Monday, 16 June 2025
POLITICS NEWS

‘นายกฯ’ เผยเลือก ‘หนองบัวลำภู’ พิกัด ‘ครม.สัญจร’ นัดแรก ชี้!! เป็นจังหวัดที่มีรายได้น้อยที่สุดและถูกละเลยมายาวนาน

(4 ธ.ค. 66) ที่โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ จ.หนองบัวลำภู นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2566 นัดแรก พร้อมกล่าวก่อนเริ่มการประชุมว่า เหตุผลที่เลือก จ.หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดแรกในการประชุม ครม.สัญจร เนื่องจากต้องการให้ประชาชนในพื้นที่มีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ดินทำกิน ปัญหาภาคการเกษตร

“ขอให้มั่นใจว่าพวกเราไม่ได้สร้างภาพอะไร แต่ที่นี่เป็นจังหวัดที่ประชากรมีรายได้น้อยที่สุดในประเทศ พี่น้องประชาชนใน อ.สุวรรณคูหา ไม่ใช่เพิ่งประสบปัญหานี้ แต่ประสบปัญหากันมานานเป็นชั่วอายุคน แต่ไม่มีใครสนใจที่จะยกระดับชีวิตของพวกเขา” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอาหารที่ทาง จ.หนองบัวลำภูจัดเตรียมให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบด้วย น้ำพริกลงเรือ ผัดเห็ดหอมกุ้งสด ลาบปลาคังโนนสัง แกงปลาช่อนนาใส่ดอกแค ขณะที่อาหารคาวและอาหารหวาน ประกอบด้วย ลอดช่องกะทิแตงไทย เมี่ยงคำลำภู สังขยาข้าวเหนียวดำ ส่วนผลไม้ คือ แก้วมังกร ฝรั่งกิมจู และกล้วยหอมทอง

'ต้อม-ยุทธเลิศ' อัปเดต!! บทหนัง 1410 เวอร์ใหม่!! โครงเรื่องเปลี่ยน!! มุ่งเจาะ 'ตั๋วปารีส-ม็อบต้มตุ๋น'

หลังจาก ‘เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาชักชวนให้ประชาชน ร่วมกันแจ้งความผู้กำกับดัง ที่ขอเงินระดมทำหนัง แต่ก็เงียบหายไปนั้น 

ต่อมา ทาง ‘ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค’ ผู้กำกับหนังคนดัง ได้แจ้งความคืบหน้าผ่าน instagram baddirector.nmg ดังนี้...

นี่คือหนังที่ ‘สัตว์เลี้ยง’ ของพรรคก้าวไกลพูดถึงและพยายามปั่นมาให้กลบข่าวแพ้คดีของตัวเอง ดีเลยจะได้ถือโอกาสนี้อัปเดตในทีเดียว

ครั้งแรกหนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอุบายรวมมวลชนไปสบทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นนักเรียนนักศึกษาที่สนามหลวงเพื่อดูหนังผ่านมือถือ 

แต่เมื่อม็อบถูกสลายได้อย่างเบ็ดเสร็จ โครงเรื่องที่แต่แรกจะเล่าเรื่องแกนนำของนักเรียนนักศึกษา จึงเปลี่ยนไป 

ตัวดำเนินเรื่องจะเปลี่ยนเป็นเรื่องราวของศิลปินหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ศิลปินหนุ่มผู้ถูกเชิญไปพบกับท่อน้ำเลี้ยงของขบวนการล้มเจ้าที่มีอยู่จริงที่ฝรั่งเศส

ใช่ครับ Base on @headache_stencil 's True story ตีแผ่ขบวนการล้มเจ้าและขบวนการตุ๋นม็อบที่มาในนาม #บุ๊ง18มงกุฎ #นนท์ต้มตุ๋น และแม่ยกแซนเจริญ อย่างถึงแก่น 

