Tuesday, 29 April 2025
NEWS

ปฏิบัติตามหน้าที่ ‘ตร.ราชบุรี’ แจง ‘ป้านา’ เข้าพื้นที่หวงห้าม-กัด จนท.ผู้หญิง แจ้ง 3 ข้อหา ยันปฏิบัติต่อทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

ตำรวจราชบุรีแจง ‘ป้านา’ ฝ่าฝืนคำสั่ง เข้าพื้นที่หวงห้าม กัด จนท.ผู้หญิง ตำรวจชายต้องช่วย แจ้ง 3 ข้อหา ยืนยันปฏิบัติต่อทุกกลุ่มเท่าเทียม

จากกรณีหญิงสูงวัยรายหนึ่งยืนดักขบวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างลงตรวจราชการที่ อ.บ้างโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อแสดงออก พร้อมตะโกนด่าและตำหนิการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่กระชาก ลากตัว และปิดปาก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา “ป้านา” หรือ นางวันทนา โอทอง หญิงคนดังกล่าว ประกอบด้วย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานฯ, ส่งเสียงดังอื้ออึงในที่สาธารณะ และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ตำรวจให้ประกันชั้นสอบสวนด้วยหลักทรัพย์ 10,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์

นอกจากนี้ นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน เผยว่า วันที่ 14 มีนาคม ป้านาจะเดินทางจากราชบุรีมาแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ในทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง โดยจะเดินทางมาแจ้งความที่กองปราบฯ ถนนพหลโยธิน (ติดแดนเนรมิตเดิม) เวลา 13.00 น.

เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี ออกเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์เพื่อชี้แจงว่า พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นตามภาพข่าวและคลิปวิดีโอที่ปรากฏตามสื่อโซเชียลนั้น เป็นการกระทำของบุคคลในภาพเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม โดยมีพฤติการณ์ที่จะวิ่งเข้าไปภายในเส้นทางเดินรถเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใช้เส้นทางนั้น และได้ส่งเสียงก่อกวนอื้ออึงในพื้นที่หวงห้าม

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามชั้นตอนของกฎหมาย ชี้แจงทำความเข้าใจกับบุคคลดังกล่าวและห้ามมิให้บุคคลดังกล่าวไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ แต่บุคคลดังกล่าวยังคงฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หญิงเข้าไปทำการควบคุม แต่บุคคลดังกล่าวได้ต่อสู้ขัดขืน ยื้อชุดกระชาก ใช้ปากกัดทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชายเห็นเหตุการณ์จึงได้เข้าช่วยควบคุมนำตัวออกจากพื้นที่ และได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ดังต่อไปนี้

1.ผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุ หรือข้อแก้ตัวอันควร
2.ส่งเสียงทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึงในที่สาธารณะ
3.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าหนักงานตามกฎหมายในการ ปฏิบัติการตามหน้าที่

และควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผบ.ตร.เอาจริง สั่งตำรวจคุมเข้มยกระดับแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เร่งบังคับใช้กฎหมาย รถควันดำ ลักลอบเผา โรงงาน การก่อสร้าง ที่ก่อเกิดมลพิษ เน้นบูรณาการร่วมทุกภาคส่วนแก้ไขปัญหาทุกมิติ ตามนโยบายรัฐบาล

วันนี้ (14 มี.ค.66 ) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า “ ตามข้อสั่งการความห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อประชาชนกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินมาตรฐานที่เกิดขึ้น โดยให้ทุกหน่วยบูรณาการยกระดับร่วมกันแก้ไขปัญหาทุกมิติ


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขานรับนโยบาย สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด ตร.ยกระดับเพิ่มมาตรการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินมาตรฐาน ที่มีมาจากหลายสาเหตุทั้ง การคมนาคมขนส่ง การเผาในที่โล่งแจ้ง การเกิดไฟป่า ภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และหมอกควันต่างๆ  
ผบ.ตร.ได้มีวิทยุสั่งการ ไปยังทุกหน่วยให้ดำเนินการดังนี้

1) เพิ่มความเข้มตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวดกับผู้ที่นำรถยนต์ที่มีลักษณะปล่อยพิษควันดำมาใช้บนถนน  ออกคำสั่งห้ามใช้รถที่ก่อให้เกิดมลพิษ รวมทั้งบูรณาการร่วมกับขนส่ง หน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน สนับสนุนด้านเครื่องมืออุปกรณ์ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

 

2) เพิ่มมาตรการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมไม่ให้ปล่อยมลพิษทางอากาศ และการก่อสร้างที่ก่อให้เกิดฝุ่น


3) ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผาพืชไร่และพื้นที่เพาะปลูก การเผาในที่โล่งแจ้ง และกิจการที่ก่อให้เกิดอันตราย 

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)เสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำระดับลุ่มน้ำ "ลุ่มน้ำบางปะกง" ทั้ง11จังหวัด

