Tuesday, 20 May 2025
NEWS

‘อภัยภูเบศร’ โชว์ตำรับ ‘อภัยบี’ กลีบบัวแดงที่ลอนดอน สรรพคุณช่วยให้นอนหลับ-เสริมความจำ ต่างชาติสนใจเพียบ

(12 เม.ย.66) ภก.ณัฐดนัย มุสิกวงศ์ เภสัชกรหัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผยว่า ในการประชุมวิชาการ 3rd International Congress on Advances in Clinical Research & Trials ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวัน 20 มีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ทำการนำเสนอผลการศึกษาโครงการประสิทธิศักย์และความปลอดภัยของตำรับยาสมุนไพรกลีบบัวแดงต่อความจำในผู้ที่มีสมรรถภาพสมองบกพร่องในระยะต้น ซึ่งพบว่าตำรับอภัยบี (ยาตำรับกลีบบัวแดง) มีความปลอดภัยต่อตับและไตในมนุษย์ที่มีภาวะสมองบกพร่องในระยะต้น เมื่อรับประทานวันละ 2 แคปซูล 2 เวลาหลังอาหาร เช้าและเย็น และมีส่วนช่วยในเรื่องฟื้นฟูความจำได้

ภก.ณัฐดนัย กล่าวว่า การนำเสนอครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักวิจัยต่างชาติเป็นอย่างดี ซึ่งมีการซักถามถึงรายละเอียดของงานวิจัยและงานวิจัยที่จะทำต่อเนื่องในอนาคต โดยสรุปก็คือยาตำรับนี้มีแนวโน้มที่ดีในการต่อยอดเพื่อพัฒนาสู่การรักษาในผู้ป่วยสมองเสื่อมได้ในอนาคต

สำหรับตำรับอภัยบี ได้ทำการพัฒนาจากองค์ความรู้พื้นบ้านโดยหมอยาพื้นบ้าน และเดิมใช้ชื่อว่ายากลีบบัวแดง ประกอบด้วย กลีบบัวแดง (บัวหลวง) บัวบก และพริกไทยดำ พร้อมทั้งเก็บข้อมูลเบื้องต้นพบว่าช่วยให้นอนหลับดีขึ้นในผู้ป่วย โดยเมื่อปี 2563 รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม พบว่า สารสกัดจากตำรับยากลีบบัวแดง ออกฤทธิ์ต้านกลไกการเกิดโรคอัลไซเมอร์ หรือ สมองเสื่อมได้ในหลายกลไกพร้อมๆ กัน (multi target activities) คือ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ปกป้องสมอง ช่วยฟื้นฟูความจำ ช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ที่มีหน้าที่เปลี่ยนความจำระยะสั้นเป็นความจำระยะยาว

อีกทั้ง ยังยับยั้งการสะสมของ amyloid beta peptides และ ยับยั้งเอนไซม์แอซีทิลโคลีนเอสเทอเรส (acetylcholinesterase inhibitors) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาการสลายตัวของสารสื่อประสาทในสมองที่ชื่อแอซีทิลโคลีน (acetylcholine) เป็นสารสื่อประสาทที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความจำของมนุษย์ หากสารสื่อประสาทชนิดนี้ลดลง จะส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้ กลไกนี้ของตำรับกลีบบัวแดง เป็นกลไกเดียวกันกับยารักษาสมองเสื่อมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นับเป็นการช่วยยืนยันองค์ความรู้โบราณที่สัมพันธ์กับการวิจัยสมัยใหม่

“รองต่อ แนะ 3 วิธีอุ่นใจช่วงสงกรานต์ เชิญฝากบ้านกับตำรวจ” 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชิญชวนประชาชนฝากบ้านกับตำรวจ  ผ่าน 3 ช่องทาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัย ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 นี้

วันนี้ 12 เมษายน 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ โชคชัย และ ดอนเมือง

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ         ได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 โดยสั่งการไปยังหน่วยตำรวจทุกพื้นที่ ให้เตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพพื้นที่นั้น
 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ต่อยอด “โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)” ซึ่งแต่เดิมมีระยะเวลาการดำเนินโครงการเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว เป็นการที่พี่น้องประชาชนซึ่งไม่อยู่บ้านเป็นเวลานาน สามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอดส่องดูแลเพิ่มความเข้มในการตรวจตราเฝ้าระวังป้องกันการเกิดเหตุ ซึ่งจะเป็นการช่วยให้การป้องกันอาชญากรรมมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น 


