Friday, 16 May 2025
NEWS

'อ.อ๊อด' ชี้!! ทางเลื่อนสนามบินสุวรรณภูมิปลอดภัยมาก ส่วนที่ดอนเมืองน็อตยึดหลุดเกือบหมดตอนเกิดเหตุ

เมื่อวานนี้ (6 ก.ค. 66) รศ.ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด จาก จากภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “ประชุมวันนี้ที่ดอนเมือง มีความคืบหน้า 80% สรุปสั้น ๆ คืออุบัติเหตุ

โดยแผ่นเพลทหลุดออกจากรางสี่เหลี่ยมโดย น๊อตตำแหน่งที่ A B C ไม่สามารถยึดแผ่นเพลท ในขณะม้วนลงที่ตำแหน่งสิ้นสุดทางเลื่อนไว้ได้ เหลือเพียง ตำแหน่ง D ที่ยึดไว้แล้วห้อยแผ่นเพลทโตงเตงอยู่ด้านล่างเลื่อนไป 10 วินาทีจนเซพตี้สวิตทำงาน ทางเลื่อนจึงหยุด

ในขณะ 10 วินาทีที่ทางเลื่อนพยายามดันไปข้างหน้าขาของผู้โดยสารที่หย่อนลงไปที่ตำแหน่ง E ก็ถูกดันไปเรื่อย ๆ ไปกระแทกกับขอบโลหะที่มีความหนาเกือบ 1 เซนติเมตร จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขาด

หวีสีเหลืองยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ถึงแม้ไม่มีหวี ก็ไม่มีโอกาสที่ขาจะหลุดลงไปขนาดนั้น อาจารย์อ๊อดเสนอให้มีการจำลองเหตุการณ์อีกครั้งและจะมีการประชุมอีกไม่เกินสองครั้งทาง ทอท. ก็จะแถลงข่าว

ในเบื้องต้นผู้บริหารระดับสูงทุกฝ่ายยอมรับว่า เป็นอุบัติเหตุ และขอรับผิดชอบทุกประการและจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทางเลื่อนนี้ติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2530 และมีเซพตี้สวิตทั้งหมดห้าจุด ปัญหาหลัก ๆ คือมันเก่า และได้ตั้งงบประมาณเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดแล้ว

ทางเลื่อนที่สนามบินสุวรรณภูมิจะเป็นตัวท็อปที่ปลอดภัยมากเพียงแค่สายรองเท้าเกี่ยวเครื่องก็หยุดทันที ขอให้ปลอดภัยและขอให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดี”

‘พ่อทิม พิธา’ โพสต์คลิปวิดีโอลูกสาวบังคับออกกำลังกาย ด้าน ‘แม่ต่าย ชุติมา’ คอมเมนต์แซว “ให้พิพิมมาบังคับแม่บ้างค่ะ”

กีฬาพ่อก็ไม่เบา!! พ่อลูกใครสนุกกว่ากัน ‘ต่าย ชุติมา’ ก็เข้ามาคอมเมนต์ ทิม พิธา โพสต์ลูกสาวบังคับพ่อไปออกกำลังกายบ้างคลิปสนุกสนานทั้งพ่อลูก

ค่อยมีเวลาผ่อนคลายหน่อย ทิม พิธา หลังได้ประธานสภาฯ เป็นที่เรียบร้อย ก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ เลยมีเวลา นอกจากพา น้องพิพิม ลูกสาวไปเดตรับประทานอาหารมื้ออบอุ่น ก็ยังเผยโมเมนต์ความน่ารักของลูกสาว พาพ่อไปออกกำลังกาย

โดยพ่อทิมโพสต์ภาพและคลิปความน่ารักน้องพิพิมขณะสนุกสนานกับกิจกรรมการไปออกกำลังกายกับแดดดี๊ พร้อมแคปชั่นว่า “พิพิมห่วงสุขภาพพ่อ บังคับออกกำลังบ้าง พ่อไม่ค่อยอยากไปเลยครับ”

ด้าน แม่ต่ายของน้องพิพิม ต่าย ชุติมา ก็เข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า “ให้พิพิมมาบังคับแม่บ้างค่ะ” โดยแฟนๆเข้ามากดไลก์คอมเมนต์แม่หลายพันไลก์ เชียร์แม่ไปร่วมออกกำลังกายด้วย

ส่วนแฟนๆก็เข้ามาคอมเมนต์แซวพ่อ อาทิ น้องพิพิมคือที่ชาร์จแบตพลังใจของคุณทิม ในโหมดความเป็นคุณพ่อก็เต็มที่มาก เป็นกำลังใจให้นะคะ , อดทนนะลูก เดี๋ยวพ่อก็โตแล้วนะพิพิม , เก่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชู้ตบาสกลับหลัง ยังรอดห่วง , ไม่ค่อยอยาก = ดูสนุกกว่าพิพิมอีกนะคะคุณพ่อ เป็นต้น

‘ลุงตู่’ มอบเงินรางวัลแก่ทัพนักกีฬาซีเกมส์-อาเซียนพาราเกมส์ หลังคว้าชัยชนะให้ไทย หนุนทูตกีฬาเชื่อมสัมพันธ์กับนานาประเทศ

‘บิ๊กตู่’ มอบเงินรางวัลแก่ทัพนักกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ฉลองชัยความสำเร็จทีมชาติไทย ชื่นชมทุกคนทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทย นำทัพนักกีฬาคว้าชัยชนะกลับมาสู่ประเทศชาติได้สำเร็จ เป็นอันดับที่ 2 จาก 11 ประเทศ ย้ำ!! เป็นทูตกีฬาเชื่อมสัมพันธ์กับนานาประเทศ ชี้ การแข่งขันต้องมานะ บากบั่น สู้สุดใจ แม้มีทะเลาะบ้างสุดท้ายคือเพื่อนกัน ขอทุกคนสร้างความรักสามัคคี ฝากดูแลบ้านเมือง

(6 ก.ค. 66) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบเงินรางวัลและแสดงความยินดีให้กับผู้เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยและเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ นางสาวสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) คณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบเงินรางวัลและของที่ระลึกให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัล และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ดังนี้ 1.มอบของที่ระลึกให้แก่ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2.มอบของที่ระลึกแก่ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย 3.มอบเงินรางวัลและของที่ระลึกแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัลและเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 จำนวน 39 สมาคมกีฬา รวมเงินทั้งสิ้น 239,190,000 บาท 4.มอบเงินรางวัลและของที่ระลึกแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัลและเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 จำนวน 4 สมาคมกีฬา รวมเงินทั้งสิ้น 99,365,000 บาท ทั้งนี้ มีนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวม 43 สมาคมกีฬา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 338,555,000 บาท

