจของประชาชนด้วย

ซักว่า หาก ส.ว. ไม่เอา พรรคก้าวไกล เป็นไปได้หรือไม่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะไม่มีพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้กก.บห.พูดคุยกันก่อน เรื่องนี้มันอ่อนไหวมาก หากพูดอะไรออกไป ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบแบบนั้น และยังไม่ได้วางฉากทัศน์แบบนั้น

ถามว่า กรณีที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ยอมรับมีการพูดกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้มีการเทียบเชิญร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ได้มีการพูดคุยกับตน

เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นไปได้หรือไม่หากการโหวตชื่อนายเศรษฐา แล้วพรรคชาติไทยพัฒนา มีความชัดเจนที่จะไม่เอาพรรคแก้ ม.112 น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ต้องโฟกัสว่าเราจะจัดตั้งรัฐบาลให้ประชาชนได้เมื่อไร เพราะประเทศชาติต้องไปต่อได้แล้ว แต่เข้าใจว่ากฎกติกาไม่ปกติมีกับดักมากเราต้องผ่านตรงนี้ และโฟกัสที่ประเทศชาติกับประชาชนว่าเราจะพัฒนาต่อไปอย่างไร เพื่อให้ต่างชาติมีความมั่นใจและเข้ามาลงทุน

เมื่อถามอีกว่า หากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะออกหน้าประสานหาเสียงสนับสนุนเองหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงต้องดูตัวเลขเป็นหลัก เพราะหากไม่ถึง 376 ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ หากคิดว่าตนมีประโยชน์ตรงไหนตนก็พร้อมช่วย แต่ถึงอย่างไรวันพรุ่งนี้เราก็เต็มที่ในการโหวตให้กับนายพิธา ก็ขอให้มองทีละขั้นเนื่องจากไม่ทราบจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

ถามถึงกรณีกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย กว่า 30 คน ไปพูดคุยกับกลุ่มรัฐบาลเดิม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดเรื่องงูเห่านั้นไม่ใช่ แต่ไม่ทราบเรื่องตื้นลึกหนาบางว่าคุยอะไรกันไว้บ้าง แต่จากการพูดคุยส.ส.ในพรรคมันไม่ใช่แบบนั้น และมั่นใจในตัวส.ส.พรรคเพื่อไทย

‘พิธา’ ลั่น!! เป็นฝ่ายค้านก็พร้อม และทำประโยชน์ให้ ปชช. ได้เยอะเหมือนกัน

(18 ก.ค. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในรายการ Suthichai Live โดยบางช่วงบางตอนได้ระบุว่า…

"ผมได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ใจคอจะผลักผมไปเป็นฝ่ายค้านเลยหรือ แต่ถ้าคุณคิดว่าไม่สนใจ ไม่เห็นหัวประชาชนเลย เลือกมาเป็นอันดับ 1 ก็ยังให้เป็นฝ่ายค้าน ผมก็พร้อม ผมเชื่อว่าเป็นฝ่ายค้านก็ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้เยอะ"

‘ดร.สุวินัย’ มอง ‘กุนซือก้าวไกล’ เดินเกม ‘ยอมหักไม่ยอมงอ’ เชื่อ!! มี ‘พิมพ์เขียว’ ในใจ ถึงยอมสละ ‘พิธา’ ไม่ได้นั่งนายกฯ

(18 ก.ค. 66) สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ในหัวข้อ ยุทธศาสตร์การปฏิวัติ : ที่พรรค ‘ปฏิวัติประชาน’ จะหยิบมาใช้ โดยระบุว่า…

ตอนนี้ ผมมองข้ามช็อตไปหลายก้าวแล้ว คือมองว่า ‘กุนซือก้าวไกล’ กำลังวางแผนอะไร กำลังคิดอะไรกันแน่ในอีก 4 ปี 8 ปีข้างหน้า ถึงขนาดเดินหมาก ‘ยอมหักไม่ยอมงอ’ เรื่องการผลักดันแก้ ม.112 โดยยอมสละ ‘เบี้ยพิธา’ ไม่ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เก้าอี้นี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม

การที่ ‘กุนซือก้าวไกล’ วางแผนอย่างลึกซึ้งถึงขั้นเลือดเย็นแบบนี้ ย่อมมีเหตุผลเดียวเท่านั้น คือพวกเขามี ‘พิมพ์เขียว’ ของยุทธศาสตร์การปฏิวัติประชาชน เพื่อล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบัน อยู่ในหัวแล้วนั่นเอง

นักยุทธศาสตร์ได้จำแนก ‘ยุทธศาสตร์การปฏิวัติ’ จากมุมมองของนโยบายทางทหาร ออกเป็น 8 วิธี ดังต่อไปนี้

