Monday, 28 April 2025
NEWS

‘ฝนหลวง’ โครงการจากน้ำพระทัย ‘ในหลวง ร.9’ ช่วยคนไทยรอดตายจากฝุ่น PM 2.5

ไม่เฉพาะ 'คนกรุง' ที่รอดตายจากฝุ่น PM 2.5
หากแต่ 'รอดกันทั้งประเทศ'!
เพราะจู่ๆ 'ฝน' ก็ตกลงมาสยบเจ้า PM 2.5 จนพอหายใจ-หายคอกันได้บ้าง
ตกมาแล้ว ๒-๓ วันติด ไม่เฉพาะใน กทม. หากแต่ 'ตกทั่วฟ้า' ทั้ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง

และจะตกเป็น 'พระพิรุณปราบฝุ่น' ไปจนกว่า PM 2.5 จะสิ้นฤทธิ์
ผมรู้ได้ไง ใจเย็นๆ...เดี๋ยวบอก!
อ่านนี่ก่อน เมื่อวาน (๕ ก.พ.๖๖) "ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร" ของชัชชาติ ออกข่าว ว่า

"เวลา ๑๕.๐๐ น. ฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางซื่อ  บางพลัด พญาไท ดุสิต
เคลื่อนตัวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เเนวโน้มคงที่ ปริมาณฝนสูงสุดเขตราชเทวี 2.0 มม."
แหม…

กทม.ออกข่าวประหยัดข้อมูลจริงนะ น่าจะบอกให้ชัดซักหน่อย ว่า "ฝนมาไง-เป็นไง"?
ตกตามธรรมชาติ หรือผู้ว่าฯ ชัชชาติบันดาล?
ไม่เหมือนตอนหาเสียงเลย

"ทั้งทีม" รู้ทุกเรื่อง พูดเป็นต่อยหอยทุกเรื่อง แต่ตอนทำงานกลับ "อมสาก" ทุกเรื่อง
คนเป็นผู้ว่าฯ เหมือนกัน.....
หมื่นรู้ แสนสัญญา ปานพระวิศณุกรรมอวตารลงเป็นชัชชาติ ปัญหา กทม.ถ้าแก้ไม่ได้ ใครก็ไม่ควรมาเป็นผู้ว่าฯ
ควร "ลาออกไปซะ"!

แล้วเป็นไง กลายเป็น "ผู้ว่าฯ เวรกรรม" ของคนกรุง ร่วมปี ซักเรื่อง...เคยมีที่แก้ได้บ้างมั้ยล่ะ?
"แก้ได้ทุกเรื่อง" มีเรื่องเดียวคือ "แก้ตัว"!
ฝุ่น PM 2.5 มืดคลุมเมือง.......
จนน้ำหู-น้ำตาไหลปนน้ำมูก ไอจามกันค็อกแค็กทั้งกรุง

หน่วยปั้นข่าวยังทะลึ่งออกมาอุ้มไข่ บอกไม่ใช่ฝุ่น แต่เป็น "หมอกหน้าหนาว"!
มันน่า "เจริญพวง" ซะจริงๆ!
ผู้ว่าฯ "สัญญาแลกเกี๊ยะ" ๒๑๔ ข้อ นั่นก็ไม่รู้ไปตามเก็บเกี๊ยะอยู่ที่ไหน?
เห็นแต่ "ทหาร" ออกมาฉีดน้ำล้างถนน-ไล่ฝุ่น
จะไล่ได้-ไม่ได้ ไม่เป็นปัญหา อย่างน้อย ก็ทำให้ชาวบ้านมองเห็น "ที่พึ่ง-ที่หวัง"

ว่ายามมีปัญหา "ทุกปัญหา" ต้องเห็น "ทหาร" ออกมายืนเคียงข้าง คอยปกป้อง-ดูแล ประชาชน
ดีกว่า ไอ้คนที่มีหน้าที่ทำ แต่ไม่ทำอะไรเลย แถมหัวก็ไม่เห็นอีกตะหาก
ใครไม่รู้ "เฉาฉุ่ย" ไว้ตอนเลือกทีมงาน ว่า...
"ดูในแต่ละมิติ อย่างรองผู้ว่าฯ เราก็รู้ว่า มีสำนักอะไรดูแลบ้าง ขอให้มีความหลากหลาย ทั้งประสบการณ์ มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

แต่ละคน จะมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายกันไป
สำคัญที่สุดคือ ซื่อสัตย์ โปร่งใส สุจริตที่เราไว้วางใจได้ นอกจากนี้ มีทีมที่ปรึกษาทางเทคนิคอีกกว่า ๓๐-๔๐ คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิชาการที่เราปรึกษามา ๒ ปีกว่า
ตอนที่เราปรึกษา....

เราเป็นการเมืองการเลือกตั้ง หลายๆ ท่าน เปิดตัวไม่ได้ พอเราเป็นข้าราชการ กทม.แล้ว เราสามารถเปิดตัวท่านได้"
แล้วไหนล่ะ ผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย อยากเห็นจัง
เก่งฉิบ....

แค่ ๗-๘ เดือน บรรดาผู้เชี่ยวชาญของชัชชาติทำให้ กทม.วินาศสันตะโรได้ถึงขนาดนี้?
แล้วตอนนี้ "หึ่ง" ไปหมด
ไอ้ "ซื่อสัตย์ โปร่งใส สุจริตที่เราไว้วางใจได้" ของชัชชาตินั่นน่ะ
"คุณชูวิทย์" ชำระตำนาน "ส่วยตำรวจ" เสร็จเมื่อไหร่
ผมจะนิมนต์มาแฉตำนาน "ส่วย กทม." ตอนนี้บ้าง!!!