วันจันทร์ที่ 13 มีค. 66 ณ.โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อ.เมือง ฉะเชิงเทรา 
นายจักรกฤษ พุ่มสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำบางปะกง กรรมการลุ่มน้ำและเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำบางปะกง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 2 สำนักนายกรัฐมนตรี (สทนช.)
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนโครงการ เสริมสร้างความเข้มแข็ง และความยั่งยืนขององค์กรผู้ใช้น้ำระดับลุ่มน้ำบางปะกง ทั้ง 11จังหวัดเข้าร่วมประชุมหารือเพื่อขับเคลื่อนผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำจากภาคเกษตรกรรม 235 องค์กร ,ภาคอุตสาหกรรม 46 องค์กร, ภาคพาณิชยกรรม 16 องค์กร  


ได้ร่วมหารือ สภาพปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ รวมถึงเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน และรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้แทนองค์กรต่างๆเพื่อกำหนดแนวทางเพื่อพัฒนาความยั่งยืนต่อไป

อาลัย ‘มาซาโทชิ อิโตะ’ มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ผู้ปั้น ‘7-11’ สู่แฟรนไชส์ดังทั่วโลก

‘มาซาโทชิ อิโตะ’ มหาเศรษฐีญี่ปุ่นผู้ปั้น ‘7-11’ เป็นแฟรนไชส์ดังไกลระดับโลก เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 98 ปี

สำนักข่าว BBC รายงานในวันนี้ (13 ม.ค.) ว่า นายมาซาโทชิ อิโตะ มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นผู้ปลุกปั้น 7-11 ให้เป็นอาณาจักรแฟรนไชส์ระดับโลก และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Seven & i Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของร้านสะดวกซื้อ 7-11 เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 98 ปี

แถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า นายอิโตะเสียชีวิตลงด้วยโรคชรา เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัท Seven & i Holdings ที่นายอิโตะถือหุ้นใหญ่ ยังเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า Ito Yokado ห้างเก่าแก่กว่า 100 ปีของญี่ปุ่น

อ.เจษฎา ไขข้อสงสัยคลิปไวรัล ‘ผมชี้ตั้ง’ สัญญาณเตือนให้รีบหนี ‘เสี่ยงฟ้าผ่า’

อ.เจษฎา ให้ความรู้คลิปไวรัล นักท่องเที่ยวผมชี้ เป็นสัญญาณเตือนอันตราย อาจเกิดฟ้าผ่า พร้อมแนะข้อปฏิบัติให้รีบหนี หาที่หลบที่ปลอดภัย

วันที่ 13 มีนาคม 2566 มีรายงานว่า จากกรณีโลกออนไลน์ได้แชร์คลิปนักท่องเที่ยวที่อยู่บนเรือสำราญ จู่ๆ เส้นผมชี้ตั้ง แต่หลายคนยังคงถ่ายรูป หัวเราะกันอยู่ ทั้งที่เป็นสัญญาณเตือนอันตราย อาจเกิดฟ้าผ่าขึ้นได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ โดยระบุว่า เจอแบบนี้ ให้หนี หลบเข้าร่มก่อน อย่าเซลฟี่กันเพลิน จะเสี่ยงโดนฟ้าผ่าเอา

โดยก่อนหน้านี้ ศ.ดร.เจษฎา เคยให้ความรู้ว่า หลักๆ คือ เวลาที่จะเกิดฟ้าผ่า อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าบริเวณเหนือพื้นดิน และทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตแบบที่เรารู้สึกได้ เช่น ขนลุกชัน ผมตั้งชัน ได้

คำแนะนำคือ ให้หาที่หลบที่ปลอดภัย เช่นหลบเข้าในอาคาร เข้าไปในรถยนต์ (แล้วห้ามแตะตัวถังที่เป็นโลหะ) หรือถ้าอยู่กลางที่โล่งแจ้ง ไม่มีที่หลบ ให้นั่งยองๆ ลงต่ำ แต่อย่าไปหลบใต้ต้นไม้หรืออยู่ในกระท่อมกลางนา ฟ้ามักจะผ่าลงมาที่จุดที่โดดเด่น (ป.ล.ส่วนเรื่องใส่โลหะ หรือใช้โทรศัพท์มือถือ แล้วจะล่อฟ้า อันนี้ไม่จริงครับ)

ส่วนที่มีคนสงสัยว่า แทนที่จะนั่ง ถ้าใช้เป็นวิธีนอนราบกับพื้นไป จะได้มั้ยครับ? คำตอบคือ ควรจะต้องพยายามสัมผัสพื้นให้น้อยที่สุด และให้เกิดจุดห่างระหว่างอวัยวะที่สัมผัสพื้น 2 จุดให้น้อยที่สุด

‘กองทัพธรรม’ จากไทยมุ่งสู่แดนพุทธภูมิ จาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา

“โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่9” เป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ว่า การทำอะไรทำจริงจังและจริงใจอย่างมีเป้าหมายด้วยศรัทธาที่แน่วแน่นั้น นำมาสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะงานด้านพระพุทธศาสนา ซึ่งพระครูธีรธรรมปราโมทย์ หรือ หลวงพ่อสำเริง ธมฺมธีโร เจ้าอาวาส วัดดอยเทพนิมิต ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านการกระทำตลอดระยะเวลาการดำเนิน “โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา” ทั้ง 9 ครั้ง เป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี ที่อดทนบนหนทางแห่งวิริยะบารมี

