Tuesday, 10 June 2025
NEWS FEED

'พระพยอม' ให้ข้อคิดเนื่องใน 'วันวาเลนไทน์' เตือนสติวัยรุ่น ระวังถูกหลอก แนะรักอย่างถูกวิธี

(13 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันพรุ่งนี้ก็จะเข้าสู่เทศกาล 'วันแห่งความรัก' หรือ 'วันวาเลนไทน์เดย์' (Valentine's Day) เป็นวันที่ 14 ก.พ. 66 นี้ ของทุก ๆ ปี ที่จะมีหนุ่มสาวและอีกหลายผู้คนทั่วโลก ออกมาแสดงสื่อถึงการบอกรักกัน หรือมอบสิ่งที่ดี ๆ ให้แก่กันและกัน เพื่อเเสดงออกถึงวันแห่งความรัก เป็นสากลกันทั่วโลกในวันนี้

'พระราชธรรมนิเทศ' หรือ 'พระพยอม กัลยาโณ' พระนักเทศน์ชื่อดัง เจ้าอาวาสแห่งวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ได้เทศน์ฝากเตือนสติหนุ่มสาวในวันแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์เดย์นี้ 

"ช่วงวาเลนไทน์ อยากจะเตือน น้อง ๆ สาว ๆ รุ่น ๆ อย่าหมกหมุ่นกับวันวาเลนไทน์ แบบเสื่ยมเสีย แบบเสียหาย เขาเรียกว่า วันหิวกระหายเสียตัว อย่าให้กิเลสตัณหา ความเป็นเสือหิว เรื่องเพศนี้เข้ามาผลักไส จนเราเข้าสู่มุมอับของชีวิต สุดท้ายถูกหลอก จากภาพหนุ่มหล่อ ๆ สาวสวย ๆ หรือของแบรนด์เนมฝรั่งหรู ๆ อะไรแบบเนี่ย มาล่อลวงติดต่อเรา ทั้งที่จริงบางทีคนติดต่อลวงเรา อาจไม่สวย หล่อ ตรงปกเหมือนภาพที่ส่งให้เราดูแต่แรก ในเมื่อก่อนวันวาเลนไทน์ ผลเสียมีไม่มาก 

แต่ช่วงนี้มีการเปลี่ยนมาจับทิศทางการหลอกลวงทางเทคโนโลยี มันวิวัฒนการไปสู่ความวินาศทางเพศ ข้อสำคัญฝากไว้ อย่าลืมหลัก ถ้าคิดจะมีรัก ต้องมีรู้ มีรักค่อยมีลูก ถ้าเรียนยังไม่ถึงไหนเลย ม.1-ม.2 ไปมีรักแล้ว รู้ก็ยังไม่รู้เลย หากพลาดพลั้งมีลูก ต้องดรอปเรียนอีก ระวังกันด้วยพวกที่อยู่ในวัยเรียน ควรจะพรากเพียรศึกษาก่อน รักรอได้ แต่ระวังอย่าให้รักเป็นต่อขึ้นตา ที่เขาว่ากัน รักทำให้คนตาบอด

มสส.ร่วมกับสสส.ถก 'สางปม บุหรี่ไฟฟ้า' ชี้สุดอันตรายและไม่ช่วยเลิกบุหรี่มวน

มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.)ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)จัดประชุมโฟกัสกรุ๊ปเรื่อง 'สางปม บุหรี่ไฟฟ้า... หลากปัญหา รอวันแก้'

(13 ก.พ.66) มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ(มสส.)ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)จัดประชุมโฟกัสกรุ๊ปเรื่อง "สางปม บุหรี่ไฟฟ้า... หลากปัญหา รอวันแก้" ณ โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพ รัชดา โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมพูดคุย พร้อมด้วยนายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่ากฎหมายไทยกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามทั้งการนำเข้า จำหน่ายหรือให้บริการ ในปี 2564 มี 32 ประเทศทั่วโลกที่ประกาศใช้กฎหมายห้ามเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าจากที่ในปี 2557 มีเพียง 13 ประเทศ เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าทั่วโลกตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าเพราะมีข้อมูลชัดเจน เช่น เด็กมัธยมปลายอเมริกันสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 1.5%ในปี2554 เป็น19.6%ในปี 2563 ประเทศนิวซีแลนด์เด็กอายุ14-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 1.9%ในปี 2560เป็น9.6 %ในปี 2564 ส่วนเด็กมัธยมต้นของไทยอายุ13-15 ปีสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก3.3% ในปี2558 เป็น8.1%ในปี 2564 

รายงานการวิจัยเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกส่วนใหญ่สรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดและระบบทางเดินหายใจเพราะละอองลอยมีสารโลหะหนักหลายชนิด เช่น เหล็ก ทองแดง นิกเกิล สังกะสี โครเมี่ยม และตะกั่วที่กระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ นอกจากนี้ยังพบว่าสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของสมองเด็กและวัยรุ่น บุหรี่ไฟฟ้าหลายยี่ห้อมีสารนิโคตินเท่ากับสูบบุหรี่ 20 มวน และบางยี่ห้อมีสารนิโคตินเท่ากับการสูบบุหรี่ถึง50 มวน          

ส่วนข้ออ้างที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ในการช่วยเลิกบุหรี่มวนนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ในปี 2564 องค์การอนามัยโลกระบุว่าหลักฐานที่บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่ยังสรุปไม่ได้ ส่วนองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกายืนยันเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมาว่าไม่เคยรับรองให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่ เช่นเดียวกับกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียก็ระบุว่ายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ สอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2564-2565 ไม่มีข้อสรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ หนำซ้ำยังพบว่า 60 %ของคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่กลับมาสูบบุหรี่ชนิดมวนใหม่ 

ซึ่งองค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่าปัญหาใหญ่สุดของบุหรี่ไฟฟ้าคือทำให้เด็กที่ไม่เคยสูบบุหรี่เข้ามาสูบบุหรี่ไฟฟ้าและเด็กที่เริ่มต้นสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะสูบบุหรี่ธรรมดามากกว่าเด็กที่ไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 2-4 เท่า รวมทั้งคนที่เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาไปแล้วจะกลับมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทน ดังนั้นสื่อมวลชนต้องช่วยกันเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้อง หาแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ๆที่เข้าถึงเด็กและเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ควบคุมการโฆษณาในสื่อสมัยใหม่ทุกรูปแบบเพราะบริษัทบุหรี่ไฟฟ้ามักใช้สื่อออนไลน์และสนับสนุนเงินในการจัดกิจกรรมดึงดูดกลุ่มเยาวชน

นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. กล่าวว่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคมีหมวดที่ว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการทำให้มีการออกคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ดังนั้น ผู้ใดขายหรือให้บริการ โดยมีค่าตอบแทนรวมถึงการซื้อมาเพื่อขายต่อ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  นอกจากนี้ผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ายังมีความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ กับให้ริบบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งสิ่งที่ใช้บรรจุและพาหนะใดๆ ที่ใช้ในการบรรทุกสินค้าบุหรี่ไฟฟ้านั้นด้วย และยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  

พี่ยุ สาวรอรักแท้ ลุ้นนอนไม่หลับ รอหนุ่มอีสานด้วยความตื่นเต้น มาขอความรัก 1,200 กก. พรุ่งนี้ ขณะนักข่าวญี่ปุ่นขอสัมภาษณ์ งานอีเว้นท์ติดต่อ เพียบ

(13 ก.พ. 66) สาวสตูลผู้รอรักแท้จากหนุ่มอีสานที่เดินทางไกลด้วยเท้า 1,200 กิโลโดยใช้เวลา 1 เดือนเพื่อมาขอรับรักสาวในวันพรุ่งนี้ที่จะครบตามคำมั่นสัญญานั้น โดยสาวสตูลหรือที่รู้จักในนามพี่ยุ หม้ายสาวใหญ่แม่ค้าออนไลน์ (นางสาวธนาภา เขียวอ่อน) อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 132 หมู่ที่ 8 ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ยอมรับกับสื่อมวลชนว่าได้เฝ้ารอวันเวลาที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้อย่างตื่นเต้น เพราะตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาทางติ๊กต็อกไม่เคยพบหน้าเห็นตากันมาก่อน ยอมรับว่าต้องรู้สึกเขินและอายเหมือนกัน พี่ก็จะบอกอาการไม่ถูก

ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็มีเซอร์ไพรเล็ก ๆ ต้อนรับพี่แมว หรือ (นายสุเทพ พร้อมจิต อายุ 52 ปี ชาวยโสธร) โดยมีการทำเสื้อสีชมพู ข้อความ “พิสูจน์รักแท้ 1,200 กก.” สวมใส่ภายในงาน โดยคนที่มาร่วมงานในวันดังกล่าวจะสวมเสื้อสีชมพูกันทุกคนให้พี่แมว ที่เดินทางมาถึงที่ว่าการอำเภอทุ่งหว้า ตามหาว่าคนไหนคนพี่ยุ (พูดพลางหัวเราะ) พี่ยุ บอกด้วยว่า การพิสูจน์รักในครั้งนี้ของพี่แมว ทำให้ตนยอมรับและรับรักเพราะนี่คือบทพิสูจน์ที่ใครหลายคนมักมองว่า การคบหรือรู้จักกันผ่านโซเซียลสุดท้ายอยู่ที่การกระทำมากกว่า ว่าเขารักและจริงใจกับเรามากแค่ไหน หลังจากจดทะเบียนสมรสกันแล้ว มีคนติดต่อให้มาออกงานอีเว้น ในอำเภอทุ่งหว้า และอำเภอละงู เพื่อโปรโมทรักแท้จังหวัดสตูลให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งความรักในครั้งนี้ยังได้รับความสนใจนอกจากสื่อในประเทศแล้ว สื่อต่างแดนอย่างประเทศญี่ปุ่นก็ติดต่อมาขอสัมภาษณ์ ที่จะบอกรักให้คนทั่วโลกรับรู้ว่านี่คือการพิสูจน์รักแท้ ของคนไทยที่มีต่อกัน ส่วนอนาคตวางแผนจะมีบุตรด้วยกันหรือไม่นั้น  พี่ยุ บอกด้วยน้ำเสียงตกใจและหัวเราะลั่นว่า ไม่เอาบุตรแน่นอน เพราะพี่ยุก็มีลูกติดแล้วถึง 4 คนเช่นเดียวกันกับพี่แมวก็มีลูกติดเหมือนกัน ซึ่งอนาคตหลังจากนี้จะไปจัดงานแต่งที่บ้านของพี่แมว และจะตระเวนท่องเที่ยวอย่างที่ใจของเราทั้งสองวางแผนไว้

รมว.พิพัฒน์ เปิดงาน'Amazing Ruk Rim Lay'

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(รมว.กก.) เป็นประธานกล่าวเปิดงาน "Amazing Ruk Rim Lay" ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และยกระดับต่อยอดการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง ซึ่งเปรียบเสมือนดินแดนแห่งความรัก และมีชื่อเสียงด้านการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลแห่งความรัก ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และส่งมอบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวที่มีคุณค่า และมีความหมาย (Meaningful Travel) ให้กับนักท่องเที่ยว โดยมี ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล), นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง, นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสุรัตน์  จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม ณ หาดราชมงคล จังหวัดตรัง

ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดกัญชา ริมฝั่งแม่น้ำโขง 420 กก. ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.00น. มว.ปล.ที่ 2 ร้อย.กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ชปข.กอ.รมน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการขนย้ายยาเสพติดนำข้ามมาฝั่งไทย ที่บริเวณบ้านบางทรายน้อยฯ จึงได้จัดกำลังพลออกเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ.บางทรายน้อย ม.2 ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร พิกัด 48 QVD 721391

