Tuesday, 10 June 2025
NEWS FEED

Because We Care ผนึกกำลังสถานศึกษา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ส่งมอบของขวัญพลังแห่งรัก ส่งผ่านโครงการ 'รักในวัยเรียน'

วันนี้ (14 ก.พ.66) เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล  ศรีสง่า พยาบาล (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ ในฐานะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้านสื่อสารสังคม และผู้ดูแลเพจ Because We Care ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมูลนิธิพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ “รัก...ในวัยเรียน” นำคณะวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์  ประกอบด้วย 1) ว่าที่ พ.ต.ต.เอนก โชติพรหม สารวัตรกลุ่มงานสนับสนุน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และ 2) พ.ต.ท.พญ.ลักขณา  จักกะพาก เลขาธิการสมาคมเพศวิทยาคลินิกและเวชศาสตร์ทางเพศ (ประเทศไทย) มาถ่ายทอดความรู้เรื่องการบูลลี่ (Bully) และเพศศึกษา พร้อมตอบคำถามไขข้อสงสัยเรื่องเพศทุกมิติให้แก่เด็กวัยรุ่นวัยเรียน โดยยึดหลัก "ทุกคนย่อมมีสิทธิในการมีสุขภาพทางเพศที่ดี เพราะเรื่องเพศ เป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพ” 3) พ.ต.อ.ชัยวัฒน์  บูรณะ รองผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ที่มาถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการรับรู้หลักการสังเกตเเละจดจำรูปพรรณต่างๆ ของคนร้ายเพื่อง่ายต่อการติดตาม พร้อมทั้งการสร้างการรับรู้สถานการณ์ตลอดเวลา และเรื่องของสามเหลี่ยมอาชญากรรม พร้อมด้วย นายธนวัฒน์  พรหมโชติ ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย  พร้อมแกนนำเด็กและเยาวชน  ร่วมจัดกิจกรรมในโครงการ “รัก...ในวัยเรียน” ณ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยมี  นางอาลัย พรหมชนะ ผู้อำนวยการโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีพร้อมคณะครู และนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นเเละตอนปลาย (มัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 100 คน เข้าร่วมกิจกรรม 

วันนี้ มีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้ 
• การแนะนำบทเพลง “ปล่อยผ่าน” (Move on Bully) บทเพลงที่เป็นสื่อกลางในการสะท้อนถึงความถึงความรู้สึกของผู้ที่ตกเป็นผู้ถูกกระทำ จากการดูถูกเหยียดหยาม และการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม
• กิจกรรมสันทนาการละลายพฤติกรรม สร้างสัมพันธภาพ
• กิจกรรม “เสริมสร้างความรู้ด้านกฎหมาย (Cyber Bullying)”  สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 
• กิจกรรม “เพศกับวัยรุ่น”  สร้างความรู้เข้าใจความหมายของ “สิทธิ อนามัยการเจริญพันธุ์ - เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง สิทธิมนุษยชนและสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์" อีกทั้งเสริมสร้างทักษะ วิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิ
• กิจกรรม​ รัก... ไม่มีเงื่อนไข อดใจ... ให้มากกว่ารับ โดยมีการแจกแชมพู​และเซรั่มออแกนิคจาก​ บริษัท​ มะหาคัท​ จำกัด 

‘สธ.’ แจ้งดำเนินคดี ‘เพจชมรมแพทย์ชนบท’ หลังให้ข้อมูลเท็จ-ปลุกปั่น เป็นภัยต่อ สธ. ไทย

(14 ก.พ. 66) นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังจากเพจชมรมแพทย์ชนบท ปลุกระดม สร้างความเข้าใจผิดกับสังคม ว่า กระทรวงสาธารณสุข ติดตามเพจชมรมแพทย์ชนบทมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ที่ผ่านมา เพจชมรมแพทย์ชนบท ไม่ได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลความรู้ ที่เป็นประโยชน์แก่สังคม เป็นเพียงเพจปลุกปั่นสังคม สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน แอบอิงการเมือง เน้นการโจมตีแบบโกหก ทำเพื่อประโยชน์พวกพ้อง ส่งผลกระทบกับการให้บริการด้านสาธารณสุขไทยอย่างมาก ไม่สอดคล้องกับการก่อตั้งชมรมเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่เน้นสิ่งดี ๆ เพื่อชาวชนบท เพื่อระบบสาธารณสุข