ล่าสุดคณะสงฆ์ อุบาสก และ อุบาสิกา ใน “โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 9” กว่า 100 ชีวิต เสมือน “กองทัพธรรม” เดินเท้าผ่านเมืองกุสินารา และ สาลวโนทยาน สถานที่ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยหลวงพ่อสำเริงฯเมตตานำกองทัพธรรมนำผ้าจีวรห่มองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมณโคดมบรมครู และนำคณะกองทัพธรรมปฏิบัติบูชาในวันมาฆะบูชาที่ “วัดไทยกุสินารา” เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย 

สำหรับวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2566 คณะสงฆ์ได้มุ่งหน้าสู่ประเทศเนปาล โดยมีเป้าหมายไปยังสถานที่ประสูติ ณ ลุมพินีสถาน  

สำหรับเส้นทางของ “โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 9” ในประเทศอินเดีย และ เนปาล เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา  เริ่มปักหลักที่วัดสิขิม เมืองคยา โดยเดินเท้าเข้าสู่เส้นทางแม่น้ำเนรัญชรา ผ่านสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน และ หนาวในตอนกลางคืน รวมทั้งแวะพักกางเต้นท์ตามจุดต่างๆ ในอินเดีย อาทิ โรงเรียนมัธยม และ มหาวิทยาลัย และวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2566 เดินเท้าผ่านเมืองคยา มุ่งหน้าสู่กรุงราชคฤห์ ผ่านลัฏฐิวัน สวนตาลหนุ่ม ,วัดเวฬุวัน, เขาคิชกูฎ , ถ้ำสัตตบรรณคูหา และ โรงพยาบาลของหมอชีวกโกมารภัจจ์  เป็นต้น

เมื่อถึงกรุงราชคฤห์แล้ว พักที่ “วัดไทยสิริราชคฤห์” 2 คืน 3 วัน และมุ่งหน้าสู่เมืองนาลันทาง มหาวิทยาลัยนาลันทา รวมทั้งเข้ากราบสักการะพระพุทธรูปองค์ดำ และ เข้าสู่เมืองไวสาลี ผ่านแม่น้ำของพระเจ้าลิจฉวี และ เข้าสู่เมืองกุสินาราดินแดนปรินิพพาน คือ “สาลวโนทยาน” และ มุ่งหน้าสู่ประเทศเนปาล เพื่อไป “ลุมพินีสถาน” สถานที่ประสูติของพระพุทธองค์ และ กลับมายังเมืองพาราณสี เพื่อไปยังสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน และเดินเท้ากลับมายังจุดเริ่มต้นที่พุทธคยา เมืองคยา ในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2566 และ ปิดโครงการในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2566 

ในพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ระบุว่า วิริยะบารมีเป็นหนึ่งใน 10 บารมีธรรม หรือ ทศบารมี โดยวิริยะ คือ ความเพียร, ความแกล้วกล้า, ไม่เกรงกลัวอุปสรรค, พยายามบากบั่นอุตสาหะ, ก้าวหน้าเรื่อยๆไป และ ไม่ทอดทิ้งธุระหน้าที่ (energy; effort; endeavour : อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=325)

ใจนายหล่อมาก!! หนุ่มไทย กระโดดน้ำช่วยหนูน้อย ที่เยอรมัน  รอดปลอดภัยทั้งคู่ ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีสมาชิก TikTok @bigass2515 โพสต์คลิปหนุ่มไทยฮีโร่ โดดลงไปช่วยเด็กน้อยชาวเยอรมันตกลงไปในน้ำ โดยระบุว่า “น้องแม๊คไปทำงานที่เยอรมัน บังเอิญเจอเด็กตกน้ำรีบโดดลงช่วย สุดยอด #น้ำใจคนไทย” โดยในคลิป เป็นช่วงเหตุการณ์ที่แม็คหนุ่มไทย จับประคองเด็กน้อยให้เกาะเสาสะพานเอาไว้ หลังโดดลงไปช่วยขณะที่เด็กน้อยตกลงไปในน้ำ ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง ที่สามารถช่วยเหลือเด็กน้อยขึ้นมาได้

อว. ผนึก บริติช เคานซิล จัดโครงการ ‘Thai-UK World-class University Consortium’ สร้างความก้าวหน้ามหาวิทยาลัยไทย สู่การแข่งขันในระดับโลก

(13 มี.ค.) นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อรุณี หัวหน้ากลุ่มภารกิจบริหารยุทธศาสตร์, รศ.ดร.รัฐชาติ มงคลนาวิน และ ผศ. ดร.มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร ได้นำคณะทำงาน Thai-UK Work Class Consortium ซึ่งประกอบด้วย หัวหน้าและตัวแทนโครงการ อีก 6 โครงการ จาก 5 มหาวิทยาลัย เข้าศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยน ความร่วมมือ ด้านงานวิจัยและการเรียนการสอนจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ถึง 3 มีนาคม 2566