 
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าวว่า โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ เป็นหนึ่งในโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ท่าน ผบ.ตร. เน้นย้ำในการดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยนำเอาการดำเนินการต่างๆ ประกอบด้วย ฝากบ้านไว้กับตำรวจ , เพื่อนบ้านเตือนภัย , Stop Walk & Talk , สมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม , อาสาสมัครช่วยงานกิจการตำรวจ และ เทคโนโลยีที่จำเป็นในการสนับสนุนการปฏิบัติงานตำรวจ มาขับเคลื่อนให้ประสบผลสำเร็จ โดยปัจจัยสำเร็จของโครงการอยู่ที่ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขและต่อยอดพัฒนาให้ดีขึ้น นำไปสู่การป้องกันอาชญากรรมแบบยั่งยืน 
สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้านทุกแห่ง แต่หากไม่สะดวกในการไปติดต่อที่สถานีตำรวจ ยังสามารถร่วมโครงการได้ผ่าน แอปพลิเคชั่น “OBS” ได้ทั้ง Google play และ App Store นอกจากนี้ ยังสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการผ่าน  ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 โดยเมื่อศูนย์วิทยุฯได้รับความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการฯจากประชาชนแล้ว เจ้าหน้าที่จะสอบถามข้อมูล แล้วส่งรายละเอียดไปยังสถานีตำรวจ เพื่อให้ติดต่อกลับไปยังผู้แจ้งเพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้น
 
“ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะนี้มีบ้านประชาชนเข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 3,377 หลัง จากทั่วประเทศ  โดยแบ่งเป็น 
1.มาติดต่อที่สถานีตำรวจ 389 ราย 
2.แจ้งผ่านศูนย์ฯ191   18 ราย 
3.ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น OBS  2,970 ราย

ซึ่งหัวหน้าสถานีตำรวจ จะนำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงของผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ มาพิจารณาวางแผนการตรวจตราระวังป้องกันเหตุ และอบรมชี้แจงการออกตรวจตราความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายตามวงรอบ รวมทั้งสอดส่องความผิดปกติของบ้านที่เข้าร่วมโครงการ และสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน องค์กร ส่วนราชการในพื้นที่ให้มีการเชื่อมโยงทำงานร่วมกัน ก่อให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชนในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม
 

‘ไทย’ จับมือ 4 ประเทศ เสนอ ‘เคบายา’ ชุดสตรีพื้นภาคใต้ ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ช่วยเสริมความร่วมมือระดับประเทศ

(12 เม.ย.66) นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 เห็นชอบให้กระทรวงวัฒนธรรม เสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก โดยให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ในฐานะตัวแทนของประเทศไทย เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ในปี 2567

อธิบดีสวธ. เปิดเผยต่อว่า การนำเสนอมรดกร่วมในครั้งนี้ มีที่มาจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้รับการประสานจากประเทศมาเลเซียผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ให้ร่วมกันพิจารณาเสนอขึ้นทะเบียนรายการมรดกร่วม (multi-national nomination) เคบายา (Kebaya) ในบัญชีตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative list of the Intangible Cultural Heritage of Humanity : RL) สวธ.จึงได้เนินการศึกษาข้อมูลทางวิชาการและแนวทางการเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา โดยร่วมมือกับนักวิชาการและชุมชนที่เกี่ยวข้องจัดทำเอกสารตามแบบฟอร์มของยูเนสโก (ICH-02) ให้เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอมรดกร่วม ดังนี้

การขอเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ต่อยูเนสโก ประเทศมาเลเซีย เป็นประเทศผู้เสนอหลัก และได้เชิญประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศไทย รวมเป็น 5 ประเทศนำเสนอร่วม ซึ่งทั้ง 5 ประเทศจะร่วมกันจัดทำข้อมูลตามแบบฟอร์ม (ICH-02) มีการคัดเลือกภาพถ่าย และจัดทำวีดิทัศน์ โดยมีการจัดประชุมระหว่างประเทศขึ้น 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 – 3 พฤศจิกายน 2565 (ผ่านระบบออนไลน์) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 – 8 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ประเทศอินโดนีเซีย และครั้งที่ 3 ในวันที่ 8 มีนาคม 2566 (ผ่านระบบออนไลน์) จากนั้น ประเทศมาเลเซีย จะทำหน้าที่รวบรวมเอกสารจากประเทศที่ร่วมเสนอ เพื่อดำเนินการจัดส่งเอกสารรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ให้ยูเนสโก ตามลำดับ

เคาบายา นี้เป็นองค์ประกอบหลักในวัฒนธรรม การแต่งกาย บาบ๋า – เพอรานากัน ที่ กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยในการจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ เคบายา ได้รับความร่วมมือจาก สมาคมเพอรานากันประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต เป็นผู้สนับสนุนและจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ตามที่ประเทศมาเลเซียได้ประสานมา พร้อมกับประเทศบรูไนดารุสซาลาม ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศสิงคโปร์ ในการเสนอต่อยูเนสโก

ซึ่ง เคบายา เป็นเสื้อสตรีพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นส่วนหนึ่งของการแต่งกายบาบ๋า – เพอรานากัน ในภาคใต้ของไทย เป็นวัฒนธรรมร่วมของกลุ่มคนที่มีเชื้อสายจีนและมลายู กลุ่มชาวจีนฮกเกี้ยนที่มาจากปีนังและมะละกาที่ได้เดินทางเข้ามาค้าขายบริเวณคาบสมุทรมลายู และเข้ามาอยู่ในมณฑลภูเก็ตในสมัยรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทำให้เกิดการผสมผสานทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมระหว่างผู้เข้ามาและคนในท้องถิ่นดั้งเดิม อันแสดงถึงการอยู่ร่วมกันในความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างสันติสุข ทั้งนี้ การสวมใส่เคบายา (Kebaya) ในวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคนี้ นอกจากคุณค่าความสวยงามแล้ว การเสนอเป็นมรดกร่วมที่สอดคล้องคล้ายคลึงกันยังบ่งบอกถึงความผูกพันและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศอีกด้วย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง คลายร้อน ส่งความสุขและความห่วงใย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง คลายร้อน ส่งความสุขและความห่วงใย แจกพัดลมมือถือ ทิชชูเปียกแบบเย็น และน้ำดื่ม ให้แก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา-ท่องเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ)

วันนี้ (วันพุธที่ 12 เมษายน 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยประชาชน ที่สัญจร เดินทางกลับภูมิลำเนา-ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นการเดินทางในช่วงสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน – ร้อนมาก  จึงมอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่แจกจ่ายพัดลมมือถือ ทิชชูเปียกแบบเย็น และน้ำดื่ม ให้กับประชาชน ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ) รวม 2,216 ชุด รวมมูลค่า 397,772 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบสองบาทถ้วน) โดยมีอาสาสมัครศิลปิน อาทิ นางสาวอธิชา เทศขำ  (เมย์-อธิชา) และ นางสาวนิภาพร พลไทร (หมามุ่ย-นิภาพร) ร่วมแจกจ่ายให้กับประชาชน ซึงบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น

โรงพยาบาลพญาไท 3 สืบสานประเพณีไทย ทำบุญตักบาตร พรัอมบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในเทศกาลสงกรานต์

วันที่ 10-11 เมษายน 2566 
นพ.สุรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 เพชรเกษม 19
พญ.วารุณี จินารัตน์ ผอ.แพทย์ นพ.อภิชัย โตวณะบุตร ผช.ผอ.แพทย์ 
น.ส.ณัฐชานันท์ นิธิโชติวรภัทร์ ผอ.ฝ่ายการตลาด
น.ส.นิตยา กฤตธนเวท ผอ.ฝ่ายบริหาร พว.ภาวิณี วัยปัทมะ ผอ.พยาบาล พร้อม แพทย์ พยาบาล พนักงาน ตลอดผู้ใช้บริการของโรงพยาบาลร่วมสืบสานประเพณีไทย ทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง พร้อมทำพิธีพราหมณ์บวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
และสิ่งสักสิทธิ์บริเวณรอบโรงพยาบาลพญาไท 3 เพื่อเป็นศิริมงคล โชคดี มีสุข ให้สุขภาพแข็งแรง ในเทศกาลสงกรานต์ ของปีใหม่ไทย 2566......

