Thursday, 15 May 2025
NEWS

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจผู้มีประสบการณ์สูงด้านต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจที่มีประสบการณ์สูงด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงงานบริหารงานบุคคลขอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และงานเลี้ยงรับรอง ประจำปีงบประมาณ 2566 ในระหว่างวันที่ 25-27 ก.ย.66 ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ, 
โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีข้าราชการตำรวจที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์และจะพ้นจากราชการเนื่องจากเกษียณอายุราชการ รวมถึงข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล (Early Retire) ทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับชั้นยศ พ.ต.อ. หรือตำแหน่งเทียบเท่า จนถึงระดับชั้นยศ พล.ต.อ. ที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 396 นาย 

โดยแบ่งเป็นผู้ที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 346 นาย และผู้ที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล จำนวน 50 นาย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะเกษียณอายุราชการ อาทิ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ชินภัทร  สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ  ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น
 สำหรับการดำเนินงานโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นข้าราชการตำรวจ
ที่มีประสบการณ์สูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจผู้มีประสบการณ์สูงในงานด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการปรับปรุงงานบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อไป โดยภายในงานสัมมนาได้มีการจัดแสดงนิทรรศการ และกิจกรรมต่างๆ อาทิ โรงพยาบาลตำรวจ จัดคณะแพทย์และพยาบาล เพื่อตรวจสุขภาพและคอยให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น, กองสวัสดิการตำรวจ จัดเจ้าหน้าที่ในการแนะนำเรื่องของสวัสดิการต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสัมมนา อภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ

‘นักเทนนิสเกาหลี’ ฉุนขาด หลังเสียหน้าแพ้ไทย ไม่จับมือ-เขวี้ยงไม้ ด้านชาวเน็ตสวดยับ!! ไม่มีน้ำใจนักกีฬา-ไร้วุฒิภาวะ-สร้างความอับอาย

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 66 การแข่งขันเทนนิส กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่สนามโอลิมปิกเทนนิส เซ็นเตอร์ เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 2

โดยประเภทชายเดี่ยว รอบสอง (32 คน) ‘บูม กษิดิศ’ สำเร็จ นักเทนนิสไทย วัย 22 ปี มือ 636 ของโลก พบงานหนักอย่าง ‘ควอน ซุนวู’ จากเกาหลีใต้ วัย 25 ปี ที่เคยขึ้นไปอยู่อันดับ 52 ของโลกแต่ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 112 ของโลก

‘บูม กษิดิศ’ สามารถชนะ ‘ควอน ซุนวู’ และผ่านเข้ารอบสาม หรือ 16 คนสุดท้าย ไปพบ ‘คูโมยัน ซุลตานอฟ’ จากอุซเบกิสถาน

ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องราวที่น่ายินดี แต่ก็เกิดดรามาขึ้น เมื่อจบการแข่งขันเซตสุดท้ายและประกาศผลผู้ชนะ ตามธรรมเนียมก็ต้องมีการจับมือแสดงความยินดีระหว่างนักกีฬา

แต่ผู้แพ้อย่างควอน ซุนวู กลับเขวี้ยงไม้เทนนิส และฟาดลงกับพื้นซ้ำ ๆ จนไม้เทนนิสหัก และเมื่อ บูม กษิดิศก็เดินเข้าไปพยายามที่จับมือ แต่อีกฝ่ายกลับเมินไม่สนใจ

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นเดือด หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ควอน ซุนวู ที่เป็นตัวเต็งของรายการนี้อาจรับไม่ได้ที่ตัวเองแพ้ และอาจเสียหน้าที่แพ้ไทยซึ่งอันดับต่ำกว่า

ยังมีกรณีหนึ่ง คือ คาดหวังจะได้เหรียญจะได้ไม่ต้องเข้ากรม เพราะเกาหลีใต้เพิ่งเปลี่ยนกฎใหม่เกี่ยวกับการบังคับเกณฑ์ทหาร

ทัวร์ไทยลงว่าหนักแล้ว ทัวร์เกาหลีลงหนักกว่า ชาวเน็ตหลายคนถึงกับไล่ให้ออกจากทีมชาติ เพราะมีพฤติกรรมไม่มีน้ำใจนักกีฬา สร้างความอับอายให้ประเทศ

ในส่วนของเรื่องราวนอกสนาม ควอน ซุนอู เปิดตัวคบหากับ ยูบิน สาวรุ่นพี่ที่อายุมากกว่า 9 ปี อดีตสมาชิกวง Wonder Girls (วันเดอร์ เกิร์ลส์) เกิร์ลกรุ๊ประดับตำนานจนเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

‘เพจ อ.สมเกียรติ’ ชี้!! กรณีแต้มจีนขึ้นพรวดศึกเทควันโด เอเชียนเกมส์ คาดเกิดจากระบบรวน เชื่อ จีนไม่กล้าเสียหน้าต่อหน้าคนทั้งโลกแน่นอน

(26 ก.ย. 66) จากกรณีการแข่งขันเทควันโด รอบชิงชนะเลิศ ประเภทหญิง 49 กิโลกรัม ในมหกรรมการ กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หางโจว 2022 ที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างทีมชาติไทย ‘เทนนิส พาณิภัค’ และเจ้าภาพทีมชาติจีน ซึ่งเกิดดรามาขึ้นเมื่อมีปัญหาระบบคะแนนขัดข้อง ทำให้ผลคะแนน 0-6 แต้มจากฝั่งจีนเพิ่มขึ้นไม่หยุดเป็น 0-23 จนเกิดการประท้วงเรื่องคะแนนขึ้นลั่นสนาม ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เจ้าภาพอย่างจีนอย่างหนักหน่วง และชาวเน็ตได้มีการตั้งข้อสังเกตกันต่างๆ นานา ว่าเกิดจากระบบของเครื่องคิดคะแนนขัดข้อง หรือมีการเล่นตุกติกอะไรเกิดขึ้นหรือไม่?