สำหรับโครงการ Thai-UK World-class University Consortium เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากทางกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และบริติช เคานซิล ประเทศไทย เพื่อเพิ่มความมุ่งมั่นและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทยและสหราชอาณาจักรและเพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยไทยในการแข่งขันในระดับโลก โดยมีโครงการ UK Visit Trip ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นภายใต้โครงการ Thai-UK World-class University Consortium ด้วย

โดยโครงการ Thai-UK World-class University Consortium มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างกลไกในการเพิ่มความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อจัดการกับลำดับความสำคัญของกลยุทธ์ร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและสหราชอาณาจักร ผ่านการแลกเปลี่ยนกับแหล่งทุนสำคัญ และเพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าของระบบการเรียนการสอน การวิจัยและระบบบริหารมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพผ่านการพัฒนาบุคลากรด้วยความเชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักร 

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ทางคณะทำงานได้ไปเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับ De Monfort University ณ เมือง Leicester โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบ หลักสูตรและการจัดการศึกษาที่สามารถให้ภาคธุรกิจและเอกชนในพื้นที่และท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกระบวนการศึกษาผ่านการฝึกงานและนำโจทย์ของภาคธุรกิจและเอกชนมาเป็นส่วนหนึ่งของงานที่สามารถให้นักศึกษานำมาใช้เป็นแบบฝึกหัดในหลักสูตร การทำให้ภาคธุรกิจและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมนี้นอกจากช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกจ้างงานของนักศึกษาแล้ว ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคธุรกิจและเอกชนเพื่อให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเพิ่มโอกาสในการขยายความร่วมมือด้านงานวิจัยและนวัตกรรม

นอกจากนั้นทาง De Monfort University ยังได้นำเสนอรูปแบบความร่วมมือที่มีกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในการทำหลักสูตรสองปริญญาในสาขา Media Production และ Cyber Security ซึ่งทาง De Monfort University ยังมีความสนใจที่จะขยาย ความร่วมมือไปสู่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในโครงการ Thai-UK Work Class Consortium อีกด้วย

ถัดมาวันที่ 28 ก.พ.66 ทางคณะทำงานได้ไปเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับ Norwich Research Park, University of East Anglia ณ เมือง Norwich ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางบูรณาการความร่วมมือระหว่างงานวิจัยและนวัตกรรมแบบสหสาขาทั้งทางวิทยาศาสตร์, วิศวกรรม, สุขภาพ, สังคม และเศษฐศาสตร์  โดย Research Park เน้นงานวิจัยและนวัตกรรม 4 ด้านหลัก ได้แก่ : Industrial Biotechnology, Agriculture Technology, Food Technology และ Medical Technology ทั้งนี้ทางคณะทำงานมีโอกาสได้เยี่ยมชมศูนย์วิจัยที่บูรณาการด้านการส่งเสริมสุขภาพผ่านนวัตกรรมด้านอาหาร โดยเน้นงานวิจัยด้านจุลินทรีย์ในลำไส้เพื่อการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ

วันที่ 1 มี.ค.66 ทางคณะทำงานได้เข้าพบ Ms. Kate McAlister, Head of Quality Stakeholder Management, Office for Students ณ กรุงลอนดอน เพื่อรับฟังประสบการณ์ และนโยบายในการกำหนด Teaching Excellence Framework (TEF) ของอังกฤษโดยทางหน่วยงานมีหน้าที่ในการรับรองและตรวจสอบคุณภาพสถาบันการศึกษาต่างๆ ในสหราชอาณาจักร และมีการประเมินคุณภาพด้านการเรียนการสอนโดยมองที่ผลลัพธ์ของการศึกษา เช่น อัตราการจบและอัตราการมีงานทำ เป็นต้น

โดยช่วงบ่าย วันที่ 1 มี.ค.66 ทางคณะทำงาน ได้ไปเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับ University of Essex ที่เมือง Colchester ในการเยี่ยมศูนย์ Innovation Center ซึ่งเป็นหน่วยงานด้าน Knowledge Transfer Partnership (KTP) โดยหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการข้อมูลและเน้น การสร้างนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งด้านธุรกิจ โดยได้รับโจทย์จากภาคธุรกิจและวางแผนร่วมกับภาคเอกชนเพื่อขอรับทุนด้านนวัตกรรมจากแหล่งทุน เช่น Innovate UK โดยการขอการสนับสนุนจากแหล่งทุนนั้นจะทำให้ สามารถจ้างนักนวัตกรได้  ซึ่งนักนวัตกรนี้จะได้รับคำแนะนำและการดูแลจากอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยเพื่อทำการวิจัยและหลังเสร็จสิ้นโครงการก็สามารถถูกจ้างต่อโดยหน่วยงานเอกชนที่รับทุนร่วมกัน รูปแบบการทำแบบงานนี้ถือเป็นต้นแบบของ KTP ที่ทำให้ศูนย์และ University of Essex ประสบความสำเร็จจนเป็นอันดับหนึ่งของสหราชอาณาจักรด้าน KTP