ถ้าชัชชาติอยากรู้....
ไปถาม "ประธานที่ปรึกษา" ของท่านดูซิ ว่ารู้เรื่องบ้างมั้ย...ที่ลงไปเก็บส่วยกันถึงในแต่ละเขตนั่นน่ะ?
จริงๆ แล้ว เรื่องฝุ่น PM 2.5 คนกรุงพอเข้าใจได้ว่า มันเป็น "ฝุ่นประจำฤดูกาล"
ต้นปีที จะเป็น "ฤดูเผา" ทั้งเกษตรกรบ้านเราและประเทศเพื่อนบ้าน ฝุ่น PM 2.5 ก็จะปลิวมาทุกปี

ก็บ่นๆ กันไป พอแค่ได้ระบาย
ที่จะไปเค้นคอให้ "ผู้ว่าฯ สัญญาแลกเกี๊ยะ" แสดงอภินิหารแปลงกายเป็นพระพายไปไล่ฝุ่นนั้น
ไม่มีใครเขา "ยึดขยะ" เป็นสรณะถึงขนาดนั้นหรอก!
ที่ผมต้องพูดถึงคณะบริหาร กทม.วันนี้ ไม่ใช่เพราะผิดหวังในตัวพวกท่าน

เพราะรู้ ก็แค่ "กอเอี๊ยะ" ปิดฝีที่ตูด หวังจะให้ดูดหัวออกมานั้น มันสรรพคุณเกินจริง
ที่ต้องพูด สืบเนื่องจากข่าวที่ กทม.สื่อสารถึงชาวบ้านประเด็นฝนตกช่วงฝุ่น PM 2.5 กำลังจะฆ่าคนกรุงนั่นแหละ

กทม.ของชัชชาติ ออกข่าวเพียงว่า....
"๑๕.๐๐ น. ฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางซื่อ บางพลัด พญาไท ดุสิต...." แบบนั้นน่ะ

นั่นมันเหมือนการแถลงข่าวของบางประเทศเพื่อนบ้านเมื่อ ๕๐ กว่าปีที่แล้ว "ฝนตกเมื่อไหร่จะบอก"
คนเขาอยากรู้ "ฝนตกช่วงนี้ได้อย่างไร" ตะหาก
จะมาตวัก-ตะบวยบอกทำไมแค่ฝนตก?
ที่ กทม.ออกข่าวแบบนี้ ผิดวิสัยการให้ข้อมูลข่าวสารตามหลัก "การประชาสัมพันธ์" โดยสุจริต ถึงประชาชน ในสถานการณ์ PM 2.5 กำลังคลุมเมือง

มองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากมองได้ในทางเจตนาเดียวคือ กทม.ต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจเอาว่า
"เป็นฝนตกลงมาเองตามธรรมชาติ"!
ซึ่งมันไม่ใช่ และ กทม.ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันไม่ใช่ฝนจากฟ้าบันดาลลงมาดับฝุ่นเอง
แต่ก็ กทม.ก็ไม่ยอมบอก "เหตุฝนตก" ให้ประชาชนทราบ
อิจฉา...ซ่อนเร้นเจตนา หรือ กทม.กลัวจะเสียหน้า!?

สู้ปล่อยให้ "ครุมเครือในข้อมูล" อย่างนี้ดีกว่า ยังพอเอา ไปเคลมกับคน ๑.๓ ล้านได้บ้าง
ผมขอบอกให้ทุกคนทราบว่า ฝนที่ตกลงมาดับฝุ่น PM 2.5 ทั้งในกรุงและต่างจังหวัดขณะนี้ คือ
"ฝนหลวง" ครับ....
ไม่ใช่ฝนตกตามธรรมชาติ หรือฝนร้อยห่าชัชชาติบันดาลตกใน กทม.อย่างที่พยายามปกปิดข้อมูลกัน
"ฝนหลวง" คืออะไร?

คือ โครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์
ใน "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาล ที่ ๙
จุดประสงค์ เพื่อสร้าง "ฝนเทียม" สำหรับบรรเทาความแห้งแล้งให้แก่เกษตรกร เมื่อคราวเสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร ปี พ.ศ.๒๔๙๘ ในภาคอีสาน

จึงพระราชทานโครงการพระราชดำริฝนหลวงให้ "ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล" ไปดำเนินการ
จึงได้เกิดเป็น "โครงการค้นคว้าทดลอง" ปฏิบัติการ "ฝนเทียม" หรือ "ฝนหลวง" ขึ้น ตราบทุกวันนี้

ที่ฝนตกบรรเทาฝุ่น PM 2.5 ทั้ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง และ กทม. ก็จากการบินขึ้นไปปฏิบัติการทำ "ฝนหลวง"
ของ "กรมฝนหลวงและการเกษตร" นั่นเอง!