ล่าสุด เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา’ ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดรามาดังกล่าว โดยระบุว่า…

“ยินดีกับน้องเทนนิสที่คว้าเหรียญทองมาได้ ภายใต้สถานการณ์แปลกๆ นะครับ เข้าใจว่าทุกคนมีอารมณ์กับเรื่องที่แต้มวิ่งได้แม้แต่ตอนที่คนแข่งยืนเฉยๆ แต่ในภาพใหญ่อยากให้ดูไปก่อนว่า กีฬาประเภทอื่นที่จีนเข้าชิงเหรียญทอง มีเหตุการณ์อะไรแปลกๆ อีกไหม

ถ้าไม่มีอยากให้ลองยกประโยชน์ความสงสัย (Benefit of doubt) ให้ทางการจีนว่า เป็นเพราะอุปกรณ์รวนหรือไม่ คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มัน Error กันได้ และตามความเห็นของนักปิงปองมือหนึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ท่านหนึ่ง ที่ได้แสดงความคิดไว้ โดยการวิเคราะห์ว่า หากจีนตั้งใจจะโกงจริงๆ เขาน่าจะขยับแต้มเนียนๆ 2-3 แต้ม มากกว่าอยู่ๆ ปล่อยแต้มพุ่งกระฉูดแบบนี้ ต้องพึ่งพากันอีกยาวครับ และคนจีนรวมถึงรัฐบาลจีน ก็เสียหน้าเก่งพอๆ กับคนไทย เป็นประเภทเสียเงินไม่เท่าไหร่ เสียหน้ายอมไม่ได้ทั้งคู่ครับ”

“นักกีฬาไทยผ่านอาเซียนเกมส์เขมรกันมาแล้ว… ไม่มีใครทำนักกีฬาเราตกใจกับอะไรได้แล้วล่ะครับ 😄” ทางเฟซบุ๊ก สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา สรุปทิ้งท้าย

เดินหน้าพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษสายอีสานเชื่อมจีนและสปป.ลาว

มหาวิทยาลัยขอนแก่น จับมือมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว และมหาวิทยาลัยหัวจงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเทศจีน  ร่วมแถลงเปิดตัว (Kick off) และเสวนาทางวิชาการโครงการการศึกษาและพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ห้องประชาสโมสร 1 ชั้น 2 โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์  นายชาญชัย  ศรศรีวิชัย รอง ผวจ.ขอนแก่น เปิดกิจกรรมเสวนาทางวิชาการ โครงการศึกษาและพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจ  จีน – ลาว - ไทย : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ซึ่งเป็นโครงการจากความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่น  มหาวิทยาลัยแห่งชาติ (ลาว)  และมหาวิทยาลัยหัวจงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (จีน) ได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)  โดยมีผู้บริหาร ตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ ทั้งในระเบียงเศรษฐกิจนครราชสีมา อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย และนครสวรรค์ และผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน 

นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า  การดำเนินกิจกรรมและโครงการฯ เป็นความร่วมมือกันระหว่างประเทศ จีน ไทย ลาว เพื่อสร้างเศรษฐกิจบนพื้นที่ระเบียงอีสาน ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรม  ที่จะสร้างเส้นทางสู่ความเป็นเมืองเศรษฐกิจ และพัฒนาการค้า โดยคาดหวังจะเป็นการสร้างเศรษฐกิจในภาพรวมในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ที่จะได้รับประโยชน์กับการเป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในอนาคตที่จะถึงนี้

ด้าน ดร.สราวุธ  สัตยากวี รองผู้อำนวยการสำนักงานกลยุทธ์และพัฒนากองทุน (สกสว.)  กล่าวว่า การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการวิจัยนี้ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย  : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในปัจจุบันและอนาคต

รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญ (ฝ่าย 3) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ยังได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ความสำคัญของระเบียงเศรษฐกิจ ทั้งภายในและการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจต่างประเทศ ที่จะเป็นกำลังสำคัญ ในการเชื่อมโยงผู้คน การค้าและการลงทุน ผ่านการศึกษาและการวิจัยนี้ ซึ่งผลการวิจัยจะเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป 

ขณะที่ ศ.ดร.รุธิร์ พนมยงค์ ได้บรรยายพิเศษ ความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสต์ ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจ พร้อมทิ้งท้ายประเด็นความร่วมกันในการพัฒนาแบบบูรณาการ เพื่อการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย 

นอกจากนี้ Professor Li Wei, Ph.D. ASEAN Research Center, Huazhong University of Science and Technology  ได้กล่าวถึงนโยบายสาธารณะ และแผนการพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทยและอาเซียน สาธารณรัฐประชาชนจีน และสิ่งสำคัญคือเรื่องของความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