ต่อมา วันที่ 2 มี.ค.66 ทางคณะทำงานได้เข้าพบตัวแทนจาก University of Liverpool ณ เมือง Liverpool นำโดย Professor Steven Edwards ซึ่งท่านได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความสำเร็จในการทำหลักสูตรปริญญาเอกสองปริญญา (Dual Award Degree Program) ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ความร่วมมือนั้นมีมานานกว่า 10 ปี โดย มีจุดเด่น ของความร่วมมือ คือ สามารถให้นักศึกษาไทยมาศึกษาใน University of Liverpool โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการศึกษา (Tuition fee) ให้แก่ University of Liverpool และการเทียบมาตรฐานต่าง ๆ ที่สามารถทำให้นักศึกษาสามารถได้รับปริญญาจากทั้งสองสถาบันตามกำหนด

ช่วงบ่าย วันที่ 2 มี.ค.66 ทางคณะทำงานได้เข้าพบตัวแทนจาก Liverpool John Moores University  ณ เมือง Liverpool  เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษา และงานวิจัย นำโดย Professor Laura Bishop คณบดีจากคณะวิทยาศาสตร์ โดย ทางคณะวิทยาศาสตร์นั้นมีความโดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา (Sport and Exercise Science) และเภสัชศาสตร์ (Pharmacy)

และวันที่ 3 มี.ค.66 ทางคณะทำงาน ได้พบปะกับตัวแทนคู่ความร่วมมือใน UK ณ British Council กรุงลอนดอน การจัดประชุมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ในสหราชอาณาจักรจำนวน 14 ท่าน จาก 10 มหาวิทยาลัยในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการประชุมเชิงปฏิบัติการในการถอดบทเรียนและกำหนดทิศทางการดำเนินงานโครงการ Thai-UK Work Class Consortium ในระยะต่อไป  

ในที่ประชุม ได้ทบทวนผลลัพธ์การการดำเนินงาน Thai-UK World-class University Consortium ในปีแรก ที่มีผลลัพธ์เป็น MOU 9 ฉบับ, งานตีพิมพ์ 17 เรื่อง, การจัดประชุมวิชาการ 9 ครั้ง และ การได้ทุนวิจัย อีก 5 ทุน โดยมี อาจารย์และนักศึกษา ที่ได้มีส่วนร่วมจากโครงการนี้มากกว่า 500 ท่าน  ซึ่งทางที่ประชุมได้สรุปว่า ลักษณะผลงานดังกล่าวได้เป็นไปตามเป้าหมาย ของโครงการ  ในส่วนการถอดบทเรียนนั้น ทางคณะทำงาน ทั้งจากไทย และ สหราขอาณาจักร ได้กล่าวถึง ความสำคัญของโครงการ ในการเป็นตัวเชื่อม และ ตัวเร่งให้เกิดความร่วมมือ กับ มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักร ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ และนักศึกษา และ ดำเนินงานวิจัยร่วมกัน  โครงการยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนมีเสียงเรียกร้องให้มีการขยาย มหาวิทยาลัยเครือข่ายในความร่วมมือ  อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้สะท้อนความกังวล ถึงการดำเนินงานต่อเนื่องที่จำเป็นต้องการ การสนับสนุนจากแหล่งทุน จากไทย และ ต่างประเทศ 

ที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรทำการสื่อสารกันภายใน Thai-UK World-class University Consortium ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือสำหรับสมาชิก และเสนอให้มีการทำ Newsletter เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ที่เกี่ยวข้องรวมถึง โอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนต่างๆ  และ ควรจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างโอกาสในการหารือความร่วมมือต่างๆ โดยจะใช้โอกาสที่ทางโครงการจะจัด Capacity building workshop ที่กรุงเทพฯ เป็นโอกาสให้สมาชิก Thai-UK World-class University Consortium มาพบปะกัน ซึ่งทางตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการ (secretariat) ได้รับไปประสานงานในทั้งสองประเด็นต่อไป

เชียงใหม่-คณะพยาบาลศาสตร์ มช. เปิดโครงการพัฒนาอาชีพการดูแลผู้สูงอายุของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ 

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีเปิดโครงการพัฒนาอาชีพการดูแลผู้สูงอายุของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ "การอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 285 ชั่วโมง" โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริรัตน์ ปานอุทัย ประธานกรรมการหลักสูตรฯ กล่าวรายงาน และ คุณชีวัน ขันธรรม หัวหน้าทีมภาคเหนือ ผู้แทนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวต้อนรับ นอกจากนี้ได้รับเกียรติจาก ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองเชียงใหม่ และ รองผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครู โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ ร่วมพิธี ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 4 คณะพยาบาลศาสตร์

อุบัติเหตุทางเศรษฐกิจ 2 กูรู ศก.ไทย เชื่อ!! กรณีแบงก์ SVB ล้ม ไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อ ‘โลก-ไทย’

หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสั่งปิดธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) และเข้าควบคุมอุ้มแบบทันทีทันใด เพราะเกรงว่าจะเกิดวิกฤติโดมิโนต่อธนาคารอื่นๆ (ซึ่งเริ่มมีหลายแบงก์ที่ถูกสหรัฐฯ สั่งปิดอีกมาเป็นระลอก) ภายหลัง SVB ประสบภาวะล้มละลาย จากปัญหาวิกฤตสภาพคล่องของกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) และ Startup นั้น ก็พลันให้ทั่วโลกตระหนกหวั่นสถานการณ์ดังกล่าวจะซ้ำรอยวิกฤติซับไพรม์ 2008 หรือไม่?

