Monday, 28 April 2025
NEWS

กาฬสินธุ์ฮือฮาพบรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อแห่งใหม่

สุดฮือฮาพบรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อแห่งใหม่ของประเทศไทย ในพื้นที่วนอุทยานภูแฝก ตำบลภูแล่นช้าง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 2 พร้อมด้วยนายดำรงศักดิ์ ชูศรีทอง หัวหน้าวนอุทยานภูแฝก เข้าตรวจสอบบริเวณบ๋าชาด ในพื้นที่วนอุทยานภูแฝก ตำบลภูแล่นช้าง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากมีการแจ้งว่าพบร่องรอยที่คาดว่าเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ จากนายทองดี สุปิรัยทร ชาวบ้านน้ำคำ หมู่ 6 ตำบลภูแล่นช้าง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์

‘บิ๊กป้อม’ ถก คกก.ประมง จัดการทรัพยากรทะเลแบบยั่งยืน กำชับ ‘กรมประมง’ เข้มข้อกฎหมาย - โปร่งใส - ยึดหลักสากล

(27 ม.ค. 66) มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 (ผ่านระบบ Video Conference) เพื่อกำหนดแนวทางการทำประมงพื้นบ้านและการนำเรือประมงออกนอกระบบ โดยที่ประชุมรับทราบ ความเห็นของคณะกรรมาธิการยุโรป (DG-MARE) ถึงความพยายามของไทย ต่อพัฒนาการติดตาม เฝ้าระวังและควบคุมการทำประมงภาพรวม โดยขอให้เพิ่มการตรวจสอบดำเนินคดีอย่างเต็มประสิทธิภาพตามขั้นตอนกฎหมายกับเรือที่มีข้อมูลจากศูนย์ FMC เรือเข้าออกท่าที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันมิให้ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำผิดกฎหมาย เข้าสู่ห่วงโซ่อาหารหรือส่งออกต่างประเทศ และรับทราบการขยายเวลายกเว้นบังคับใช้กฎหมาย MMPA ของสหรัฐฯ ออกไปอีก 1 ปี จนถึง 31 ธ.ค.66 

พร้อมกับรับทราบความก้าวหน้า นโยบายและแผนบริหารจัดการประมง และแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในทะเลสาบสงขลา ปี 66-70 รวมทั้งผลการประเมินประเทศไทย ต่อสถานการณ์การขจัดแรงงานเด็กในรูปแบบเลวร้ายที่สุดของ สหรัฐฯ ปี 64 โดยเสนอให้ความสำคัญกับ การควบคุมบังคับใช้อายุขั้นต่ำของการจ้างแรงงานให้ครอบคลุมการจ้างแรงงานนอกระบบ การกำหนดอาชีพและกิจกรรมเสี่ยงที่อันตรายต่อเด็กให้ครอบคลุมมากขึ้น และการเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพผู้ตรวจแรงงานนอกระบบในพื้นที่ห่างไกล

‘ลุงหนู’ ไม่ประมาท เฝ้าระวังตามแนวทางวิชาการ แม้โควิดในประเทศลด สวนทาง นทท.เข้าไทยเพิ่ม

สธ.เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 เผยเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ของปี 66 ผู้ติดเชื้อใหม่ยังลดลง สวนทางจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไหลเข้าไทยเพิ่มต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีน ด้านรองนายกฯ อนุทิน ย้ำแผนเฝ้าระวังตามข้อแนะนำด้านวิชาการ

(27 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดแนวทางรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภายหลังทางการประเทศจีนประกาศอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นมา กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ได้มีการติดตามโควิด19 อย่างใกล้ชิด เพื่อมีข้อมูลนำไปสู่การบริหารจัดการที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ กรมควบคุมโรคได้รายงานข้อมูลล่าสุด ระบุให้เห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่ ในประเทศยังคงปรับตัวลดลง สวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุถึงข้อมูลนักท่องเที่ยวล่าสุดว่าตั้งแต่วันที่ 1-21 ม.ค. 66 มีต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 1,342,365 คน โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากรัสเซีย (143,580คน) มาเลเซีย (138,737คน) เกาหลีใต้ (111,522คน) อินเดีย (68,609คน) และ ลาว (56,517คน) ตามลำดับ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 15-21 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่3 ของปี 66 ในการรายงานสถานการณ์โควิด19 พบว่า มีรายงานผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 627 ราย เฉลี่ยวันละ 90 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (8-14ม.ค.) ที่มีผู้ป่วยใหม่ 969 คน เฉลี่ยวันละ 138 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตตลอดสัปดาห์อยู่ที่ 44 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เสียชีวิต 65 ราย

“เฉพาะชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค. 2566 พบผู้ติดเชื้อ 8 คน โดยมีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1 คน และที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ สัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 คน เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษและเกาหลีใต้ ประเทศละ 1 คน และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเฝ้าติดตามสายพันธุ์ของโควิด19 ก็รายงานว่าสายพันธุ์ที่พบในไทยขณะนี้ ร้อยละ 86 คือนสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 ส่วนที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ”รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 พาน้องๆ ปลูกประสบการณ์ชีวิต เรียนรู้วีถีแห่งความพอเพียงนอกรั้วโรงเรียนบางกะปิ

เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.66) ทาง ศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 (บางเขน) ได้ต้อนรับ คณะ #โรงเรียนบางกะปิ ซึ่งมาศึกษาดูงาน ณ #ศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 (บางเขน) ในหลักสูตร DAYTRIP B2

ทั้งนี้ทางศูนย์ได้เปิดการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ ความพอเพียงแก่น้อง ๆ ที่ถึงจะเป็นเด็ก ก็สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยเด็กนักเรียนที่มาที่นี่ ต่างได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่นอกเหนือจากชีวิตประจำวัน ทั้งการดำนา ปลูกต้นไม้ตามวิถีบรรพบุรุษ และยังได้พบเจอกับน้องกระบือที่น่ารักที่รอต้อนรับน้อง ๆ อยู่

‘วิถีชีวิตแบบเก่า ที่ไม่เก่า’

มูลนิธิเรารักสงขลา สร้างดอกไม้เยาวชนบานที่สงขลา สืบสานปณิธานรัฐบุรุษ เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

วันนี้ 27 มกราคม 2566 ณ สวนประวัติศาสตร์พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา นายอุทัย กาญจนะ  ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 มอบให้ น.ส.ชฎาพร เสนเผือก รอง ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 ร่วมพิธีเปิดโครงการค่ายผู้นำเยาวชน สงขลาศึกษา สงขลาสู่มรดกโลก และเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน จะช่วยพัฒนาความเป็นผู้นำของเยาวชนสร้างความกระหนักถึงคุณค่าระดับสากลของเมืองสงขลา มีจิตอาสาที่ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินฯตามปณิธานของรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

โดยมีเยาวชนจากสถานศึกษาในสังกัด สพป.สงขลา เขต2 ในเขตบริการ 5 อำเภอ ได้รับการคัดเลือก จำนวน 25 คน เข้าร่วมกิจกรรมค่ายพัฒนาผู้นำเยาวชนฯ ณ สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สงขลา รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 27 – 29 มกราคม 2566

กระทรวงแรงงาน จับมือ 9 หน่วยงานรัฐ + เอกชน MOU ความร่วมมือด้าน 'การส่งเสริมการมีงานทำ'

วันที่ 27 มกราคม 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำ ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน โดยมีนายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี

นายสุรชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด - 19 ที่เริ่มคลี่คลาย ระบบเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น จนมีแนวโน้มจะเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน กระทรวงแรงงานจึงได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการให้บริการจัดหางาน เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานให้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยการขับเคลื่อนการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Service) เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ผ่านระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านแรงงาน หรือ Big Data โดยในวันนี้กรมการจัดหางาน กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวม 9 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สมาคมโรงแรมไทย บริษัทจัดหางาน จ็อบ มายเวย์ จำกัด บริษัทจัดหางาน กู๊ด จ๊อบ โปรเพสชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทจัดหางาน เก็ทลิงส์ จำกัด และบริษัทจัดหางาน อินเทิร์นชิพส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำ เพื่อจัดทำระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านแรงงาน หรือ ระบบ Labour Big Data Analytics สำหรับเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลด้านความต้องการแรงงาน และด้านกำลังแรงงาน เพื่อใช้แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และการว่างงาน 

“ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้จะช่วยเตรียมความพร้อมการวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และแนวทางการพัฒนาประเทศ สอดรับกับนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กระทรวงแรงงานบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการสร้างโอกาสการเข้าถึงอาชีพ ให้ประชาชนมีรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าว