ดร. อรรฆพร ก๊กค้างพลู (หัวหน้าโครงการ) ได้กล่าวถึง ผลการวิจัยเบื้องต้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา และมีประเด็นเชื่อมโยงการพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือ ผ่านการตั้งคำถามการวิจัยว่า อะไรคือโอกาส และความท้าทาย ของระเบียงเศรษฐกิจ รวมทั้งความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนนั้น จะสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไร และต้องมีกลไกสำคัญอะไรบ้าง โดยการนำเสนอผ่านโครงการวิจัย   ซึ่งนอกจากนี้ยังมีการเสวนา การพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือ โอกาส ความท้าทาย ความร่วมมือการค้าการลงทุนบนระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย  Assoc. Prof. Dr. Sithixay XAYAVONG (Director of research and academic service office and Director of Chinese Studies Center) , Dr. Wang Yujiao (Manager of general office of Laos Vientiane Saysettha Operation Management Co., Ltd), คุณบัญชา อาศัยราช (ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.หนองคาย), คุณกังวาน เหล่าวิโรจน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท พัฒนาเมืองขอนแก่น (เคเคทีที) จำกัด, คุณนายนาวิน โสภาภูมิ นักวิจัย บพท. ปี 2565   รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นร่วมกับผู้ประกอบการ นักวิชาการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียบนระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

ทั้งนี้ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อจำกัด และปัจจัยหนุนเสริม ที่จะช่วยขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจ และสร้างความร่วมมือกันทั้งในและต่างประเทศ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเข้มข้น นักวิจัย นักวิชาการและหน่วยงานภาคเอกชน และภาครัฐ ได้แก่  สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมเกษตรกรโคกระบือภาคอีสาน สภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  สมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย จ.ขอนแก่น  สภาอุตสาหกรรม 4 จังหวัด (ขอนแก่น / นครราชสีมา / อุดรธานี / หนองคาย) หอการค้า 4 จังหวัด (ขอนแก่น / นครราชสีมา / อุดรธานี / หนองคาย)  ผู้ประกอบการ (นักลงทุน) ไทยในพื้นที่ จ.ขอนแก่น  ผู้ประกอบการ (นักลงทุน) จีนในพื้นที่ สปป. ลาว  ผู้ประกอบการ (นักลงทุน) ลาวในพื้นที่เวียงจันทน์  มูลนิธิชุมชนขอนแก่นทศวรรษหน้า  ที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยและพัฒนาการศึกษาและพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อย่างไรก็ตาม ในการเปิดตัวโครงการวิจัยเปิดตัว (Kick off) โครงการการศึกษาและพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย : ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างการรับรู้ เพิ่มเติมความเข้าใจ และประสานความร่วมมือให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์และบมจ.ซีพี ออลล์ เตือนภัยออนไลน์

วันที่ 26 กันยายน 2566 เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.) พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รองผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบช.สอท.) พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) และ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 

(ผบก.ตอท.บช.สอท.) พร้อมด้วย ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายวรวิทย์ เจนธนากุล กรรมการบริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร นายวิชัย จันทร์จริยากุล  กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์ นายสุชาติ วัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ นายศุภชัย ศรีทับทิม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมเปิดโครงการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้และป้องปรามภัยอาชญากรรมออนไลน์ ณ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น (7-11) ชั้น 1 อาคารซีพี ทาวเวอร์ ถนนสีลม

พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำระบบรับแจ้งความ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 เปิดดำเนินการรับแจ้งความออนไลน์และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหามาตรการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ได้จัดทีมวิทยากรของคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และครูไซเบอร์ทั้งครู ก. และครู ข. ออกบรรยายให้ความรู้ รวมทั้งได้มีการนำแบบทดสอบ วัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ มาประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้ทำแบบทดสอบ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ ขณะเดียวกันได้มีการขับเคลื่อนกิจกรรมโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในช่องทางออนไลน์ (Online) และออนไซต์ (Onsite) อีกทั้งได้ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบและมีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ในหลายวิธี หลายช่องทาง  ถึงแม้การรับแจ้งความออนไลน์มีสถิติลดลง แต่ยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของคนร้ายอยู่ จึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ในช่องทางอื่นเพิ่มเติม และได้เล็งเห็นว่าร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น (7-11) มีการเปิดให้บริการอยู่ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ มีผู้ใช้บริการในแต่ละวันจำนวนมาก 

จึงได้มีการประสานงานไปยัง บมจ.ซีพี ออลล์ เพื่อขอความอนุเคราะห์ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์เตือนภัยออนไลน์บริเวณที่ประชาชนสามารถมองเห็นได้ง่าย  เป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และวันนี้ได้รับความร่วมมือจาก เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบมจ.ซีพี ออลล์ ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้เป็นอย่างดียิ่ง เชื่อว่าการประสานความร่วมมือในครั้งนี้จะขยายการรับรู้ถึงข้อมูลและข่าวสารของประชาชนในกลุ่มต่างๆ ที่เข้ามาใช้บริการร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น (7-11) ทั่วประเทศเป็นอย่างดี  