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามรัฐบาลและประชาชนชาวไทยขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่นักกีฬาไทยได้แสดงความสามารถทางกีฬาให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ และเป็นโอกาสดีที่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการแข่งขัน เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไป

ทั้งนี้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นที่ทุกคนได้รับมานั้นล้วนเกิดจากความ ‘มานะ บากบั่น และสู้สุดใจ’ ของของทุกคน จึงทำให้ทุกคนมาอยู่ตรงจุดนี้ ขอให้ทุกคนประทับไว้ในหัวใจและนำไปเป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลสำเร็จในด้านกีฬาและด้านอื่น ๆ ของชีวิตต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมสมาคมกีฬา ผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศไทยในการนำทัพนักกีฬาไปคว้าชัยชนะกลับมาสู่ประเทศชาติได้สำเร็จ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีวินัยในการฝึกซ้อมอย่างดีของทุกคน จนสามารถแสดงความสามารถและศักยภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และรางวัลเกียรติยศที่ได้รับในครั้งนี้ ถือเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทุกคน และเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศชาติ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ชาวไทยทุกคนรวมทั้งตนเองและครอบครัว โดยขอให้ทุกคนพัฒนาความสามารถของตนเองให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย โดยรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกด้าน เพื่อทำให้การกีฬาไทยมีศักยภาพสูงและสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างทัดเทียม

“กีฬาก็คือกีฬา เป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้กับประเทศเหมือนเดิมแข่งกันแล้วก็ไม่มีการทะเลาะกันอีก ระหว่างแข่งก็อาจมีปัญหากันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เห็นมีการทะเลาะกันทุกครั้ง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องการชัยชนะ แต่สุดท้ายแล้วก็คือเป็นเพื่อนกัน นักกีฬาทีมชาติเป็นทูตวัฒนธรรมและเป็นทูตกีฬาถือเป็นการสร้างความรักความสามัคคีในชาติ และระหว่างประเทศ  หวังว่าจะทำให้นักกีฬาทุกคนประสบผลสำเร็จในการแข่งขันทุกประเภท นับจากนี้ ยินดีที่พร้อมจะมอบเงินรางวัลสนับสนุน เพราะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ยืนยันตนเองได้ติดตามการกีฬาทุกประเภท ในช่วงเวลาว่างจากการทำงาน ขอให้เน้นในเรื่องกีฬาอย่างเดียว อย่าคิดถึงเรื่องอื่น เพราะกีฬาทำให้มีความสุขคลายเครียด แต่นายกหลั่งสารนี้เลย เพราะว่าทำงานแล้วมีความเครียดพร้อมฝากทุกคนช่วยดูแลบ้านเมืองให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ทุกคนทำหน้าที่ตัวแทนของคนไทยและประเทศไทยอย่างดีที่สุดแล้ว และขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่ไม่ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน ขอให้ตั้งใจพัฒนาทักษะและหมั่นฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ และนำเอาประสบการณ์จากการแข่งขันในครั้งนี้ไปพัฒนาตนเอง ซึ่งจะทำให้นักกีฬาทุกคนประสบความสำเร็จในการแข่งขันในโอกาสครั้งต่อ ๆ ไปได้อย่างแน่นอน พร้อมขอขอบคุณบุคคลและหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนพัฒนาการกีฬาของชาติให้ก้าวหน้าตลอดมา สร้างชื่อเสียงเกียรติภูมิมาสู่ประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง และขอให้ระลึกไว้ว่า ผลงานด้านกีฬาที่ได้สร้างไว้นั้น จะถูกจารึกไว้ในหัวใจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศตลอดไป

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ส่งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 5 – 17 พ.ค. 2566 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 3 – 9 มิ.ย. 2566 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยผลงานของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 สามารถคว้ารวมมาได้ 108 เหรียญทอง 95 เหรียญเงิน 108 เหรียญทองแดง ในอันดับที่ 2 ในตารางรวมเหรียญรางวัล จาก 11 ประเทศ ขณะที่ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานในกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้ 126 เหรียญทอง 109 เหรียญเงิน และ 94 เหรียญทองแดง จบอันดับที่ 2 จาก 11 ประเทศ ในตารางรวมเหรียญรางวัลเช่นกัน

ชาวเน็ตร่วมติด #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ แชร์ประสบการณ์สุดขมขื่นช่วงวัยเยาว์ในรั้วโรงเรียน

(6 ก.ค. 66) หลังเกิดข่าวคุณครูทักไลน์นักเรียนและสั่งการบ้านในเวลา 3 ทุ่มกว่า ตามที่เพจ ‘หมอแล็บแพนด้า’ ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “ครูสั่งการบ้านตอน 21.24 น. เด็กกำลังจะนอน ต้องดีดตัวขึ้นมาทำ โอยยย แสดงว่าต้องคอยเช็กไลน์ตลอด ให้เด็กพักบ้างครับครู”

ทั้งนี้ในภาพที่โพสต์นั้นเป็นภาพข้อความที่ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น สั่งการบ้านนักเรียน ม.2 ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ในเวลา 3 ทุ่มกว่า ซึ่งถือว่าเป็นเวลาพักผ่อนของนักเรียน อีกทั้งทราบมาว่า ครูรายดังกล่าวไม่ได้กระทำแบบนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย

ต่อมากระแสในโซเชียลเริ่มร้อนแรง มีการขึ้นแท็ก #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในแฮชแท็กนี้มากกว่า 5 หมื่นครั้ง โดยส่วนใหญ่ได้เล่าเรื่องราว ประสบการณ์ที่ได้พบเจอในช่วงวัยเรียน 

ผู้ใช้งานทวิตเตอร์รายหนึ่งระบุว่า “โรงเรียนไทยขโมยความมั่นใจของนักเรียนไปหมด เคยถูกถามว่าทำไมโง่ขนาดนี้แค่เพราะไม่ชอบเรียนเลข ทั้ง ๆ ที่วิชาอื่นก็ทำได้ดีมาก หลังจากนั้นก็สะกดจิตตัวเองมาตลอดว่าโง่เลข โคตรฝังใจเป็นใครมีสิทธิมาชี้หน้าด่าคนอื่นว่าโง่ #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ”