ครั้นเมื่อ 12 ก.พ. 66 เวลา 0630 จนท. ได้ตรวจพบเรือกีบติดเครื่องยนต์ข้ามมาจากฝั่ง สปป.ลาว มุ่งตรงมาที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ.บางทรายน้อย ม.2 ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร พิกัด 48 QVD 721391 ห่างจากจุดซุ่มประมาณ 100 เมตร จากนั้นมีกลุ่มคนประมาณ 6-7 คน เดินลงมาที่เรือและได้แบกกระสอบสีดำขึ้นฝั่งไป จึงได้แสดงตัวว่าเป็น จนท. เพื่อขอตรวจค้น กลุ่มคนดังกล่าวเมื่อเห็น จนท. จึงได้ทิ้งกระสอบและอาศัยความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนีไปได้ ส่วนคนขับเรือได้ขับเรือข้ามกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว จากนั้นจึงได้เข้าตรวจสอบบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงตรวจพบกระสอบห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำจำนวน 20 กระสอบ จึงได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นกัญชาอัดแท่งและช่อดอกกัญชาตากแห้ง 

GISTDA เปิดภาพ 'พื้นที่ป่ารูปหัวใจ' ในเชียงราย มุมมองจากอวกาศ เติมหวานรับวาเลนไทน์

GISTDA เปิดภาพ 'พื้นที่ป่ารูปหัวใจ' หวานรับวาเลนไทน์ ด้วยภาพจากดาวเทียม spot-6 ภาพที่ปรากฏเป็นพื้นที่ป่าเต็งรัง บริเวณตำบลเม็งราย อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เมื่อมองจากมุมมองอวกาศจะเห็นพื้นที่ดังกล่าวเป็นรูปหัวใจ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดดอยม่อนป่ายาง (วัดสันติธรรม) และสำนักสงฆ์สันติธรรม เป็นเสมือนหนึ่งหัวใจที่อยู่ใกล้ธรรมะ และธรรมชาติ

ภาพที่เห็นเป็นพื้นที่ป่ารูปหัวใจสีเขียวเปรียบเสมือนหัวใจของชุมชนที่ตั้งโดดเด่นอยู่ใจกลางหมู่บ้าน สถานที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งฟอกอากาศชั้นดี พื้นที่รอบ ๆ รายล้อมไปด้วยพื้นที่นาและพื้นที่เกษตรประเภทอื่น ๆ เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง และลำไย เป็นต้น

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่สาธารณรัฐตุรกี ยกทัพมอบผ้าห่มกันหนาว เสื้อผ้าสำเร็จรูป และถุงซิปสำหรับบรรจุร่างผู้เสียชีวิต สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้เสียชีวิต

วันนี้ (13 ก.พ. 66) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่สาธารณรัฐตุรกี มอบหมายให้นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่ จัดทีมแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่มอบผ้าห่มกันหนาว จำนวน 1,500 ผืน แก่สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในสาธารณรัฐตุรกี ซึ่งเป็นปฏิบัติการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม  ณ บริเวณลานจอดรถ เอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ

โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ นำทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ส่งมอบถุงซิปบรรจุร่างผู้เสียชีวิต จำนวน 2,000 ใบ พร้อมด้วยเสื้อผ้าสำเร็จรูป จำนวน 4,240 ตัว ให้กับกรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจ ณ กองบัญชาการกองทัพไทย กรมกิจการพลเรือนทหาร (อาคาร 6) ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจแก่ผู้ประสบภัยและครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างสุดซึ้ง  ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงติดตามข้อมูลข่าวสารการปฏิบัติภารกิจการช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินการให้ความช่วยเหลือต่อไป

ผบ.ตร.ห่วงใยความปลอดภัยวันวาเลนไทน์ สั่งทุกหน่วยวางมาตรการเชิงรุก เข้มงวดตรวจตราบังคับใช้กฎหมาย สถานบริการ สถานบันเทิง โรงแรม คุมเข้มคดีทางเพศเด็กและเยาวชน วอนพ่อแม่ผู้ปกครองช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลบุตรหลาน

(13 ก.พ.66) พ.ต.ท. ธ เทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า “ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ จะมีประชาชนหนุ่มสาว เด็ก เยาวชน ออกมาเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หรือตามสถานบริการ สถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยวกลางคืน สวนสาธารณะจำนวนมากนั้น 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีความห่วงใยในเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคดีทางเพศกลุ่มเด็ก เยาชน ที่อาจจะถูกหลอกหลวง ล่อลวงได้ 