พล.ต.อ.สมพงษ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ โดยเริ่มทำแบบทดสอบได้ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 จนถึง วันที่ 30 กันยายน 2566 หากทำแบบทดสอบครบ 40 ข้อแล้ว จะได้รับ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการ Whoscall Premium Feature ได้ฟรี เป็นระยะเวลา 1 ปี หากทำแบบทดสอบได้ถูกต้องตั้งแต่ 35 ข้อ ขึ้นไป จะมีสิทธิ์ลุ้นรางวัล iPhone 14 เดือนละ 20 รางวัล เป็นเวลา 3 เดือน รวม 60 รางวัล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับรางวัลผู้โชคดีประจำเดือน กรกฎาคม และ สิงหาคม 2566 เดือนละ 20 รางวัล รวม 40 รางวัลไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้โชคดีสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ช่องทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com และขอให้พี่น้องประชาชนได้ช่วยกันประชาชนสัมพันธ์ ช่วยกันแชร์แบบทดสอบเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ทำแบบทดสอบและรู้เท่าทันกลโกงของคนร้ายบนโลกออนไลน์ และไม่ตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งขอประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งความ แจ้งเบาะแส  และให้คำปรึกษา ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรผ่านสายด่วน 1441 สำหรับช่องทางประชาสัมพันธ์เตือนภัยออนไลน์ ประชาชนสามารถศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์รูปแบบต่างๆ  ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com และ Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์” (QR CODE ข้อสอบ 40 ข้อ สำหรับประชาชน)

ด้าน ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เรื่องของอาชญากรรมทางไซเบอร์ นอกจากบทบาทของภาครัฐแล้ว ในส่วนของภาคเอกชนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้ ซึ่งในตอนนี้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดช่องให้มิจฉาชีพใช้รูปแบบใหม่ๆ มาหลอกลวงประชาชน ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้เลยคือ การแบ่งเงินที่จะใช้จ่ายมาไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงป้องกันการถูกหลอกจากมิจฉาชีพ เพราะวงเงินที่ถูกหลอกไปจะเป็นวงเงินที่จำกัดอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลเท่านั้น นอกจากนี้้ในแง่ของเทคโนโลยีควรจะใช้เทคโนโลยีที่มีการยืนยันตัวตนในหลายขั้นตอน เช่น การให้สแกนใบหน้า การยืนยันตัวตนผ่าน OTP ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ โดยการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ป้องกันภัยอาชญากรรมไซเบอร์ และขอขอบคุณทาง บมจ.ซีพี ออลล์ บริษัทในเครือซีพีที่ให้ความร่วมมือในครั้งนี้
 
นายวิชัย จันทร์จริยากุล กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์  ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่นเดลิเวอรี่ กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันว่า ในปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ   อาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน  ส่งผลให้จำนวนของผู้ที่ถูกหลอกลวงและรับผลกระทบจากอาชญากรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องช่วยกันป้องกันและชี้ให้เห็นอันตรายของภัยไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และตระหนักถึงกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จึงได้ดำเนินโครงการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้และป้องปรามภัยอาชญากรรมออนไลน์ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำสื่อโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับพ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566  และ บัญชีม้า เผยแพร่ภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 14,000 สาขาทั่วประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการฯนี้จะช่วยประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้เข้าใจ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง และตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์ได้มากขึ้น”
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเครือซีพี ได้ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ว่าด้วยการประชาสัมพันธ์สื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  หรือ โครงการ “ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างเครือข่าย สร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชนได้รู้เท่าทันกลโกงในรูปแบบต่างๆ ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจในเครือ อาทิ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (แม็คโคร และ โลตัส) สถานีข่าว TNN รวมถึงมีการส่ง SMS เตือนภัยผ่านเครือข่ายทรูมูฟ เอช ซึ่งมีผู้ใช้บริการรวม 37 ล้านเลขหมาย เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการเตือนภัยออนไลน์ สอดคล้องกับค่านิยม 3 ประโยชน์ที่เครือฯ ยึดมั่นในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ

‘ศาลฯ’ สั่ง ‘อานนท์’ จำคุก 4 ปี คดีหมิ่นสถาบัน เจ้าตัวเผย กำลังใจยังดีและการต่อสู้จะคงดำเนินต่อไป

(26 ก.ย. 66) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำอ. 2495/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา อายุ 39 ปี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่น สถาบันเบื้องสูง ร่วมกันมั่วสุมชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ กรณีเมื่อวันที่ 14 ต.ค.63 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยบางช่วงบางตอนของการปราศรัย จำเลยได้กล่าว แสดงความอาฆาตมาดร้ายดูหมิ่นสถาบันฯ

นายอานนท์กล่าวว่า ทั้งขบวนคนรุ่นใหม่ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนประเทศไป จนไม่สามารถย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้แล้ว ในแง่ของความคิดคน ตนมองว่าตอนนี้คนทั้งประเทศเชื่อในสิทธิเสรีภาพ เห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นอารยะเห็นได้จากทุกรูปแบบทั้งในสื่อโซเชียล บนท้องถนน ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้ว คนรุ่นใหม่ก็โตมาโดยเชื่อในสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียม ตนคิดว่าการชุมนุมในปี 63 ทำให้สังคมเปลี่ยนไปเยอะมากเป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่า

