Monday, 28 April 2025
NEWS

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มอบน้ำดื่ม 3,000 ขวด สนับสนุนการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ประจำปี 2566

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 นายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ มอบน้ำดื่มตราสัญลักษณ์ ทอท.จำนวน 3,000 ขวด ให้แก่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 โดยมีนายสิทธิชัย เสรีส่งแสง รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นผู้รับมอบ ณ ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งน้ำดื่มดังกล่าว จะนำไปใช้สนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน่วยงานภาคสนามในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ท้องที่จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน และข้างเคียง ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และพื้นที่พิเศษ เช่น พื้นที่รอบพระตำหนักเรือนประทับแรม และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้น ไม่ให้กระทบต่อประชาชนในด้านสุขภาพ ตลอดจนเศษรฐกิจและการท่องเที่ยว

สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีครั้งที่ 1/2566

เมื่อวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ระหว่างเวลา 14.00 น. - 16.00 น. คณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ชุดปัจจุบันสมัยที่ 22 ในวาระการดำรงตำแหน่ง การบริหารกิจการสมาคมฯ ระหว่างปี พ.ศ.2565 - 2567 โดย นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายสมาคมฯ ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2566 โดยเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่ง นายกสมาคมฯ เพื่อแถลงนโยบายการบริหารงาน แนะนำ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และ คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ กิจกรรมของสมาคมฯ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะแนวทาง ข้อแนะนำในการบริหารงาน ณ ห้องประชุม โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่

นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ มีวิสัยทัศน์ ยกระดับการประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ไปสู่ความยั่งยืน เพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่  เพิ่มแหล่งท่องเที่ยว
เพิ่มช่องทางรายได้ให้กับสมาชิกสมาคมฯ เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกสมาคมฯ

สำหรับกลยุทธ์ เพิ่มช่องทางรายได้ให้กับสมาชิก โดยการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว และการจัด Event มากขึ้นเพื่อประโยชน์ของสมาชิกสมาคมฯ ให้มากที่สุด การเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว ดำเนินการติดต่อประสานงานในการเพิ่มปริมาณสายการบินตรงจากต่างประเทศเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มการประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ โดยประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยว 25 อำเภอ เพื่อให้ครอบคลุมทั้งระดับพื้นที่และระดับเมืองจัดทำแพ็คเกจการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ที่มีความหลากหลายและเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพื่อตอบโจทย์ในทุกตลาด 

อีกทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกให้คำปรึกษาและอัพเดทข้อมูลทางการตลาดให้กับสมาชิก จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดให้ทันสมัย พัฒนาเว็บไซต์สมาคมฯ ให้ทันสมัยเพื่อเป็นพื้นที่กลางในการแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก เพื่อการประชาสัมพันธ์ธุรกิจให้เป็นที่น่าเชื่อถือและมีความเป็นสากลมากขึ้น รวมถึงเป็นช่องทางในการติดต่อกับองค์กรทั้งในและต่างประเทศ Line Official

สำหรับแผนการปฏิบัติงาน (Action Plan) การสร้างสินค้าและบริการการท่องเที่ยวใหม่ๆ เสริมภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยการนำจุดแข็งด้านวัฒนธรรมที่มีอยู่ดั้งเดิมมาผสมผสานให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน จัดให้มีกิจกรรมการตักบาตรเช้าทุกวันเสาร์ รอบองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ อายุกว่า600 ปี วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ในเวลา 07.00 น. โดยจะเริ่มวันเสาร์ที่ 11 ก.พ.2566 เป็นเสาร์แรก ภายใต้ชื่องานประเพณีตักบาตรโซติกา วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร  สืบสานประเพณี เสริมมงคลรับปีเถาะ” กิจกรรม ที่วัดป่าดาราภิรมย์ เป็นการแสดง แสง สี วัฒนธรรม ศิลปะ  เพื่อทำให้กับนักท่องเที่ยวได้เข้าในวัดในช่วงเย็นจนถึง 21.00 น.
เพื่อสร้างจุดขายและดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

โรงเรียนเล็กๆ มีเด็กแค่ 51 คนในนครพนม ชนะเลิศการแข่งขันหนังสั้น 'ระดับชาติ'

(7 ก.พ. 66) นายอรินทร์ ใจแน่น ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสีชมพูมิตรภาพที่ 164 หมู่ที่ 2 บ้านโพนสนุก ตำบลสีชมพู อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 (สพป.นครพนม เขต 1) ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กชื่อ Rong Arin Jainan ว่า....