ส่วนผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายได้แชร์ประสบการณ์ว่า “โรงเรียนสอนให้เรานอนครบ 8 ชม. แต่โรงเรียนให้การบ้านมาไม่หยุด ครูไม่มีคะแนนจะเก็บก็มาสั่งงานเพิ่ม สอนเลทปล่อยช้า ละวันนึงเรียนกี่วิชา ไหนจะต้องเรียนพิเศษเพราะโรงเรียนสอนไม่รู้เรื่อง ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเพื่ออนาคตที่ดีอีก
#โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ : ขโมยเวลานอน”

นอกจากนี้ยังมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในแฮชแท้กเพิ่มอีกว่า “ในความคิดส่วนตัวตอนเรียนเหมือนถูกขโมยเวลาในการเรียนรู้ชีวิตภายนอกว่าเป็นยังไงไป เพราะได้แค่เรียนรู้จากในห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้น ตอนเด็กคิดเสมอว่าจบออกมาจะมีงานทำมีชีวิตที่ดี แต่ความเป็นจริงแล้วโลกภายนอกคือการเอาตัวรอดและควรใช้ชีวิตอย่างมีสติตลอดเวลาเสมอ #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ”

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์แชร์ประสบการณ์ฝังใจเกี่ยวกับโรงเรียน โดยระบุว่า “จำฝังใจ วิชาแนะแนว เราบอกอยากเรียนต่อวิศวะคอม ครูพูดว่า เธอเป็นผญ. จะเรียนได้ไง โปรแกรมเมอร์มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น คือแบบ.. เอิ่ม…ครูคะ โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลกเป็นผญ.ค่า! แล้วเราก็เรียนจบ เป็นโปรแกรมเมอร์ได้สบาย ๆ ด้วย เงินเดือนเยอะกว่าครู 4 เท่าอ่ะ จบนะ อ้อลืมบอก ครูเป็นผู้หญิง แล้วสิ่งที่ขโมยไปก็คือความมั่นใจนี่แหละ แต่ก็ดีที่มีสติ ไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด”

พนง.สนามบินชุมพร ยืนโบกมือลาขณะเครื่องบินขึ้น  สร้างรอยยิ้ม - ความสุขจนผู้โดยสารหุบยิ้มไม่ได้

(6 ก.ค. 66) หุบยิ้มไม่ได้เลย หลังจากผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิป พร้อมข้อความระบุว่า “ไทยแลนด์ Only😆💓 ขอบคุณนะคะ หุบยิ้มไม่ได้เลยยยยย”

เป็นคลิปขณะเครื่องบินกำลังบินขึ้น ออกจากสนามบินชุมพร โดยมีพี่ ๆ พนักงานภาคพื้นโบกมือลา ยิ้มส่งพร้อมทำท่าหัวใจหมุนจนเป็นลูกข่าง ส่งให้คนในเครื่องบิน

หลังจากชมคลิปนี้แล้ว มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น 

“ชุมพร ไม่ค่อยมีเครื่องไปค่ะ พี่ๆ เค้าดีใจได้ทำงาน” 
“พี่เค้าดีใจนาน ๆ มีเครื่องลงทีครับสนามบินชุมพร” 

“ซื้อตั๋วไปดูพี่ ๆ เขาบ๊ายบายดีกว่า น่ารักกกก” 
“ขนาดภาคพื้นสุดมัน ถ้ากัปตันน่าจะเต้นรำจนแลนด์ดิ้ง” 
“อยากไปเที่ยวชุมพร เพราะพี่คนที่ซารางเฮโยแล้วหมุนตัวเลย”

“แต่ก่อนมีนกแอร์แบบใบพัดหน้าเสียงดังมาก ต่อมาเป็นรุ่น Q400 และมีแอร์เอเชียมาด้วย เจ้าหน้าที่เลยดีใจ และแสดงการขอบคุณ จากคนที่อยู่ชุมพรเกือบ10 ปี” 

“เจอเหมือนกันเลย สนามบินชุมพร น่ารักมาก” 
“คนดูคลิปก็ยิ้มตามไม่หุบเลยค่าาา น่ารักมากเลย”

‘รศ.ดร.วินัย’ แชร์คำกล่าวนักกวี 3 สิ่งที่ทำลายอารยธรรมของประชาชาติ คือทำลาย ‘ครอบครัว-การศึกษา-บุคคลต้นแบบ’ 

(6 ก.ค. 66) รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Dr.Winai Dahlan’ ระบุว่า…

🏮เมื่อชาวจีนโบราณต้องการอยู่อย่างปลอดภัย พวกเขาได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา โดยเชื่อว่าจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถปีนมันได้เพราะสูงมาก แต่ทว่า..! 🫢

🔘ภายใน 💯 ปีแรก หลังการสร้างกำแพงนั้น เมืองจีนกลับถูกรุกรานถึง 3 ครั้ง!
🔘ในแต่ละครั้ง กองทัพของศัตรูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะลวงกำแพงหรือปีนมันเลยแม้แต่น้อย..!
🔘ในทุกครั้ง พวกเขาใช้วิธี💰ติดสินบนยามเฝ้าประตู แล้วเข้าทางประตูนั่นแหละ

แน่นอนว่าชาวจีนมัวแต่ห่วงเรื่องสร้างกำแพง
📍จนลืมสร้างคนเฝ้ากำแพง..
📍เพราะ ‘การสร้างคน’
📍ต้องมาก่อนการสร้างทุกสิ่ง
🟢และนี่คือสิ่งที่ ‘คนหนุ่มสาว’ ของพวกเราทุกวันนี้ ต้องตระหนักให้มาก

🟣นักบูรพาคดีคนหนึ่ง
กล่าวไว้ว่า: ถ้าท่านต้องการทำลายอารยธรรมของประชาชาติหนึ่งประชาชาติใด
⏩️มีขั้นตอนอยู่ 3 อย่างคือ:

1.ทำลายครอบครัว
2.ทำลายการศึกษา
3.ล้มบุคคลต้นแบบ และตัวอย่างที่ดีงามของพวกเขา

🟤เมื่อแม่ที่ฉลาด
🟤ครูที่จริงใจ และ
🟤ต้นแบบที่ดีหายไป
🟡ใครเล่าจะเลี้ยงดูต้นกล้าเยาวชนให้มีคุณธรรม??