สถานการณ์โครงการตอนนี้คือ เตรียมเรื่องเสนอ งบจากฝ่ายความมั่นคงของประเทศไทย

*โครงการนี้ไม่เคยเปิดรับบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัวเหมือนมิจฉาชีพหลายคนในม็อบทำกัน แต่โครงการเปิดรับในลักษณะของผู้ร่วมลงทุนผ่านบัญชีบริษัท และบริษัทได้ปิดรับการโอนแต่ตั้งแต่มีเรื่องขัดแย้งกับมิจฉาชีพในม็อบ เป็นกลุ่มผู้อ้างตัวเองว่าเป็นเจ้าของม็อบราษฎร โครงการจึงปิดรับนายทุนไป แต่ครั้งนั้นระดมทุนได้ ล้านกว่าภายในเวลาเพียง 1 อาทิตย์ (จินตนาการถึงยอดเงินของพวกมิจฉาชีพที่จนปัจจุบันยังไม่ยอมเปิดเผยยอดบัญชีออกกันรึเปล่า?) หลังจากปิดรับเงิน ผู้กำกับก็เปิดวอร์ใช้กฎหมายไล่เช็กบิลพวกตุ๋นม็อบทีละคนทีละ จนถึงปัจจุบัน

*สำหรับใครที่เคยโอน แล้วต้องการเงินกลับ แจ้งแสดงหลักฐานได้ที่ทวิตเตอร์ ผู้กำกับเลว ได้ตลอดเวลา

‘อนุทิน’ ย้ำ!! ดีเดย์เปิดสถานบันเทิง ถึงตี 4 คาด!! เริ่ม 15 ธันวาคมนี้ นำร่อง 5 จังหวัด

(4 ธ.ค.66) ที่โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ จ.หนองบัวลำภู นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการเปิดผับถึงเวลา 04.00 น. ในพื้นที่ 5 จังหวัดนำร่อง (กทม. ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย) จะเริ่มในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ หรือไม่ ว่า ทางกระทรวงมหาดไทย (มท.) ส่งร่างประกาศต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนรายละเอียดต่างๆ ต้องไปถามอธิบดีกรมการปกครอง

ด้าน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า คาดว่าการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ใน 5 จังหวัดดังกล่าวจะสามารถเปิดได้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ตามนโยบายรัฐบาล

‘นายกฯ’ ปลื้ม!! โชว์ผ้ามัดหมี่สีชมพูทอชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ของขวัญจากกลุ่มแม่บ้านโนนสูง จ.หนองบัวลำภู

(4 ธ.ค. 66) ที่ โรงแรมณัฐพงศ์แกรนด์ อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2566 ครั้งแรกที่ จ.หนองบัวลำภู ที่ห้องประชุมโรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุม

ครม.สัญจร ครั้งแรก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นายกฯ และครม.ได้สวมเสื้อผ้าขิดสลับหมี่ ลายบัวลุ่มภู ซึ่งเป็นลายประจำจังหวัดหนองบัวลำภู สอดคล้องกับคำขวัญของจังหวัด ‘ดินแดนแห่งอารยธรรม ธรรมชาติรายล้อม ผ้าไหมงดงามตา’ 

นอกจากนี้ทางจังหวัดได้เตรียมผ้าพันคอมัดหมี่ลายขอประยุกต์สีน้ำตาล ย้อมจากเปลือกมะพร้าวและหมักลงโคลนสระบัวหลวง ผลิตโดยกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านกุดดู่ ให้นายกฯ ด้วย

เมื่อมาถึงนายกฯ ได้เดินมาหาสื่อมวลชน พร้อมนำผ้าทอมัดหมี่สีชมพูเข้มทอเป็นชื่อและนามสกุลของนายกรัฐมนตรี ที่ทางจังหวัดมอบให้เป็นที่ระลึก มาโชว์สื่อมวลชน ซึ่งเป็นผ้าจากกลุ่มแม่บ้านโนนสูง ต.บ้านถิ่น อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ที่ต้องใช้เวลาทอประมาณ 1 เดือน เพราะใช้ 40 กว่าหมี่ ความยาว 7 เมตร โดยจะนำผ้าดังกล่าวไปตัดเป็นเสื้อ ขณะที่นายกฯ ระบุว่า อยากจะซื้อตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. แต่ความยาวแค่ 2 เมตร