ครม.เห็นชอบให้กระทรวงวัฒนธรรม เสนอรายการมรดกร่วม ‘เคบายา’ (Kebaya) ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖ เห็นชอบให้กระทรวงวัฒนธรรม เสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก โดยให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ในฐานะตัวแทนของประเทศไทย เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ในปี ๒๕๖๗  
 
อธิบดีสวธ. เปิดเผยต่อว่า การนำเสนอมรดกร่วมในครั้งนี้ มีที่มาจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้รับการประสานจากประเทศมาเลเซียผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ให้ร่วมกันพิจารณาเสนอขึ้นทะเบียนรายการมรดกร่วม (multi-national nomination) เคบายา (Kebaya) ในบัญชีตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative list of the Intangible Cultural Heritage of Humanity : RL) สวธ.จึงได้เนินการศึกษาข้อมูลทางวิชาการและแนวทางการเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา โดยร่วมมือกับนักวิชาการและชุมชนที่เกี่ยวข้องจัดทำเอกสารตามแบบฟอร์มของยูเนสโก (ICH-02) ให้เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอมรดกร่วม ดังนี้  
 
การขอเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ต่อยูเนสโก ประเทศมาเลเซีย เป็นประเทศผู้เสนอหลัก และได้เชิญประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศไทย รวมเป็น ๕ ประเทศนำเสนอร่วม  ซึ่งทั้ง ๕ ประเทศจะร่วมกันจัดทำข้อมูลตามแบบฟอร์ม (ICH-๐๒) มีการคัดเลือกภาพถ่าย และจัดทำวีดิทัศน์  โดยมีการจัดประชุมระหว่างประเทศขึ้น 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤศจิกายน 2565 (ผ่านระบบออนไลน์) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 - 8 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ประเทศอินโดนีเซีย และครั้งที่ 3 ในวันที่ 8 มีนาคม 2566 (ผ่านระบบออนไลน์)  จากนั้น ประเทศมาเลเซีย จะทำหน้าที่รวบรวมเอกสารจากประเทศที่ร่วมเสนอ เพื่อดำเนินการจัดส่งเอกสารรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ให้ยูเนสโก ตามลำดับ  
 
เคาบายา นี้เป็นองค์ประกอบหลักในวัฒนธรรม การแต่งกาย บาบ๋า – เพอรานากัน ที่ กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยในการจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ เคบายา ได้รับความร่วมมือจาก สมาคมเพอรานากันประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต เป็นผู้สนับสนุนและจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ตามที่ประเทศมาเลเซียได้ประสานมา พร้อมกับประเทศบรูไนดารุสซาลาม ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศสิงคโปร์ ในการเสนอต่อยูเนสโก  

“บิ๊กจ๋อ” นำทีมสืบนครบาล ซ้อนแผนรวบ “ตั้มฟองเบียร์” หนุ่มจิตวิปลาส “ชอบกินเด็ก” เคยต้องคดีพรากผู้เยาว์-ยาเสพติด

วันที่ 12 เมษายน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งให้พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  นำทีม พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดสืบสวนติดตามจับกุม นายศรัณย์ จันทศรี หรือฉายา “ตั้มฟองเบียร์” อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/1 ม.1 ต.ตำแย อ.พยุห์ จ.ศรีษะเกษ ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.228/2566 ลงวันที่ 27 มี.ค. 66 ข้อหา ปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบหาปีไปเสียจากบิดามารดา และแจ้งข้อหาเพิ่ม“ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” จับได้ที่ ริมถนนในซอยเอกชัย 64/5 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน จังหวัดกรุงเทพ

