Sunday, 15 June 2025
POLITICS NEWS

‘ชัยธวัช’ เชื่อ!! คดีแก้ ม.112 ไม่ถึงขั้นยุบพรรค ชี้ ไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้

(20 ธ.ค.66) - นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการต่อสู้ในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล และพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง หลังมีความพยายามเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ฝ่ายกฎหมายได้เตรียมพร้อมและส่งเอกสารชี้แจงเพื่อประกอบการไต่สวน ในวันที่ 25 ธ.ค. นี้ เชื่อว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลไม่เป็นความผิดตามคำร้อง แต่ต้องรอและหวังว่าเมื่อไต่สวนแล้ว หากไม่มีการไต่สวนเพิ่ม คาดว่าศาลจะนัดวิจิจฉัยในช่วงปลายเดือน ม.ค. หรือ ต้น ก.พ.67

“ผมไม่กังวลว่าจะไปถึงการยุบพรรคเพราะคดีนี้เป็นการร้องให้ยุติการกระทำ ไม่สามารถไปไกลถึงเรื่องยุบพรรคได้ ทั้งนี้พรรคต่อสู้เต็มที่ และการเสนอร่างกฎหมายใดๆ ไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ เพราะกระบวนการทางนิติบัญญัติมีกรอบชัดเจนว่าไม่สามารถขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวย้ำด้วยว่า ในกระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้น สามารถเกิดได้ทั้งก่อนหรือหลังประกาศใช้ โดยศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการเสนอร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขกฎหมายใด ไม่เฉพาะมาตรา 112 เท่านั้น ซึ่งในกระบวนการทางนิติบัญญัติไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ด้วยตัวของร่างกฎหมายนั้นๆ

'เพจดัง' เผย!! แม่บ้านสภาถูกบีบให้ออกจากงาน หลังถ่ายรูปภายนอกห้องทำงาน 'ไอซ์ รักชนก'

(20 ธ.ค.66) เพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

#ทุกคนคะ แม่บ้านสภาถูกบีบให้ออกจากงานแล้วค่ะ 

แม่บ้านคนที่ถ่ายรูปภายนอกห้องทำงาน สส. ไอซ์ รักชนก ถูกกลุ่มอิทธิพลบีบบังคับให้เซ็นใบลาออก

หนูเสียใจมาก ไม่คิดว่าการให้แม่บ้านถ่ายรูปห้องทำงาน สส. ที่มาจากภาษีประชาชนจะส่งผลแบบนี้

พวกคุณจะกลัวอะไรคะ ถ้าไม่ได้ทำผิด แม่บ้านก็อายุ 65 ปีแล้ว จะไปทำอะไรพวกคุณได้ แถมคุกคาม ข่มขู่ เอาโทรศัพท์แม่บ้านไปหาข้อมูลอีก

ยังโชคดีที่ผู้ใหญ่ช่วยรับไปทำงานฝั่ง สว. รับไปทำงานเดือนหน้า แต่พรุ่งนี้หนูจะให้ทีมงานไปให้กำลังใจและช่วยค่าทำขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ นะคะ

สส. ก้าวไกล พวกคุณใช้อำนาจรังแกประชาชนแบบนี้ มีแต่เขาจะเกลียดพวกคุณ ไล่ออกไป 1 แต่มีนาตาชา อาสาเพิ่มอีกเป็น 10 

หนูขอประกาศสงครามกับพรรคก้าวไกลค่ะ

นอกจากนี้ ทางเพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' ยังได้โพสต์ตั้งข้อสังเกตห้องของ 'ไอซ์ รักชนก' อีกด้วยว่า...

#ทุกคนคะ หนูเห็น สส.ก้าวไกลหลายคน ถ่ายคลิปห้องทำงาน สส. ลง tiktok เป็นว่าเล่น ทั้งภายในและภายนอกห้องไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย

แล้วแม่บ้านแค่ถ่ายรูป ทำไม สส. ไอซ์ต้องให้ จนท. เปิดกล้องดู บีบแม่บ้านออกด้วยคะ ห้องคุณไอซ์มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นหรือคะ

‘นิรโทษกรรม’ ไม่ง่าย!! หาก ‘ก้าวไกล’ สอดแทรก 112 ‘พท.-รทสช.’ เดินหน้าปรองดอง แค่ไม่แตะสถาบันฯ

ว่าจะขยับเรื่อง 120 วันของนักโทษเทวดา ว่าจะเดินหน้าถอยหลังหรือออกข้างอย่างไร? แต่ขอขยักกั๊กไว้วันศุกร์สุดสัปดาห์ดีกว่า…

วันนี้ขอเคลียร์คัตชัดเจนเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ซักหน่อย!!