ชอบมากเลยบทความนี้เลยขอส่งให้ ทุกๆ ท่าน ด้วยความรำลึกถึง 💗

ขอบคุณเจ้าของบทความซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร

โซเชียลชื่นชม ‘แม่ค้าแหนมคลุก’ พูดอังกฤษคล่องปรื๋อ อธิบายสินค้าฉะฉาน ทำนักท่องเที่ยวต่างชาติปลื้ม!!

(6 ก.ค. 66) กลายเป็นคลิปไวรัลที่เรียกเสียงชื่นชมได้เป็นอย่างมาก หลังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถ่ายคลิปแม่ค้าสาวคนหนึ่งที่ร้านแหนมเนืองภายในตลาดสดสิริวัฒนา อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งแม่ค้าสาวคนนี้ไม่เพียงแต่หน้าตาสดใสน่ารัก แต่ยังมีทักษะด้านภาษาที่ดี สามารถพูดคุยสื่อสารกับนักท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วฉะฉาน โดยในคลิปนักท่องเที่ยวได้สอบถามว่าอาหารแบบนี้คืออะไร แม่ค้าสาวก็ได้บอกว่ามันคือแหนมคลุก พร้อมกับอธิบายส่วนผสมอย่างละเอียดและพูดคุยกับนักท่องเที่ยว ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะโดนแม่ค้าตก อุดหนุนแหนมคลุกไปหนึ่งชุดพร้อมกับรอยยิ้มความประทับใจซึ่งนักท่องเที่ยวคนนี้ได้โพสตส์คลิปลงในติ๊กต็อกและถูกแชร์ไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่หลังเป็นกระแสโซเชียล ผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปที่ตลาดสิริวัฒนา หรือตลาดธานินทร์พบกับ นางสาวผณินทรา จันทน้อย หรือ น้องนิว อายุ 22 ปี กำลังจัดข้าวของอยู่ที่ร้าน ทันทีทีพบกันน้องนิวก็ทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมกับบอกว่าเธอคือแม่ค้าในคลิป เป็นหลานของเจ้าของร้านซึ่งเธอจะมาช่วยขายของเป็นประจำ โดยลูกค้าต่างชาติคนดังกล่าวได้มาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้เดินถือกล้องมาถ่ายอาหารที่วางอยู่ที่ร้าน เธอพูดจาทักทายสวัสดีซึ่งชาวต่างชาติได้สอบถามอาหารที่วางขายอยู่ว่าคืออะไร เธอจึงบอกไปว่าเป็น “ยำแหนมมิกซ์” หลังจากนั้นชาวต่างชาติคนนี้ก็สั่งยำแหนม พร้อมกับสอบถามเรื่องเวลาร้านเปิดเผื่อมีโอกาสจะได้แวะกลับมาอุดหนุนอีก

น.ส.ผณินทรา บอกว่า ที่ผ่านมามีลูกค้าต่างชาติมาเป็นประจำ ส่วนสาเหตุที่เธอพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เป็นเพราะเรียนคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพิ่งจบเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พร้อมกับออกตัวว่าไม่ได้เก่ง แต่พอจะพูดได้นิดหน่อย โดยหลังจากที่คลิปถูกแชร์และมีเสียงชื่นชม เธอก็รู้สึกดีใจและขอบคุณ หลายคนจำได้และมาพูดคุยด้วย พร้อมบอกว่าอยากให้หลาย ๆ คนยังที่ไม่มั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษและสื่อสารกับชาวต่างชาติ ได้หัดลองพูดและมีความมั่นใจให้มากขึ้น เพราะโดยส่วนตัวแล้วเธอก็พูดไม่ค่อยเก่ง แต่ใช้ความมั่นใจ ยิ้มแย้มและใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย พูดให้เกิดความเข้าใจมากที่สุด

‘เนเธอร์แลนด์’ เตรียมออกกฏห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารในชั้นเรียน ป้องกันเทคโนโลยีทำเด็กสมาธิสั้น-ประสิทธิภาพการเรียนรู้ลดลง

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 66 เอเอฟพีรายงาน ว่า รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เตรียมออกกฏห้ามการใช้โทรศัพท์มือถือในชั้นเรียน โดยหมายรวมถึงแท็บเล็ตและสมาร์ทวอทช์ด้วยเช่นกัน

รัฐบาลเปิดเผยรายงานว่า เครื่องมือสื่อสารเหล่านั้นรบกวนการเรียนรู้ของนักเรียน

“มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่าโทรศัพท์มือถือมีผลเสียในระหว่างชั้นเรียน และทำให้นักเรียนมีสมาธิน้อยลง ไปจนถึงประสิทธิภาพการทำงานลดลง” รายงานระบุ

“ด้วยเหตุผลนี้ โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต และสมาร์ทวอทช์ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในชั้นเรียนอีกต่อไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567” รัฐบาลกล่าว

ปัจจุบัน รัฐบาลกำลังเร่งทำความเข้าใจกับโรงเรียน และให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนแต่ละแห่งตกลงสร้างกฎภายในร่วมกับครูผู้สอน, ผู้ปกครอง และนักเรียน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคมนี้

ถึงแม้รัฐบาลจะไม่ได้ออกคำสั่งห้ามอย่างเป็นทางการ แต่ขอสงวนสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นหลังจากวัดผลสัมฤทธิ์ในปีหน้า

รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเนเธอร์แลนด์กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า เขาหวังให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวนำไปสู่ ‘การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม’ ที่จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียนซึ่งจะกลายเป็นอนาคตของชาติในวันข้างหน้า