พฤติการณ์สืบเนื่องจาก ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของสืบนครบาลได้รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่งผ่านเฟสบุ๊คเพจ สืบสวนนครบาล IDMB โดยผู้เสียหายได้แจ้งว่า บุตรสาววัย 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ได้ถูกคนร้ายซึ่งมีศักดิ์เป็น “อดีตน้าเขย” พาตัวหนีออกไปจากบ้านกว่า 11 วัน และมีการกระทำชำเราจำนวนหลายครั้ง โดยได้แจ้งความไว้ที่ สน.ท่าข้าม 
ซึ่งตำรวจได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว แต่ยังลอยนวลเกรงว่าลูกสาวจะไม่ปลอดภัย แล้วอาจจะมีการถ่ายคลิปโป๊เก็บไว้  

จากตรวจสอบประวัติ นายศรัณย์ จันทศรี เคยต้องโทษกว่า 4 คดี พ.ศ. 2553 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล” พ.ศ. 2555 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ใช้สารระเหย”  พ.ศ. 2558 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง”  และพ.ศ. 2558 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”

ภายหลังรับแจ้งและวิเคราะห์ข้อมูล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้สั่งการใก้ชุดสืบสวนตามจับคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยและอนาคตของเหยื่อที่เป็นเด็กเพียง 11 ปี โดยเปิดแผนปฏิบัติการใช้ “นางนกต่อ” ติดต่อไปหา นายศรัณย์ฯ เพื่อนัดหมาย บริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ดักซุ่ม ก่อนจะเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด 

‘กกต.’ โดนทัวร์ลงหนัก!! หลังแห่ดูงานต่างประเทศ สับ!! ใช้งบสูงลิ่ว-เวลาไม่พอพิจารณาเรื่องสำคัญ

กกต.แห่ดูงานต่างประเทศ นัดประชุมอีกครั้งปลายเดือน โดนวิจารณ์แซดไม่เหมาะสม พิจารณาขยายลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ทัน รวมทั้งไม่สามารถวินิจฉัยนโยบายประชานิยมพรรคการเมือง เพราะเวลาไม่พอ

วันนี้ (12 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่ขณะนี้มีกระแสเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)วินิจฉัยนโยบายหาเสียงประชานิยมของพรรคการเมืองว่าสามารถทำได้หรือไม่ รวมทั้งมีข้อเรียกร้องให้ กกต.พิจารณาขยายระยะเวลาการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าเพิ่มเติม เนื่องจากวันสุดท้ายของการทะเบียนเกิดปัญหาระบบล่ม แต่มีรายงานว่าขณะนี้ กกต.ทั้ง 6 คน ไม่ได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย โดยทยอยเดินทางไปดูการเตรียมการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ตั้งแต่ช่วงวันที่ 4 เม.ย. โดยนายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ และนายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี เดินทางไปประเทศฮังการีและสโลวาเกีย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เดินทางไปประเทศแอฟริกา นายปกรณ์ มหรรณพ เดินทางไปประเทศเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์

สตูล นักท่องเที่ยวทะลักฉลองเทศกาลสงกรานต์ ตม.เตือนแรงงานไทยเดินทางกลับงดใช้ช่องทางธรรมชาติ

วันนี้ 12 เมษายน 2566 การเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ผ่านช่องทางชายแดนจังหวัดสตูลซึ่งมี 3 ช่องทาง นักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียและจากทวีปยุโรปแห่เดินทางผ่านชายแดนจังหวัดสตูลกันอย่างคึกคักโดยเฉพาะที่ถ้าเทียบเรือตำมะลังซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดสตูลและเกาะลังกาวีประเทศมาเลเซีย  ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากันไม่ขาดสาย  และเพื่อเป็นการต้อนรับในวันขึ้นปีใหม่ไทยทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูลตั้งโต๊ะบริการนักท่องเที่ยวด้วยการนำน้ำดื่มและไอศครีมมาให้บริการฟรีเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยร่วมเฉลิมฉลองในวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย


สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านชายแดนเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย และชาวยุโรปที่ต้องการจะมาร่วมเฉลิมฉลองและร่วมสนุกสนานในวันสงกรานต์ไทยด้วยการเล่นน้ำดับร้อน และเดินทางไปยังเมืองใหญ่รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะหลีเป๊ะเพื่อพักผ่อน และสัมผัสประเพณีที่งดงามของไทย