“ผมคงอดที่จะดีใจและภาคภูมิใจไม่ได้ เมื่อประกาศผล การแข่งขันภาพยนตร์สั้น ระดับ ป.1-6 ระดับชาติ ครั้งที่ 70 จ.ร้อยเอ็ด ที่ภาพยนตร์สั้น เรื่อง Need Phone : #เยาวชนรู้ทันห่างไกลภัยโซเชียล ผลงานของโรงเรียนบ้านสีชมพูมิตรภาพที่ 164 โรงเรียนเล็ก ๆ มีเด็กแค่ 51 คน และบุคลากรรวม 9 คน สามารถ #คว้ารางวัลชนะเลิศ เหนือโรงเรียนอื่น ๆ จาก 61 ทีมตัวแทนเขตพื้นที่ ใน 20 จังหวัดทั่วภาคอีสาน

จริง ๆ แล้วการทำภาพยนตร์สั้น ไม่ใช่ครั้งแรกของ มิตรภาพ 164 เราเคยร่วมแข่งขัน ภาพยนตร์สั้นโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.ระดับเขตพื้นที่ แม้จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ครั้งนั้นคือจุดเริ่มต้น ที่ผลักให้เราก้าวต่อ

#หายเหนื่อย เป็นคำที่ดีและน่าจะเหมาะสมที่สุดในเวลานี้ ผมในฐานะผู้อำนวยการฯ และยังทำหน้าที่ผู้ฝึกสอน ได้เห็นความตั้งใจของครู บุคลากร และที่สำคัญคือนักเรียน ทั้ง #ทีมสร้าง #ทีมแสดง #ทีมสนับสนุน ความร่วมมือจากชุมชน ผู้ปกครอง ทั้งร่วมแสดง เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายทำ ผลการแข่งขันออกมาแบบนี้ ทุกคนย่อมดีใจ และน่าจะส่งเสริมความร่วมมือที่ดีขึ้นไปอีกระดับ ระหว่างชุมชนและโรงเรียน

ที่ผ่านมาหลายอย่างตัดสินใจทำไปก่อน บอกครูทีหลัง เพื่อให้งานเดิน ซึ่งเกิดมาจากมุมมอง ประสบการณ์ที่พอมีอยู่บ้าง ทั้งหมดนั้นเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด พร้อมที่สุด และแตกต่างจากทีมอื่นที่สุด

สุดท้ายแล้ว คืนนี้ ครู นักเรียน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้ปกครองทุกคน ชุมชนและคนที่รักเรา คงสุขเล็ก ๆ ในมุมเล็ก ๆ ของพวกเรา #ขอบคุณทุกๆคนครับ”

ทั้งนี้ ภาพยนตร์สั้น เรื่อง Need Phone : #เยาวชนรู้ทัน ห่างไกลภัยโซเชียล เป็นผลงานของ รร.บ้านสีชมพูมิตรภาพที่ 164 อ.นาแก จ.นครพนม เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็กนักเรียนแค่ 51 คน และบุคลากรรวม 9 คน แต่ด้วยความวิริยะอุตสาหะจึงสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ เหนือโรงเรียนอื่น ๆ จาก 61 ทีม ตัวแทนเขตพื้นที่ ใน 20 จังหวัดทั่วภาคอีสาน

ซึ่งก่อนจะเดินมาถึงวันนี้ โรงเรียนบ้านสีชมพูมิตรภาพที่ 164 เคยฝึกซ้อมนักเรียนและส่งผลงานเข้าแข่งขัน การทำภาพยนตร์สั้นโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.ระดับเขตพื้นที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 แม้จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ครั้งนั้นคือจุดเริ่มต้น ที่ผลักดันให้ครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านสีชมพูมิตรภาพที่ 164 ศึกษาแนวทางการสร้างภาพยนตร์สั้น เพื่อแข่งขันในรายการอื่น ๆ จนประสบความสำเร็จในที่สุด

โดยโรงเรียนบ้านสีชมพูมิตรภาพที่ 164 'อนุสรณ์นายสุนันท์ ขันอาสา' ตั้งอยู่ในเขตบ้านโพนสนุก หมู่ 2 ต.สีชมพู อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งในอดีตอยู่ใกล้เทือกเขาภูพานน้อย เป็นพื้นที่สีแดงในการสู้รบระหว่างรัฐบาลไทยกับคอมมิวนิสต์ เดิมนักเรียนในหมู่บ้านต้องไปเรียนกันที่โรงเรียนบ้านเหล่าทุ่ง ต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2516 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมในขณะนั้น คือ นายสุนันท์ ขันอาสา ได้มีโครงการออกเยี่ยมประชาชนในเขตตำบลพิมาน ซึ่งจุดนัดพบ ณ โรงเรียนบ้านเหล่าทุ่ง และเป็นโอกาสดีของคณะกรรมการหมู่บ้านเหล่าทุ่ง นำโดยท่านพระครูบุญกิจโกศล ได้นำเสนอโครงการแยกโรงเรียนบ้านเหล่าทุ่งออกเป็น 2 แห่ง เนื่องจากหมู่บ้านโพนสนุกห่างจากโรงเรียนบ้านเหล่าทุ่งมากกว่า 2 กิโลเมตร

'จนท.' ช่วยเด็กหญิงวัย 1 ขวบ ตกท่อลึก 15 เมตร สำเร็จแล้ว หลังใช้เวลากว่า 19 ชม. เร่งนำตัวส่ง รพ.ทันที

(7 ก.พ. 66) เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ เด็กหญิงวัย 1 ขวบ 7 เดือน ชาวเมียนมา เดินพลัดตกลงไปในหลุมบ่อบาดาล ลึก 15 เมตรได้สำเร็จแล้ว เร่งนำตัวเด็กหญิงออกมาจากหลุมส่ง รพ.