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย มิจฉาชีพแอบอ้างสถาบันการเงิน หลอกลวงให้กู้เงินออนไลน์ระบาดหนัก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ได้รับรายงานจากการตรวจสอบสถิติการรับแจ้งความผ่านศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์พบว่า ในช่วงที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้กู้เงินผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพจfacebook ซึ่งถูกมิจฉาชีพสร้างขึ้นมาโดยแอบอ้างชื่อเพจสถาบันการเงิน หรือธนาคารต่างๆ รวมถึงใช้สัญลักษณ์ของสถาบันการเงินนั้นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ มีการประกาศโฆษณาด้วยข้อความต่างๆ อาทิเช่น บริการกู้เงินฉุกเฉินในวงเงินสูง สมัครง่าย อนุมัติเร็ว ดอกเบี้ยต่ำ ใช้เอกสารน้อย ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ไม่ตรวจสอบเครดิต และมีกฎหมาย PDPA คุ้มครอง เป็นต้น จากนั้นเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อเพิ่มเพื่อนทางไลน์เพื่อติดต่อไปขอรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง มิจฉาชีพจะหลอกขอข้อมูลส่วนตัว ภาพถ่ายบัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร มีการให้ทำสัญญากู้เงินปลอม จากนั้นจะให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ก่อนอ้างว่าเป็นเงินค่าธรรมเนียม ค่าเบี้ยประกัน หรือค่าอื่นๆ กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วก็ไม่ได้รับเงินกู้แต่อย่างใด มิจฉาชีพก็อ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพิ่มอีก เช่น โอนเงินผิดบัญชี หรือโอนเงินเกินเวลาที่กำหนด หรือทำธุรกรรมการเงินที่ผิดพลาดอื่นๆ ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 1 – 30 มิ.ย. 66 มีประชาชนถูกหลอกลวงให้กู้เงินออนไลน์กว่า 1,739 เรื่อง หรือคิดเป็น 10.34% ของจำนวนเรื่องการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีความเสียหายรวมกว่า 73 ล้านบาท

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงประชาชนให้กู้เงินผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันมิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นผู้ให้บริการเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หรือผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือโทรศัพท์ไปยังประชาชน โฆษณาชวนเชื่อในลักษณะว่า กู้ง่าย อนุมัติเร็ว วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ต้องมีหลักประกัน ใช้เอกสารน้อย เป็นต้น เพราะฉะนั้นประชาชนต้องพึงระวังการกู้เงินในลักษณะดังกล่าว ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องหรือไม่ หากจำเป็นต้องกู้เงินควรเลือกกู้เงินจากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ และศึกษารายละเอียดของผู้ให้กู้ให้ดี รวมถึงมีสัญญาการกู้ที่ชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ หากพบเห็นความผิดปกติ หรือขอเสนอที่ดีเกินไปควรหลีกเลี่ยง อย่าหลงเชื่อว่าตัวเองโชคดี

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์แนวทางป้องกันการถูกหลอกลวงให้กู้เงินออนไลน์ ดังนี้
1.ถ้าผู้ให้บริการกู้เงินรายใด แจ้งให้ผู้ขอกู้โอนเงินก่อน ไม่ว่าจะเป็นค่าใดๆ ก็ตาม สันนิษฐานไว้เลยว่าเป็นมิจฉาชีพ
2.ตรวจสอบผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ ธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.th
3.ระวังเว็บไซต์ปลอมที่แอบอ้างสถาบันการเงินต่างๆ โดยเว็บไซต์ปลอมจะไม่สามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ของเว็บไซต์ได้ คาดหวังเพียงหลอกลวงให้เหยื่อเพิ่มเพื่อนทางไลน์เท่านั้น
4.ระวังไลน์ทางการปลอม ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีสัญลักษณ์ยืนยันตัวตนโล่สีเขียว หรือโล่สีน้ำเงิน หรือไม่
5.ไม่ควรกู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน ที่ถูกส่งลิงก์แนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ
6.แอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบ มักจะตั้งชื่อคล้ายคลึงกับผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต หรือแอบอ้างเป็นผู้ได้รับอนุญาต ควรสอบถาม หรือหาข้อมูลด้วยตนเองจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ว่าเป็นแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการจริงหรือไม่
7.แอปพลิเคชันเงินกู้สามารถเข้าถึงข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ มิจฉาชีพจะนำข้อมูลที่ได้ไปข่มขู่บุคคลดังกล่าว เพื่อให้ผู้กู้อับอายรีบนำเงินมาชำระโดยเร็ว
8.ไม่ควรหลงเชื่อเพียงเพราะมีการสร้างความน่าเชื่อ เช่น สอบถามข้อมูลส่วนตัว ให้ทำสัญญาเงินกู้ และขอเอกสารต่างๆ เช่น สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สมุดบัญชีเงินฝาก คล้ายกับการขอกู้ที่ธนาคารจริง

ตำรวจไซเบอร์จับกุมขยายผลปฏิบัติการฟ้าสางที่ชัยศรี หลอกลงทุนธุรกิจ ความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา  ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เร่งปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการเข้าถึงระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น 
ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง

​สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกผู้ต้องหาหลอกลวงจนเชื่อใจยอมย้ายไปอยู่ด้วยกันกับหนึ่งในกลุ่มของผู้ต้องหา และระหว่างที่อยู่ด้วยกันผู้เสียหายได้ส่งมอบข้อมูลรหัสผ่านในกระเป๋าเงินดิจิทัลของตัวเองให้เพราะความเชื่อใจ จนกระทั่งทางครอบครัวของผู้เสียหายติดตามจนเจอ จึงได้พาตัวผู้เสียหายกลับไปอยู่บ้านและไม่ได้ติดต่อกับทางกลุ่มผู้ต้องหาอีก ต่อมาผู้เสียหายพบว่าอีเมล์ของตนมีการแจ้งเตือนการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากแพลตฟอร์มไบแนนซ์ของผู้เสียหาย ตรวจสอบแล้วพบว่าถูกโอนไปที่แพลตฟอร์มบิทคับ มูลค่าประมาณเกือบ 20 ล้าน จึงได้เดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาขบวนการนี้

​จากการสืบสวนพบว่า มีการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้เสียหายออกไปจำนวน 20 ครั้ง โดยเส้นทางการเงินทั้งหมดไปจบที่บัญชีของนายพลาวัฒน์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการในการหลอกลวงครั้งนี้ 
และนายพลาวัฒน์ ยังมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายว่าตนทำธุรกิจกับต่างประเทศ สามารถติดต่ออดีตผู้นำฟิลิปปินส์ได้ และสร้างความเชื่อถือให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุนในธุรกิจ มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 20 ล้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุม นายพลาวัฒน์ อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐาน “ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบโดยเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น และร่วมกันลักทรัพย์ และฟอกเงิน" อันเป็นความผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 7 , 9 ,12/1และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 , 5” บริเวณภายใน ซอยพหลโยธิน แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ​

​เบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ให้การว่าเงินที่เข้าบัญชีของตน เป็นเงินที่ผู้เสียหายร่วมลงทุนธุรกิจต่างประเทศกับตนด้วยความสมัครใจ โดยมิได้มีการแฮ็กข้อมูลหรือมีเจตนาหลอกลวง

