วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุม
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๓ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ โดยมี พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ หอประชุมกองทัพเรือ

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มอบนโยบายให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจจิตอาสาพระราชทานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อสนองพระบรมราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขเพื่อให้ราษฎรมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนดำรงความต่อเนื่องในการบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทย โดยให้ถือเป็นการช่วยเหลือสังคมและกล่อมเกลาให้กำลังพลได้รู้จักความเสียสละและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม โดยในวันนี้ที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ รวมถึงได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ ของกองทัพ ดังนี้

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงนโยบายการฝึกของกองทัพไทย พ.ศ.๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ เพื่อให้ส่วนราชการในกองทัพไทยใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนการฝึก แผนงบประมาณประจำปี และพัฒนาระบบงานการฝึกของหน่วย โดยมีความสอดคล้องกับนโยบายและแผนในทุกระดับ สาระสำคัญประกอบด้วย นโยบายทั่วไป และนโยบายเฉพาะ ซึ่งมีแผนงานการฝึก จำนวน ๔ ด้าน ได้แก่ การป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงของรัฐ การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน
กองทัพบก ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาการฝึกเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกให้มีความพร้อมรบ (Combat Readiness) มีขีดความสามารถในการรองรับภารกิจด้านความมั่นคงในทุกรูปแบบ และสามารถปฏิบัติการร่วมกับทุกเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการฝึกที่สำคัญประกอบด้วย การฝึกตามวงรอบการฝึกประจำปีของกองทัพบก ซึ่งเป็นการฝึกขั้นพื้นฐานให้กับกำลังพล เพื่อให้เกิดทักษะความชํานาญทั้งในระดับบุคคล และระดับหน่วย การฝึกร่วม ซึ่งเป็นการฝึกร่วมกับเหล่าทัพ และส่วนราชการ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการฝึกร่วม/ผสมกับมิตรประเทศ ซึ่งเป็นการฝึกเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และความชำนาญในการปฏิบัติงาน รวมถึงเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจในหลักนิยม ยุทธวิธี ขีดความสามารถ และความทันสมัยของยุทโธปกรณ์ในแต่ละกองทัพมิตรประเทศทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี

กองทัพเรือ ได้รายงานผลการฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ หรือ HADR ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๔ ถึง ๖ มกราคม ๒๕๖๖ ในพื้นที่เกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้เข้ารับการฝึกฯ จากกองทัพเรือ หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ มวลชน และนักท่องเที่ยวบนเกาะราชาใหญ่ รวมทั้งสิ้น ๑,๓๒๐ คน ผลจากการฝึกฯ ในครั้งนี้ได้รับทราบถึงขีดความสามารถของกำลังทางเรือในการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ขึ้นในพื้นที่ทางทะเลและเกาะแก่ง อีกทั้งยังได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และภาคประชาชนในพื้นที่ ทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในขีดความสามารถของกันและกัน อันจะนำไปสู่การปฏิบัติการร่วมกันในสถานการณ์จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงเกิดความมั่นใจในขีดความสามารถและความพร้อมของกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กองทัพอากาศ ได้นำเสนอแนวทางการปฏิบัติการร่วมกับเหล่าทัพ และหน่วยงานภาครัฐในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในภาคเหนือร่วมกับศูนย์อำนวยการร่วมในพื้นที่ โดยกองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมกำลังพล อากาศยาน และอุปกรณ์ รวมทั้งติดตามสถานการณ์ไฟป่าและประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิบัติภารกิจในการบินกระจายเสียงในพื้นที่ยากแก่การเข้าถึง การบินลาดตระเวนค้นหาพื้นที่ไฟป่า การบินสร้างแนวกันไฟเพื่อควบคุมไฟป่า การบินลำเลียงทางอากาศและส่งกลับ สายแพทย์ และการบินค้นหาและช่วยชีวิต นอกจากนี้ กองทัพอากาศ ยังมีโครงการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและสลายหมอกควัน ได้แก่ การวิจัยและพัฒนาเครื่องผสมสารยับยั้งไฟป่า สารยับยั้งไฟป่าสูตร ทอ.๑ ถุงบรรจุสารยับยั้งไฟป่าในกล่องอุปกรณ์ควบคุมไฟป่า บรรจุภัณฑ์ยับยั้งไฟป่าแบบติดตั้งอุปกรณ์ หน่วงเวลา สถานีระบบควบคุมภาคพื้น อากาศยานไร้คนขับโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อากาศยานไร้คนขับแบบ M Solar X การทำฝนหลวงเมฆอุ่น และพลุสารฝนหลวง เป็นต้น