สรุปความตามท้องเรื่อง…เรื่องการนิรโทษกรรมมีการพูดถึงและเคลื่อนไหวกันอย่างกว้างขวางพอประมาณ แต่ในส่วนของการขับเคลื่อนที่จะให้เป็นจริงนั้นยังต้องรอดูของจริงกันต่อไป ในชั้นนี้พอจะสรุปได้ดังนี้…

1) พรรคก้าวไกล ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมาตั้งแต่สมัยประชุมที่แล้ว ชื่อ “ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองพ.ศ....” โดยร่างนี้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นหรือทำประชาพิจารณ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 เรียบร้อยแล้ว มีผู้เห็นด้วยเพียงร้อยละ 28.37 แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามที่จะนำไปบรรจุเป็นวาระการประชุม

ประเด็นที่มีเสียงคัดค้านร่างของพรรคก้าวไกลก็คือ การเปิดทางให้มีการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์-สถาบันฯ

2) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ยกร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ...เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับ 20 สส.ได้ลงชื่อแล้วด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับแก้ข้อความให้กระชับสมบูรณ์กว่าเดิม ทั้งนี้ร่างของพรรครทสช.มี 12 มาตรา นอกเหนือการนิรโทษกรรมให้กับความผิดอันเกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองแล้ว...จุดเน้นหนักคือ จะไม่นิรโทษกรรมกับ3 ความผิดคือ 1.คดีทุจริต 2.คดีความผิดตามมาตรา 112 และ 3.ความผิดอาญาร้ายแรงทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

กล่าวได้ว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลพรรค รทสช.กล้าหาญชาญชัยกว่าพรรคอื่นๆ ในการแสดงจุดยืนให้บ้านเดินหน้าปรองดองสมานฉันท์ โดยไม่ออกอาการ ‘แหยง’ จนออกอาการ ‘กั๊ก’ กับคำว่านิรโทษกรรม...แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพรรค รทสช.จะยื่นร่างในสมัยประชุมนี้เลยหรือชะลอเอาไว้ก่อน รอไปพร้อมกับขบวนใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาล

3) ในส่วนของพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทย เลือกหนทางให้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรม ในสมัยประชุมนี้นัยว่าเพื่อจะได้หาข้อสรุปเพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.ในสมัยประชุมหน้า (เดือน ก.ค.-ต.ค.2567) ซึ่งหากไม่มีข้อถกเถียงกันมากรัฐบาลอาจเสนอร่างกฎหมายในนาม ครม.หรือรัฐบาลเลยก็เป็นได้…

4) อย่างไรก็ตาม...เนื่องจากรัฐบาลแทบจะไม่มีกฎหมายเสนอต่อสภาฯ นอกจากกฎหมายใหญ่อย่างร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีฯ 2567 ดังนั้นร่างกฎหมายที่รอคิวการพิจารณาส่วนใหญ่จะเป็นร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล เช่น ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เป็นต้น...ทำให้ขณะนี้วิปฝ่ายรัฐบาลบางส่วนรู้สึกเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายค้าน หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับก้าวไกลถึงคิวการประชุมสมัยนี้ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลไม่มีร่างกฎหมายประกบ ซึ่งหนทางเดียวก็คือ ต้องคว่ำร่าง พ.ร.บ.ของพรรคก้าวไกล...อันจะมีทั้งผลดีและผลเสีย…

กรณีดังกล่าว เสียงข้างน้อยในวิปรัฐบาล จึงอยากให้มีการเสนอร่างนิรโทษประกบเอาไว้แบบเผื่อเหลือเผื่อขาด ถ้าไม่ทันสมัยประชุมนี้ ก็ไม่มีอะไรเสียหายประมาณนั้น...