(1) ยุทธศาสตร์การกบฏแบบดั้งเดิม
-ใช้กองกำลังติดอาวุธขนาดเล็กในการกบฏ
-ยุทธวิธีที่ใช้คือเข้าโจมตียึดคลังอาวุธเพื่อแจกจ่ายให้มวลชนที่ต้องการเข้าร่วมการกบฏ
-เข้ายึดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
-ตั้งด่านกีดขวางเพื่อปิดถนนในเมืองใหญ่ ขัดขวางการเคลื่อนตัวของกองกำลังฝ่ายรัฐ

(2) ยุทธศาสตร์การกบฏโดยการประท้วงหยุดงานทั้งประเทศ
- มุ่งทำลายรัฐผ่านการเคลื่อนไหวโดยประชาชนจำนวนมากเพียงครั้งเดียว
- ต้องรอให้เกิดการแตกแยกภายในอำนาจรัฐของชนชั้นปกครองด้วย

(3) ยุทธศาสตร์การก่อการร้ายที่ต้องการให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
- เน้นการลอบสังหารบุคคลสำคัญโดยองค์กรลับ
- มุ่งสร้างความหวาดกลัวในหมู่ศัตรู และต้องการให้ศัตรูโต้ตอบด้วยกำลังหรือความรุนแรง

(4) ยุทธศาสตร์การกบฏของพวกคอมมิวนิสต์
-ให้ความสำคัญที่สุดกับการจัดตั้ง ‘พรรคแนวหน้า’ (Vanguard Party) เพื่อปลุกระดมมวลชนให้มีจิตสำนึกปฏิวัติที่ต้องการล้มล้างการปกครอง ผ่านการให้การศึกษาทุกช่องทาง
-จัดตั้งองค์กรทางการเมืองและทางการของภาคประชาชน
-ยุยงให้ทหารระดับล่างแปรพักตร์มาอยู่ฝั่งผู้ก่อกบฏ

(5) ยุทธศาสตร์สงครามประชาชนยืดเยื้อ
- ตามแนวทางของเหมาเจ๋อตุง ที่ใช้ชนบทล้อมเมือง
- ต่อสู้ด้วยสงครามจรยุทธ์หรือสงครามกองโจรเป็นหลัก

(6) ยุทธศาสตร์การรัฐประหาร
- การทำรัฐประหารส่วนมากเกิดจากการ ‘ฉกฉวยโอกาส’ มากกว่าเป็นการวางแผนยุทธศาสตร์การปฏิวัติ
- การรัฐประหารเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีมากระหว่างคณะปฏิวัติกับกองกำลังอื่น ๆ ในประเทศ มาเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ

(7) ยุทธศาสตร์ชนะการเมืองเลือกตั้งแบบติดอาวุธ
- ก่อนอื่นมุ่งยึดอำนาจรัฐส่วนหนึ่ง ผ่านวิธีทางกฎหมายโดยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายก่อน
- เมื่อมั่นใจว่าได้มวลชนขนาดใหญ่มากพอแล้ว จึงเอาไปรวมกับทรัพยากรของกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายตน เพื่อปฏิวัติประชานชน ยึดอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จในที่สุด

(8) ยุทธศาสตร์สงครามปฏิวัติแบบผสม (Hybrid Revolutionary Warfare)
- ยุทธศาสตร์นี้ยึดการสู้รบทุกรูปแบบ มาผสมผสานกัน ผ่านการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย, การเคลื่อนไหวประท้วงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และการเคลื่อนไหวประท้วงเรื่องการศึกษา เป็นต้น
- โดยมีเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่การมี ‘กองกำลังทหาร’ เป็นของตัวเอง โดยพัฒนามาจากการจัดตั้ง ‘กองกำลังกองโจร’ ที่ทำหน้าที่ป่วนเมืองมาก่อน

อ่านแล้ว ท่านผู้อ่านตกผลึกหรือยังว่า ตอนนี้ พรรคปฏิวัติประชาชน อย่างพรรคก้าวไกล กำลังใช้ยุทธศาสตร์การกบฏแบบไหน ในการขับเคลื่อนขบวนการปฏิวัติประชาชนของพวกเขา ?