พันตำรวจเอกธนิสร   แสงท่านั่ง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล กล่าวว่า ในช่วงนี้นักท่องเที่ยวและแรงงานจะเดินทางผ่านด่านชายแดนกันเป็นจำนวนมาก โดยจังหวัดสตูลมีด่านชายแดนทางเรือ 2 ด่านได้แก่ท่าเทียบเรือตำมะลังและด่านชายแดนเกาะหลีเป๊ะ-ลังกาวีประเทศมาเลเซีย  พร้อมกันนี้ยังมีด่านชายแดนวังประจัน บ้านวังเกรียนรัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นทางบก  3 ช่องทางที่นักท่องเที่ยวและแรงงานเดินทางเข้ามา  ในช่วงนี้วันละไม่น้อยกว่า 1,500 คน

 
สำหรับแรงงานไทยในต่างแดนที่จะเดินทางกลับบ้านเพื่อมาฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย   ทางตม.สตูลขอให้เดินทางผ่านช่องทางทั้ง 3 ด่านนี้โดยไม่อนุญาตให้เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ   เพราะทั้ง 3 ช่องทางจะมีทางเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว


นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

สุโขทัย-เริ่มแล้ว ประเพณีสงกรานต์และเทศกาลอาหารเมืองสวรรคโลกสุดยิ่งใหญ่

เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 11 เม.ย. ที่บริเวณลานกิจกรรมอเนกประสงค์ริมรางรถไฟ ถนนศรีสัชนาลัย  อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย นายดำรง  มโนรถ รองผวจ.สุโขทัย เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีสงกรานต์และเทศกาลอาหารเมืองสวรรคโลก ประจำปี2566 ซึ่งปีนี้ทางด้านนายสมชาติ ลิมปะพันธุ์ นายกเทศมนตรีเมืองสวรรคโลก ได้กำหนดจัดงานประเพณีสงกรานต์และเทศกาลอาหารเมืองสวรรคโลก ขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน ประจำปี 2566 ณ บริเวณลานกิจกรรมอเนกประสงค์ริมรางรถไฟ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย

 

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองสวรรคโลกในฐานะเจ้าภาพจัดงาน ได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม อาทิ การทำบุญตักบาตร การรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแสดงอื่นอีกมากมาย พร้อมเทศกาลอาหารให้ประชาชนได้เลือกสรรนานาชนิดกว่า 80 ร้านค้า ซึ่งเป็นระยะมากว่า 10 ปีแล้ว เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป เพื่อส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้แก่คนในท้องถิ่น และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองสวรรคโลก

ตำรวจ ป.ป.ป. เรียกสอบ ‘ผอ.เขตราชเทวี-เจ้าหน้าที่’ หลังพบหลักฐานเอี่ยว รีดสินบนแลกเลี่ยงภาษี 40 ล้านบาท

ตำรวจ ป.ป.ป. เรียกสอบ ผอ.เขตราชเทวี และเจ้าหน้าที่ 11 คน ที่พบหลักฐานเชื่อมโยงกับหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี โดยการตรวจสอบพบกว่า 100 คดี ที่มีการเรียกรับผลประโยชน์

เมื่อวันที่ (11 เม.ย.2566) ผู้อำนวยการเขตราชเทวี เจ้าหน้าที่ธุรการ และเจ้าหน้าที่ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี ถูกเชิญตัวมาให้ข้อมูล ในฐานะพยาน โดยมี พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ประสานพาเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวมาพบพนักงานสอบสวน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจ ป.ป.ป. ระบุว่า การสอบเจ้าหน้าที่ทั้งหมดยังทำในฐานะพยาน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการหรือปรากฎชื่อในแผนผัง สมุดบันทึก หรือ เอกสารต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไปตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการและสถานประกอบการในพื้นที่ตามที่ได้รับคำสั่ง จากนั้นก็ส่งรายชื่อให้กับหัวหน้าฝ่ายประเมินรายได้

พนักงานสอบสวนพบการเรียกรับผลประโยชน์แลกการเลี่ยงจ่ายภาษีจากผู้ต้องหา 100 คดี และพบผู้กระทำความผิดชัดเจนร่วมกับหัวหน้าฝ่ายประเมินรายได้อีก 1 คน เป็นลูกน้องคนสนิททำหน้าที่เก็บเงินและประสานงานกับผู้ประกอบการ