จากกรณี เกิดเหตุการณ์สุดระทึกเมื่อเด็กหญิงวัย 1 ขวบ 7 เดือน ชาวเมียนมา เดินพลัดตกลงไปในหลุมบ่อบาดาลและติดค้างในหลุมกว้าง 1 ฟุต ลึก 15 เมตร บริเวณในไร่สวนเกษตร หลักกิโลเมตรที่ 48 ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 โดยหน่วยกู้ภัยพยายามช่วยชีวิตเด็กออกมากันอย่างเร่งด่วนตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ ยังมีการใช้รถแบคโฮขุดหลุมให้กว้างลึกไปกว่า 10 เมตร

มอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี คืบหน้าแล้ว 88% คาดเปิดให้บริการปี 68 ช่วยเชื่อมเมืองสู่ตะวันตก

(6 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ว่า ปัจจุบันโครงการ มีความคืบหน้าด้านงานโยธาก่อสร้างแล้วเสร็จ 13 สัญญา จาก 25 สัญญา ภาพรวมคืบหน้าไปมากกว่า 88 %

ส่วนงานระบบหรือ O&M มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องโดยเข้าพื้นที่ทั้งหมด 8 ด่านเป็นที่เรียบร้อย ประกอบด้วย ด่านบางใหญ่, ด้านศีรษะทอง, ด่านนครชัยศรี, ด้านนครปฐม ฝั่งตะวันออก, ด่านนครปฐม ฝั่งตะวันตก, ด่านท่ามะกา, ด่านท่าม่วง ภาพรวมคืบหน้า 12%

สำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี มีพื้นที่ผ่าน 3 จังหวัด คือ จ.นนทุบรี จ.นครปฐม และ จ.กาญจนบุรี ระยะทาง 96.41 กิโลเมตร  วงเงินลงทุน 61,034 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางและส่งเสริมระบบขนส่ง โลจิสติกส์ และการท่องเที่ยว

‘สรเทพ สตีฟ’ ส่งจดหมายถึง ‘เว็บไซต์ TasteAtlas’ ร่าย ‘แกงส้ม’ อาหารไทยโบราณ ขั้นตอนการทำพิถีพิถัน

(6 ก.พ. 66) เมื่อหลายวันก่อน ชาวเน็ตต่างติด #SAVEแกงส้ม กันรัวๆ หลังเว็บไซต์ TasteAtlas จัดอันดับให้เมนูแกงส้ม เป็นเมนูยอดแย่อันดับที่ 12 

ล่าสุด เพจ ‘Steve Cafe & Cuisine Dhevet Branch’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยระบุว่า…

สวัสดีครับ แอดมินเว็บไซต์ TasteAtlas

ผม สรเทพ สตีฟ CEO บริษัท สตีฟ กรุ๊ป (ไทยแลนด์) ซึ่งทำร้านอาหารไทยมานาน และ รักในอัตลักษณ์ รากเหง้าอาหารไทยมาก 

ผบ.ตร.สั่งเข้มทุกหน่วย ปฏิบัติตามกฎเหล็กจุดตรวจ ตำรวจแต่งเครื่องแบบ มี bodycam บันทึกข้อมูลด่าน ใช้วาจาสุภาพ แม่นกฎหมาย นำหลักรัฐศาสตร์มาช่วยในการตรวจตรานักท่องเที่ยวเพื่อสร้างภาพลักษณ์บรรยากาศการท่องเที่ยวที่ดี พร้อมสั่งคุมอบายมุขทุกประเภท ห้ามปล่อยปละละ

วันนี้ (6 ก.พ.66) เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมทางไกลผ่านระบบออนไลน์ ร่วมกับ ผบช., ผบก.,รอง ผบก. และ หน.สถานี หน่วยต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจการตั้งด่าน จุดตรวจ จุดสกัด การลงข้อมูลในระบบ TPCC การเสริมสร้างทางวินัยคุมเข้มการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่และอบายมุขทุกประเภท ในที่ประชุม ผบ.ตร.สั่งการให้หน่วยปฏิบัติตามหนังสือบันทึกข้อความด่วนที่สุดที่ 0007.22/438 ลงวันที่ 2 ก.พ. 66 เรื่อง กำชับการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด 
 

โดยเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดทุกนายแต่งเครื่องแบบและติดกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบดิจิทัล (Police Body Camera) ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติ ให้บันทึกภาพและเสียงขณะตรวจไว้ตลอดเวลา แล้วนำไปจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของหน่วยในโอกาสแรกหลังเลิกการปฏิบัติ โดยเก็บไว้ไม่น้อยกว่า 20 วัน การตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และจุดตรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ต้องได้รับอนุมัติจาก ผบก. ขึ้นไปทุกครั้ง

กำชับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ ให้ทุกหน่วยลงข้อมูลในสารสนเทศของ ตร. (Thai Police Checkpoint Control : TPCC) ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. บช. หรือ ภ. และ บก. หรือ ภ.จว. ออกสุ่มตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดให้เป็นไปตามแนวทางที่ ตร.กำหนด หากตรวจพบให้แนะนำ ตักเตือน ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ติดตามผลการปรับปรุงแก้ไขในกรณีดังกล่าวด้วย  พร้อมให้ จต. สุ่มตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ โดยนำข้อมูลจุดบกพร่อง ปัญหาที่พบเข้าที่ประชุมบริหารระดับภาค หรือ ตร. เพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