นอกจากนั้นทางกลุ่มแม่บ้านฯ ยังได้ทอผ้าอีกหนึ่งผืน เพื่อเตรียมมอบให้กับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ โดยทอเป็นชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง ชินวัตร’ โดยจะมอบให้ ในช่วงบ่ายที่จะลงพื้นที่ร่วมกับนายกฯ

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมนิทรรศการ ณ บริเวณหน้าห้องประชุม ภาพรวมการดำเนินงานของจังหวัดหนองบัวลำภู ได้แก่ เกษตรเพิ่มมูลค่า จังหวัดสีขาว เมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว เทคโนโลยีระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการความร่วมมือพัฒนาระบบการให้ความรู้ทางการเงินและมาตรการแก้ปัญหาหนี้รายย่อย

ก่อนที่เวลา 09.50 น. นายกรัฐมนตรี ถ่ายภาพร่วมกับคณะรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน 1 และผู้แทนภาครัฐ ณ ห้องประชุม โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ หนองบัวลำภู

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ บรรดา ครม.ต่างสวมเสื้อผ้าขิตสลับหมี่ สีชมพู เข้าร่วมประชุม อย่างพร้อมเพรียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผ้าทอมัดหมี่ที่กลุ่มแม่บ้านแม่บ้านโนนสูง ต.บ้านถิ่น อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู นำมามอบให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึกนั้น นายกฯ ได้จ่ายเงินส่วนตัวเพื่อซื้อผ้าผืนดังกล่าวในราคา 7,000 บาท เพื่อ เป็นกำลังใจให้กับกลุ่มแม่บ้าน

ศึก ปชป. 'มาดามเดียร์' & 'ชัยชนะ เดชเดโช' ตัวแปรล้มสูตรเต็ง 'นราพัฒน์-เดชอิศม์'

อ่านข่าวของ THE STATES TIMES วันที่ 2 ธ.ค.2566 ซึ่งย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว 2 ธ.ค.2551 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรคการเมือง คือ พลังประชาชน, มัชฌิมาธิปไตย และชาติไทย อันเนื่องจากปมทุจริตแล้วก็อยากจะขอต่อยอดสักเล็กน้อยว่า...

ทันทีที่มีการยุบ 3 พรรคการเมืองส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ จากพรรคพลังประชาชนหลุดจากเก้าอี้ ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมกันหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขับไล่นายสมชายยุติการชุมนุมลงในวันรุ่งขึ้นคือ 3 ธ.ค.

หลังจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ประกาศ 'มันจบแล้วครับนาย' แยกทางกับทักษิณไปร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ ได้เก้าอี้ รมว.มหาดไทยและคมนาคม ใหญ่คับประเทศ...

ส่วนฝ่ายมิตรฯ ทั้งแกนนำฯ แกนตาม 98 คนถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย-กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจรฯ วันที่ 18 ธ.ค.2566 นี้ศาลจะตัดสินคดีชุดแรก 31 คน  นำโดย 'สนธิ-จำลอง' และใครต่อใครหน้าเดิมๆ ทั้งที่ติดคุกคดีชุมนุมคดีอื่นมาแล้วและจ่อจะติดคุกติดตะรางกันอีกหลายคน...

แต่พื้นที่ที่เหลือ...จากนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' จะขอไฮไลต์ศึกชิงเจ้าสำนักพระแม่ธรณี...หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ในวันที่ 9 ธ.ค. หลังจากล่มมาแล้วสองครั้งเมื่อเดือน ก.ค. และ ส.ค. สาเหตุหลักคือความขัดแย้งทำให้องค์ประชุมไม่ครบ...