ดังที่ได้วิสัชนามา...ก็พอจะสรุปได้ว่า...การนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ก็พอจะเห็นแสงสว่างอยู่ วิบๆ วับๆ...ไม่เจิดจ้าแจ่มชัดเหมือนเส้นทางสู่คุกนอกเรือนจำอันหรูหราก่อนที่จะถึงวันเวลาพักโทษปลายเดือน ก.พ.ของชายไทยวัย 74 ที่อยู่ชั้น 14 มาจะครบ 4 เดือนในอีกวันสองวันนี้

สวัสดีประเทศไทย

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

‘ขบวนการล้มเจ้า’ มักชอบอ้างวาทกรรมกากกลวง ‘ด่า = แสดงความคิดเห็น’ ดิ้นสุดฤทธิ์ให้ตนพ้นผิด

ผมค่อนข้างรังเกียจชุดความคิดที่ว่า “แค่แสดงความคิดเห็นธรรมดาก็ต้องถูกดำเนินคดี 112” ผมคิดว่าไม่ใช่แค่ประเทศไทย ทุกประเทศที่มีกฎหมายทั่วโลกย่อมจะไม่จับใครดำเนินคดีเพียงแค่การแสดงความคิดเห็นธรรมดา

กลุ่มคนที่พยายาม ‘กระดิกหางรับลูกกัน’ พ่นชุดความคิดที่แสนบิดเบี้ยวนี้ก็มาจากพรรคการเมืองที่คิดล้มสถาบันเป็นแกนหลัก รวมหัวกับบรรดา ‘ด้อมดาวน์ซินโดรม’ ทั้งหลายที่ไร้สติปัญญาแยกแยะถูกผิด มีสมองกลั่นกรองผิดชอบชั่วดีได้อย่างเชื่องช้า หลงมอมเมากับความผิดเพี้ยนชนิดกู่ไม่กลับ ถือเป็นฉากหนึ่งในความน่าอดสูของสังคมไทยในยุคสมัยนี้จริง ๆ 

พูดให้เข้าใจกันง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้าน สำหรับคนธรรมดาแบบผม แบบคุณ กฎหมายหมิ่นประมาทมีไว้ปกป้องคนที่ถูกรังแก ถูกดูหมิ่น ดูแคลน ถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือใส่ความฉันใด กฎหมายมาตรา 112 ก็มีไว้ปกป้องสถาบัน และพระมหากษัตริย์ฉันนั้น การไปโพสต์เฟซบุ๊กด่าใครเสีย ๆ หาย ๆ ถือเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา แม้เป็นเรื่องจริงก็ยังผิด ถ้าไม่จริงก็จะยิ่งผิดมหันต์ และต้องชดใช้ในสิ่งที่ไปทำร้ายคนอื่นมากสักแค่ไหนถึงจะสาสม 

การไปโพสต์ด่าทอพระมหากษัตริย์ ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง หรือแม้แต่การแชร์ข้อความใส่ร้าย กัดเซาะ คิดร้ายต่อสถาบันต่อ ๆ กันไป ก็เข้าข่ายผิด 112 เพราะไม่ใช่ ‘การแสดงความคิดเห็น’ แบบปกติธรรมดาอย่าง ‘วิญญูชน’ เขาทำกัน แต่คือการมุ่งร้าย เห็นถึงเจตนาชั่วในตัวตน เรื่องแบบนี้คนที่มี ‘สำนึกแห่งมนุษย์’ ย่อมรับรู้และแยกแยะได้ในทันที แต่สำหรับคนที่ ‘จิตใจใฝ่เลว’ จงใจทำผิด 112 คอยหมิ่นหยามกฎหมายอย่างท้าทาย แต่พอโดนคดีเข้าก็รีบใช้วาทกรรมว่าเป็นเพียง ‘การแสดงความคิดเห็น’ พยายามดิ้นกันสุดชีวิตให้ล้ม 112 หรือพากัน ‘ซุกหาง’ เดินคอตกพร้อมตีหน้าเศร้ามาขอ ‘นิรโทษกรรม’ ในคดี 112 ที่ตนเองก่อไว้ 

คนที่ติดคุกเพราะโดน 112 ในประวัติศาสตร์ชาติไทยไม่เคยมีใครถูกรังแก มีแต่ไปทำร้าย ด่าทอพระมหากษัตริย์ก่อน และคนเหล่านี้ไม่เคยเข็ดหลาบ ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวออกมาก็ควรจะสำนึก กลับตัวกลับใจ แต่ที่เห็นก็ยังเดินหน้าทำผิดซ้ำในเรื่องเดิม ๆ เหมือนคนที่มีความชั่วฝังลึกในกะโหลก 

ไปดูสิ ทำไมคนไทยอีกค่อนประเทศถึงไม่มีใครเดือดร้อนเพราะ 112 ไม่เคยไปคิดล้มล้าง ทำลาย หรือต้องไปเหนื่อยขอ ‘นิรโทษกรรม’ ในคดีเช่นนี้ ก็เพราะคนเหล่านี้คือคนที่มี ‘จิตใจปกติ’ ไอ้ที่มันจ้องแต่ ‘จะล้มจะข้ามจะขอ’ ให้ตัวเองรอด มันก็พวกที่คิดแต่จะทำเลวทรามกับแผ่นดินทั้งนั้น 

มีดีสักตัวที่ไหนกัน!!