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงนักเคลื่อนไหวในตอนนี้ นายอานนท์ กล่าวว่า อยากให้กำลังใจ วันนี้เรายังไม่ทราบคำพิพากษา ถ้าออกมาในทางร้ายก็คงติดคุกซึ่งเราก็ต้องสู้ต่อไป อย่างไรก็ตามหากตนต้องถูกขังภายหลังก็ต้องเบิกตัวตนออกมาศาลเพื่อทำหน้าที่ทนายความและจำเลย เพราะตนเป็นทนายความให้กับคดีการเมือง กรณีชุมนุมที่ ห้าแยกลาดพร้าว ปี 63 จะทำหน้าที่จากในคุกและนอกคุก ฝากให้กำลังใจขอบคุณคนที่สนับสนุน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด

นายอานนท์กล่าวว่า ตอนนี้กำลังใจยังดี คำพิพากษาวันนี้เป็นเรื่องเมื่อ 14 ต.ค.ซึ่งตนไปปราศรัยปรามไม่ให้ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุม การที่วันนี้อาจจะสูญเสียเสรีภาพตามคำพิพากษา อาจจะหลายปี แต่ก็คุ้ม ที่เหตุการณ์ดังกล่าวที่เราเดินจากราชดำเนินไปล้อมทำเนียบไม่เกิดการสูญเสีย เป็นการเสียเสรีภาพโดยส่วนตัวต่อส่วนรวมที่คุ้มค่าอย่างมากด้วยความเต็มใจ

เมื่อถามว่าหากวันนี้ นายอานนท์ต้องเข้าคุก จะมีกลุ่มนักกิจกรรมออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ นายอานนท์กล่าวว่า แน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวยังมีเรื่อย ๆ มีการผ่อนไปตามสถานการณ์แต่เราจะไม่หยุด การต่อสู้มีเป้าหมายชัดเจนว่าเราต่อสู้เพื่ออะไร

ล่าสุด ศาลอาญา สั่งจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา อานนท์ นำภา หมิ่นสถาบัน ปรับ 2 หมื่น ผิด พ.ร.ก. บริหารราชการฉุกเฉิน ฯ 2548 ม็อบ 14 ต.ค. 63

‘นายกฯ’ ยินดี ‘น้องเทนนิส’ คว้าเหรียญทองเทควันโด เอเชียนเกมส์ 2022 ชื่นชม!! ‘ความทุ่มเท-ตั้งใจ’ สร้างชื่อเสียง-ความภาคภูมิใจให้กับประเทศ

(26 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก ‘เทนนิส’ น.ส.พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดสาวเบอร์ 1 โลก ดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 และแชมป์เก่าเอเชี่ยนเกมส์ 2018 เตะพลิกนรกเอาชนะ ฉิง กั๋ว นักกีฬาเจ้าภาพจีน 2-1 ยก ด้วยคะแนน 7-6, 1-2, 12-9 ป้องกันแชมป์รุ่น 49 กก.หญิง เอเชี่ยนเกมส์ สมัยที่ 2 ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา ท่ามกลางความระทึกของคนไทยทั้งประเทศนั้น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ทวีตข้อความแสดงความดีใจและยินดีกับน้องเทนนิสว่า “ทั้งดีใจ และยินดีมาก ๆ กับน้องเทนนิส ‘พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ’ ที่คว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้กับประเทศไทย จากการแข่งขันเทควันโด ในมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หางโจวเกมส์ ประเทศจีน”

นายเศรษฐา ยังระบุอีกว่า “ต้องชื่นชมความมุ่งมั่นทุ่มเทของทั้งตัวนักกีฬา และโค้ชที่ฝึกซ้อมกันอย่างหนัก ที่สำคัญ ‘เทนนิส’ ยังเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยคนแรกที่ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัยติดต่อกัน และเป็นนักกีฬาเทควันโดคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์เอเชียนเกมส์ที่ทำได้ ถือเป็นอีก 1 ข่าวดีในวันนี้ที่สร้างรอยยิ้มให้กับพวกเราคนไทยทั้งประเทศปลื้มใจจริง ๆ ครับ“

เฟกนิวส์!! 'นายกฯ เศรษฐา' จับมือ 'ไบเดน' อาจเป็นภาพตัดต่อ หลังเทียบภาพดันเหมือนตอน 'ลุงตู่' จับมือไบเดนที่กัมพูชา

(26 ก.ย. 66) จากเฟซบุ๊ก 'Warat Gap' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า..

สรุปเท่าที่อ่านข่าวย้อนหลัง

1. นายกเศรษฐา ‘น่าจะ’ ได้พบไบเดนในงานเลี้ยง UNGA จริง แต่ไม่มีหลักฐานว่าได้จับมือกัน ซึ่งก็แปลกที่ไม่มีภาพของงานเลี้ยงนี้เลย แม้แต่เว็บไซต์ไทยคู่ฟ้า หรือว่าไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพ? หรือว่านายกเข้าไปคนเดียวเลยไม่มีคนถ่ายรูปให้?