หากมีกรณีร้องเรียน ปรากฏเป็นข่าว หรือปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ และผลการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหรือเรียกรับสินบน ให้พิจารณาดำเนินการทางวินัย อาญา และปกครอง แล้วแต่กรณีกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และพิจารณาข้อบกพร่องของผู้บังคับบัญชาผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมกำกับ ดูแล จนถึง หน.สถานี หรือ ระดับ บก.หรือ ภ.จว. ที่ปล่อยปละละเลย แล้วแต่กรณีด้วย 

ผบ.ฉก.นราธิวาส ส่งมอบบ้านตามโครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข' เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนที่มีฐานะยากจนให้ได้รับความสุข และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

(6 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 1 ตำบลมะรือโบตก อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ส่งมอบบ้าน ตามโครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข' ให้กับ นางสาวยุวนี ธยามานนท์ ซึ่งเป็นประชาชนที่มีฐานะยากจน และให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ และหน่วยของรัฐเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตสร้างขวัญและกำลังใจ เพิ่มพูนความสุข ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยมี พันเอก ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ปลัดอำเภอระแงะ นายกเทศมนตรีตำบลมะรือโบตก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อิหม่ามประจำตำบล และประชาชน เข้าร่วมในพิธี

สำหรับ โครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสซ่อมสร้าง ปันสุข' เกิดขึ้นโดยสืบเนื่อง จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ส่งผลกระทบในด้านความปลอดภัย และจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ในการประกอบอาชีพ ทำให้ขาดแคลนรายได้ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส จึงกำหนดครอบครัวเป้าหมายที่มีความยากจน หรือเป็นพี่น้องประชาชนครอบครัว ไทยพุทธ และไทยมุสลิมในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในพื้นที่ ซึ่งมีฐานะยากจนและมีจิตสาธารณะ ในพื้นที่รับผิดชอบ จำนวน 10 อำเภอ ของจังหวัดนราธิวาส โดยได้ดำเนินโครงการการซ่อมสร้างบ้าน ประจำปีงบประมาณ 2566 จำนวน 12 หลัง ซึ่งหลังนี้ เป็นหลังแรก โดยจะดำเนินการซ่อม หรือสร้างบ้าน ให้กับประชาชนในพื้นที่ ที่มีฐานะยากจน ไม่มีที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และสร้างทัศนะคติที่ดี ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ 

'จ๊ะ นงผณี' โพสต์เดือด กรณี 'เอ๊ะ จิรากร' โดนต่อย เผย เคยโดนสาดเบียร์ใส่ แต่ตนเขวี้ยงกระป๋องเบียร์กลับ

(6 ก.พ. 66) กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในแวดวงศิลปินเลยทีเดียว หลังจากที่ 'เอ๊ะ จิรากร สมพิทักษ์' นักร้องชื่อดัง ถูกชายใส่เสื้อขาว เมาอาละวาด สาวหมัดใส่หน้า ระหว่างร้องเพลงในผับแห่งหนึ่ง โดย เอ๊ะ จิรากร เตรียมแจ้งความหนุ่มรายดังกล่าวในวันที่ 7 ก.พ. นี้

ล่าสุด 'จ๊ะ นงผณี มหาดไทย' ก็ได้ออกมาเปิดใจผ่าน facebook ส่วนตัว 'นงผณี มหาดไทย' ถึงกรณีดังกล่าว วอนให้เกียรติกัน เพราะศิลปินก็คน ก่อนเล่าว่าตัวเองก็เคยโดนเอาเบียร์สาด แต่แรงมาแรงกลับจ้า

“ศิลปิน ก็คือ คนนะคะ.. ให้เกียรติกันบ้าง อย่าหาทำอะไรแรง ๆ เลย ให้คิดไว้เสมอ เราไม่ชอบอะไร ก็อย่าไปทำแบบนั้นกับใคร!!! ส่วนทีมจ๊ะ แรงมา แรงกลับ ตำนานคนข้างหน้าเวทีสาดเบียร์ใส่ฉัน แล้วฉันเอากระป๋องเบียร์ปาหัวเขากลับ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ฉันบอกเลย ตั้งแต่มีคลิปนั้นออกไป ฉันไม่ค่อยได้เจอ คนแรง ๆ หน้าเวทีเลย มีบ้างที่ปากไม่ดี มั่นหน้า ด่าฉันหน้าเวที แต่ฉันด่ากลับดังกว่าค่ะ เพราะฉันมีไมค์ 😂🤣”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลง่วนเซียว ประจำปี 2566 ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

วานนี้ (วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ผู้ช่วยกรรมการ ร่วมในพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลง่วนเซียว และเริ่มประกอบพิธีสงฆ์ สวดชัยมงคลคาถา (พะเก่ง) ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ 

'หมอยง' เผย 'โควิด 'เข้าสู่โรคประจำฤดูกาล แนะ!! ฉีดวัคซีนประจำปีป้องกันระบาด

(6 ก.พ. 66) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

โควิด 19 end game โดยเข้าสู่โรคประจำฤดูกาล

โรคโควิด 19 ไม่ได้หายไปไหน และน่าจะสิ้นสุดด้วยการเปลี่ยนเป็นโรคประจำฤดูกาลต่อไป 

ในปีที่ 4 นี้ การนับยอดผู้ป่วยติดเชื้อ ไม่เกิดประโยชน์ เพราะตัวเลขที่รายงานต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ขณะนี้ทั่วโลกน่าจะมีการติดเชื้อมากกว่าร้อยละ 70 หรือประมาณ 5 พันล้านคน ตัวเลขที่รายงานการติดเชื้อทั่วโลกมีประมาณเกือบ 700 ล้านคน ต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 10 เท่า ประเทศไทยก็ไม่ได้รายงานตัวเลขติดเชื้อแล้ว รายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตเท่านั้น 