กาฬสินธุ์อลังการเดินแบบผ้าผู้ไทโบราณอายุกว่า 100 ปี

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวผู้ไท ทุกเพศ ทุกวัย กว่า 200 ชีวิต สร้างมิติใหม่ให้โลกจำ สวมชุดผู้ไทโบราณ ชุดผู้ไทดั้งเดิม ชุดผู้ไทประยุกต์ ขึ้นแคตวอล์คโชว์ความเก่าแก่ ประณีต สวยงาม บนเวทีเดินแบบผู้ไท อีกหนึ่งไฮไลต์ในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่เวทีกลาง สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง ต.คุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงานเดินแบบชุดผู้ไท ไฮไลต์ผ้าไทยในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่ทาง อ.เขาวง โดยเทศบาลตำบลกุดสิม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ และหลายภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้น 

โดยมี นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ ผศ.จุรีรัตน์ กอเจริญยศ นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นางสาววิภาวี บุญเรือง นายก ทต.กุดสิม  พร้อมด้วยส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวผู้ไท ร่วมงาน และสวมชุดผู้ไทโบราณ ชุดผู้ไทดั้งเดิม ชุดผู้ไทประยุกต์ กว่า 200 ชุด ซึ่งหลายชุดเป็นเสื้อผู้ไทมรดกและมีอายุกว่า 100 ปี สร้างสีสันและความฮือฮาเป็นอย่างมาก

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เวทีเดินแบบชุดผู้ไทดังกล่าว เป็นอีกไฮไลต์หนึ่งในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่ทาง อ.เขาวง โดยเทศบาลตำบลกุดสิม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ และหลายภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้น เพื่อแสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ของพี่น้องชาติพันธุ์ผู้ไท จากหลายท้องที่ ที่มีการสืบสานมาตั้งตั้งแต่บรรพบุรุษถึงอนุชนรุ่นหลัง ซึ่งมีอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีความเข้มแข็ง เหนียวแน่น มีความพร้อมเพรียง สมัครสมานสามัคคี เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต ที่สำคัญคือเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิตและการดำรงอยู่แบบเรียบง่าย รักความสงบ

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตเชียงราย

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.00 น. พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือ เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ณ กองบังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตเชียงราย อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี พลเรือตรี สมาน ขันธพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และ นาวาเอก ศราวุธ เถื่อนบุญ ผู้บังคับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตเชียงราย ให้การต้อนรับ 

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบโอวาทแก่กำลังพล รวมทั้งกล่าวชื่นชมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตเชียงราย ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้สร้างผลงานให้เป็นที่ปรากฏสร้างชื่อเสียงให้แก่กองทัพเรือและประเทศชาติเป็นอย่างมาก ทั้งยังขอให้กำลังพลทุกนายเตรียมพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง โดยยึดถือผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเสริมสร้างและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สมัชชาฯ คนพิการทางสติปัญญาโหวตลงคะแนนให้ นายกสมาคมฯ เดิมดำรงตำแหน่งต่อ

สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย จัดโครงการประชุมสมัชชาองค์กรเครือข่ายคนพิการทางสติปัญญา และประชุมสามัญประจำาปี 2566 วันที่ 3, 4, 5 กุมภาพันธ์ 2566 (ศุกร์, เสาร์, อาทิตย์) เวลา 08.00 - 17.00 น. ณ โรงแรม รามาดา พลาซา บาย วินด์แฮม แบงคอก แม่น้ำริเวอร์ไซด์ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพมหานคร โดย นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล นายกสมาคมฯ ได้กล่าวถึงการประชุมในครั้งนี้ว่า การประชุมสามัญประจำปี 2566 จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชมรมเครือข่ายทราบผลการดำเนินงานของสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย และประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานเพื่อวางแผนการดำเนินงานของชมรมเครือข่ายตามแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการของสมาคมฯ เพื่อการจัดประชุมสามัญประจำปี 2565 และสอดคล้องตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติฉบับที่ 5 พ.ศ.2560 -2564 ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมพลังคนพิการและองค์กรด้านคนพิการให้มีศักยภาพและความเข้มแข็ง 

นอกจากนี้ ยังมีการวงแผนการดำเนินงานของชมรมเครือข่าย และจัดทำแผนการดำเนินงานในปีต่อไป โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลการดำเนินงานของชมรมเครือข่าย และจัดทำแผนการดำเนินงานในปีต่อไป 

นอกจากนี้ได้มีการคัดเลือกนายกสมาคมฯ ที่หมดหน้าที่ตามวาระ โดยมีกรรมการที่ทำหน้าที่ในการเลือกตั้ง คือ นายชูศักดิ์ จันทยานนท์, นายสุพล บริสุทธิ์, และ นางสาววิจิตรา รชตะนันทิกุล ซึ่งมติที่ประชุมได้ลงมติให้ นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย ตามเดิมด้วยมติเป็นเอกฉันท์

ชวนเที่ยวเทศกาลดอกไม้ 'เชียงใหม่ บลูมส์ 2023' กระตุ้นเศรษฐกิจเชียงใหม่ เบิกบานตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้

'เชียงใหม่ บลูมส์' เทศกาลเชียงใหม่เบิกบาน จัดโดยสมาคมวิศิษฏ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว (VISIT LANNA) นำปฏิทินท่องเที่ยวดอกไม้เชียงใหม่เดือนกุมภาพันธ์กลับมาอีกครั้งเต็มรูปแบบ ทั้งกิน เที่ยว ช็อป เวิร์คช็อป สปา และไนท์ไลฟ์ จับมือพันธมิตรทั้งธุรกิจและชุมชนทุกมุมเมืองชู 14 ไฮไลต์ห้ามพลาด ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามแนวทาง 'เฟสติวัลซิตี้' กิจกรรมแน่นตลอดเดือนทั้งหน้างานและออนไลน์ ผ่าน www.chiangmaiblooms.com

นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมวิศิษฏ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว กล่าวว่า เทศกาลเชียงใหม่เบิกบาน หรือ เชียงใหม่ บลูมส์ จัดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 จากการร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนในเชียงใหม่ นำดอกไม้มาสร้างสรรค์เป็นกิจกรรม สินค้า และบริการ ต่อยอดธุรกิจท่องเที่ยวดอกไม้จากการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับมาเกือบครึ่งศตวรรษ ยกระดับสู่เทศกาลไลฟ์สไตล์ชั้นนำของประเทศ สนับสนุนโดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง จนเครือข่ายธุรกิจและประชาสังคมสามารถรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสมาคมวิศิษฏ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว หรือ VISIT LANNA ได้สำเร็จ สมาคมฯ มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ผลักดันเชียงใหม่ บลูมส์ และเทศกาลอื่น ๆ ให้เป็นแม่เหล็กเศรษฐกิจท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ตามแนวทาง เฟสติวัลซิตี้ หรือ เชียงใหม่เมืองเทศกาล ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีทางเศรษฐกิจให้แก่ภาคเอกชนและชุมชนของเชียงใหม่ได้อย่างทั่วถึง

ในปี 2566 VISIT LANNA ตอกย้ำความสำเร็จของเชียงใหม่จากการเป็นเมืองเทศกาลระดับโลก การันตีรางวัลจากสมาคมนักจัดเทศกาลนานาชาติ สหรัฐอเมริกา เมื่อปีที่แล้ว เชียงใหม่ บลูมส์ครั้งนี้มาให้แนวคิด แมจิก โมเมนต์ส มนต์เสน่ห์ดอกไม้คู่เวียง ชู 14 ไฮไลต์กิจกรรมดอกไม้ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ได้แก่

 1. Chiang Mai Blooms Souvenir Contest กิจกรรม การแข่งขันประกวดออกแบบสินค้าของที่ระลึกงานเทศกาลเชียงใหม่เบิกบาน จัดประกวดวันที่ 14 พ.ย. - 13 ธ.ค. 65

2. Chiang Mai Blooms City Gallery X หอภาพถ่ายล้านนา

จะมี 3 Highlights ได้แก่  

• Chiang Mai Blooms Photo Contest X หอภาพถ่ายล้านนา Chiang Mai

จัดแสดง 1-28 ก.พ. 66 ณ หอภาพถ่ายล้านนา

• Blooms Photo Exhibition นิทรรศการภาพถ่ายจากกิจกรรมประกวดถ่ายภาพ ดอกไม้เชียงใหม่บลูมส์  จัดแสดง 1-28 ก.พ. 66 ณ หอภาพถ่ายล้านนา

ศรชล.ภาค 1 จัดเรือพร้อมชุดแพทย์ฉุกเฉิน ช่วยเหลือลูกเรือประมงเจ็บป่วยกลางทะเล

ตามที่ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ได้รับแจ้งจากสมาคมการประมงสมุทรปราการ ผ่านทางเครือข่ายวิทยุมดดำนาวี ทัพเรือภาคที่ 1 ว่า เรือ ส.สมบูรณ์เจริญพร 7 ขณะทำการประมงอยู่บริเวณทางด้านทิศใต้ของเกาะแสมสาร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี ห่างไปประมาณ 120 ไมล์ มีลูกเรือประมงชื่อ นายหนูจร พิลาน้อย เกิดอาการแขนและขาข้างขวาชา ไม่รู้สึกเจ็บ ปากเบี้ยว แต่ยังพูดพอรู้เรื่อง จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือในการนำเรือไปรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ในขณะเดียวกันทางเรือประมงได้เร่งเก็บกู้อวน เพื่อนำลูกเรือที่ป่วยกลับเข้าฝั่งเช่นกัน เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 4 ก.พ.66 เวลา 18.15 น. 

และในวันนี้ 5 ก.พ.66 เวลา 07.00 น. เรือ ส.สมบูรณ์เจริญพร 7 ได้เดินทางมาถึงบริเวณทางด้านทิศใต้ ระยะประมาณ 30 ไมล์ จากแหลมปู่เจ้า อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 จึงได้จัดเรือ ต.267 จากทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมชุดแพทย์ฉุกเฉิน จากศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทางด้านการแพทย์ ทางทะเลภาค 1 เจ้าหน้าชุดสหวิชาชีพจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จังหวัดชลบุรี ร่วมเดินทางไปกับเรือ เพื่อรับผู้ป่วยกลางทะเล ซึ่งเมื่อเรือ ต.267 ได้เดินทางถึงเรือ ส.สมบูรณ์เจริญพร 7 ณ บริเวณทางด้านใต้แหลมปู่เจ้า ระยะประมาณ 22 ไมล์ ชุดแพทย์ฉุกเฉินได้ทำการตรวจร่างกายในเบื้องต้น สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากอาการเส้นเลือดในสมองตีบ 

เชียงใหม่ ร่วมเป็นกำลังใจให้กับผู้เข้าประกวด Mister Global ครั้งที่ 8 'Inspiring Gentleman'

Mister Global ครั้งที่ 8 'Inspiring Gentleman' สุภาพบุรุษผู้สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม มุ่งรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เรียนรู้ความเป็นไทยสู่การสร้างความสัมพันธ์อันดี และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยและจังหวัดเชียงใหม่ 

MISTER GLOBAL ORGANIZATION และ ALL SOULS INTERNATIONAL Co., Ltd. ได้กำหนดจัดการประกวด The 8th MISTER GLOBAL เวทีการประกวดแกรนด์สแลมระดับโลก เพื่อค้นหาสุภาพบุรุษผู้สร้างแรงบันดาลให้กับคนทั่วโลก โดยมีผู้เข้าประกวดจาก 40 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 2 - 11 กุมภาพันธ์ 2566 ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมืองแห่งความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม 