ย้อนอดีต 'ไทย-เขมร' เกียรติแห่งการวัดเชิงในยุทธจักรหมัดมวย สู่ วิวัฒนาการ เปลี่ยน 'คาดเชือก' มา 'สวมนวม' เพื่อเซฟชีวิตนักสู้

ไม่นานมานี้ เฟซบุ๊ก 'Kornkit Disthan' ของคุณกรกิจ ดิษฐาน นักเขียนด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตะวันออก ได้โพสต์สาเหตุที่มวยไทยต้องวิวัฒนาการจากคาดเชือก มาเป็นสวมนวม ว่า...

เหตุที่มวยไทยต้องวิวัฒนาการจากคาดเชือก มาเป็นสวมนวม ก็เพราะนักมวยเขมรตายด้วยน้ำมือนักมวยไทยเมื่อ ๒๔๖๗ 

ศึกนั้น นายแพ เลี้ยงประเสริฐ ชาวไทยต่อยนายเจีย แขกเขมร จนถึงแก่ความตายที่สนามมวยหลักเมือง แต่นั้นมามวยไทยก็เปลี่ยนโฉมหน้าไป 

ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะบอกว่า ‘มวย’ ทั้งไทยและเขมรนั้นมีการ ‘แลกเปลี่ยน’ กันถึงใจยิ่งกว่าวิจิตรศิลป์หรือนาฏศิลป์เสียอีก 

แต่มวยมีหลักฐานการแลกเปลี่ยนน้อยกว่าเรื่องโขนละคร เรารู้แต่ว่าเขมรก็มีมวยของเขา ไทยก็มีมวยของเรา และนักชก ๒ ชาติมักจะไปชกเหย้าชกเยือนกันบ่อย ๆ 

มวยไทย มวยเขมร รวมถึงมวยลาว และพม่า ต่างก็ชกกันได้ คล้ายกัน แต่แม่ไม้ ลูกไม้ เชิงมวยย่อมต่างกันไปตามขนบครู 

ดังที่มวยฝรั่ง (Boxing) ก็ไม่ได้มีขนบเดียว อย่างที่จะเห็นว่าฝรั่งเศสเรียกมวยว่า Boxe anglaise (มวยอังกฤษ) ให้ต่างจาก La boxe française (มวยฝรั่งเศส) ที่มีการเตะด้วย ที่เรียกว่า ‘ซาวาต’ (Savate)

นี่คือสิ่งที่ทำให้มวยไทยก็คือมวยไทย มวยเขมรก็คือมวยเขมร ไม่อาจอ้างได้ว่าใครเป็นบรรพบุรุษของใคร ใครเกิดก่อน และใครลอกใคร เพราะไม่มีใครหน้าไหนล่วงรู้ได้ มีแต่ข้อมูลที่จับแพะชนแกะขึ้นมาเพื่อที่จะยกตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่น 

ถ้าเขมรภูมิใจในมวยของตัวเองก็ไม่ต้องสร้างประวัติศาสตร์กับขนบปลอม ๆ ขึ้นมา แค่ย้อนกลับไปต้นศตวรรษก่อนก็จะรู้ว่านักมวยไทยกับนักมวยเขมรเขาไม่ได้สู้เพื่อแย่งชิงว่าใครเป็นบิดาใคร แต่ประลองกันว่าเชิงมวยใครเหนือกว่ากัน

มันต้องวัดกันแบบนี้ 

ดูเหมือนว่ามวยเขมรเชิงดี ๆ จะมาจากพระตะบอง ดังในภาพประกอบคือมวยที่เมืองพระตะบอง ในยุคนั้นยังชกกันบนลานทราย นุ่งสมพตคือถกเขมร และยังคาดเชือก

นายเจียร์ พระตะบอง หรือเจีย แขกเขมรนั้นเป็น ‘ครัวเขมร’ คือมุสลิมจาม น่าจะเป็นเครือเดียวกับแขกบ้านครัวที่พระนครกรุงเทพฯ ได้ยินมาว่านักมวยเขมรมักประลองกับนักมวยแขกครัว (คือพวกจาม) 