องค์การอนามัยโลกคงจะเลิกนับตัวเลขในเร็ว ๆ นี้ หลังจากการระบาดในประเทศจีนลดลง (เพราะส่วนใหญ่ติดเชื้อแล้ว)

ความรุนแรงของโรคลดลงมาโดยตลอด ผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 80 เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว จะไม่มีการย้อนไปปิดบ้านปิดเมืองอีกแล้ว 

วัคซีน โดยเฉพาะ mRNA ตลาดควรเป็นของผู้ซื้อ วัคซีนมีอายุสั้น และขวดหนึ่ง ยังมีจำนวน 7-10 โดส จึงยากต่อการใช้ ให้มีการสูญเสียทิ้งให้น้อยที่สุด ประกอบกับมีราคาแพง มีอาการแทรกซ้อนที่พบได้ มากกว่าวัคซีนที่ใช้ในอดีต และในอนาคตเมื่อเทียบกับความรุนแรงของโรค จึงเป็นการยากที่ประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึง ความจำเป็นที่จะต้องฉีดทุก 4-6 เดือนไม่มีอีกแล้ว เมื่อเข้าสู่โรคประจำฤดูกาล การให้วัคซีนจะเหลือปีละ 1 ครั้ง การนัดคนมาฉีดพร้อมกันเพื่อลดการสูญเสียของวัคซีนจะทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะวัคซีนมีอายุสั้น การเก็บรักษายุ่งยาก ใช้อุณหภูมิติดลบ ยิ่งทำให้ราคาแพงขึ้น การให้ได้วัคซีนตรงกับสายพันธุ์ยิ่งยากเข้าไปอีก เพราะการพัฒนาต้องมีต้นทุนสูงและเมื่อพัฒนาขึ้นมาแล้วไวรัสก็เปลี่ยนสายพันธุ์ไปอีก 

‘จีเอ็มเอ็ม’ แจง ปมสื่อไต้หวันจวก 4 นักแสดง ชี้ ‘ไฟล์ทดีเลย์-สื่อสารพลาด’ ขอน้อมรับผิด

ดรามาข้ามประเทศเลยทีเดียว หลังสื่อไต้หวันรายงานข่าว 4 นักแสดงไทยจากซีรีส์ F4 Thailand ที่นำแสดงโดย ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี, วิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร, นานิ หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ และ ดิว จิรวรรตน์ สุทธิวณิชศักดิ์ ทำตัวไม่น่ารัก มาสายกว่า 1 ชั่วโมง ทานขนมระหว่างสัมภาษณ์ หน้าบึ้ง ทีมงานสั่งห้ามถ่ายรูป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงาน Shooting Star Asia tour in Thailand จนกลายเป็นประเด็นร้อนระอุอยู่ในขณะนี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทางบริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ต้นสังกัดของ 4 นักแสดงหนุ่ม ได้ออกแถลงชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าว ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากไฟล์ทบินดีเลย์ ขอน้อมรับผิด จะระมัดระวังไม่ให้เหตุการณ์นี้อีก

จากกรณีที่มีการพูดถึงในสื่อโซเชียลเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของนักแสดง ที่กรุงไทเป เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัทขอชี้แจงดังต่อไปนี้

1.) ประเด็นเรื่องการมาสัมภาษณ์ล่าช้า การสัมภาษณ์ได้เกิดการล่าช้ากว่ากำหนดการจริง เนื่องมาจากไฟล์ทบินดีเลย์ จึงทำให้สัมภาษณ์ล่าช้ากว่าเวลาที่นัดหมาย โดยทางผู้จัดงานได้แจ้งกับนักข่าวให้ทราบล่วงหน้าแล้ว ทั้งนี้บริษัทขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นมา ณ ที่นี้

‘เพจจอดับ’ แชร์เรื่อง หนุ่มวัย 40 เสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน เคยเปรย “คงต้องให้ผมตายก่อนละมั้ง ถึงจะหาคนมาช่วยงาน”

ใครว่า "ทำงานจนตาย" ไม่มีจริง หนุ่มวัย 40 กว่า ฝ่ายจัดทำผังรายการทีวี ต้องตรากตรำงานหนัก เจ้าตัวเคยเปรย คงต้องให้ผมตายก่อนละมั้ง เขาถึงจะหาคนมาช่วยงาน

(6 ก.พ. 66) เฟซบุ๊ก จอดับ ได้เผยแพร่เรื่องราวของ หนุ่มวัย 40 กว่า ทำอาชีพฝ่ายจัดทำผังรายการทีวี เสียชีวิตบนโต๊ะทำงาน หลังตรากตรำงานหนัก โดยที่เจ้าตัวเคยเปรย “คงต้องให้ผมตายก่อนละมั้ง เขาถึงจะหาคนมาช่วยงาน” ระบุว่า…