‘ยังโอม’ ทุ่มกว่า 1.2 ล้านบาท ทำ MV เพลง ‘ธาตุทองซาวด์’ ชี้!! อยากเห็นเพลงไทยไปไกลระดับโลก ฝากรัฐหนุนวงการศิลปะไทย

อึ้ง!! MV ธาตุทองซาวด์ ‘ยังโอม’ เผยควักทุน 7 หลัก หวังโชว์ทั่วโลก ฝากถึงรัฐ หนุนวงการศิลปะไทย ฝันไปไกลเท่าเกาหลี ขอบคุณ 10 ล้านวิว

เมื่อวันที่ (11 เม.ย.66) ยังโอม (YOUNGOHM) แรปเปอร์ชื่อดัง เจ้าของเพลง ธาตุทองซาวด์ ที่กำลังฮอตสุดๆ รันทุกวงการ มิวสิควิดีโอ ที่เพิ่งเปิดตัวได้ 5 วัน ทะลุ 10 ล้านวิว จนติดเทรนด์อันดับ 1 ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “MV เพลงนี้ผมใช้เงินตัวเองลงไปประมาณ 1,200,000 บาท เป็น MV ที่ผมใช้เงินเยอะที่สุดในชีวิต…”

“ที่ผมต้องลงทุนเยอะขนาดนี้ เพราะอยากให้ทั้งโลกเขาเห็นว่าคนไทยก็เฟี้ยวเหมือนกันนะ คนไทยถ้าเอาจริง ๆ เราทำได้ทุกอย่าง เรามีความสามารถ เรามีศิลปินที่เก่งมาก ๆ ในทุก ๆ แขนงของศิลปะ”

“นี่ขนาดผมทำด้วยตัวคนเดียว ด้วยเงินตัวเองมันยังได้ขนาดนี้ ผมอยากจะรู้จริง ๆ ถ้าคนไทยได้รับการสนับสนุนจากรัฐหรือจากไหนสักที่ วงการศิลปะบ้านเราจะไปได้ไกลแค่ไหน แล้วจะนำพาประเทศเราไปได้ถึงจุดไหน จะไปได้ไกลเท่าเกาหลีมั้ยนะ”

“และนี่คือเสียงจากอดีตเด็กโรงเรียนวัดธาตุทองตัวเล็ก ๆ ที่อยากเห็นประเทศนี้เฟี้ยวกว่าเดิม 5 วัน 10,000,000 วิว ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ครับ”


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7608536

นพค.54 ส่งมอบแผนงาน โครงการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ 

วันที่ 11 เมษายน 2566  กองบัญชาการกองทัพไทย  (หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา)  โดย พันเอก กิรชิต  คุณาวงศ์  ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54  สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมกำลังพล ลงพื้นที่ไป บ้านตาตุม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อส่งมอบแผนงานโครงการ งานก่อสร้างเส้นทางผิวจราจรลาดยาง Cape seal กว้าง 5 ม. ระยะทาง 1.045 กม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และเดินทางต่อไปยัง บ้านทัพดัด ตำบลตาตุม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์

ผู้ว่าชัชชาติจับมือบิ๊กแจ็สร่วมท้องถิ่นป้องกันน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี และ นายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด ลงเรือสำรวจคลองบ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก ใน 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนนทบุรี โดยลงเรือจากประตูระบายน้ำคลองบ้านใหม่ ไปจนถึงประตูระบายน้ำระบายบริเวณถนนติวานนท์ จ.นนทบุรี

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้เป็นการบูรณาการกันระหว่าง 3 จังหวัดคือ นนทบุรี ปทุมธานี และกทม. เนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดเปราะบางสำคัญที่จะช่วยให้ กทม.ไม่ให้น้ำท่วม คือ คลองเปรมประชากรที่นำน้ำจากเหนือลงใต้ หากน้ำมาเยอะกว่าจะผ่าน กทม.เพื่อออกไปทางบางซื่อเป็นระยะทางไกล หากตัดออกทางคลองบ้านใหม่ได้ก็จะดีมาก