ซึ่งในปีนี้เชียงใหม่เป็นเมืองเจ้าภาพในการเก็บตัว ซึ่งจะได้จัดให้มีการประกวดรอบ Preliminary และชุดประจำชาติ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 และรอบ Final ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์เชียงใหม่ โดยได้มีการจัดการแถลงข่าวและมอบสะพายให้กับผู้เข้าประกวด ณ ชั้น 6 Nimman Hill ศูนย์การค้า Maya Lifestyle Shopping Center 

เชียงใหม่-นายเดชบุญ มาประเสริฐ ประธานบอร์ด องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ตรวจเยี่ยมสวนสัตว์เชียงใหม่

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ นำทีม ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ประกอบการภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ ให้การต้อนรับ นายเดชบุญ มาประเสริฐ ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมงานที่สวนสัตว์เชียงใหม่ รับฟังการบรรยายผลการดำเนินงาน พร้อมทั้งมอบนโยบายในการดำเนินงานให้กับพนักงานสวนสัตว์เชียงใหม่ ในวันเสาร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารสำนักงานสวนสัตว์เชียงใหม่

โดยช่วงเช้า ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้บรรยายสรุปผลการดำเนินงานประจำปีตั้งแต่ปี2560-2565 สรุปปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานในปีที่ผ่าน รวมทั้งแผนการดำเนินในปี 2566 แจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบ ในโอกาสนี้ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้กล่าว ขอบคุณผู้บริหาร รวมถึงพนักงานทุกคนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาตรวจเยี่ยมสวนสัตว์เชียงใหม่ในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการทราบการทำงานต่างๆ เกี่ยวกับสวนสัตว์ทุกแห่งในสังกัดองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผน ร่วมกับคณะกรรมการฯ และวางเป็นนโยบายต่อไป พร้อมกันนี้ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างสวนสัตว์เชียงใหม่ ร่วมแสดงความยินดีกับประธานฯ เนื่องในโอกาสที่ท่านเข้ารับตำแหน่ง ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย คนใหม่ในปัจจุบัน 

'สื่อไต้หวัน' แฉพฤติกรรม '4 นักแสดงซีรีส์ไทย' มาสาย - กินขนมตอนสัมภาษณ์ - หน้าตาบึ้งตึง

ทำเอาแฟนๆ ซีรีส์ไทยถึงกับตกใจไปตามๆ กัน พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงไปทั่วทั้งสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ภายหลังจากที่หลังสื่อไต้หวันหลากหลายสำนัก ได้ลงข่าวเกี่ยวกับ '4 นักแสดงซีรีส์ไทย' ที่ทำตัวนิสัยไม่น่ารัก

โดยมีรายงานว่า สำนักข่าวต่างประเทศของไต้หวัน ได้ลงข่าวเกี่ยวกับงานมีตติ้ง ของ 4 นักแสดงซีรีส์ไทย ที่ได้เดินทางไปยังไต้หวัน โดยในระหว่างการสัมภาษณ์กับสื่อมวลชวน ได้เกิดปัญหาขึ้นหลายอย่าง ทั้งการที่ นักแสดงทั้ง 4 คน มาให้สัมภาษณ์สายเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง เมื่อมาถึงก็ไม่มีการขอโทษแต่อย่างใด มีเพียงผู้จัดบอกว่า ที่มาสายเพราะมีปัญหาการแต่งหน้าและผมเท่านั้น

'น้องเนย' ลูกสาว 'กวาง กมลชนก' โชว์แสดงโขน รับบท 'นางสุพรรณมัจฉา' ลีลางดงามอ่อนช้อย

ปลื้มอก ปลื้มใจแบบสุด ๆ กันเลยทีเดียว สำหรับสมาชิกครอบครัวเขมะโยธิน หลังมีโอกาสเดินทางไปชมการแสดงโขนของโรงเรียน ชุด หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา ซึ่ง น้องเนย ลูกสาวคนเล็กของบ้าน ได้รับหน้าที่ให้สวมบทบาทเป็น นางสุพรรณมัจฉา

โดย กวาง กมลชนก นักแสดงสาวรุ่นใหญ่ ได้นำเอาบรรยากาศการแสดงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มาโพสต์แบ่งปันให้แฟน ๆ ได้รับชมผ่านอินสตาแกรม @kwang.kamolchanok

พร้อมกับระบุแคปชันบอกเล่าความภูมิใจจากหัวอกคนเป็นแม่ หลังได้เห็นฝีมือการแสดงของลูกสาวในครั้งนี้ ซึ่งมีใจความว่า "ภูมิใจในตัวน้องเนยมาก ขอบพระคุณคุณครูเล็กที่ถ่ายทอดวิชาโขนให้น้องเนยนะคะ", "ดีใจนะคะที่โรงเรียนเรียนนานาชาติร่วมฤดี (RIS) สนับสนุนให้เด็กมีความเป็นไทย อนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทย กวางภูมิใจที่ลูกยอมรับและซึมซับมาได้เป็นอย่างดี"

‘ลุงหนู’ กำชับ ‘สธ. - คมนาคม - ท่องเที่ยว’ อำนวยความสะดวก - ดูแลมาตรการโควิดทัวร์จีน

(5 ก.พ.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) จะเป็นวันแรกที่ทางการจีนจะเริ่มอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ได้ใน 20 ประเทศซึ่งรวมถึงประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้กำชับหน่วยงานในกำกับ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ตรวจความพร้อมในด้านต่างๆ สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ตลอดจนการดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรค

ทั้งนี้ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนประเมินสอดคล้องกันว่านักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะแม้จะมีการอนุญาตให้เดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ไปต่างประเทศ แต่บริษัทท่องเที่ยวที่หยุดดำเนินการมานานเกือบ 3 ปี จะต้องใช้เวลาในการปรับตัว โดยบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ประเมินว่าปริมาณเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทยตลอดปี 66 จะอยู่ที่ 36,896 เที่ยวบิน เพิ่มจากปี 65 ร้อยละ 227.6% หรือ 2 เท่า โดยเที่ยวบินจะเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าจะกลับมาเท่ากับปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้ในปี 67

กาฬสินธุ์จัดใหญ่หนึ่งเดียวในโลกงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ

อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับทุกภาคส่วน จัดงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” โดยเนรมิตสวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง เทศบาลกุดสิม เป็นจุดรวมชนเผ่าผู้ไททั่วภาคอีสาน รวมทั้ง สปป.ลาว และเวียดนาม แสดงอัตลักษณ์และรวมชาติพันธุ์ผู้ไทหนึ่งเดียวในโลก ขานรับนโยบายเปิดบ้านเปิดเมือง และหลักการทำงาน เพื่อพัฒนากาฬสินธุ์ไปสู่เมืองแห่งความร่ำรวย และเมืองแห่งความสุขของผู้ว่าราชการจังหวัด

ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง เทศบาลกุดสิม อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานจัดงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” โดยมีนายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายขัตติยา ชัยมณี วัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ นายธวัช พรมโสภา นายอำเภอเขาวง นางสาววิภาวี บุญเรือง นายก ทต.กุดสิม พร้อมด้วยส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ประชาชนชาวผู้ไท ใน จ.กาฬสินธุ์ ชาวผู้ไทจาก สปป.ลาว และชาวผู้ไทจากประเทศเวียดนาม ร่วมงานพร้อมแสดงศิลปะวัฒนธรรมประจำชนเผ่าของตน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและอบอุ่น ด้วยมิตรไมตรีที่เปี่ยมล้นของชาวผู้ไท

ผบ.ตร.สั่งเยียวยาดูแลสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ ดาบตำรวจ สภ.เวียงชัย ที่ปิดล้อมตรวจค้นแต่ถูกคนร้ายยิงดับ ขณะที่คนร้ายถูกตำรวจตามจับกุมได้แล้ว หลังปิดล้อมนานกว่า 8 ชม.

วันที่ 4 ก.พ.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณี ตำรวจเวียงชัยปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายคดีอาวุธปืน แต่ถูกคนร้ายยิงดับ 1 นายว่า "ก่อนเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เวียงชัยได้รับแจ้งจากประชาชนว่า นายวุฒิไกร เครือสาร ผู้ต้องหา มีพฤติกรรมชอบใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ชาวบ้าน และน่าจะเกี่ยวข้องคดียาเสพติด จึงขอหมายค้น

"ต่อมาวันที่ 4 ก.พ.66 เวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงชัย นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย อาวุธปืนของ นายวุฒิไกร ผู้ต้องหา ที่บ้านเลขที่ 49 หมู่บ้าน ชัยภูมิ หมู่ 10 ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จว.เชียงราย ขณะเข้าแสดงหมายค้น พบ บิดามารดาอยู่ภายในบ้าน ส่วน นายวุฒิไกร เครือสาร วิ่งออกจากหลังบ้าน ด.ต.เปรม ตั๋นตุ้ย ผบ.หมู่สืบสวน สภ.เวียงชัย ผู้ตาย วิ่งตาม และ มีตำรวจอีกนายติดตาม จากนั้น ได้ยินเสียงปืน 4 นัด ด.ต.เปรม ตั๋นตุ้ย ถูกยิง ศีรษะ 1 นัด ท้องอีก 1 นัด นอนเสียชีวิต กลางทุ่งนา ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 300 เมตร ส่วน นายวุฒิไกร วิ่งหลบหนีเข้าป่าไป

"หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการไปยัง พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายในคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นบุคคลอันตราย เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยต่อประชาชน และกำชับการปฏิบัติตามยุทธวิธี ให้กำลังพลเกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามจับกุมคนร้าย

"จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. หลังปิดล้อมนานกว่า 8 ชม. ตำรวจสามารถจับกุม นายวุฒิไกร เครือสาร ได้ ซึ่งหลบหนีห่างจากที่เกิดเหตุไปตามชายป่ากว่า 1 กม."

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยมิจฉาชีพส่งลิงก์ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันหน่วยงานของรัฐ อ้างโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย กรณีมิจฉาชีพส่งลิงก์ให้ประชาชน หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันหน่วยงานของรัฐ อ้างโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ ดังนี้...