“ทำงานจนตาย” ไม่มีจริง 

มันเพิ่งเกิดขึ้นกับหนุ่มใหญ่ในวงการทีวี

เขาอาจไม่ใช่คนเด่นคนดังนั่งหน้าจอ แต่ก็อยู่มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเคเบิ้ลทีวี ในฐานะฝ่ายจัดทำผังรายการ พอมาถึงยุคดิจิทัล งานก็ยิ่งถาโถมหนักขึ้นเรื่อย ๆ โดนสั่งให้ทำผังรายการคนเดียวควบถึง 2 ช่อง ไม่เคยมีการหาคนมาช่วยกันแบ่งเบา

การทำผังรายการมีรายละเอียดหยุมหยิม ทั้งตัวรายการ ทั้งโฆษณา สารพัดสารพัน ต้องคอยปรับแก้ตลอดเวลา แล้วนี้ คน ๆ เดียว ให้เหมาทำทั้ง 2 ช่อง

ในแต่ละวัน เขาต้องทำงานเกินเวลา และแต่ละสัปดาห์ก็ทำงานเกิน 5 วัน บางสัปดาห์ซัดไป 7 วันรวด พอนานไปร่างกายก็เริ่มแย่ มีอาการป่วย พอลาหยุด ลาป่วย ไปได้แค่วันสองวัน ก็โดนโทรจิกตามให้รีบกลับมาทำผังรายการ

นี่มันสถานีโทรทัศน์หรือโรงงานนรกกันแน่ เป็นใครเจอแบบนี้ ก็เสื่อมโทรมทั้งร่างกายและจิตใจ

สุดท้าย เขาก็ตายในหน้าที่ บนโต๊ะทำงานในตึกน้ำผลไม้ ย่านพระราม 6 ร่างกายและจิตใจของเขาแบกรับภาระต่อไปไม่ไหวแล้ว

เขาฟุบลงกับโต๊ะอย่างเงียบ ๆ คว่ำหน้าลงกับงานที่เขาแบกรับจนเกินกำลัง มันอ่อนล้าเกินกว่าที่ร่างกายมนุษย์คนนึงจะทนต่อไปได้ คนผ่านมาเห็นก็นึกว่าเขาแค่ฟุบหลับ จึงไม่ได้ปลุก ปล่อยอยู่เช่นนั้น จนข้ามคืน

แม่บ้านมาเจอเขาในตอนเช้า จึงได้รู้ว่าร่างนั้นไม่มีลมหายใจแล้ว

ฐานรากของพิรามิดที่สูงตระหง่าน มักจะเต็มไปด้วยซากศพของแรงงานทาส ที่ถูกปล่อยทิ้งอย่างไร้ค่า
หลับให้สบายนะเบิร์ด โบยบินไปสู่เสรี เธอหลุดพ้นจากพันธนาการของโลกนี้แล้ว

ต่อมา เพจจอดับ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติม คงต้องรอให้ผมตายก่อนละมั้ง ที่เบิร์ดต้องมีติดตัวตลอดเวลาคือถุงใส่ยา

แต่โดยรวมเขาก็แข็งแรงดี ไม่ถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ ก็เหมือนชายวัย 40 กว่า ๆ ทั่วไป ที่มีปัญหาเรื่องความดัน เรื่องน้ำตาล เป็นธรรมดา

‘ฝนหลวง’ โครงการจากน้ำพระทัย ‘ในหลวง ร.9’ ช่วยคนไทยรอดตายจากฝุ่น PM 2.5

ไม่เฉพาะ 'คนกรุง' ที่รอดตายจากฝุ่น PM 2.5
หากแต่ 'รอดกันทั้งประเทศ'!
เพราะจู่ๆ 'ฝน' ก็ตกลงมาสยบเจ้า PM 2.5 จนพอหายใจ-หายคอกันได้บ้าง
ตกมาแล้ว ๒-๓ วันติด ไม่เฉพาะใน กทม. หากแต่ 'ตกทั่วฟ้า' ทั้ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง

และจะตกเป็น 'พระพิรุณปราบฝุ่น' ไปจนกว่า PM 2.5 จะสิ้นฤทธิ์
ผมรู้ได้ไง ใจเย็นๆ...เดี๋ยวบอก!
อ่านนี่ก่อน เมื่อวาน (๕ ก.พ.๖๖) "ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร" ของชัชชาติ ออกข่าว ว่า

"เวลา ๑๕.๐๐ น. ฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางซื่อ  บางพลัด พญาไท ดุสิต
เคลื่อนตัวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เเนวโน้มคงที่ ปริมาณฝนสูงสุดเขตราชเทวี 2.0 มม."
แหม…

กทม.ออกข่าวประหยัดข้อมูลจริงนะ น่าจะบอกให้ชัดซักหน่อย ว่า "ฝนมาไง-เป็นไง"?
ตกตามธรรมชาติ หรือผู้ว่าฯ ชัชชาติบันดาล?
ไม่เหมือนตอนหาเสียงเลย

"ทั้งทีม" รู้ทุกเรื่อง พูดเป็นต่อยหอยทุกเรื่อง แต่ตอนทำงานกลับ "อมสาก" ทุกเรื่อง
คนเป็นผู้ว่าฯ เหมือนกัน.....
หมื่นรู้ แสนสัญญา ปานพระวิศณุกรรมอวตารลงเป็นชัชชาติ ปัญหา กทม.ถ้าแก้ไม่ได้ ใครก็ไม่ควรมาเป็นผู้ว่าฯ
ควร "ลาออกไปซะ"!