ซึ่งนายกเศรษฐายอมรับเองว่าได้พบกันสั้น ๆ และคาดว่าจะได้คุยกันยาวขึ้นในเดือน พ.ย. นี้ในการประชุมทวิภาคี

2. ภาพของประชาชาติธุรกิจ ที่เศรษฐาจับมือกับไบเดน เป็นภาพตัดต่อจากภาพของลุงตู่ที่จับมือกับไบเดนที่กัมพูชา ซึ่งไม่รู้ว่าคนทำ ทำไปเพื่ออะไร ใช้อะไรคิด บก.มีหรือไม่ แถมยังเอาภาพ background ที่มีเศรษฐาอีกคนอยู่ในภาพ (หลังไบเดน) ด้วย

ซึ่งทั้งการใช้ภาพ และพาดหัว ต้องนับว่าเป็น Fake News ก็จะรอดูว่าประชาชาติธุรกิจ ในเครือมติชน จะมีแถลงการณ์ขออภัย และมีมาตรการลงโทษผู้รับผิดชอบหรือไม่อย่างไร

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายและวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันมหิดล

โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ (รพ.สก.พร.) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย และวางพวงมาลาถวายราชสักการะ จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องในวันมหิดล 

โดยมีพลเรือตรี กิตตินันท์ งามศิลป์ ผู้อำนวยการ รพ.ฯ เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ รพ.ฯ และหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมพิธีสงฆ์ และวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ณ พระราชานุสาวรีย์ฯ รพ.พระนางเจ้าสิริกิติ์ พร.

เนื่องในวันมหิดล ตรงกับวันที่ 24 กันยายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย“ ด้วยพระราชกรณียกิจที่ทรงวางรากฐานทางการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ให้มีเจริญก้าวหน้า และในปีนี้ วันมหิดล 24 กันยายน ประจำปี 2566 เป็น “วันมหิดลและวันประโยชน์ ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง”

สอ.รฝ.จัดพิธีส่งกำลังพลชุดผลัดเปลี่ยนหน่วยเฉพาะกิจ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลชุดผลัดเปลี่ยนหน่วยเฉพาะกิจ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โดยมีผู้บังคับบัญชาหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งร่วมพิธีฯ 

หน่วยเฉพาะกิจฯ ที่จะผลัดเปลี่ยนกำลังพล จำนวน 10 หน่วย มีกำลังพล จำนวน 254 นาย เพื่อไปผลัดเปลี่ยนกำลัง ตามวงรอบการปฏิบัติราชการ ของหน่วยเฉพาะกิจที่หน่วยบัญชาการ ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ณ กองบัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้ให้โอวาทและแนวทางในการไปปฏิบัติราชการ โดยขอให้กำลังพลร่วมแรง ร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และมีระเบียบวินัย การไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ต่างๆ ยังมีความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังอย่าอยู่ในความประมาท ขอให้มีสติอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หลีกเลี่ยง การกระทำในสิ่งใดๆ ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎเกณฑ์ หรือผิดกฎหมายบ้านเมือง และให้เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด และที่สำคัญพึงระลึกอยู่เสมอว่า ท่านคือทหารหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หากประสบปัญหาระหว่างการปฏิบัติงาน ให้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบโดยทันที เพื่อสนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้ต่อไป 

พร้อมทั้ง ขอให้กำลังพลและครอบครัว จงประสพแต่ความสุข ความเจริญ  มีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์ กำลังใจเข้มแข็ง ที่จะไปปฏิบัติราชการเพื่อนำความเจริญมาสู่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ และประเทศชาติต่อไป

‘จากสมาคมชาวปักษ์ใต้’ รวมพล 26 ก.ย.สโมสรตำรวจ ร่วมให้กำลัง ‘บิ๊กโจ๊ก’ เชื่อ!! ถูกรังแกจากอิทธิพลมืด

(25 ก.ย.66) สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก ขอเชิญร่วมให้กำลังใจแก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ความว่า…

เรียน ที่ปรึกษา/กรรมการ/อนุกรรมการ/สมาชิกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ/นายกสมาคมประธานชมรมชาวใต้ทั้ง14จว.ภาคใต้ทุกพื้นที่/เครือข่ายสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ/สมาชิกสมาคมชมรมชาวใต้ทุกพื้นที่/ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน

สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ขอเชิญทุกท่านร่วมให้กำลังใจ แก่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคม ชาวปักษ์ใต้ฯ ปกป้องคนดีที่ถูกรังแกจากอิทธิพลมืด

นัดหมายตามรายละเอียดดังนี้...
พบกันในวันอังคารที่ 26 กันยายน 2566
เวลา 09.00 น. ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร
การแต่งกาย สวมเสื้อสีเหลือง กรรมการสวมสูททับ และติดโลโก้สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ บุคคลทั่วไปสวมเสื้อเหลืองใช้สูททับหรือแต่งกายด้วยชุดสุภาพ (สวมเสื้อเหลือง) สมาคมชมรมชาวใต้ใส่เสื้อเหลือง(สูททับ)หรือสวมเสื้อเหลืองแต่งกายสุภาพ

"เราทำความดีด้วยหัวใจ"
เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

ขอแสดงความนับถือ
ดร.อนันต์ ชูรักษ์
ผอ.สำนักอำนวยการ เลขาธิการ
สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ
0813508549

รศ.(พ)ดร.เชวงศักดิ์ ลักษณะวิลาศ
อุปนายกฝ่ายประชาสัมพันธ์
ผู้แจ้งข่าว/ประสานงาน 0628539645