ที่ผ่านมา บช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการประชาสัมพันธ์ ออกมาแจ้งเตือนประชาชนอยู่บ่อยครั้ง กรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่งข้อความสั้น (SMS) หรือโทรศัพท์ไปยังประชาชน หลอกลวงให้เพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ แล้วส่งลิงก์ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของกรมสรรพากรปลอม ซึ่งแฝงมากับมัลแวร์ (Malware) หรือโปรแกรมประสงค์ร้ายที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อทำอันตรายกับข้อมูลในระบบ เช่น ทำให้โทรศัพท์ของเหยื่อทำงานผิดปกติ ขโมยหรือทำลายข้อมูล หรือเปิดช่องทางให้มิจฉาชีพเข้ามาควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่อได้ รวมไปถึงหลอกลวงให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ตั้งรหัส PIN จำนวน 6 หลัก โดยประชาชนส่วนใหญ่มักจะใช้ชุดเลขรหัสเดียวกันกับรหัสแอปพลิเคชันของธนาคาร ทำให้มิจฉาชีพนำรหัสดังกล่าวไปใช้โอนเงินออกจากบัญชีของเหยื่อได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้มิจฉาชีพมักจะอ้างว่าเพื่อเป็นการตรวจสอบรายได้ของท่าน หรือเป็นการแจ้งเตือนให้ชำระภาษี หรือให้ทำการยกเลิกเสียภาษีจากโครงการของรัฐบาล หรืออ้างว่าเป็นการขอใช้โครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ หรืออ้างว่าสามารถช่วยเหลือไม่ให้เสียภาษีย้อนหลังได้ ผ่านแอปพลิเคชันกรมสรรพากรปลอมดังกล่าว เป็นต้น

แต่ในปัจจุบันยังคงพบว่ามีประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ล่าสุด กรณีผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมประชาสัมพันธ์ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ออกอุบายให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันของกรมสรรพากรปลอม เพื่อเป็นการขอใช้โครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปศาลากลางจังหวัด กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเสียเงินกว่า 2 ล้านบาท เป็นต้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออ้างโครงการของรัฐ ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชาผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า การหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในแผนประทุษของมิจฉาชีพที่นำมาใช้ในการหลอกลวงประชาชน มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อเข้าแจ้งความผ่านเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่มิจฉาชีพจะปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปตามสถานการณ์ หรือวันเวลาให้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ นอกจากนี้สิ่งแรกๆ ที่มิจฉาชีพมักจะทำก่อนการหลอกลวงเสมอ คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานต่างๆ ตั้งรูปหน่วยงานนั้นๆ เป็นโปรไฟล์แอปพลิเคชันไลน์ใช้ในการพูดคุยกับเหยื่อ หรือใช้ข้อมูลที่มิจฉาชีพรู้บอกเหยื่อก่อน เช่น บอกว่าเหยื่อใช้โครงการคนละครึ่ง หรือบอกหมายเลขโทรศัพท์เหยื่อได้ถูกต้อง เป็นต้น นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพมักจะประกอบอาชีพค้าขาย เกี่ยวข้องกับการเสียภาษี โดยมิจฉาชีพจะอาศัยความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง

อย่างไรก็ตาม บช.สอท. ยังคงมุ่งมั่นปราบปราม กดดัน จับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และขอฝากไปยังภาคประชาชนช่วยแจ้งเตือนบุคคลใกล้ชิด หรือรายงานไปยังหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว เพราะเมื่อเหยื่อโอนเงินไปยังบัญชีม้าของมิจฉาชีพแล้ว เงินดังกล่าวจะถูกโอนต่อไปอีกหลายๆ บัญชีอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการถูกอายัดเงินในบัญชี จึงเป็นเรื่องยากที่จะนำเงินของเหยื่อกลับคืนได้ทันท่วงที

​ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกัน 10 ข้อ ดังต่อไปนี้...

1.ไม่กดลิงก์ใดๆ ที่เเนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือกดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟล์ .APK เพราะอาจเป็นการดักรับข้อมูล หรือการฝังมัลแวร์ (Malware) ของมิจฉาชีพ

2.ไม่ติดตั้งโปรแกรม หรือแอปพลิเคชันที่ผู้อื่นส่งมาให้โดยเด็ดขาด แม้จะเป็นโปรแกรม หรือแอปพลิเคชันที่รู้จักก็ตาม เพราะอาจเป็นแอปพลิเคชันปลอม โดยหากต้องการใช้งานให้ทำการติดตั้งจากแหล่งที่เชื่อถือ และเป็นทางการเท่านั้น เช่น App Store หรือ Play Store

3.โดยปกติ หน่วยงานภาครัฐไม่มีนโยบายที่จะติดต่อประชาชนทางโทรศัพท์หรือ การส่งข้อความสั้น (SMS) หากมีการติดต่อให้ขอรายละเอียดที่เกี่ยวข้องไว้เพื่อติดต่อกลับหน่วยงานนั้นๆ ด้วยตนเอง และตรวจสอบนโยบายของหน่วยงานนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร

4.ระมัดระวังแอปพลิเคชันที่ขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เช่น ขอเข้าถึงอัลบั้มรูปภาพ, ไมโครโฟน, ตำแหน่งที่ตั้ง, หมายเลขโทรศัพท์, รายชื่อผู้ติดต่อ เป็นต้น โดยควรอนุญาตให้เข้าถึงเท่าที่จำเป็น

5.หากท่านติดตั้งแอปพลิเคชันในลักษณะดังกล่าวแล้ว ให้รีบเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) หรือปิดเครื่องเพื่อตัดสัญญาณไม่ให้โทรศัพท์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ หรือทำการถอดซิมโทรศัพท์ออก จากนั้นเข้าไปติดต่อกับศูนย์บริการโทรศัพท์ที่ท่านใช้งานอยู่

6.ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินใดๆ ลงในลิงก์ หรือแอปพลิเคชันที่เข้ามาในลักษณะดังกล่าวโดยเด็ดขาด

7.หมั่นติดตามข่าวสารจากทางราชการ หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ที่ส่งต่อกันมาผ่านสื่อสังคมออนไลน์