และมวยเขมรก็ชอบมาชกที่ไทย และไทยก็ชอบไปชกที่เขมร ราวกับว่าต้องการวัดฝีมือกัน

จิตร ภูมิศักดิ์ เคยอยู่ที่พระตะบองมาก่อน เล่าว่าเวลามวยไทยชกกับมวยเขมรที่พระตะบอง คนเขมรมักจะเชียร์ให้ไทยแพ้ว่า “ไทย แพ้ เฮ ! เฮ ! ไทย แพ้ เฮ !” เวลานักมวยเขมรได้เปรียบ แต่เวลานักมวยไทยไล่บี้บ้าง เขมรก็จะเงียบไปตามระเบียบ

ตอนนั้น ไทยเราครอบครองพระตะบองไว้ คนเขมรเกิดชาตินิยมจึงไม่พอใจไทย และมักจะระบายด้วยการเชียร์มวยตัวเองแบบนี้

พระตะบองคงเป็นเมืองมวยจริง ๆ พระองค์เจ้านโรดม นรินทเดช เจ้านายเขมรทรงเล่าไว้ในหนังสือฝรั่งเศสว่า พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ พระเจ้าแผ่นดินเขมรก็ทรงโปรดมวย ถึงขนาดทรงเป็นแชมป์ (champion de boxe) 

พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์นั้นทรงเคยประทับที่พระตะบองมานาน ต่อมามาประทับที่บางกอก น่าคิดว่าจะทรงเรียนเชิงมวยจากครูที่พระตะบองและกรุงเทพฯ ด้วยหรือเปล่า?

พระตะบองนั้นเคยเป็นดินแดนของไทยมานาน ก่อนจะถูกฝรั่งเศสเอาไปให้เขมร แล้วต่อมาหลวงพิบูลสงครามไปชิงกลับมา (ในยุคของจิตร ภูมิศักดิ์) แล้วก็กลับไปเป็นแผ่นดินกัมพูชาอีก

ไม่ได้หมายความว่ามวยเขมรต้องรับมาจากไทย แต่มันอาจหมายความว่ามวยไทยและเขมรมีพระตะบองเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยน

ย้ำว่าแลกเปลี่ยนและประลองกัน ไม่มีหรอกที่จะอ้างว่า "ข้าเป็นบรรพบุรุษของเอ็ง" เพราะต่างก็มีเชิงที่ต่างกัน

ถ้อยคำของไทยและเขมรนั้นต่างก็แลกกันแลกกันมา 

อย่างคำว่า ‘ประฏาล’ ที่กลายคำเรียกมวยเขมรว่า ‘ประฏาลเสรี’ (กับ กุน ขแมร์) นั้น คำว่า ประฏาล (ប្រដាល់) ประกอบด้วยคำว่า ฏาล (ដាល់) ซึ่งเป็นญาติกับคำว่า ฎะบาล (ត្បាល់) ในคำไทยที่รับมาคือ ตะบัน ที่ทุกวันนี้วงการข่าวมวยก็ยังใช้คำว่าตะบันกันอยู่

สังเวียน หมายถึงเวทีต่อสู้ มากจากภาษาเขมรว่า ‘สํเวียน’ (សង្វៀន) คือ สนามต่อสู้

ชกมวยแล้วต้องมีการพนันขันต่อ ภาษาเขมรว่า ภฺนาล̍ (ភ្នាល់) บางตำราว่าเขมรได้คำนี้จากไทย แต่บางคนว่าไทยสืบทอดจากเขมร 

ปี่พาทย์มวยเขมรประกอบด้วยสรไลย (ស្រឡៃ) สัมโพร (សំភោរ) ฉิง (ឈិង)

กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 รับมอบสารอาหารไอโอดีนพระราชทานฯ จากทะเลสู่ดอย

ชาวประมงสมุทรปราการและสมุทรสาคร ร่วมแรงร่วมใจ น้อมเกล้าฯ ถวาย ปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน โครงการตามพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน ก่อน ส่งมอบ ปลากะตักแห้ง และ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทานให้กับ ผู้แทนกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อดำเนินการส่งต่อ ให้แก่ เด็กนักเรียน และ ประชาชน พื้นที่ราบสูงในถิ่น ทุรกันดาร 

สมาคมการประมงสมุทรปราการ สมาคมการประมงคลองด่าน และประชาชนในพื้นที่ ได้ร่วมกันจัดพิธีส่งมอบ ปลากะตักแห้ง และ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ให้แก่ผู้แทนกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 ตามโครงการพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน 