‘สว.อุปกิต’ ลุยฟ้อง ‘โรม’ หมิ่นประมาทอีกคดี เรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน ยัน!! ถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้ฟ้องปิดปาก พร้อมเอาผิดคนใส่ร้ายถึงที่สุด

(19 ธ.ค. 66) ที่ศาลอาญา รัชดาฯ ห้องพิจารณาคดี 910 ศาลนัดฟังคำสั่ง คดีหมายเลขดำที่ อ1743/2566 ที่นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภาฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท เป็นคดีที่ 2 โดยศาลมีคำสั่งให้คดีมีมูล ประทับรับฟ้อง อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายรังสิมันต์ ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยมอบหมายทนายความมาฟังคำสั่งศาลและศาลนัดสอบคำให้การ/ตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 12 ก.พ. 2567 เวลา 09.00 น.

นายอุปกิต กล่าวว่า ได้ฟ้องร้องนายรังสิมันต์ รวม 3 คดี โดยคดีแรกฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 10 ต.ค. และสืบพยานจำเลย วันที่ 11 ต.ค. 2567 คดีที่สองเรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท ซึ่งศาลก็รับฟ้อง ส่วนอีกคดีฟ้องต่อศาลแพ่ง ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท และยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว

“ขอเรียกร้องไปยังนายรังสิมันต์ว่า เมื่อถึงคราวที่ตัวเองตกเป็นจำเลย ก็ควรเปิดโอกาสให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่ ไม่ควรด้อยค่า สร้างกระแสว่าเป็นการฟ้องปิดปาก” นายอุปกิต ระบุ

‘เศรษฐา’ เล็งหนุนกฎหมายสมรสเท่าเทียมเต็มที่

(19 ธ.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ (X) ว่า…

“ผมเชื่อว่าความรักไม่มีนิยามตายตัว เราทุกคนมีสิทธิรักใครสักคนหนึ่งในฐานะ ‘มนุษย์คนหนึ่งรักมนุษย์อีกคน’ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องใดทั้งสิ้น กฎหมายนี้จะทำให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถหมั้น และสมรสกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้มีสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชายและหญิง

เรื่องสมรสเท่าเทียม ไม่ใช่การทำให้ความรักของคนสองคนถูกกฎหมาย แต่เราให้ความสำคัญกับเรื่องของสิทธิ และเสรีภาพในการแต่งงานของคนรักกันที่ควรได้รับเหมือนกันทุกคน

วันนี้เรามีความก้าวหน้าไปอีกขั้น ในการเสนอร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งจะบรรจุเข้าพิจารณาวาระที่ 1 วันที่ 21 ธ.ค.นี้แล้ว” 

'นายกฯ' กำชับ 'ท่องเที่ยว' ทำงานเชิงรุก เพิ่มมิติการท่องเที่ยวไทย พร้อมเชิญ 'กัมพูชา-ลาว-เวียดนาม' ถกกระตุ้นท่องเที่ยวระดับภูมิภาค

(19 ธ.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุม ครม.ได้สั่งการให้ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเจ้าภาพใหญ่ในการเชิญประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจากประเทศกัมพูชา. ลาว, เวียดนาม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ โดยที่เราเป็นเจ้าภาพหลัก และตนจะเจอ ‘ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม’ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ซึ่งตนจะถามด้วยว่ามาเลเซียสนใจหรือไม่?

พร้อมกันนี้ นายกฯ ยังได้สั่งการให้ รมว.ท่องเที่ยวฯ จัดการทำงานในหลายๆ เรื่อง ทั้งการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลการตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยวให้ดูแลความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยว และสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย รวมถึง กทม.ให้ความสำคัญดูแลเรื่องความสะอาด ดูแลห้องน้ำให้เพียงพอกับนักท่องเที่ยว และยังได้สั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับสำนักงานประกอบธุรกิจประกัน ให้ดูแลทำประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนครอบคลุมการเสียชีวิต ชดเชยไม่เกิน 1 ล้านบาท กรณีอุบัติเหตุชดเชยตามจริงแต่ไม่เกิน 5 แสนบาท รวมทั้งหารือกับกระทรวงสาธารณสุขจัดระเบียบด้านสาธารณสุขและประกันสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยว หากมีความจำเป็นต้องใช้งบกลางให้เร่งเสนอตามขั้นตอนตามความต้องการ

นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เรียกประชุมและมอบนโยบายให้กับหน่วยงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทั้ง 30 แห่งทั่วประเทศทำงานเชิงรุก ให้ความรู้ช่วยกันโฆษณาประเทศไทยดีอย่างไรควรจะมาท่องเที่ยวอย่างไร

นายกฯ กล่าวอีกด้วยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมดูพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่เคยคุยกันไว้จะให้มาทำเป็นศูนย์แสดงสินค้าโอทอป เพราะไปดูที่ญี่ปุ่นได้ไอเดียมาเยอะ จะได้เร่งจัดการกันไป 

‘ดร.เสรี’ ฟาด!! 'ไอซ์ รักชนก' หยุดสร้างวาทกรรมให้ตัวเองไม่ผิด ชี้!! ประเด็นสำคัญคือการ ‘จาบจ้วง’ สถาบันฯ ด้วย ‘ความเท็จ’

(19 ธ.ค.66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ปากดี ไม่สำนึก สร้างวาทกรรมว่าตัวเองไม่ผิด แต่การบังคับใช้กฎหมายผิด ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแก้ข้อกล่าวหาใด ๆ

อ้างว่าไม่ควรติดคุกเพราะการแสดงความคิดเห็น ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่โพสต์ไม่ใช่แสดงความคิดเห็นแต่เป็นการหมิ่นประมาท

นอกจากนั้นยังแสดงท่าทีข่มขู่อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มันเป็นความผิดอาญาด้านความมั่นคง

คุณจะล้มเจ้าได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่คุณจาบจ้วงล่วงละเมิดเพื่อสั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความเท็จ

อย่าคิดว่าประชาชนจนไม่รู้เจตนาของคุณเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์คืออะไร

ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนนี้ รักชนก ศรีนอก หรือ ไอซ์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ถูกศาลอาญา รัชดา พิพากษาจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัว ด้วยหลักทรัพย์ 500,000 บาท ได้เผยแพร่คลิปตัวเองในประเด็นล้มเจ้า

‘คนรักก้าวไกล’ เจอเองกับตัว ‘สส.กทม.’ ใช้พวงหรีดวนๆ ส่งตัวแทนวางพวงหรีดเก่าๆ หมองๆ วันเผามาขอเก็บกลับ

(18 ธ.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ภาพอินโฟกราฟิกหัวข้อ ‘ชาวบ้านเอือม สส. กทม. วนหรีด ไม่ให้เกียรติกัน’ โดยมีลูกเพจส่งข้อความและภาพระบุว่า "ได้ยินเรื่องก้าวไกลใช้พวงหรีดวนมาตั้งนานจนเจอกับตัว คุณปู่เสีย สส. ส่งตัวแทนเอาพวงหรีดมาให้ เป็นพวงหรีดกระดาษหมองนิด ๆ น่าจะผ่าน การใช้งานมาแล้วบ้าง (รึเปล่า) และตัวแทน เค้าฝากบอกว่า "บอกเจ้าหน้าที่วัดด้วย เดี๋ยววันเผามาเก็บกลับนะ"

วันเผา มีตัวแทนพรรค 2 คน มาเก็บกลับไป จริง ๆ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ติดลาแขกอยู่ตลอด วันสวดศพไม่มีมางาน มีแต่ตัวแทนมา ตัวแทนจริงรึเปล่าไม่รู้ แต่เด็กมันบอกเป็นตัวแทน

ลูกหลานคุณปู่ที่เคยชอบก้าวไกลมาก ด่ายับเลย ในสายตาพวกเค้า มันเป็นการไม่ให้เกียรติกันแบบสุด ๆ ในงานมีแขกผู้ใหญ่เยอะนะ และทุกคนได้ขึ้นทอดผ้า ยกเว้น ... เพราะญาติ ๆ ไม่พอใจไปละ เผาเสร็จลูกหลานคุณปู่ยังนั่งด่าอยู่เลย เสียความรู้สึกสุด ๆ ถ้าอยากลดขยะหรืออะไร ก็ส่งพวงหรีดพัดลมหรือพวงหรีดช้อน หรือแบบอื่นที่มันเอาไปใช้ต่อได้ก็ได้ ไม่ใช่ส่งพวงหรีดวนแล้วมาขอเก็บกลับตอนเผาเสร็จ มันทุเรศมาก มันดูไม่ให้เกียรติกันสุด ๆ เลย คนอื่นคิดไงไม่รู้ล่ะ แต่ญาติ ๆ คิดงี้"