หมายเหตุ...
ขอความกรุณาช่วยส่งต่อข่าวนี้ไปยังสายงานของท่านด้วย

‘ไทยทิคเก็ตฯ’ แถลง หลัง ‘แบมแบม’ จี้ตรวจสอบปมบัตร VVIP เหตุมีคนกดได้หลายใบ ล่าสุดเรียกคืนบางส่วน-เตรียมเปิดขายอีกครั้ง

(25 ก.ย.66) จากกรณี แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หนึ่งในสมาชิกวง GOT7 ที่กำลังมีคอนเสิร์ต 2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52] อยู่ในขณะนี้ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเรียกร้องให้ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ตรวจสอบการขายบัตรหลังการเปิดขายบัตรคอนเสิร์ตรอบที่ 2 วันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด บริษัท ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีปัญหาเรื่องการกดบัตรโซน VVIP คอนเสิร์ต 2023-2024 BAMBAM THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52] IN BANGKOK โดยระบุว่า “ทางบริษัทฯ ตระหนักถึงปัญหาและขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผู้จัด (iMe TH) ศิลปิน (BamBam) และแฟนคลับ (อากาเซ่) โดยขอชี้แจงเป็น 2 กรณี ดังนี้

1. กรณีมีแฟนคลับกังวลใจเกี่ยวกับปุ่มกดบัตร VVIP ที่ไม่สามารถกดเลือกจำนวนบัตรเพื่อซื้อบนหน้าเว็บไซต์ได้ ทางบริษัทฯ ขอยืนยันว่า เราได้มีการจำหน่ายบัตรทางเว็บไซต์จริงตามปกติ แต่เนื่องจากมีผู้กดบัตรพร้อมกันเป็นจำนวนมาก

จึงทำให้บัตรถูกจำหน่ายหมดทุกที่นั่งในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากเปิดจำหน่ายบัตรทุกช่องทาง หลังจากบัตรจำหน่ายหมดเราจึงนำโซน VVIP ออกจากระบบทันที ทำให้ไม่มีจำนวนบัตรให้ท่านเลือกซื้อ

2. กรณีมีผู้กดบัตรโซน VVIP ได้เป็นจำนวนมาก และนำบัตรมาขายต่อในราคาที่สูงขึ้นกว่าราคาปกติ ทางบริษัทฯ ได้ตรวจสอบ และเห็นถึงความผิดปกติ เราจึงทำการเรียกบัตรโซน VVIP คืนเข้าสู่ระบบบางส่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะแจ้งเวลาเปิดจำหน่ายให้ทราบอีกครั้ง

ในนามตัวแทนจัดจำหน่าย ทางบริษัทฯ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย และทางบริษัทฯ ขอยืนยันว่าเราไม่ได้สนับสนุนมิจฉาชีพ แต่เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบหน้าสาขาในวันที่และเวลาที่เปิดจำหน่ายบัตร ว่าใครคือบุคคลที่ซื้อบัตรเพื่อสนับสนุนศิลปินอย่างแท้จริง หรือซื้อบัตรเพื่อไปจำหน่ายต่อ

โดยเบื้องต้นบุคคลที่มากดบัตรหน้าเคาน์เตอร์ มาในลักษณะของลูกค้าตามปกติ (ซื้อคนละ 4 ใบ แต่ทำงานเป็นทีม) ทำให้เราไม่สามารถปฏิเสธการให้บริการได้ เพราะฉะนั้นขอให้แฟนๆ ระวังมิจฉาชีพที่มาในทุกรูปแบบ ทั้งการซื้อบัตรจากบุคคลภายนอก หรือผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นตัวแทนจำหน่าย หากไม่ซื้อบัตรที่จำหน่ายในราคาสูงเกินกว่าราคาปกติเท่ากับไม่สนับสนุนมิจฉาชีพ

สุดท้ายนี้ เราระลึกอยู่เสมอว่า แฟนๆ ตั้งใจซื้อบัตรเพื่อไปสนับสนุนศิลปินที่รัก ทางบริษัทฯ ขอขอบพระคุณจากใจจริงเสมอมา และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อความรักของทุกท่าน และเราจะพยายามพัฒนาระบบการขายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกท่านต่อไป”

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ แบมแบมระบุว่า มีผู้ประกาศว่ามีบัตร VVIP อยู่ในมือหลายใบ และขายต่อในราคาที่สูงกว่ามูลค่าหน้าบัตรหลายเท่า รวมถึงที่แฟนคลับที่รอคอยการกดบัตรนั้นต่างพากันแจ้งข้อมูลว่า ไม่เห็นแม้กระทั่งปุ่มให้กดซื้อบัตรโซน VVIP เลยด้วยซ้ำ
ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์มากมายบนโลกออนไลน์ ส่งผลให้  #BamBamAREA52inBKK2ndShow และ #กดบัตรแอเรีย52แบมแบมรอบ2 ทะยานขึ้นอันดับ 1 ในเทรนด์ทวิตเตอร์ (X) อย่างรวดเร็ว

‘บิ๊กโจ๊ก’ ยัน!! ไม่รู้จัก 'มินนี่' เจ้าแม่เว็บพนัน หลังคลิปร้องเพลงคู่ว่อนเน็ต ย้ำ แค่ไปงานเลี้ยงลูกน้องเท่านั้น เชื่อ!! เหตุการณ์นี้เป็นการดิสเครดิตตน