ทำให้ที่ประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรควันก่อนจึงมีมติแก้ข้อบังคับให้ตั้ง สมาชิกองค์ประชุมสำรอง 150 คน จาก 5ภาคๆ ละ 30 คน...องค์ประชุมขาดเท่าไหร่ก็จะใช้องค์ประชุมสำรองเติมเข้าไป รับรองไม่ล่มแน่...

ส่วนกติกาการโหวตเลือกอื่นๆ ก็เหมือนเดิม ประการสำคัญคือใช้ระบบ 70:30 หมายถึงน้ำหนักโหวตของสส.25 คนจะคิดเป็น 70% โหวตเตอร์ที่เหลืออีก 200 กว่าคน น้ำหนัก 30% เทียบบัญญัติไตรยางศ์ดูแล้ว 1 โหวตของ สส.จะเท่ากับ 25โหวตของคนอื่นๆ...

ชัดเจนว่า...ใครคุมเสียง สส.มากกว่าก็ชนะ...ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง คุมอยู่ 21 เสียง อีกฝั่งหนึ่ง 'ชวน-จุรินทร์' คุมอยู่ 4 เสียงเท่านั้น...

เช่นนั้นแล้ว...ทำไม 'มาดามเดียร์' วทันยา บุนนาค เธอจึงกล้าออกมาแข่งขันชิงชัย...แน่นอนข่าวยืนยันว่า 4 เสียงของผู้อาวุโส คือ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ  บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, สรรเพชร์ บุญญามณี ต่างหนุนมาดามเดียร์...

แต่ที่มากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิดก็คือ...ฝั่งนี้ได้ทาบทาม 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ให้มาร่วมทัพ ถ้ามาดามเดียร์ชนะก็รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคไปครอง...ซึ่งสูตรนี้ ทำให้ ชัยชนะ หวั่นไหวไม่น้อยทีเดียว...

'เดอะแทน' มีสส.ในมือที่นครศรีธรรมราช 6 คน หาเพิ่มอีก 2-3 คน ไปรวมกับ 4 เสียง ก็จะกลายเป็น 12-13 เสียงสูสีดู๋ดี๋กับฝั่งเฉลิมชัยที่ชูสูตร หัวหน้า-นราพัฒน์ แก้วทอง & เลขา-เดชอิศม์ ขาวทอง

อย่างไรก็ตาม...ด่านแรกของมาดามเดียร์ที่จะต้องฝ่าข้ามคือ ปัญหาคุณสมบัติที่เธอเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ถึง 5 ปีลงสมัครไม่ได้ ยกเว้นขอให้ที่ประชุมยอมงดใช้ข้อบังคับ...ถ้าที่ประชุมไม่ยอมก็จบข่าว..ถ้ายอมเธอก็ได้สู้ แต่ถ้าจะให้ได้ลุ้นก็อยู่ที่ 'เดอะแทน' ยอมที่จะแหกก๊วน 'เฉลิมชัย-เดชอิศม์' ออกมาหรือไม่..

ส่วนสูตรที่ยุให้ 'เฉลิมชัย' กลับคำพูดมารับตำแหน่งเสียเองกอบกู้พรรค เขาบอกว่ายาก แต่ก็ห้ามกะพริบตา!!

‘มาดามเดียร์’ ปลื้ม!! ผลสำรวจนิด้าโพล ชี้!! เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป

‘มาดามเดียร์’ ร่วมเป็นกรรมการตัดสินประกวด ‘Policy Hackathon’ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมพบตัวแทนสาขาพรรคฯ เน้นย้ำความตั้งใจลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออนาคตของพรรคและประเทศ ขอบคุณหลังผลนิด้าโพลประชาชนยกให้เหมาะสมเป็นหัวหน้าคนต่อไป