ส่วนอีกทางประตูคลองเปรมใต้ที่ดูดน้ำย้อนกลับไปที่คลองรังสิตเพื่อให้น้ำออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยลงความเสี่ยงของ กทม.ได้ เนื่องจากพื้นที่คาบเกี่ยวกันหลายจังหวัด เราไม่อยากให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนที่อยู่จังหวัดใกล้เคียงที่ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี เราจึงต้องหารือร่วมกันในการประสานความร่วมมือ จากที่ได้สำรวจพบว่ายังขาดเขื่อนป้อนกันน้ำโดยเฉพาะคลองบ้านใหม่ ในส่วนของ จ.นนทบุรี เขื่อนบางส่วนยังมีฟันหลอ ของ กทม.ก็ยังมีปัญหาอยู่ อาจจะต้องของบบูรณาการจากสำนักบริหารน้ำแห่งชาติ เพราะว่าไม่ใช่หน้าที่ของเทศบาลฯฝ่ายเดียว หรือปทุมธานีฝ่ายเดียว ต้องเป็นการบริหารจัดการน้ำเพื่อคนจำนวนมาก เมื่อได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐมา จะทำให้งานรวดเร็วขึ้น

เบื้องต้นจะต้องขุดลอกคลองก่อน เพื่อเพิ่มการไหลของน้ำ เราจึงต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน เพราะว่าน้ำไม่รู้จักจังหวัด น้ำก็ไหลไปทั่ว มาปทุมธานี มานนทบุรี มา กทม. ดังนั้นความร่วมมือในระดับท้องถิ่นเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหา เพราะว่าท้องถิ่นจะรู้ปัญหาอย่างละเอียด ต้องขอบคุณ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานีและท่านนายกวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ดที่ได้ลงพื้นที่ร่วมกันวันนี้

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อท่านผู้ว่า กทม.ลงมาดูพื้นที่พบว่าปัญหาน้ำเป็นปัญหาคาบเกี่ยวร่วมกัน ก่อนจะถึงฤดูน้ำหลากเรามาร่วมกันร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งชลประทาน กรมเจ้าท่า ต้องเตรียมการป้องกันไว้ก่อน ผมมองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี กว่าหากปล่อยให้เหตุเกิดแล้วมาแก้ไข แต่ละจังหวัดต่างแก้ไขกันเองมันไม่ได้ ต้องรวมกันป้องกันเหตุ ผมเห็นด้วยและยินดีทุกอย่างแม้แต่น้ำจาก กทม. ย้อนกลับมา เรามีทางออกทั้งประตูน้ำปากคลองรังสิต เราย้อนกลับคลองเปรมเหนือก็ได้ เพื่อให้น้ำออกทางเชียงรากน้อยเชียงรากใหญ่ได้อีก ทางปทุมธานีมีความพร้อม

พิธีเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 40

วันที่ 10 เมษายน 2566 เวลา 10.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 40 ณ สโมสรกองทัพบก กรุงเทพฯ

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี มอบให้มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ดำเนินการนำเยาวชน จากจังหวัดชายแดนภาคใต้มาพำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ ณ กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ตั้งแต่ปี   พ.ศ.2548 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการมาแล้ว 18 ปี ติดต่อกันจำนวน 39 รุ่น มีเยาวชนที่ผ่านเข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” มาแล้วจำนวน 9,305 คน และมีครอบครัวอุปถัมภ์เข้าร่วมโครงการฯ รุ่นละ 160 ครอบครัว

ในปีนี้ โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ดำเนินการจัดกิจกรรม รุ่นที่ 40 ระหว่างวันที่ 4 เมษายน –  2 พฤษภาคม 2566 มีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 320 คน กล่าวคือ เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลาม จำนวน 267 คน เยาวชนที่นับถือศาสนาพุทธ จำนวน 51 คน และเยาวชนที่นับถือศาสนาคริสต์ จำนวน 2 คน โดยมีกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ประสบการณ์ทักษะอาชีพ และการพำนักกับ  ครอบครัวอุปถัมภ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง เยาวชนเมื่อผ่านโครงการฯ ได้พัฒนาทัศนคติแนวคิดสู่การพัฒนาตนเองและครอบครัว เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมกันพัฒนาสาธารณประโยชน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top