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP ได้วิเคราะห์ปมปัญหาและผลกระทบกับ THE STATES TIMES ว่า... “การที่ธนาคาร Silicon Valley Bank ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้ให้กับกลุ่ม Venture Capital และ Startup ได้เข้าสู่ภาวะล้มละลาย เนื่องจากเพิ่มทุนไม่สำเร็จ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วง และฉุดหุ้นธนาคารอื่นๆ ร่วงลงไปด้วย ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐแคลิฟอร์เนียได้สั่งปิดกิจการ Silicon Valley Bank และให้อยู่ภายใต้การควบคุมของ US Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) อย่างรวดเร็วในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (10) โดย FDIC จะทำหน้าที่ชำระสินทรัพย์ของธนาคารเพื่อชำระคืนลูกค้า ซึ่งรวมถึงผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้

“ทว่าสิ่งที่น่าสนใจในทัศนะของ ดร.พิพัฒน์ ก็คือ Silicon Valley Bank เป็นธนาคารที่ได้ชื่อว่าค่อนข้างระมัดระวังในการบริหาร มีสินทรัพย์สภาพคล่องอยู่ค่อนข้างมาก โดยครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ ขณะที่ NPL หรือหนี้เสีย ก็ค่อนข้างต่ำมาก (ต่ำกว่า 1%) และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากคุณภาพสินทรัพย์แบบปัญหาธนาคารอื่นๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดมาจากการที่ ‘เงินฝากเริ่มลดลง’ หรือ ‘โตช้า’ เพราะเงินร่วมลงทุนเริ่มหายาก และบริษัท Startup ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร เริ่มมีน้อยลง ทำให้มีปัญหาสภาพคล่อง จนต้องเริ่มขายสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้ออกมา 

“แต่ปัญหาใหญ่ อยู่ที่เจ้าตราสารหนี้เหล่านี้ ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา พอธนาคารขายตราสารหนี้เหล่านี้ออกมาในเวลาที่ยังขาดทุนอยู่ ทำให้ต้องบันทึกการขาดทุนผ่าน Income Statement และนั่นก็พาให้อัตราส่วนทุนของธนาคาร ได้รับผลกระทบตามไปด้วย จนทำให้ธนาคารต้องเร่งเพิ่มทุนอย่างที่เห็น”

คำถาม คือ “ปัญหาแบบนี้จะเกิดขึ้นกับธนาคารอื่นๆอีกหรือไม่?” 
ดร.พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นปัญหาสภาพคล่องล้วนๆ และไม่คิดว่าประเด็นนี้จะกลายเป็นปัญหาเชิงระบบ และธนาคารใหญ่ๆ คงไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนี้ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับธนาคารอื่นๆ ที่มีวิกฤตศรัทธา แต่ก็ต้องจับตากันดีๆ ครับ เพราะภาวะแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้”

อีกทัศนะหนึ่งจาก รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เกี่ยวกับกรณี SVB ล้มในครั้งนี้ ก็ได้เปิดเผยกับ THE STATES TIMES ว่า สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้   Silicon Valley Bank คือขาดสภาพคล่อง ซึ่งมาจาก 3 สาเหตุสำคัญ ได้แก่…

1. ผู้ฝากเงินขาดความมั่นใจ ต่อให้แบงก์มีความมั่นคงแค่ไหน แต่ถ้ามีคนแห่ไปถอนเงิน แบงก์ก็จะเจอปัญหา
2. หมวดของค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นถึง 4% จึงทำให้ต้นทุนเงินฝากสูงขึ้น
3. รายรับ ที่มีปัญหาในปัจจุบัน

“เหตุการณ์ SVB ล้มละลาย ต้องมองเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา เป็นตัวตั้งก่อนว่า การที่แบงก์ล้มแบบนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระดับที่ถดถอยรุนแรงหรือไม่? ซึ่งหากเรามองดูในจุดแรก SVB มี Asset (ทรัพย์สิน) อยู่ที่ 2แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 0.1% ของGDP สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ26ล้านล้านดอลลาร์ หรือก็คือ สเกลยังต่ำ และเครือข่ายของแบงก์ไม่ได้กว้างขวาง รวมถึง SVB ยังลงทุนในธุรกรรมที่เป็นปกติ ไม่ได้มีความเสี่ยงด้วย”

ไม่ให้ตั้งตัว!! ‘เสี่ยเฮ้ง’ แถลงกวาดล้างต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย สุ่มตรวจทั่วประเทศกว่า 2 แสนราย พบกระทำผิดอื้อ!!