โดย นาย พิชัย แซ่ซิ้ม นายกสมาคมการประมงสมุทรปราการ เป็นตัวแทน กล่าวรายงานความเป็นมา และรายละเอียดของโครงการฯ ต่อนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ประธานในพิธี ก่อนร่วมกัน น้อมเกล้าฯ ถวายอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน ต่อพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี ผู้แทนหน่วยงาน เข้าน้อมเกล้าฯถวาย อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน

ภายหลังผู้เเทนหน่วยงาน น้อมเกล้าฯ ถวาย อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ประธานในพิธี เข้ารับอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ก่อนส่งมอบต่อให้ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ ดำเนินการส่งต่อให้แก่ เด็กนักเรียน และประชาชน พื้นที่ราบสูงในถิ่นทุรกันดารต่อไป โดยได้ทำพิธี ส่งรถขบวนลำเลียงสิ่งของพระราชทาน ที่จัดจาก กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกันที่บริเวณ หน้า สมาคมการประมงสมุทรปราการ

ต่อมา เมื่อเวลา 15.30 น. ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร
สมาคมการประมงสมุทรสาคร และชมรมเรืออวนลากจังหวัดสมุทรสาคร จัดพิธีส่งมอบ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทานให้แก่ ผู้แทนกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 ตามโครงการพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน เช่นเดียวกัน

นายมงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร กล่าวรายงานความเป็นมา และรายละเอียดของโครงการฯ ต่อ นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประธานในพิธี ก่อนร่วมกันน้อมเกล้าฯ ถวาย  อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีผู้แทนหน่วยงาน เข้าน้อมเกล้าฯถวาย

ภายหลังผู้เเทนหน่วยงาน น้อมเกล้าฯ ถวาย อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประธานในพิธีเข้ารับอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ก่อนส่งมอบต่อให้ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ ดำเนินการส่งต่อให้แก่ เด็กนักเรียน และ ประชาชนพื้นที่ราบสูงในถิ่น ทุรกันดารต่อไป หลังจากเสร็จสิ้นพิธีส่งมอบ ได้ส่งรถขบวนลำเลียงสิ่งของพระราชทานที่จัดจาก กองทัพเรือโดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาครเช่นกัน

กองทัพเรือ ฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาจิตใจให้แก่กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย หลังผ่านสถานการณ์วิกฤติ

กองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการ ร่วมกับชมรมภริยากองเรือยุทธการ และโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ จัดกิจกรรมฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาจิตใจให้แก่กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย 

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 66 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้ พลเรือตรี อนิรุธ สวัสดี รองเสนาธิการ กองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ ให้แก่กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย หลังจากที่ผ่านสถานการณ์วิกฤติ โดยมีชมรมภริยากองเรือยุทธการ และทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจภาวะวิกฤตสุขภาพจิต รพ.อาภากรฯ ร่วมกันจัดกิจกรรมฯ และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ จำนวน 80 นาย 

โดยการจัดกิจกรรมมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจให้แก่กำลังพลอย่างทันท่วงที ลดผลกระทบทางด้านจิตใจและมุมมองความขัดแย้งทางความคิด จนทำให้มีสภาพจิตใจที่เข้มแข็งและกลับคืนมาใช้ชีวิตตามปกติ 

‘ตำรวจ’ เร่งประสาน ‘ดาราไต้หวัน’ ขอข้อมูลเพิ่ม หลังอ้างถูกตำรวจ ‘ค้นตัว - รีดไถ’ ขณะเที่ยวในไทย

(26 ม.ค. 66) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย กรณีดารานักแสดงชาวไต้หวัน 安于晴 (อันหยูชิง) หรือ Charlene An อ้างว่า ถูกตำรวจไทยขอค้นตัว ค้นกระเป๋า รีดไถเงินกว่า 20,000 ถึงยอมปล่อยตัว ว่า เบื้องต้นทราบตัวนักแสดงสาวคนดังกล่าว และมีข้อมูลว่าเดินทางเข้าประเทศไทยในวันที่ 29 ธันวาคม 2565 เดินทางออกในวันที่ 5 มกราคม 2566 จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการเช็กอินห้องพักโรงแรมย่านทองหล่อ ขณะโดยสารด้วยรถตู้เอนกประสงค์ ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานให้คนขับเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม และได้ประสานที่พักตรวจสอบว่านักแสดงสาวเข้าพักที่โรงแรมจริงหรือไม่ 