อนึ่ง สำหรับแนวคิดการใช้พวงหรีดวนกัน มาจาก นายจิรัฎฐ์ ทองสุวรรณ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับมติชนทีวี เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา กล่าวว่า "ผมก็จะไปเฉพาะที่เขาเชิญ คือถ้าเขาเชิญแล้วเราไม่ไปนี่ก็ไม่ได้ เขาเชิญเราก็ต้องไปถูกไหมครับ ... ผมก็ไปแทบจะทุกอาทิตย์ ตลอด 4 ปีมานี้ก็ยังไปต่อเนื่องทั้ง ๆ ที่ไม่เคยใส่ซองสักบาทเดียว แล้วก็กินอิ่มด้วยทุกครั้งที่ไป แล้วถ้าเป็นงานสวดไม่ใช่งานเผานี่ งานสวดผมก็ได้กับข้าวกลับบ้านทุกครั้ง ได้เยอะด้วย เพราะว่าแม่ครัวจะเอามาให้เยอะมาก ... เราก็เริ่มต้นแบบนี้ด้วยการไม่ใส่ (ซอง) ไม่เห็นมีใครว่า ก็ทำต่อไปได้ครับ จริง ๆ เราก็ควรจะทำด้วย”

“อีกเรื่องหนึ่ง พวงหรีดตอนแรกผมก็ไม่เห็นด้วย ไม่ชอบโน่นนี่นั่น พยายามจะเปลี่ยน พยายามจะออกไอเดียใหม่ ๆ ให้มันดูเป็นคนรุ่นใหม่ รอบแรก ๆ เอาเป็นต้นไม้ไปแทน ต้นไม้มันก็ต้นเหี่ยวแห้งเล็ก ๆ ไปเทียบกับเขาที่มันพวงใหญ่ๆ มันก็ไม่มีใครสนใจนะครับ เปลี่ยนเป็นถุงขยะไปเก็บแก้วน้ำมันก็เหนื่อยไม่ไหว สุดท้ายก็ได้ไอเดียว่า พวงหรีดเวิร์กมันคือการโฆษณาที่มันเป็นการตลาดที่โคตรคุ้มเลย 300 บาท กับการที่สวด 7 วันมีคนเห็น 2-3 ร้อยคน ทุกวัน ๆ ชื่อเรา เออเขาถึงทำกันไงครับ 300 บาท ผมใช้ 3 งาน ให้มัคนายกเก็บให้ใช้ 3 รอบ ก็ประหยัดที่สุดเท่าที่ประหยัดได้" 

ประเด็นดังกล่าวทำเอาผู้คนบนโลกโซเชียลฯ วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยฝ่ายที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นการสู้ทางการเมืองแบบฉลาด กับผู้คนทั่วไปที่มองว่า ส.ส. มีเงินเดือนนับแสนบาทแต่ไม่เคยใส่ซองช่วยงาน กินฟรีทุกงานแถมห่อกลับอีกด้วย

ถึงกระนั้น นายจิรัฎฐ์ ทองสุวรรณ ชนะการเลือกตั้งเป็น สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 บางปะกง แปลงยาว บ้านโพธิ์ อีกสมัย ด้วยคะแนน 37,381 คะแนน อันดับ 2 นายพิทักษ์ จารุสมบัติ จากพรรคพลังประชารัฐ 26,873 คะแนน และอันดับ 3 นายยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 26,415 คะแนน

อนึ่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) มีเงินเดือน 71,230 บาท เงินเพิ่ม 42,330 บาท รวม 113,560 บาท

‘อดิศร’ เหน็บ ‘พิธา’ เติมเชื้อไฟ ค้าน-สงสัยไปทุกเรื่อง วิจารณ์รัฐบาล 100 วัน ถาม ดีแค่เฉพาะ ‘ก้าวไกล’ หรือ?

(17 ธ.ค. 66) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า…

“พิศวง สงสัย ไปทุกเรื่อง ค้าน แค้น เคือง เหลวไหล โลกแห่งความฝันของก้าวไกล พิธา เติมไฟในอารมณ์…

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

วิจารณ์รัฐบาล 100 วัน

ดูเหมือนจะไม่มีดีเลย… ดีเฉพาะก้าวไกล เท่านั้น!!!!????”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top