8.โดยปกติประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิ วิธีการใช้งาน และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ที่เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com โดยให้เพิ่มความระมัดระวังในการสังเกตชื่อเว็บไซต์อย่างละเอียดป้องกันการเข้าสู่เว็บไซต์ปลอมของมิจฉาชีพ

'อลงกรณ์' ย้ำชัด!! สร้างโอกาส ก้าวข้ามทุกวิกฤต เร่งต่อยอดส่งเสริมเกษตรกรประมง มุ่งพัฒนาผลผลิต แปรรูปสัตว์น้ำสร้างแบรนด์ ทำตลาดแนวใหม่

'อลงกรณ์' ย้ำชัด!! สร้างโอกาส ก้าวข้ามทุกวิกฤต เร่งต่อยอดส่งเสริมเกษตรกรประมง มุ่งพัฒนาผลผลิต แปรรูปสัตว์น้ำสร้างแบรนด์ ทำตลาดแนวใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร นำทีมประมงปล่อยปลาตะเพียน 2 แสนตัวลงแม่น้ำเพชรบุรีแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมหนุน 'ปลาเวียน' ลุยตลาดปลาสวยงามสร้างอาชีพรายได้ใหม่ให้ประชาชน

(4 ก.พ.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ว่า ผลพวงจากวิกฤตสถานการณ์โรคโควิด19 และสงครามยูเครนเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจทุกด้านรวมทั้งพี่น้องเกษตรกร ทั้งผลกระทบจากราคาปุ๋ย อาหารสัตว์ ที่มีราคาพุ่งสูงขึ้น รัฐบาลมีความเป็นห่วงความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะเรื่องปากท้องและอาชีพจึงเร่งหาแนวทางก้าวข้ามวิกฤตต่างๆโดยสร้างโอกาสใหม่ๆใช้วิกฤตเป็นโอกาส ในทุกด้าน เช่นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ โดยปล่อยปลาตะเพียน 2 แสนตัวลงสู่แม่น้ำเพชรบุรีในวันนี้

รวมทั้งการสนับสนุนองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นกว่า 2,800 องค์กรใน 50 จังหวัดรวมทั้งจังหวัดเพชรบุรีสนับสนุนงบประมาณองค์กรละ 1 แสนบาทพัฒนาต่อยอดการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร สร้างแบรนด์ เดินหน้าการตลาดแนวใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์และรังสรรค์เมนูเด็ดเพชรบุรี สร้างมูลค่าเพิ่ม เสริมการท่องเที่ยวสนับสนุน ซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) เติมรายได้แก้ปัญหาหนี้สิน เน้นการพัฒนาชุมชน เพื่อชุมชน พร้อมหนุน 'ปลาเวียน' ปลาประจำจังหวัดเพชรบุรีที่กรมประมงสามารถพัฒนาเพาะพันธุ์ได้แล้วมีความสวยงามอย่างมากสามารถเข้าสู่ตลาดปลาสวยงามที่กำลังเติบโตช่วยสร้างอาชีพรายได้ใหม่ให้ประชาชน

หลังจากนั้นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำผู้เข้าร่วมกิจกรรมปล่อยปลาตะเพียน ลงในแม่น้ำเพชรบุรี และเยี่ยมชมผลผลิตพี่น้องเกษตรกร มีทั้งอาหารแปรรูป อาหารสดหลากชนิด พร้อมทั้งส่งมอบพันธุ์ปลาให้ผู้แทนทุกชุมชนได้นำไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อเป็นประโยชนแก่ประชาชนต่อไป

ทางด้าน นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่เห็นความสำคัญ สนับสนุนให้เกษตรกรและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สร้างความตระหนักถึงคุณค่าการฟื้นฟูแหล่งน้ำ ด้วยการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแม่น้ำเพชรบุรี และแหล่งน้ำธรรมชาติ การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจืด นับเป็นวิธีการหนึ่ง ที่ช่วยให้ทรัพยากรน้ำและสัตว์น้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ให้มีประชากรสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น ช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

สำหรับงาน 'กิจกรรมเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและสร้างการรับรู้สู่เกษตรกรด้านประมงจังหวัดเพชรบุรี' พร้อมด้วยแขกผู้เกียรติ อาทิ นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุธา เภรีภาส ที่ปรึกษากรมประมง นายสมบุญ ธัญญาผล ประมงจังหวัดเพชรบุรี นายประสูติ หอมบรรเทิง นายอำเภอเมืองเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการกรมประมง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เกษตรกร ชาวประมง และพี่น้องประชาชนจังหวัดเพชรบุรี เข้าร่วมกิจกรรม รวมจำนวน 200 คน ณ บริเวณแม่น้ำเพชรบุรี หลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี โดยสำนักงานประมงจังหวัดเพชรบุรี และหน่วยงานภายใต้สังกัดกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายในจังหวัดเพชรบรี จัดกิจกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำลงในแม่น้ำเพชรบุรีและแหล่งน้ำธรรมชาติ ตลอดจนการสร้างการรับรู้สู่เกษตรกร ชาวประมง และประชาชนเกี่ยวกับงานด้านประมง ตามนโยบาย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการการเสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ และช่วยเหลือเกษตรกรชาวประมงที่ประสบปัญหาในการประกอบอาชีพด้านประมง โดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลผลิตสัตว์น้ำ ช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงได้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น มีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ทั้งนี้ ภายใต้กิจกรรมภายในงาน มีการสนับสนุนพัฒนาทักษะการขาย การแปรรูป และการบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการประกอบอาชีพให้เกิดความมั่นคงในระยะยาว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top