(13 มี.ค.66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีพบคนต่างชาติเร่ขายสินค้า ตามแหล่งท่องเที่ยวและย่านการค้าซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนกระทบต่อบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่ นั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องแล้วรู้สึกห่วงใยพ่อค้าแม่ค้าคนไทยจะถูกแรงงานต่างชาติแย่งอาชีพครไทย แย่งรายได้อย่างมาก จึงสั่งการให้กระทรวงแรงงานกวาดล้างแรงงานต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทย รวมถึงแรงงานต่างชาติที่ทำงานผิดกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับข้อสั่งการแล้วไม่เคยนิ่งนอนใจ ใช้มาตรการลงพื้นที่สุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้าในทุกจังหวัด 

“จากผลการดำเนินการปีงบประมาณ 2566 (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 12 มีนาคม 2566) มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 18,966 แห่ง ดำเนินคดี 685 แห่ง และตรวจสอบคนต่างชาติ จำนวน 240,918 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 177,134 คน กัมพูชา 40,750 คน ลาว 12,311 คน เวียดนาม 140 คน และสัญชาติอื่น ๆ 10,583 คน มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,550 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 846 คน กัมพูชา 245 คน ลาว 269 คน เวียดนาม 65 คน และสัญชาติอื่น ๆ 125 คน ซึ่งพบเป็นการแย่งอาชีพคนไทย ทั้งสิ้น 883 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 392 คน กัมพูชา 195 คน ลาว 139 คน เวียดนาม 55 คน อินเดีย 68 คน และสัญชาติอื่น ๆ 34 คน โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ” รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดี คนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายฯ ของกรมการจัดหางาน และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปูพรมตรวจสอบทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั้งกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ ที่เป็นแหล่งประกอบอาชีพของคนไทย และย่านการค้าแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่พบเห็นแรงงานต่างชาติทำงานจำนวนมาก อย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เยาวราช ห้วยขวาง ปากคลองตลาด และจังหวัดปริมณฑล อาทิ สมุทรสาคร นครปฐม สระบุรี ปทุมธานี ซึ่งหากตรวจสอบพบมีความผิดจะดำเนินคดีตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่มีข้อยกเว้น 

โกอินเตอร์!! ‘หวยไทย’ โผล่ขายพรึบ!! ที่เมียนมา  คอหวยงงเอาไปขายได้ยังไง? แถมราคาแพงเวอร์

เพจดังแฉ หวยไทยโผล่ขายที่เมียนมา บรรดาคอหวยงง เอาไปขายได้ยังไง! แถมราคาแพงเวอร์ ตั้งแต่ 120-270 บาท ทั้งที่อนุญาตให้ขายที่ไทยในราคา 80 บาทเท่านั้น

เพจเฟซบุ๊ก ไทย – พม่า : เพราะแผ่นดินเราติดกัน ได้นำรูปภาพแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของไทย ที่ตั้งอยู่ในเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศเมียนมา พร้อมทั้งข้อความระบุว่า “เพิ่งสังเกตว่า ในเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศเมียนมา มีแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของไทยเยอะมาก มีตั้งแผงหลายร้านมาก โดยขายกันตั้งแต่ ใบละ 120 ไปจนถึงใบละ 270 บาทแล้วแต่ความสวยของเลขแต่ละเลข และสลากฯ บางใบก็เป็นสลากฯ ในโควตาที่ถูกปั๊มระบุบนหน้าสลากให้จำหน่ายในราคา 80 บาทด้วย แต่ก็ขายใบละ 120 -270 บาทนะครับ ส่วนการซื้อนั้น แต่ละร้านก็ขายเป็นเงินบาทของไทยนะครับ ใครสนใจเสี่ยงโชคก็เชิญนะครับ เมืองท่าขี้เหล็ก สามารถเดินทางออกข้ามไปจากด่านชายแดน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ครับ”

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตว่า สลากฯ ดังกล่าวเหตุ เป็นสลากฯ ที่ออกโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลของไทย ซึ่งมีรหัสบาร์โค้ดชัดเจน เหตุไฉนจึงไปโผล่ขายยังประเทศเมียนมาได้ หากย้อนไปเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ได้กำหนดเปิดจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ทั้งสิ้น 1,000 จุด ทั่วประเทศ โดยให้ผู้จำหน่ายสลากฯ ต้องดาวน์โหลด QR Code ยืนยันตัวตน เพื่อจำหน่ายสลากฯ ในราคา 80 บาทเท่านั้น

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยหลอกลงทุน Forex หลังพบผู้เสียหายทยอยแจ้งความหลายราย  ความเสียหายหลายสิบล้านบาท 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอฝากประชาสัมพันธ์เตือนภัยกรณีการหลอกลวงลงทุนในตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex) สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ดังนี้