(3 ธ.ค. 66) ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางร่วมกิจกรรมเป็นกรรมการตัดสินกิจกรรม การประกวดนโยบาย Policy Hackathon ในงาน ‘มหกรรมสิงห์วิชาการ ครั้งที่ 9’ ซึ่งจัดโดยสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ในโอกาสนี้ น.ส.วทันยา ยังได้พบปะตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ประจำจังหวัด และสมาชิก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากหลายจังหวัด เพื่ออธิบายถึงความตั้งใจในการประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 และแนวทางในการทำงานเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์และความศรัทธาของพรรค ให้ได้รับการยอมรับและเป็นที่ไว้ใจให้กับประชาชนอีกครั้ง รวมถึงยังได้มีการแลกเปลี่ยนรับฟังถึงปัญหาและความต้องการจากตัวแทนสาขาพรรค เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมต่อไป

โดยในการพูดคุยตัวแทนสาขาพรรค มีความเห็นพ้องร่วมกันว่าอยากให้ น.ส.วทันยา ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทั้งด้านธุรกิจและด้านการเมือง จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถฟื้นฟูและนำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้อีกครั้ง

ขณะที่ น.ส.วทันยา ได้กล่าวย้ำถึงความตั้งใจที่เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ และชวนทุกคนมาร่วมสร้างพรรคการเมืองให้เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมในทุกมิติของพรรค

นอกจากนี้ น.ส.วทันยา ยังได้กล่าวถึงผลสำรวจของนิด้าโพล ที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าตนมีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพความตั้งใจของตน ที่ได้เสนอตัวต่อพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

‘นายกฯ’ เปิดยุทธศาสคร์ 5 เสาหลัก-5 กลยุทธ์ แก้ปัญหายาเสพติด พร้อมชู ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ป้องกันการเกิดเหตุสลดซ้ำรอยเดิม

(3 ธ.ค. 66) ณ ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ทุกกระทรวง เดินทางตรวจติดตาม ผลการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นภารกิจแรก ตามโครงการ ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 พื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายไชยา พรหมา รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทุกกระทรวง ร่วมงาน ทั้งนี้ มีผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และประชาชนกว่า 8,000 คนให้การต้อนรับ

โดยพอถึงพื้นที่ นายกรัฐมนตรีและคณะได้สักการะศาลหลักเมืองพระไชยเชษฐาธิราช เยี่ยมผู้ป่วยจิตเวช และให้กำลังใจ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาล มินิธัญญรักษ์ จากนั้นบวงสรวงอนุสาวรีย์ ทสปช. ให้โอวาทเจ้าหน้าที่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และเยี่ยมชมบูธผลการดำเนินการป้องกันปัญหายาเสพติด

สำหรับจุดต้อนรับ ครม.สัญจร ซึ่งจะมีการนำเสนอผลการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดดังกล่าว สืบเนื่องจากต้นเดือน ต.ค. 2565 ได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรม ตำรวจคลั่งใช้อาวุธปืน และมีด ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาล ครูพี่เลี้ยง และชาวบ้าน เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยสาเหตุจากยาเสพติด

เหตุการณ์ดังกล่าว จึงเป็นกรณีศึกษา และเป็นที่มาให้ทุกภาคส่วน ดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อสู่การเป็นจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการร่วมมือ ร่วมใจของภาคีเครือข่าย ในพื้นที่ ต.หนองบัวลำภู จนกระทั่งประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม และได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2566 และต่อมาได้รับการคัดเลือกเป็นสถานที่ต้อนรับ ครม.สัญจร ครั้งทึ่ 1 ภายใต้คอนเซ็ปต์ 3 ก. แก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหายาเสพติด และแก้ปัญหาสารพิษ ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ในครั้งนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวทางการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ในส่วนของ จ.หนองบัวลำภู ที่ประสบผลสำเร็จ สู่การเป็นหนองบัวลำภูโมเดล โดย ศอ.ปส.แห่งชาติ ได้กำหนดให้ จ.หนองบัวลำภู เป็นต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติด จัดการยาเสพติดแบบครบวงจรนั้น จากการรายงานทราบว่า ความสำเร็จเกิดจากผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 5 เสาหลัก และ 5 กลยุทธ์