รวมทั้งประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร และสน. ทองหล่อ ซึ่งมีการตั้งด่านทั้งความมั่นคงและตรวจวัดแอลกอฮอล์ เพื่อให้ตรวจสอบว่ามีการตั้งด่านในช่วงเวลาที่นักแสดงสาวดังกล่าวอยู่ในประเทศไทยในพื้นที่ใดบ้าง โดยเน้นไปจุดที่มีคนต่างชาติพักอาศัย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ ทองหล่อ ห้วยขวาง ลุมพินี 

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการติดต่อไปยังนักแสดงคนดังกล่าวแล้วโดยช่องทางผ่าน Instagram และ Facebook เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมแต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ และประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับเช่นกัน 

ยืนยันว่าเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในทุกมิติ เบื้องต้นพบว่าเป็นการเช็กอินหลังเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว แต่หากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่กระทำผิดจริงสามารถดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ได้เลย โดยไม่ต้องรอผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์แจ้งความ

โฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดตั้งแต่ช่วงปีใหม่ แต่เพิ่งมีประเด็นในช่วงนี้ติดต่อกันเป็นการทำงานทำลายภาพลักษณ์ตำรวจหรือไม่นั้น จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่มีการโพสต์ลงในโซเชียลจะไม่บอกว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ เพราะบางครั้งเมื่อเขากลับไปแล้วก็มีการเช็กอินอีกรอบว่าอยู่ที่นี่ที่นั่น จะต้องตรวจสอบและหากพบว่าใครผิดก็ต้องดำเนินการอาญาและวินัย ส่วนเป็นการดิสเครดิตตำรวจหรือไม่ขอให้เป็นดุลยพินิจของประชาชนและสื่อมวลชนเอง ตำรวจบอกได้อย่างเดียวว่าไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นวันไหนก็จะต้องตรวจสอบ

เริ่มแล้ววันนี้ TCEB เปิดงานชา กาแฟระดับโลก 'World Tea & Coffee Expo 2023' ใจกลางเมืองเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปนร่วมกับหน่วยงานภาคี ได้เปิดงาน World Tea & Coffee Expo 2023 ซึ่งเป็น งานประชุมวิชาการนานาชาติและแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมชาและกาแฟระดับโลก ณ ห้องประชุม Nimman Convention Centre จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับเกียรติจากนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยนายชิกุจิ เคอิจิ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นคร เชียงใหม่ ที่ให้เกียรติมาร่วมแสดงความยินดีและร่วมกิจกรรมเสวนาภายในงานด้วย

ทั้งนี้ งานประชุมวิชาการนานาชาติและแสดงสินค้า World Tea & Coffee Expo 2023 จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 26 – 29 มกราคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 นณ ศูนย์การค้า One Nimman ถือเป็น งานที่ สสปน. ใช้กลไกของไมซ์ในการขับเคลื่อนพืชเศรษฐกิจระดับภาคเพื่อสร้างชื่อเสียง (Destination Branding) ต่อยอดความพร้อมของภาคเหนือตอนบนในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมชาและกาแฟระดับโลก ซึ่ง ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 โดยในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “A Cup of Success” เน้นย้ำถึงความสำเร็จ ของธุรกิจชาและกาแฟในไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ภายในงานมีกิจกรรมสองส่วน ได้แก่ ส่วนของ งานแสดงและจำหน่ายสินค้า ในบริเวณลานกิจกรรม กลางแจ้ง และส่วนของงานประชุมวิชาการนานาชาติในชื่อ The 3rd Tea and Coffee International Symposium ณ ห้องประชุม Nimman Convention Centre โดยในส่วนของงานแสดงสินค้าประกอบด้วยบูธ ของผู้ประกอบการจำนวน 50 ราย แบ่งเป็นบูธผู้ประกอบการชาและกาแฟภาคเหนือรวมทั้งภาคอื่น ๆ จำนวน 45 ราย และต่างประเทศจำนวน 5 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ตามที่ สสปน. กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และมาตรฐานของสินค้า การนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ใน กระบวนการผลิต และศักยภาพที่สามารถต่อยอดธุรกิจต่อไปได้ในอนาคต เป็นต้น