ที่ผ่านมา พงส. บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหลายราย ผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com ว่าถูกผู้ต้องหาชักชวนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หลอกลวงให้ฝากเงินลงทุนในตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex) ในระบบฝากเทรดของ Xpower Team ซึ่งอ้างว่าเป็นระบบฝากเทรดประกันเงินทุน จะได้รับผลกำไรมากถึง 20-35% ของเงินฝากต่อเดือน มีโปรโมชันลงทุนเพื่อรับของสมนาคุณต่างๆ โดยเมื่อลงทุนตั้งแต่ 3,000 - 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะได้รับนาฬิกา ไอแพด หรือสิ่งของอื่นๆ ตามจำนวนเงินลงทุน มีการทำสัญญาการลงทุนในระยะเวลาต่างๆ ทั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่าตนเป็นเจ้าของกิจการโรมแรม มีธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ รวมถึงเป็นผู้มีความชำนาญในด้านการลงทุน ที่ผ่านมาพบมีการโพสต์รูปภาพใช้ชีวิตหรูหรา โพสต์รูปทรัพย์สินหลายรายการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ กระทั่งผู้ต้องหาไม่สามารถจ่ายเงินปันผล หรือกำไรให้ผู้เสียหายได้ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบ มีปัญหาเรื่องภาษี และไม่สามารถแสดงบัญชีการลงทุนให้ผู้เสียหายตรวจสอบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย  

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากการถูกชักชวนหลอกลวงให้ลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมามีการดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด 
การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

โฆษก บช.สอท. กล่าวต่ออีกว่า กรณีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพบการหลอกลวงมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งมักมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก และมีความเสียหายสูง วิธีการที่มิจฉาชีพนำมาใช้ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก เพียงแต่เปลี่ยนเรื่องราวไปตามกระแสความสนใจของสังคมในปัจจุบัน โดยอาศัยความไม่รู้ และความโลภของประชาชนเป็นเครื่องมือ ซึ่งจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่าในปัจจุบันยังไม่มีสถาบันการเงินในประเทศไทยที่รับรองการลงทุนประเภทดังกล่าว ผู้ที่สนใจลงทุนต้องสมัครสมาชิก และเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงได้รับความเสียหาย

เติมอากาศ (ดี) ให้เพื่อนบ้าน EA 'เซ็น MOA - ร่วมมือ' รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว 'ยกระดับ-พัฒนา EV' ช่วยลาวเดินหน้าสู่สังคมไร้มลพิษ

EA ร่วมมือรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว เซ็น MOA เพิ่มขีดความสามารถพลังงานสะอาด และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ครบวงจร ยกระดับ สปป.ลาว สู่สังคมไร้มลพิษ

เมื่อไม่นานมานี้ (10 มี.ค.66) ได้มีการจัดงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่าด้วย ความร่วมมือเพื่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องร่วมกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว โดยกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) แห่ง สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับสู่สังคมไร้มลพิษ ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ท่านสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของ สปป. ลาว เป็นประธานในพิธี โดยมี ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) และนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)  ร่วมในพิธีลงนาม ณ โรงแรม ลาว พลาซ่า นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว 

ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) สปป. ลาว ได้กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นขีดหมายสำคัญระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถทางด้านพลังงานและระบบขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และสิทธิบัตรที่หลากหลายในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจน้ำมันชีวภาพ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงการพาณิชย์แบบครบวงจรทั้งทางบกและทางน้ำ ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานที่ทันสมัย โดยพัฒนานวัตกรรม Ultra Fast Charge Technology ที่สามารถอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ทุกชนิด 80% ในระยะเวลาเพียง 15-20 นาที บริษัทฯ มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้ สปป.ลาว ก้าวสู่สังคมไร้มลพิษในอนาคตอันใกล้”

คลิปภาพมัดตัว ‘นันทิวัฒน์’ เผย หลายพรรคเสี่ยงโดนยุบพรรค ชี้!! นักการเมืองมักคิดว่าทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด

(13 มี.ค.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สุ่มเสี่ยงผิดกฏหมาย

คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักการเมืองมีความเก่งในการทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงผิดกฏหมาย หรือจะพูดว่า ไม่กลัวการทำผิดกฏหมาย ชอบเดินไต่ลวด ชอบเลี่ยงกฏหมาย หรือพูดง่าย ๆ ว่า ชอบโกง จับไม่ได้ ไล่ไม่ทันก็รอด นักการเมืองพวกนี้มักมีความเชื่อว่า เป็นนักการเมืองจะทำอะไรก็ได้ไม่ผิด แต่ถึงจะผิด สักวันจะสามารถออกกฏหมายยกเว้นความผิดที่ตัวเองก่อไว้ได้

มันเกิดอะไรขึ้น โมฆะบุรุษ คนที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมืองจะไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ แต่คนเหล่านี้กลับเข้ามาแสดงบทบาททางการเมืองแบบเย้ยกฎหมาย บางคนบางพรรคตั้งให้มีตำแหน่งบนเวทีหาเสียง กระโดดขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงทางการเมือง ชี้นำ โฆษณานโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง มีบทบาทมากกว่าคนอื่น ๆ

พรรคการเมืองหลายพรรคกำลังสุ่มเสี่ยงใช้คนนอกพรรคชี้นำ ครอบงำพรรค บางพรรคเข้าใจเอาเองว่า คนเหล่านั้นสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสี่ยงได้ อันเป็นความเข้าใจผิด

ปัจจุบัน ยังไม่ยุบสภา ยังไม่เปิดรับสมัคร ยังไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น จึงยังไม่มีผู้ช่วยหาเสียงแน่นอน ไก่จะเกิดก่อนไข่ไม่ได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top