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า สำหรับเสาหลักที่ 1 คือ ยึดหลักปฏิบัติหลักการพัฒนายั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เสาหลักที่ 2 ต้องสร้างทีมงานที่ดีทุกระดับชั้น เสาหลักที่ 3 จัดตั้งชุดปฏิบัติการ ‘คุ้ม’ เสาหลักที่ 4 มีการบันทึกข้อมูลส่วนบุคลผู้เสพ ผู้ป่วยจิตเวช เพื่อหาแรงจูงใจทำให้ผู้เสพเลิกยาเสพติดอย่างถาวร และเสาหลักที่ 5 มาตรการชุมชนมีส่วนร่วม หรือชุมชนบำบัด

นายเศรษฐากล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะใช้ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักแล้ว ยังใช้มาตรการ 5 กลยุทธ์ คือกลยุทธ์ที่ 1 ต้องใช้ ‘ใจ’ นำการทุ่มเทปฏิบัติงาน กลยุทธ์ที่ 2 ต้องใช้หลัก ‘เมตตากรุณา’ ต่อผู้ป่วยจิตเวช ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดและครอบครัว กลยุทธ์ที่ 3 ‘แยกปลาออกจากน้ำ’ เน้นแก้ไขปัญหาผู้ป่วยจิตเวช ที่มีอาการอาละวาดรุนแรงทำร้ายตนเอง และบุคคลใกล้ตัว กลยุทธ์ที่ 4 เน้น ‘Work Hard & Work & Smart’ และกลยุทธ์ที่ 5 การปฏิบัติต้องมุ่ง งานสำเร็จ มิใช่แค่งานสำเร็จ ทั้งนี้ ขอชื่นทุกภาคส่วน ในจ.หนองบัวลำภู ที่ร่วมด้วยช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ และเป็นต้นแบบจังหวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ดังกล่าว

ด้านนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักและ 5 กลยุทธ์ดังกล่าว ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญ ในการไขคำตอบแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการเฝ้าระวัง เข้มงวดกวดขัน ควบคู่กับการบำบัดฟื้นฟู ส่งเสริมสร้างอาชีพ เป็นคนดีสู่สังคม และไม่ย้อนกลับไปมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก

โดยในส่วนของการบำบัดฟื้นฟูนั้น ได้ดำเนินการจัดตั้งมินิธัญญารักษ์ ที่ รพ.สุวรรณคูหา มีการคัดกรองผู้เสพผู้ติดยา ผู้มีอาการทางจิต ขยายศูนย์คัดกรองครอบคลุมทั้ง 6 โรงพยาบาล 83 รพ.สต. จัดตั้งและขยายศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมครอบคลุม 68 อปท. และโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามยุทธศาสตร์ชาติ 2566 ทั้งนี้มีผู้ร่วมโครงการ 2,126 ราย

‘เทพไท’ เผย ‘ลุงตู่’ ลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม ปิดฉากทางการเมืองไทย พร้อมขึ้นหิ้งสู่ ‘องคมนตรี’

(3 ธ.ค. 66) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ‘เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง’ ดังนี้…

ลุงตู่ ลงจากหลังเสือ อย่างสง่างาม

หลังจากผมได้โพสต์เพลง ‘สดุดีลุงตู่’ ในสื่อโซเชียลช่องยูทูปได้ไม่นาน ปรากฏว่า มียอดผู้เข้าชม 1 แสนคนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และรวมจากสื่อทุกช่องทาง มียอดผู้เข้าชมนับล้านวิว ในเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กระแสความนิยมในตัวลุงตู่ ยังมีอยู่ไม่น้อย ไม่ได้ลดต่ำลงไปเลย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้นำประเทศ ซึ่งมาจากการรัฐประหาร ผ่านการเลือกตั้ง เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสุดท้ายได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เป็น ‘องคมนตรี’ ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด

การได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ของพลเอกประยุทธ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นการวางมือทางการเมืองแบบเด็ดขาด ถือได้ว่าได้ก้าวลงจากตำแหน่งแบบสง่างามหรือสมูทที่สุด

ก่อนหน้านี้ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อลงจากตำแหน่ง หรือที่เรียกกันว่าลงจากหลังเสือ อาจจะถูกเสือแว้งกัดได้ แต่กรณีของลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ได้ลงจากตำแหน่งอย่างมีเกียรติ และส่งไม้ต่อให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากขั้วอำนาจใหม่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ นับว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ ที่รัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่เปลี่ยนผ่านอำนาจ ส่งมอบงานกันอย่างมีไมตรีต่อกัน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว ปิดฉากทางการเมืองอย่างเป็นทางการ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘ขึ้นอยู่บนหิ้ง’ แล้ว คงไม่ลงมาเกลือกกลั้วกับการเมืองอีกแน่นอน

ผมขอแสดงความชื่นชมยินดีกับตำแหน่งองคมนตรีของลุงตู่อีกครั้งหนึ่ง หวังว่าท่านคงได้นำความรู้ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติต่อไป

‘นายกฯ’ ขอบคุณสังคมไทยทุกภาคส่วน เปิดใจให้โอกาสคนพิการ ฟาก รบ.ยัน!! มุ่งมั่นให้ความสำคัญทุกกลุ่ม ภายใต้สวัสดิการแห่งรัฐ

(3 ธ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเนื่องในวันคนพิการสากล ประจำปี 2566 ว่า…

3 ธันวาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันนี้เป็น ‘วันคนพิการสากล’ (International day of persons with disability) เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในปัญหาความทุพพลภาพ และระดมการสนับสนุน เพื่อศักดิ์ศรี สิทธิ และสวัสดิภาพของคนพิการ โดยในปี 2566 นี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดประเด็นหลัก คือ ‘รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ’ (United in action to rescue and achieve the SDGs for, with and by persons with disabilities)

นายกฯ กล่าวว่า ตัวเลขจากรายงานสถานการณ์คนพิการในประเทศไทย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตอกย้ำความเปราะบางสถานการณ์คนพิการของไทย ที่มีอุปสรรคนอกเหนือความสามารถในการใช้ชีวิตอิสระแล้ว ยังถูกซ้อนทับด้วยความสามารถในการเข้าถึงการศึกษา และมีความเป็นอยู่ยากลำบากขึ้นในสภาวะความสูงอายุ โดยมีปัจจัยหลักมาจากปัญหาความยากจน คนพิการในประเทศไทยจำนวน 2.2 ล้านคน เป็นผู้พิการในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี 1.29 ล้านคน หรือเกินครึ่ง และมีคนพิการที่จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาจำนวน 1.4 ล้านคน ซึ่งเกินครึ่งอีกเช่นกัน ส่วนคนพิการในวัยแรงงาน 860,000 คน ได้รับการจ้างงานที่ 54,000 คน จากสถานประกอบการ 2 หมื่นแห่ง

ขอบคุณประชาชน สถานประกอบการ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ที่ให้โอกาสคนพิการ ได้แสดงศักยภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ให้เขาเหล่านั้นได้ร่วมเป็นพลังสร้างเศรษฐกิจ ผลักดันประเทศไทยไปข้างหน้า ไม่ต่างจากเรา ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ และ “สวัสดิการโดยรัฐ” ที่เราพยายามทำอย่างยิ่งคือการจัดสวัสดิการตั้งแต่ต้นตอ คือการสร้างรายได้ให้คนไทยทุกคน ลดรายจ่ายภาครัฐ ใช้ทรัพยากรที่จำกัดยิงศรให้ตรงเป้า ให้ได้ผลเท่าทวีคูณ ซึ่งหวังผลสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ขจัดความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่มากลง สร้างสังคมที่หยิบยื่นโอกาสอย่างเท่าเทียม

“เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ (Leave no one behind)”