อีกหนึ่งกิจกรรม ภายในงานซึ่งจะเป็นโอกาสทางการค้าที่สำคัญของผู้ประกอบการคือ การเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ซึ่งในครั้งนี้มีการเชิญคู่ค้า หรือ buyer จากทั่วประเทศ 20 ราย และจากต่างประเทศ จำนวน 5 ราย โดยการเจรจาจะมีทั้งรูปแบบออฟไลน์ภายในงาน และการเจรจาผ่านทางออนไลน์ โดยทาง สส ปนได้ตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายจากกิจกรรมทั้งหมดอยู่ที่ 10 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าซื้อขายและการสั่งซื้อจาก การเจรจาธุรกิจจำนวน 8 ล้านบาท และการซื้อขายภายในงานจำนวน 2 ล้านบาท สำหรับในส่วนของผู้เข้าชมนั้น เดิมตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 คน แต่ด้วยสถานที่จัดงานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของ จังหวัดเชียงใหม่ จึงมั่นใจว่าจะมีผู้เข้าชมมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน

ต้อนรับนักท่องเที่ยวเหมาลำไฟล์ปฐมฤกษ์เฉินตู-เชียงใหม่

Sichuan Global Travel International Travel Service Co.,Ltd ร่วมกับ Sichuan Airlines จัดเที่ยวบินเหมาลำจากเฉินตูบินตรงเข้าจังหวัดเชียงใหม่ หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังโควิดเริ่มคลี่คลาย เผยชาวเมืองเฉินตูนิยมมาเที่ยวเชียงใหม่ เพราะอากาศดี สถานที่ท่องเที่ยวและความเป็นอยู่ทุกอย่างเอื้ออำนวย เตรียมบินตรงเข้ามาทุกวัน ขณะที่จะประสานเมืองต่างๆของประเทศจีนให้บินตรงเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 เวลา 19.05 น. สายการบินเสฉวนแอร์ เที่ยวบิน 3 U 3933 ได้ถึงยังท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์เฉินตู - เชียงใหม่ แบบเหมาลำ โดยนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เป็นตัวแทนจังหวัดเชียงใหม่ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ร้อยเอกสันติพงศ์ บุลยเลิศ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ นายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) 

MR.GUO HUI ประธานบริหาร Sichuan Global Travel International Travel Sevice เปิดเผยว่า ทาง Sichuan Giobal Travel International Travel Service ดำเนินกิจการเหมาลำสายการบินระหว่างประเทศ มาตลอดระยะเวลา 8 ปี และมีสถิติโดยสารนักท่องเที่ยวจีนหลายแสนคนต่อปีที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงเชียงใหม่ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจไทย การท่องเที่ยวไทยให้ดียิ่งๆขึ้นไป จากสถานการณ์โควิด 19 ที่เริ่มคลี่คลาย ทางSichuan Global Travel International Travel Service จึงได้ดำเนินการเหมาลำสายการบินเสฉวนแอร์ไลน์ และมีการเหมาลำสายการบินอื่นๆ เพื่อเพิ่มไฟล์บินและกระตุ้นการท่องเที่ยว

ผอ.ศปพร. เปิดกิจกรรม 'เยาวชนคลื่นลูกใหม่สืบสานโครงการพระราชดำริ' ในพื้นที่ จชต.ประจำปี 2566 ปลูกจิตสำนึก ร่วมสร้าง สันติสุข ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานเปิดกิจกรรม 'คลื่นลูกใหม่สืบสานโครงการพระราชดำริ' ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ประจำปี 2566 ปลูกจิตสำนึก ร่วมสร้าง สันติสุข ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม โดยมี นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 4-6  ของโรงเรียนนราสิกขาลัย  และโรงเรียนนราธิวาส เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 80 คน

ทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดกิจกรรมเยาวชนคลื่นลูกใหม่ สืบสานโครงการพระราชดำริ ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นเพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธาน และพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงพระราชทานแนวทาง  การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขยายผลการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นไปอย่างกว้างขวาง สามารถปฏิบัติตามได้จริง และเห็นผลเป็นรูปธรรม การวางรากฐานการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิต ภายใต้ปรัชญาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงการรู้จักพึ่งพาตนเอง ความพอมี พอกิน พอประมาณ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ และยั่งยืน ต่อไป

ปทุมธานี คณะครุศาสตร์ จัดกิจกรรม Chinese New Year and Students' lnnovative Challenge 2023