(25 ก.ย. 66) ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีในโลกโซเซียลได้แชร์คลิปร้องเพลงคู่กันกับ ‘มินนี่’ เจ้าของเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ ว่า ตนนั้นรู้มานานแล้วว่าจะมีการนำเอาคลิปนี้นั้นมาทำการดิสเครดิตตน และบอกว่าตนไม่ได้รู้จักเลย ว่าผู้หญิงที่มาร้องเพลงด้วยนั้นเป็นใคร

โดยวันนั้นเป็นงานเลี้ยงลูกน้องของตนโดยมีตนเป็นเจ้าภาพ แต่ว่าการที่ใครจะนำคนนอกเข้ามาในงานนั้นตนไม่ทราบ ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จักหรือมีการติดต่อตัวของ ‘มินนี่’ แต่อย่างใด ส่วนในเรื่องที่มีภาพออกมาว่าลูกน้องของตนนั้นมีการไปโอบกอดตัวของ ‘มินนี่’ อย่างสนิทสนมนั้น ทางลูกน้องนั้นก็ต้องไปตอบให้ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร หากเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี

“ผมนั้นไม่ได้ท้อแท้ ผมก็ยังออกมาทำงานตามปกติ เบื้องต้น สิ่งที่ออกมาในวันนี้ไม่ได้กระทบการทำงานของผม แต่อย่างใดก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษา ก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องว่าไปตามกระบวนการพยานหลักฐาน ส่วนประเด็นที่นายอัจฉริยะจะออกมาแฉ ถ้าไม่ใช่ความจริงก็จะดำเนินคดีกลับไป ซึ่งตนก็ได้มีการดำเนินการฟ้องนายอัจฉริยะอยู่แล้วที่ศาลอาญาเรื่องของการหมิ่นประมาท” รอง ผบ.ตร.กล่าว

โซเชียลชื่นชม!! ‘อดีต รปภ. ม.ราม’ สอบติด ‘อัยการผู้ช่วย’ รุ่น 64 ยกเป็นตัวอย่างคน ‘พากเพียร - มุ่งมั่น - ตั้งใจ’ จนประสบความสำเร็จ

(25 ก.ย. 66) เฟซบุ๊ก ‘อุดม สุขทอง’ ของนายอุดม สุขทอง ผู้อำนวยการส่วนรักษาการณ์ ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และอาจารย์พิเศษที่มีชื่อเสียงในแวดวงสอบราชการ โพสต์ข้อความระบุว่า…

"ความพยายามไม่เคยทรยศใคร ขอแสดงความยินดีกับ คุณผดุงเกียรติ พรหมแก้ว อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง สังกัดองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) มีความพากเพียรพยายามจนสอบติดอัยการผู้ช่วย (รุ่น 64) สนามใหญ่ ลำดับ 47 ขอจงมีความเจริญก้าวหน้า และผดุงความยุติธรรมให้สมกับความคาดหวังของประชาชนต่อไป ไม่เพียงศรัทธาในตัวเขา จงศรัทธาและปลุกพลังในตัวเอง"

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตให้ความสนใจจำนวนมาก และเชื่อว่าเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับผู้ที่อาจไม่มีต้นทุนชีวิตสูง ให้มีความพากเพียรขยัน สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างกัน โดยโพสต์มียอดกดไลก์แล้วกว่าพันครั้ง

ยิงสลุต 19 นัด เป็นเกียรติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเยี่ยมอำลากองทัพเรือในโอกาสเกษียณอายุราชการ

​วันนี้ (25 กันยายน 2566) เวลา 10.00 น. พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปเยี่ยมอำลากองทัพเรือ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งจอดเทียบภายในท่าเทียบเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งจัดให้มีพิธีเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เมื่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดเดินทางขึ้นเรือหลวงจักรีนฤเบศร ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดขึ้นแท่นรับความเคารพ โดยมี เรือหลวงปิ่นเกล้ายิงสลุตเพื่อเป็นเกียรติ จำนวน 19 นัด จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดลงนามในสมุดเยี่ยมพร้อมทั้งกล่าวสดุดีและมอบของที่ระลึกแด่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวอำลาชีวิตราชการ พร้อมทั้งขอบคุณกองทัพเรือ ที่ได้จัดพิธีเพื่อเป็นเกียรติในวันนี้

การจัดพิธีในวันนี้ มีการจัดกำลังพลจากกองเรือยุทธการ ร่วมกับ กำลังทางเรือเข้าร่วมในพิธี ประกอบด้วย เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือรับรอง และ เรือหลวงปิ่นเกล้า เป็นเรือยิงสลุต   โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวสดุดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในโอกาสอำลาชีวิตราชการ โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า “ตลอดระยะเวลา 3 ปี กองทัพไทยที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน กำลังพลทุกเหล่าทัพได้ร่วมกันปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มกำลัง สามารถสนองตอบนโยบายรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญท่านยังเป็นผู้บังคับบัญชาที่เปี่ยมด้วยความเป็นผู้นำ ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ จนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับนับถือโดยทั่วกัน กองทัพเรือมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน ซึ่งท่านได้สนับสนุนการเสริมสร้าง และพัฒนากองทัพเรือ ทั้งในด้านองค์บุคคลและองค์วัตถุให้มีความพร้อม และมีความเข้มแข็งเป็นอย่างดียิ่ง”

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top