จึงได้กำชับไปยังทุกกองบัญชาการให้จัดทำมาตรการเชิงรุกด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เพิ่มความเข้มดูแลพื้นที่ล่อแหลมเสี่ยงต่ออาชญากรรม การคุกคามทางเพศ โดยเฉพาะสถานบริการ สถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยว สวนสาธารณะ โรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมม่านรูดต่างๆ 

โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ออกตรวจตราพื้นที่และบุคคลกลุ่มเสี่ยง เน้นกลุ่มเด็กเยาวชน ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น การพลอดรักในสวนสาธารณะ การแข่งรถในทาง การลักลอบเข้าใช้สถานบริการ สถานบันเทิง โรงแรมม่านรูด โดยบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดกับสถานบริการ สถานบันเทิง โรงแรม ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น การห้ามเด็ก เยาวชนเข้าไปสถานบริการ การห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้เด็กเยาวชน ไม่มีการมั่วสุมยาเสพติด หรือแสดงลามกอนาจารต่างๆ หากพบมีการฝ่าฝืนให้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย จับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด 

ผช. รมว.แรงงาน ต้อนรับ เอกอัคราชทูตฯ แห่งไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย หารือเตรียมส่งเสริมแรงงานไปไอร์แลนด์ประกอบอาชีพ คนงานเกษตร พ่อครัว บริการรับจ้าง และอาชีพที่อาศัยความรู้และความชำนาญชั้นสูง

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจากกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายแพทริก เบิร์น (Mr. Patrick Bourne) และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับหน้าที่เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอานาจเต็มแห่งไอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน 

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนานตลอดระยะเวลา 48 ปี นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2518 รวมถึงความสัมพันธ์ทั้งในด้านการศึกษา การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยกระทรวงแรงงานพร้อมทำงานเพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ด้านแรงงานระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้ง กระทรวงแรงงานต้องการส่งเสริมโอกาสของแรงงานไทยในไอร์แลนด์ในการประกอบอาชีพ คนงานเกษตร พ่อครัว และบริการรับจ้าง รวมถึงสาขาอาชีพที่อาศัยความรู้และความชำนาญชั้นสูงตามความต้องการของไอร์แลนด์ และต้องการทราบสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการในไอร์แลนด์ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาทักษะและเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงานไทย

'การบินไทย' พร้อมปรับปรุง เมนูมะระผัดไข่-แกงล้นถ้วย หลังโซเชียลวิจารณ์ ‘ไม่น่ากิน’

(13 ก.พ. 66) หลังจากที่เฟซบุ๊กเพจหนึ่ง โพสต์ภาพเมนูอาหารที่เสิร์ฟบนเที่ยวบินของสายการบินไทย ชั้นธุรกิจ เส้นทางโตเกียว-กรุงเทพฯ ระบุว่า...

“มีพี่ส่งเมนูอาหารไทยมาให้ดู ซึ่งดูแล้วขัดใจมะระผัดไข่กับแกงล้นถ้วย และเมื่อเทียบกับอาหารไทยที่เคยทานบนสายการบินยักษ์ใหญ่ในตะวันออกกลางดูน่ากินกว่านี้”

ล่าสุดเพจ THAI Corporate Communications ได้โพสต์ระบุว่า ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการลงภาพการจัดวางอาหารไทยบนจาน ในการบริการชั้นธุรกิจ ของการบินไทย เส้นทางโตเกียว - กรุงเทพฯ นั้น

บริษัทฯ ขอน้อมรับคำติชมและขอขอบคุณสำหรับข้อแนะนำของท่านผู้โดยสาร เพื่อนำไปปรับปรุงการให้บริการแก่ผู้โดยสาร ทั้งในเรื่องของอาหาร และการจัดวางอาหารบนภาชนะ (Plating) สำหรับให้บริการ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความพึงพอใจต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมที่จะพัฒนาปรับปรุงการให้บริการแก่ผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารทุกท่านได้รับความพึงพอใจสูงสุด และขอขอบคุณท่านผู้โดยสารที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการบริการของการบินไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top