‘เพจดัง’ แฉ!! ‘สส.ก้าวไกล’ อ้างชื่อ กมธ.แรงงาน หาผลประโยชน์ สร้างซีนหล่อให้ ‘พิธา’ ประสานช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 66 เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ภาพหนังสือคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เรื่องร้องเรียนพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของนายสุเทพ อู่อ้น กรณีแรงงานไทยในอิสราเอล โดยมีเนื้อหาสรุปว่า ได้สอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า นายสุเทพ อู่อ้น ดำรงตำแหน่งรองประธาน กมธ.แรงงาน คนที่ 2 แต่การกระทำดังกล่าวของนายสุเทพ เป็นการกระทำส่วนบุคคล มิได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการ หรือเป็นไปตามที่ที่ประชุมมอบหมายแต่อย่างใด

โดยระบุว่า ทุกคนคะ กรณีคุณพิธาได้โพสต์ลงโซเชียล มอบหมายให้ สส.สุเทพ อู่อ้น อดีต กมธ.แรงงาน เป็นผู้ประสานงาน ‘กรณีช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล’

คุณสุเทพได้ติดต่อกับผู้ประสานงานคนไทย และสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งอนุกรรมาธิการหรือให้รางวัล เพื่อต้องการได้ข้อมูลจากผู้ประสานงานไปให้คุณพิธา

ทีมงานเพจได้สอบถามไปทาง กมธ.แรงงาน พบว่า เรื่องที่คุณพิธาและคุณสุเทพดำเนินการต่างๆ ‘เป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่ได้มีส่วนและอำนาจหน้าที่ของ กมธ. แต่อย่างใด’

หนูขอประกาศว่า หากท่านใดถูกแอบอ้างหรือสัญญาว่าจะให้จากบุคคลทั้ง 2 แจ้งร้องทุกข์มาที่เพจได้ค่ะ ทางเรายินดีช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่อาคารรัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ตัวแทนชมรมสันติประชาธรรม และคณะ เรื่อง ร้องเรียนพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ชุดที่ 25 กรณีแรงงานไทยในอิสราเอล

เนื่องจากอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ซึ่งเป็น สส.พรรคก้าวไกล และขณะนี้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะ กมธ.การแรงงาน คนที่ 2 ได้ติดต่อไปยังผู้ประสานงานแรงงานไทยในอิสราเอล และขอข้อมูลทั้งรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ โดยอ้างว่าจะนำไปหาทางช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่าได้มีการส่งมอบให้กับกระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ ผู้ประสานงานได้ขอร้องให้อดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงานทราบว่า อย่าโทรศัพท์หาแรงงานโดยตรง ให้ประสานผ่านผู้ประสานงาน เพื่อป้องกันการติดตามสัญญาณมือถือจากผู้ก่อการร้าย ที่อาจรู้พิกัดของแรงงานไทยได้ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามและได้มีการติดต่อไป จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตของแรงงานไทย อีกทั้งผู้ประสานงานยังพบว่าอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ได้นำข้อมูลของแรงงานไทยไปมอบให้อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น) เพื่อให้นำไปแจ้งต่อสื่อมวลชนว่าอดีตหัวหน้าพรรคเป็นผู้ประสานงานแรงงานไทย ทั้งที่แรงงานไทยไม่ได้รับการประสานงาน และให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด

นอกจากนี้ อดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ได้มีการเชิญชวนบุคคลภายนอก โดยอ้างว่าสามารถแต่งตั้งให้ผู้ประสานงานดำรงตำแหน่งอนุ กมธ.การแรงงานได้ ดังนั้น จึงขอให้นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกลไกรัฐสภาต่อไป

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า การกระทำของอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน เป็นการกระทำในนามส่วนตัว อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.การแรงงานได้ประสานกับกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับแรงงานไทยในอิสราเอลตั้งแต่เบื้องต้นแล้ว ส่วนการเชิญชวนบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคณะอนุ กมธ.นั้น คณะ กมธ.จะนำไปพิจารณาเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top