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 เวลา 08.30 น. ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยคณะครุศาสตร์ ได้จัดกิจกรรม Chinese New Year and Students' lnnovative Challenge 2023 โดยได้รับเกียรติจากผู้ช่วยศาสตราจารย์จิตเจริญ ศรขวัญ คณบดีคณะครุศาสตร์ ให้เกียรติมาเป็นประธานในการเปิดงานโดยมีอาจารย์และนักศึกษา สาขาวิชาภาษาจีน คณะครุศาสตร์ ให้การต้อนรับ วัตถุประสงค์ในการจัดงาน Chinese New Year and Students' lnnovative Challenge 2023 ดังกล่าวนี้ ทางหลักสูตร สาขาวิชาภาษาจีนได้เล็งเห็นความสำคัญของการ เรียนรู้ภาษาจีนควบคู่ไปกับการเรียนรู้และอนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงามของชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทย จึงได้จัดกิจกรรมวันตรุษจีนขึ้นมา ภายใต้ชื่องาน Chinese New Year and Students' Innovative Challenge 2023 ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษา นักเรียน หรือผู้ที่สนใจได้แสดงออกถึงความสามารถด้านภาษาและศิลปวัฒนธรรมประเพณีจีน รวมถึงได้ฝึกฝนและเพิ่มพูนความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน จึงได้จัดกิจกรรมการประกวดความรู้และทักษะทางด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน โดยรายการดังนี้

‘ไทย’ ครองอันดับหนึ่งตัวเลือกของ นทท.จีน จุดหมายปลายทางต่างประเทศช่วงตรุษจีน

หางโจว, 25 ม.ค. (ซินหัว) — “วันแรกที่มาถึงกรุงเทพฯ ฉันไปเที่ยวตลาดกลางคืนค่ะ ทันทีที่ได้กลิ่นหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย ก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าชีวิตก่อนเกิดโรคระบาดได้กลับมาแล้ว” อู๋ นักท่องเที่ยวชาวจีนจากนครหางโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน บอกเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวในไทยผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมเปิดเผยความประทับใจของตนให้ผู้ติดตามชาวจีนได้ฟัง

หลังจากจีนปรับเปลี่ยนนโยบายการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ตลาดการเดินทางขาออกของจีนซึ่งซบเซาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อชาวจีนอย่างประเทศไทย กลายเป็นที่หมายปองอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลล่าสุดจากซีทริป (Ctrip) บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของจีน ชี้ว่าในช่วง 4 วันก่อนถึงวันหยุดตรุษจีน นักท่องเที่ยวจีนจองตั๋วเครื่องบินขาออกสู่กรุงเทพฯ มากที่สุด เป็นรองเพียงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าของจีน ตามมาด้วยภูเก็ตในอันดับที่ 5

ขณะฟลิกกี้ (Fliggy) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวอีกราย เผยว่าจำนวนผู้ยื่นขอวีซ่าไทยในจีนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของไทยก็เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบปีต่อปี

ชุยเยี่ยน ผู้จัดการทั่วไปของซีทริป ไทยแลนด์ (Ctrip Thailand) ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยมีการ เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยโรงแรมยอดนิยมในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เกาะสมุย ภูเก็ต และสถานที่อื่น ๆ ต่างถูกจองจนเต็มอย่างรวดเร็ว

ชุยแสดงความเห็นว่านโยบายการเดินทางของจีน ทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีความเชื่อมั่นในการเดินทางไปต่างประเทศ บวกกับนโยบายต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เป็นมิตรของไทย ทำให้ไทยเป็นประเทศที่เนื้อหอมสำหรับนักท่องเที่ยวจีน

ไต้ปิน ประธานสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน วิเคราะห์ว่านับตั้งแต่วันปีใหม่จนถึงเทศกาลตรุษจีน ตลาดการท่องเที่ยวจีนกำลังส่งสัญญาณเชิงบวก 2 ประการ หนึ่งคืออุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวของชาวจีนได้เปลี่ยนจากใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมาสู่การใช้จ่ายอย่างอิสระ สองคือด้านโครงสร้างการท่องเที่ยว โดยคนหนุ่มสาวและการท่องเที่ยวแบบระยะกลาง-ไกล กลายมาเป็นตัวขับเคลื่อนการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top