แล้วเป็นไง กลายเป็น "ผู้ว่าฯ เวรกรรม" ของคนกรุง ร่วมปี ซักเรื่อง...เคยมีที่แก้ได้บ้างมั้ยล่ะ?
"แก้ได้ทุกเรื่อง" มีเรื่องเดียวคือ "แก้ตัว"!
ฝุ่น PM 2.5 มืดคลุมเมือง.......
จนน้ำหู-น้ำตาไหลปนน้ำมูก ไอจามกันค็อกแค็กทั้งกรุง

หน่วยปั้นข่าวยังทะลึ่งออกมาอุ้มไข่ บอกไม่ใช่ฝุ่น แต่เป็น "หมอกหน้าหนาว"!
มันน่า "เจริญพวง" ซะจริงๆ!
ผู้ว่าฯ "สัญญาแลกเกี๊ยะ" ๒๑๔ ข้อ นั่นก็ไม่รู้ไปตามเก็บเกี๊ยะอยู่ที่ไหน?
เห็นแต่ "ทหาร" ออกมาฉีดน้ำล้างถนน-ไล่ฝุ่น
จะไล่ได้-ไม่ได้ ไม่เป็นปัญหา อย่างน้อย ก็ทำให้ชาวบ้านมองเห็น "ที่พึ่ง-ที่หวัง"

ว่ายามมีปัญหา "ทุกปัญหา" ต้องเห็น "ทหาร" ออกมายืนเคียงข้าง คอยปกป้อง-ดูแล ประชาชน
ดีกว่า ไอ้คนที่มีหน้าที่ทำ แต่ไม่ทำอะไรเลย แถมหัวก็ไม่เห็นอีกตะหาก
ใครไม่รู้ "เฉาฉุ่ย" ไว้ตอนเลือกทีมงาน ว่า...
"ดูในแต่ละมิติ อย่างรองผู้ว่าฯ เราก็รู้ว่า มีสำนักอะไรดูแลบ้าง ขอให้มีความหลากหลาย ทั้งประสบการณ์ มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

แต่ละคน จะมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายกันไป
สำคัญที่สุดคือ ซื่อสัตย์ โปร่งใส สุจริตที่เราไว้วางใจได้ นอกจากนี้ มีทีมที่ปรึกษาทางเทคนิคอีกกว่า ๓๐-๔๐ คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิชาการที่เราปรึกษามา ๒ ปีกว่า
ตอนที่เราปรึกษา....

เราเป็นการเมืองการเลือกตั้ง หลายๆ ท่าน เปิดตัวไม่ได้ พอเราเป็นข้าราชการ กทม.แล้ว เราสามารถเปิดตัวท่านได้"
แล้วไหนล่ะ ผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย อยากเห็นจัง
เก่งฉิบ....

แค่ ๗-๘ เดือน บรรดาผู้เชี่ยวชาญของชัชชาติทำให้ กทม.วินาศสันตะโรได้ถึงขนาดนี้?
แล้วตอนนี้ "หึ่ง" ไปหมด
ไอ้ "ซื่อสัตย์ โปร่งใส สุจริตที่เราไว้วางใจได้" ของชัชชาตินั่นน่ะ
"คุณชูวิทย์" ชำระตำนาน "ส่วยตำรวจ" เสร็จเมื่อไหร่
ผมจะนิมนต์มาแฉตำนาน "ส่วย กทม." ตอนนี้บ้าง!!!

ถ้าชัชชาติอยากรู้....
ไปถาม "ประธานที่ปรึกษา" ของท่านดูซิ ว่ารู้เรื่องบ้างมั้ย...ที่ลงไปเก็บส่วยกันถึงในแต่ละเขตนั่นน่ะ?
จริงๆ แล้ว เรื่องฝุ่น PM 2.5 คนกรุงพอเข้าใจได้ว่า มันเป็น "ฝุ่นประจำฤดูกาล"
ต้นปีที จะเป็น "ฤดูเผา" ทั้งเกษตรกรบ้านเราและประเทศเพื่อนบ้าน ฝุ่น PM 2.5 ก็จะปลิวมาทุกปี

ก็บ่นๆ กันไป พอแค่ได้ระบาย
ที่จะไปเค้นคอให้ "ผู้ว่าฯ สัญญาแลกเกี๊ยะ" แสดงอภินิหารแปลงกายเป็นพระพายไปไล่ฝุ่นนั้น
ไม่มีใครเขา "ยึดขยะ" เป็นสรณะถึงขนาดนั้นหรอก!
ที่ผมต้องพูดถึงคณะบริหาร กทม.วันนี้ ไม่ใช่เพราะผิดหวังในตัวพวกท่าน

เพราะรู้ ก็แค่ "กอเอี๊ยะ" ปิดฝีที่ตูด หวังจะให้ดูดหัวออกมานั้น มันสรรพคุณเกินจริง
ที่ต้องพูด สืบเนื่องจากข่าวที่ กทม.สื่อสารถึงชาวบ้านประเด็นฝนตกช่วงฝุ่น PM 2.5 กำลังจะฆ่าคนกรุงนั่นแหละ