​เตือนภัย ระมัดระวังไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวต่อบุคคลอื่น ประกอบด้วย
1)หมายเลขข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เลขบัตรประชาชน, เลขหนังสือเดินทาง, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
2)ข้อมูลพิกัดที่อยู่อาศัย เบอร์โทรศัพท์ อีเมล
3)ข้อมูลธนาคาร เช่น เลขบัญชี, รหัส ATM, เลขบัตรเครดิต
4)ข้อมูลทางชีวมิติ เช่น ลายนิ้วมือ, ข้อมูลแสดงม่านตา
5)ข้อมูลอุปกรณ์ เช่น IP Address, Mac Address, Cookie ID

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

ครม. ไฟเขียว!! เปลี่ยนชื่อ ‘กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม’ เป็น ‘กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’

(5 ก.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อ ‘กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม’ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น ‘กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’ (Department of Climate Change and Environment) เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ รวมทั้ง เห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการ ของหน่วยงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายอนุชา กล่าวว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ส่งผลให้ไทยต้องรับมือกับปัญหาที่ตามมา ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ทบทวนและปรับปรุงบทบาท ภารกิจ และโครงสร้างหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้สอดคล้องกับบริบทด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

โดยนำภารกิจของกองประสานการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มารวมกับภารกิจของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และปรับปรุงหน้าที่ และอำนาจ เปลี่ยนชื่อ “กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” เป็น “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” โดยมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Department of Climate Change and Environment

“ผลจากการปรับปรุงหน้าที่ และอำนาจ และเปลี่ยนชื่อ “กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” เป็น “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนี้ ไม่มีการตัดโอนงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ จึงไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพิ่มเติม เพิ่มวงเงิน หรือก่อหนี้ผูกพันงบประมาณที่จะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ

‘2 มิสอินเตอร์ควีนฯ’ เปิดมุมมอง ‘ความเท่าเทียมทางเพศ’  เผยประทับใจ ‘คนไทย’ เพราะเปิดกว้าง-ยอมรับ LGBTQ+

(5 ก.ค. 66) ‘ความเท่าเทียม’ เป็นคำที่มักได้ยินบ่อยในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น ความเท่าเทียมทางสังคม หรือ ความเท่าเทียมทางด้านการงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเท่าเทียมทาง ‘เพศ’ ที่มีผู้คนให้ความสนใจ และมีการออกมารณรงค์ถึงประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีหลากหลายพรรคการเมืองหยิบยกมาเป็นนโยบายหาเสียงในช่วงเลือกตั้ง

ประจวบเหมาะกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเดือนแห่ง ‘Pride Month’ ผู้คนนับแสนต่างพร้อมใจกันโบกสะบัดธงสีรุ้งซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความหลากหลาย เพื่อเป็นการเรียกร้องให้สังคมโอบรับเรื่องเพศสภาพมากยิ่งขึ้น ราวกับเป็นภาพสะท้อนต่อกระแสของโลกในปัจจุบันต่อเรื่องการตระหนักถึงความหลากหลายทางเพศว่า…

เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ ‘ดีขึ้น’ แต่ไม่ใช่ ‘ดีแล้ว’

‘โซลานจ์ เดคเคอร์’ ผู้ครองมงกฏเวที มิสอินเตอร์เนชันแนล ควีน 2023 (Miss International Queen 2023) เวทีเฟ้นหาสาวประเภทสองระดับโลก เปิดเผยความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวภายหลังได้ตำแหน่งว่า ภาพความเท่าเทียมที่เธออยากเห็น คือ การเข้าถึงระบบสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม

“บางประเทศเกิดเป็นกฏหมายขึ้นมาแล้วว่า LGBTQ+ หรือทรานส์เจนเดอร์ไม่สามารถเข้ารับบริการจากสาธารณสุข หรือทางการแพทย์ กีดกันแม้กระทั่งการศึกษา เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากเห็นคือการที่ทุกคนเปิดกว้างในเรื่องนี้ เนื่องจากตอนนี้ทางประเทศฝั่งยุโรปยังคงมีการต่อต้าน และมีการแบ่งแยกกลุ่มคนเหล่านี้จากสังคม”

ที่สำคัญไปกว่าเรื่องนี้ คือ ความปลอดภัยด้านอื่นๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันของเหล่า LGBTQ+ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เธอหวังให้เกิดขึ้น “เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์อันตราย ทรานส์เจนเดอร์ หรือ LGBTQ+ มักถูกมองว่าเป็นตัวการหลักของความไม่ปลอดภัยสำหรับเมืองนั้นๆ”

และยังบอกอีกว่า ในอนาคตอยากเห็นประเทศไทยมีกฏหมายสมรสเท่าเทียม

ด้าน ‘เมโลนี มอนโร’ รองชนะเลิศอันดับ 2 มิสอินเตอร์เนชันแนล ควีน 2023 เผยว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือสร้างการเรียนรู้ให้ผู้คนทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเท่าเทียมให้มากยิ่งขึ้น เข้าใจให้ลึกลงไปถึงระดับจิตวิญญาณ เพราะความเป็นจริงแล้วมนุษย์ทุกคน ‘เท่ากัน’

“มนุษย์คือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแตกต่างทางศาสนาก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็มีความเป็นมนุษย์เท่ากันอยู่ หากโลกของเราสามารถที่จะพูด หรือมีพื้นที่ที่จะพูด และได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้มากขึ้น ว่าสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพศสภาพอะไรก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกันกับเรา เพื่อในอนาคตจะลดความอันตราย ลดความเข้าใจผิดต่อมนุษย์ด้วยกันเองบนโลกของเรา หรือแม้กระทั่งลดความเข้าใจผิดในเรื่องที่ว่า LGBTQ+ จะมาสร้างความอันตรายกับโลกใบนี้ และเข้าใจกันมากขึ้น” เมโลนีกล่าว

“สุดท้ายแล้วทรานส์เจนเดอร์ หรือ LGBTQ+ ไม่ได้สร้างปัญหา หรืออันตรายให้แก่โลกใบนี้เลย หากในอนาคตถ้าเรามีเวทีที่จะถกกัน จะเข้าใจว่าเพศสภาพ เพศทางเลือกใดๆ ก็แล้วแต่ไม่ได้เกี่ยวกับความสันติสุขของโลกเรา มนุษย์ทุกคนเท่ากันหมด” จับใจทุกประโยค เป็นความในใจที่ผ่านการกลั่นกรองจากหัวใจของคนที่อยู่ในสถานะนี้ ลึกซึ้งแต่หนักแน่น