ผมสรุปให้อีกครั้งก็ได้ว่า…

ยุทธศาสตร์การกบฏของพรรคปฏิวัติประชาชนนั้น จะมีเป้าหมายเพื่อทำให้สถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้นจนรัฐบาลคุมไม่อยู่ 

จะได้โค่นล้มเอาชนะรัฐบาล ยึดอำนาจรัฐใน ‘การต่อสู้ครั้งสุดท้าย’ ได้ด้วย ‘กองกำลังกองโจร’ ของฝ่ายตน ที่พัฒนาไปเป็น ‘กองทัพประจำการ’ ของฝ่ายตนได้สำเร็จ

หรือไม่ก็ต้องใช้ ‘กองกำลังต่างชาติ’ ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

~ สุวินัย ภรณวลัย 
Suvinai Pornavalai

‘บิ๊กแดง’ ปัดตอบ ปมภาพบินไปลังกาวี พบ ‘ทักษิณ’ หลุดว่อน ยัน!! แค่ไปหารือแนวทางแก้ปัญหากลุ่มก่อความไม่สงบฯ ในภาคใต้

(18 ก.ค. 66) แหล่งข่าวจากกองทัพ ระบุถึง การเดินทาง พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมคณะของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.ไป เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 5-7 พ.ค. 2566 และถูกโยงว่ามีการพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดีลลับการเมืองก่อนเลือกตั้งว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ทางการเมือง และไม่ได้ไปพบเจอ อดีตนายกฯ ตามที่มีข่าวปรากฏในโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด แต่ไปเพื่อพบปะกับ แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่มีการนัดหมายไว้ ว่า ต้องการพบเพื่อคลี่คลายปัญหา และสนับสนุนให้การเจรจาเดินหน้าไปได้ด้วยดี

โดยเป็นการประสานในการเปิด ช่องทางการติดต่อสื่อสาร อีกช่องทางหนึ่ง สำหรับการประสานงานในการแก้ปัญหา อีกทั้งในขณะนี้ การดำเนินการของคณะพูดคุยฯ ชะลอ ออกไป เพราะทางกลุ่มเคลื่อนไหว รอมีรัฐบาลใหม่ก่อน

ส่วนกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ เดินทางไปด้วยนั้นเนื่องจาก พล.อ.อภิรัชต์ สนใจติดตามแก้ปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้ มาเพราะสมัยเป็นพันเอก ก็ลงไปอยู่ชายแดนใต้ และมีสายข่าวอยู่ในฝั่งมาเลเซีย และเมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. เคยเดินทางไป อาเจะห์ ศึกษาแนวทางการแก้ปัญหา  และยังคงติดตามสถานการณ์ มาตลอด แต่ไม่ได้เปิดเผย เพราะมีหน่วยงานที่มีหน้าที่ทำงานอยู่  แต่มันเป็น คอนเนคชั่นส่วนตัว ที่ทำให้ประสานพูดคุยกันได้ จะได้รู้ความต้องการของเขา และทางออกในการแก้ปัญหา

สำหรับ พล.อ.เฉลิมพล คอยติดตามการแก้ปัญหาชายแดนใต้มาตลอดเช่นกัน ทำงานร่วมกับพล.อ.อภิรัชต์ มา ที่ผ่านมาก็ทั้งการลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยม และสนับสนุนอุปกรณ์พิเศษ ให้กองกำลังชายแดนในการทำงาน

“คาดว่าคงมีคนพยายามที่จะเชื่อมโยง กับการเมือง เพราะที่ผ่านมา มีการปล่อยข่าวลือ พาดพิง พล.อ.อภิรัชต์ มาตลอด แต่ พล.อ.อภิรัชต์ ก็เลือกที่จะนิ่ง ไม่ชี้แจง ตอบโต้ แต่การที่ไม่ได้ชี้แจง ไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องจริง เพราะอยู่ในสถานภาพที่ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวใดๆ ทางการเมือง ขออย่าโยง” แหล่งข่าวใกล้ชิดในกองทัพ ระบุ

‘พีระพันธุ์’ ยัน!! ไม่ส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯ แข่ง ในรอบ 2 ย้ำจุดยืน!! ไม่หนุนพรรค ‘แก้ ม.112 - แบ่งแยกการปกครอง’

(18 ก.ค. 66) นายพีระพันธุ์​ สาลีรัฐวิภาค​ เลขาธิการ​นายก​รัฐมนตรี​ ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga’ ยันยืน​ แนวทางโหวตนายกรัฐมนตรี​ โดยมีข้อความระบุว่า​

ผมขออนุญาตเรียนยืนยันแนวทางและนโบายของ รทสช. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คือ 1.ไม่เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ รทสช. ทั้งสองคน เรายืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับแนวทางการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่จะทำให้เกิดผลเสียหายต่อบ้านเมือง

2.เราจะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายหรือแนวทางการทำงานที่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 การแบ่งแยกการปกครอง การล้มล้างสถาบันครอบครัว ระบบการศึกษา วัฒนธรรมประเพณีที่ดี และสถาบันหลักทั้งสามของชาติ อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมือง

รทสช. มั่นคง ชัดเจน ตรงไปตรงมา เหมือนเดิมครับ

‘สหรัฐฯ’ เผยความกังวลต่อสถานการณ์ระบบ กม.ไทย หลัง ‘พิธา-ก้าวไกล’ ส่อโดนเชือดจนอาจชวดเก้าอี้นายกฯ

(18 ก.ค. 66) สหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในระบบกฎหมายของไทย จากความเห็นของนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (17 ก.ค.) หลังมีคำร้อง 2 คดีแยกกัน เล่นงานเอาผิดกับหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่คว้าเก้าอี้ได้มากที่สุดในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐสภาของไทยกำลังเตรียมการสำหรับลงมติรอบ 2 ในวันพุธ (19 ก.ค.) ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หัวก้าวหน้า จะได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ในการโหวตรอบแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ความพยายามของนายพิธา ซึ่งต้องการดึงทหารออกจากการเมืองและขุดรากถอนโคนธุรกิจผูกขาด เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ถูกตีตกโดยวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพ ตามหลังรัฐประหารปี 2014

ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แทบไม่ส่งเสียงใดๆ เลย เกี่ยวกับสถานการณ์หลังการเลือกตั้งในไทย พันธมิตรทหารเก่าแก่ในภูมิภาคหนึ่งๆ ซึ่งวอชิงตันมีความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของจีน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อถูกถามระหว่างแถลงสรุปประจำวันเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย นายมิลเลอร์ ตอบว่า วอชิงตันไม่มีผลลัพธ์ที่ชอบในศึกเลือกตั้งของไทย แต่สนับสนุนกระบวนการหนึ่งที่สะท้อนเจตนารมณ์ของคนไทย

“เราจับตาสถานการณ์หลังการเลือกตั้งใกล้ชิดอย่างมาก ในนั้นรวมถึงพัฒนาการเมื่อเร็วๆ นี้ในระบบกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล” มิลเลอร์ กล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญของไทยรับคำร้องวินิจฉัยนายพิธา และพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับแผนแก้กฎหมายที่ห้ามหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันเบื้องสูง นอกจากนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งยังยื่นคำร้องต่อศาลเดียวกัน ให้พิจารณาคุณสมบัติของนายพิธา เกี่ยวกับการถือครองหุ้นในบริษัทสื่อมวลชนแห่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้ง 2 คดี ก่อความกังวลว่าศาลอาจชี้ว่านายพิธา ขาดคุณสมบัติสำหรับดำรงตำแหน่งหรือยุบพรรคก้าวไกล แบบเดียวกับครั้งที่พรรคอนาคตใหม่โดนในปี 2020

เมื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้เหล่านี้ นายมิลเลอร์ กล่าวว่า “ผมไม่ขอคาดเดาว่าเราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เน้นย้ำว่าสถานการณ์เมื่อเร็วๆ นี้มีความน่ากังวล” 

‘ส.ส.จุลพันธ์’ ให้กำลังใจ ‘แสนดี’ เผย ไม่ควรตัดสินการเห็นต่างว่าถูกหรือผิด วอนสังคม ‘หยุดใช้คำหยาบคาย-คุกคามสภาพทางกาย’ ชี้!! เป็นสิ่งที่ไม่ควร

(18 ก.ค. 66) จากกรณีที่ ‘แสนดี แสนปิติ สิทธิพันธุ์’ บุตรชายนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ออกมาเขียนวิจารณ์พรรคก้าวไกล และต่อมาได้ขอโทษไปแล้วนั้น

ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความให้กำลังใจนายแสนดี โดยมีใจความว่า “เป็นกำลังใจให้น้องแสนดีครับ การแสดงความเห็นไม่ควรถูกตัดสินว่าถูกหรือผิด แต่มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างสร้างสรรค์การที่ใครจะแสดงความเห็นแย้งเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่การคุกคามด้วยถ้อยคำหยาบคายและกระทบถึงสภาพทางกายน้องเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง

หากเคยคุยกับ อ.ชัชชาติเรื่องลูก จะทราบว่าครอบครัวนี้ผ่านอะไรมาเยอะมาก กว่าจะมาถึงวันนี้ซึ่งไม่ง่ายเลย อยากให้สังคมให้โอกาสน้องคนนึง หยุดพฤติกรรมทำลายผู้เห็นต่าง เปิดโอกาสให้เสียงในสังคมที่มีความแตกต่างได้พูดได้คิดบ้าง แล้วเราจะเข้าใกล้ ปชต.ที่สมบูรณ์ที่ทุกคนฝันไปอีกนิด อีกนิด”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top