กทม.ของชัชชาติ ออกข่าวเพียงว่า....
"๑๕.๐๐ น. ฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางซื่อ บางพลัด พญาไท ดุสิต...." แบบนั้นน่ะ

นั่นมันเหมือนการแถลงข่าวของบางประเทศเพื่อนบ้านเมื่อ ๕๐ กว่าปีที่แล้ว "ฝนตกเมื่อไหร่จะบอก"
คนเขาอยากรู้ "ฝนตกช่วงนี้ได้อย่างไร" ตะหาก
จะมาตวัก-ตะบวยบอกทำไมแค่ฝนตก?
ที่ กทม.ออกข่าวแบบนี้ ผิดวิสัยการให้ข้อมูลข่าวสารตามหลัก "การประชาสัมพันธ์" โดยสุจริต ถึงประชาชน ในสถานการณ์ PM 2.5 กำลังคลุมเมือง

มองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากมองได้ในทางเจตนาเดียวคือ กทม.ต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจเอาว่า
"เป็นฝนตกลงมาเองตามธรรมชาติ"!
ซึ่งมันไม่ใช่ และ กทม.ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันไม่ใช่ฝนจากฟ้าบันดาลลงมาดับฝุ่นเอง
แต่ก็ กทม.ก็ไม่ยอมบอก "เหตุฝนตก" ให้ประชาชนทราบ
อิจฉา...ซ่อนเร้นเจตนา หรือ กทม.กลัวจะเสียหน้า!?

สู้ปล่อยให้ "ครุมเครือในข้อมูล" อย่างนี้ดีกว่า ยังพอเอา ไปเคลมกับคน ๑.๓ ล้านได้บ้าง
ผมขอบอกให้ทุกคนทราบว่า ฝนที่ตกลงมาดับฝุ่น PM 2.5 ทั้งในกรุงและต่างจังหวัดขณะนี้ คือ
"ฝนหลวง" ครับ....
ไม่ใช่ฝนตกตามธรรมชาติ หรือฝนร้อยห่าชัชชาติบันดาลตกใน กทม.อย่างที่พยายามปกปิดข้อมูลกัน
"ฝนหลวง" คืออะไร?

คือ โครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์
ใน "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาล ที่ ๙
จุดประสงค์ เพื่อสร้าง "ฝนเทียม" สำหรับบรรเทาความแห้งแล้งให้แก่เกษตรกร เมื่อคราวเสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร ปี พ.ศ.๒๔๙๘ ในภาคอีสาน

จึงพระราชทานโครงการพระราชดำริฝนหลวงให้ "ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล" ไปดำเนินการ
จึงได้เกิดเป็น "โครงการค้นคว้าทดลอง" ปฏิบัติการ "ฝนเทียม" หรือ "ฝนหลวง" ขึ้น ตราบทุกวันนี้

ที่ฝนตกบรรเทาฝุ่น PM 2.5 ทั้ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง และ กทม. ก็จากการบินขึ้นไปปฏิบัติการทำ "ฝนหลวง"
ของ "กรมฝนหลวงและการเกษตร" นั่นเอง!

กาฬสินธุ์อลังการเดินแบบผ้าผู้ไทโบราณอายุกว่า 100 ปี

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวผู้ไท ทุกเพศ ทุกวัย กว่า 200 ชีวิต สร้างมิติใหม่ให้โลกจำ สวมชุดผู้ไทโบราณ ชุดผู้ไทดั้งเดิม ชุดผู้ไทประยุกต์ ขึ้นแคตวอล์คโชว์ความเก่าแก่ ประณีต สวยงาม บนเวทีเดินแบบผู้ไท อีกหนึ่งไฮไลต์ในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่เวทีกลาง สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง ต.คุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงานเดินแบบชุดผู้ไท ไฮไลต์ผ้าไทยในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่ทาง อ.เขาวง โดยเทศบาลตำบลกุดสิม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ และหลายภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้น 

โดยมี นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ ผศ.จุรีรัตน์ กอเจริญยศ นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นางสาววิภาวี บุญเรือง นายก ทต.กุดสิม  พร้อมด้วยส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวผู้ไท ร่วมงาน และสวมชุดผู้ไทโบราณ ชุดผู้ไทดั้งเดิม ชุดผู้ไทประยุกต์ กว่า 200 ชุด ซึ่งหลายชุดเป็นเสื้อผู้ไทมรดกและมีอายุกว่า 100 ปี สร้างสีสันและความฮือฮาเป็นอย่างมาก

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เวทีเดินแบบชุดผู้ไทดังกล่าว เป็นอีกไฮไลต์หนึ่งในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่ทาง อ.เขาวง โดยเทศบาลตำบลกุดสิม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ และหลายภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้น เพื่อแสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ของพี่น้องชาติพันธุ์ผู้ไท จากหลายท้องที่ ที่มีการสืบสานมาตั้งตั้งแต่บรรพบุรุษถึงอนุชนรุ่นหลัง ซึ่งมีอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีความเข้มแข็ง เหนียวแน่น มีความพร้อมเพรียง สมัครสมานสามัคคี เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต ที่สำคัญคือเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิตและการดำรงอยู่แบบเรียบง่าย รักความสงบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top