นอกเหนือจากนั้น เมโลนี ยังเปิดเผยสิ่งที่เธอประทับใจในประเทศไทยในตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์นี้ คือ เธอประทับใจ ‘คนไทย’

“เพราะคนไทยเป็นคนที่ใจกว้างมาก และใจดีกับทุกเพศ ทุกวัย คนไทยมองเห็นความเป็นมนุษย์ เคารพมนุษย์ด้วยกันเอง เปิดกว้างให้กับทรานส์เจนเดอร์เป็นอย่างมาก และให้ความอบอุ่นมาก วัฒนธรรมความเป็นคนไทยที่เปิดรับทุกคนคือสิ่งที่ประทับใจมากที่สุด” เมโลนีกล่าว

ท้ายที่สุดแล้ว จุดมุ่งหมายอันสูงสุดบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความหลากหลายนี้ คือการที่อยากเห็น ‘ทุกคน’ มีชีวิตตามที่ตัวเองปรารถนา ไม่ถูกตีตรา ไม่ถูกลดทอนคุณค่า เพียงเพราะคำว่า ‘แตกต่าง’ และเดินบนเส้นทางที่พวกเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่ถูกสังคมตั้งคำถาม นั่นคือความหวังอันสูงสุด ที่อยากจะขอ

‘บิ๊กตู่’ ชื่นชม วงดุริยางค์เครื่องลม ม.เกษตรศาสตร์ ตัวแทนประเทศโชว์ Soft Power ไทยสู่สายตาชาวโลก

(5 ก.ค. 66) ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะผู้บริหาร นำวงดุริยางค์เครื่องลมแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแสดงคอนเสิร์ตในงาน Bandmasters Association Annual Convention/Clinic ณ สหรัฐอเมริกา เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม

นายกฯ ชมการบรรเลงในบทเพลง Siamese Impossible Dream (2023) : Incidental Music from the Old Land, Two new Land บรรยายเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในซีกโลกตะวันออก ได้แก่ อโยธยา เมืองที่มีความสำคัญในดินแดนสุวรรณภูมิ และตะวันตก (Incidental Music) ได้แก่ อเมริกา เมืองแห่งเสรีภาพและหลากหลายชาติพันธุ์ โดยในตอนต้นของบทเพลงได้นำชุดเสียงแตร Fanfare และทำนองจาก Siamese Music และบทเพลง Air des Siamois เชื่อมทำนองหลักในเพลงศรีอโยธยา แล้วปิดด้วยอโยธยาคู่ฟ้า จากนั้นดนตรีนำเข้าสู่โลกตะวันตก ด้วยบทเพลง New World Symphony และบทเพลง Star Spangled Banner ตามด้วยบทเพลงพื้นถิ่นของ Texas ซึ่งตั้งใจนำเสนอว่า Kasetsart Winds จากประเทศไทย ปิดท้ายด้วยบทเพลง The Impossible Dream (ความฝันอันสูงสุด) บทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันเป็นบทกลอนที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานแม้จะต้องพบอุปสรรคก็พร้อมที่จะฟันฝ่าไป และเพลงสรรเสริญพระบารมีเพื่อน้อมรำลึกถึงกษัตริย์ที่อยู่ในใจของพสกนิกรตราบนิรันดร์

นายกฯ ชื่นชมนิสิตนักศึกษา คณาจารย์ นักดนตรี ชี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ในการใช้ทักษะการแสดงเพื่อเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในการสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ ทั่วโลกจะได้เห็นศักยภาพทางด้านดนตรีของประเทศไทย ในนามของรัฐบาลขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทุกฝ่าย เพลงที่บรรเลงมีความไพเราะ และเพลงความฝันอันสูงสุดก็เป็นบทเพลงบรรเลงที่มีความหมาย ความฝันนับเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมุ่งหวังทำให้ชีวิตมีความหวัง มีความฝันที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าในอนาคต พร้อมขอบคุณในความตั้งใจและความมุ่งมั่นของทุกคนที่จะนำชื่อเสียงของประเทศไทยและมหาวิทยาลัยไทย รวมทั้งดนตรีไทยไปแสดงสู่สากลที่มลรัฐเท็กซัสในเร็ว ๆ นี้

พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำถึงความสุขภายในประเทศ การอยู่บ้านเราซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนนับเป็นความสุขใจ การไปต่างประเทศในครั้งนี้ขอให้มีความสุขเหมือนกับอยู่บ้านของเรา ซึ่งเป็นสังคมที่อบอุ่น มีพ่อแม่ มีความรักให้กัน ขอให้รักษาสิ่งนี้ไว้ให้ได้ พร้อมชื่นชมในความพร้อมเพรียง ความตั้งใจ และความมุ่งมั่นรวมถึงการขับร้องและการแสดงดนตรีของวง เชื่อมั่นในศักยภาพและยินดีที่ได้รับเชิญไปในครั้งนี้ ซึ่งประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวที่ได้รับเชิญในทวีปเอเชีย เป็นครั้งแรกของประเทศไทยและคาดหวังให้มีครัั้งต่อไปในอนาคต พร้อมขอให้แสดงออกถึงวัฒนธรรมไทยอันเป็น Soft Power ที่มีคุณค่า โชว์ศักยภาพทางดนตรีให้ทั่วโลกร่วมชื่นชม 

คาดหวังให้ทุกคนได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่ดีขึ้นตามความมุ่งมั่นและความพยายามที่ตั้งใจไว้ ด้วยความตั้งใจของตัวเอง ทุกอย่างเจริญก้าวหน้าไปได้ต้องเริ่มจากตัวเอง พ่อแม่เป็นคนดูแล จากนั้นหางานทำ หน่วยงานต่าง ๆ ก็ให้การสนับสนุนดูแล ขอให้เข้าใจว่าประเทศไทยกำลังเดินไปข้างหน้าต่อไปเพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยืนยันการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องสร้างทัศนคติที่ดีให้เกิดขึ้นกับทุกคน ทั้งในวันนี้และในอนาคต เพราะวันนี้คือประวัติศาสตร์ของวันข้างหน้า ขอทุกคนร่วมกันเดินหน้าไปสู่อนาคตในทิศทางที่ควรจะเป็น ในฐานะที่ทุกคนเป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งต้องเดินไปพร้อม ๆ กันกับคนรุ่นกลางและคนรุ่นเก่า ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนโดยเฉพาะด้านการศึกษา ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมมือกันช่วยกัน รวมทั้งคณะครูอาจารย์และทุกภาคส่วน

ในตอนท้าย นายกฯ กล่าวให้กำลังใจทุกคน นักศึกษา คณะครูอาจารย์ นักดนตรีรวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ไม่ได้มาในวันนี้ ขอให้ประสบความสำเร็จ เดินทางปลอดภัย ทำให้เต็มที่ ลดความวิตกกังวล เล่นด้วยความสบายใจ ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน ไม่เครียด ระมัดระวังรักษาและดูแลสุขภาพ คำนึงถึงความเป็นไทย สัญลักษณ์ความเป็นไทย ฝากชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความเป็นประเทศไทยของเรา

พ่อแม่ดิ้นรนเพื่อตนอย่างสุดใจ แล้วทำไม ลูกๆ จะปันสุขส่วนหนึ่งเพื่อท่านมิได้

(5 ก.ค. 66) 'ป้าจูรี นุ่มแก้ว' หรือ 'แม็กซ์ ตรัย นุ่มแก้ว' ดาว TikTok ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน ในช่อง 'แหลงเล่า' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ปัจจุบันมีแนวคิดหนึ่งของเด็กยุคใหม่ว่า ลูกไม่จำเป็นต้องส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่กะได้ การส่งเบี้ยให้พ่อแม่ ไม่เท่ากับ ความกตัญญู

...ฉันเคารพในความคิดของทุกคน เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ แต่ละคนอาจจะรู้สึกเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้

...แต่สำหรับฉัน ภาพที่ฉันจำตั้งแต่เอียดคือ พ่อแม่แกปล้ำดิ้นรนเพื่อฉัน หาให้ฉันกิน ส่งให้ฉันเรียน ปอกลูกม่วงให้ฉันกินเนื้อ แกยอมดูดเม็ดมัน พอฉันใหญ่ขึ้น พอรู้สา ฉันกะใช้ภาพในหัวให้พ่อแม่อยู่ในแรงจูงใจของชีวิตว่า ชีวิตต้องดีขึ้น เพื่อให้พ่อแม่สลับมาได้กินเนื้อลูกม่วงมั้ง เพราะชีวิตฉันถ้าไม่มีพ่อแม่เป็นแรงขับ กะอาจจะเสียคน ติดหรางหรือไม่รู้ไปถึงไหน

...ฉะนั้น เมื่อฉันเลี้ยงตัวได้แล้ว มันอิแปลกไอไหร ถ้าเราอิแบ่งส่วนหนึ่งที่หามาได้ไปเลี้ยงแรงขับที่พาชีวิตเรามากัน เมื่อฉันรู้สึกว่าจิตวิญญาณพ่อแม่อยู่ในตัวฉัน รู้สึกว่าฉันกับพ่อแม่เราคือคนเดียวกัน ถ้าฉันได้กิน พ่อแม่ฉันก็ต้องได้กิน ชีวิตฉันมีความสุข พ่อแม่ก็ต้องได้สุขตาม หรือแม้แต่ตายจากกันแล้ว ทุกบุญที่ฉันทำ พ่อแม่ฉันจะได้รับการนึกถึงตลอดไปจนสุดลมหายใจฉัน

48 สาขา และตัวแทนอีสาน ออกแถลงการณ์หนุนอภิสิทธิ์ฯ เป็นหัวหน้า ปชป. ร่วมสร้างเอกภาพจากบุคลากรทุกรุ่น หวังเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน

วันนี้ (4 ก.ค. 66) ที่จังหวัดขอนแก่น ภายหลังการประชุมหารือร่วมกันของสาขาและตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) ทั้ง 48 แห่งได้แสดงจุดยืนเพื่อสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นหัวหน้าฯ 

ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ จะมีการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้า และคณะกรรมการบริหาร พรรคชุดใหม่ ในวันที่ 9 ก.ค. 2566 แทนชุดเดิม ซึ่งได้หมดวาระลงนั้น

พวกเราในฐานะสาขาและตัวแทนพรรคในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)ได้ร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิดและประมวลความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากสมาชิกในระดับต่างๆซึ่งมี ข้อสรุปที่สอดคล้องกันว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีบทบาทอย่างสําคัญ ต่อการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ประชาชนจะสามารถยึดเหนี่ยวได้ ดังนั้นการเลือกกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะตําแหน่งหัวหน้าพรรค ที่ต้องทําหน้าที่นำพาองค์กรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งประเทศ จึงมีความสําคัญ และจําเป็นที่จะต้องได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ และ มีหลักคิดที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ และประชาชนได้ 

พวกเราจึงมีมติร่วมกันเพื่อนําเสนอต่อพรรคและเพื่อนสมาชิกทั่วประเทศดังนี้ 
1. พวกเราขอสนับสนุน นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรีให้ทําหน้าที่หัวหน้าพรรคเพื่อนําพาองค์กรที่ได้ชื่อว่าเป็นสถาบันทางการเมืองแหง่นี้ ให้เกิดศรัทธา และความเชื่อมั่นที่ประชาชนสามารถยึดเหนี่ยวเพื่อรักษาระบอบการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่อไป

2. พวกเราเห็นว่าบุคลากรทุกองค์ประกอบของพรรค ต่างมีคุณค่าตามสถานภาพและความรับผิดชอบจึงอยากเห็นความสามัคคีและความเป็นเอกภาพเพื่อร่วมกันพัฒนาองค์กร แห่งนี้ให้เป็นที่พึ่งหวังของประชาชนได้

3. พวกเราขอสนับสนุนท้ังอุดมการณ์ และประสบการณ์ของบุคลากรรุ่นเก่า และผสม ผสานกับบุคลากรรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาสืบทอดเจตนารมณ์ และอุดมการณ์ เพื่อความยั่งยืนของ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือเป็นสถาบันทางการเมืองของประเทศต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อแสดงจุดยืนของ สาขาพรรค ตัวแทนพรรค และพี่น้องประชาชน ท้ังที่เป็น และไม่ไ่ด้เป็นสมาชิกพรรคจากพื้นที่ภาคตตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)และขอเชิญชวนพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ทุกท่านทั่วประเทศร่วมสืบทอดเจตนารมณ์ร่วมกัน

ด้วยจิตคารวะ สาขา และ ตัวแทนจังหวัดภาคอีสาน ทั้ง 48 แห่ง ที่ประสานงานเบื้องต้น(ตามรายชื่อที่ปรากฏในแถลงการณ์) 

นายปรีชา สถิตเรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top