ปัจจุบัน เพจชมรมแพทย์ชนบท ถือเป็นภัยต่อระบบสาธารณสุขไทย ด้วยการให้ข้อมูลเท็จ เสริมความ ยุยงปลุกปั่น มุ่งประโยชน์พวกพ้อง

'สุชาติ' รมว.แรงงาน มอบ 'บุญสงค์' เลขาธิการ สปส. ตัดริบบิ้นเปิดงาน Open House & Opening SSO @ BSR โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ ดูแลสุขภาพคนทำงานและสถานประกอบการ

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ประธานเปิดงาน Open House & Opening SSO @ BSR ณ โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางนงค์ลักษณ์ กอวรกุล ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม เข้าร่วมงาน โดยมีนายแพทย์นรินทร์ บุญจงเจริญ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่ม 6 โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ นายแพทย์ชินวัต สุวรรณทิพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ นายปฐพี จิระวรรณ ประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้บริหาร และผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายในการดูแลผู้ประกันตนให้ได้รับการเข้าถึง สิทธิการรักษา โดยสนับสนุนการขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคเชิงรุกให้กับผู้ประกันตน ในสถานประกอบการอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยในปี 2566 สำนักงานประกันสังคม มีโรงพยาบาลประกันสังคม จำนวนทั้งสิ้น 260 แห่ง แยกเป็นโรงพยาบาลของรัฐ 169 แห่ง และโรงพยาบาลเอกชน 91 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงพยาบาลรัฐที่เข้าใหม่ 3 แห่ง โรงพยาบาลเอกชนเข้าใหม่ 3 แห่ง เพื่อดูแลสุขภาพ พี่น้องผู้ประกันตน ให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐานสากล ทำให้แรงงานในระบบมั่นใจว่า เมื่อยามเจ็บป่วยจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ 

นอกจากนี้แล้ว สำนักงานประกันสังคมได้ทำความตกลงกับสถานพยาบาล จำนวน 61 แห่ง ให้บริการตรวจค้นหาความเสี่ยง 5 โรค ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านม ก้อนเนื้อ ที่มดลูก โรคนิ่วในไตหรือถุงน้ำดี โรคหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการทางการแพทย์ให้แก่ผู้ประกันตนอีกด้วย ผมในฐานะเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ เข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมในปี 2566 พร้อมขยายพื้นที่รองรับการให้บริการผู้ป่วยนอก อีกทั้ง มีคลินิกเครือข่ายเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการสุขภาพ และระบบส่งต่อการรักษากับโรงพยาบาลในเครือข่ายคู่สัญญา ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาล ยังได้มอบสิทธิส่วนลดการรักษาพยาบาลสำหรับครอบครัวผู้ประกันตนอีกด้วย

'ผบ.ทบ.' ปลื้ม​ พิธีไหว้ครูมวยไทย​ ถูกบันทึกสถิติโลก สั่ง 'ยศ.ทบ.' นำศิลปะมวยไทยบรรจุหลักสูตรทางทหาร

(14 ก.พ. 66) ที่กองบัญชาการกองทัพบก​ พล.ต.หญิง​ ศิริจันทร์​ งาทอง​ รองโฆษกกองทัพบกเปิดเผยว่า พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประชุมติดตามการปฏิบัติงานประจำวัน โดยกล่าวถึง​ ความสำเร็จความภาคภูมิใจในการจัดพิธีไหว้ครูมวยไทยบันทึกสถิติโลก (Guinness world records) ของกำลังพลกองทัพบก จำนวน​ 3,660 นาย เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ในงาน Amazing Muaythai Festival 2023 ณ พื้นที่อุทยานราชภักดิ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นการรักษามรดกของชาติ ส่งเสริมศิลปะการป้องกันตัว หรือแม่ไม้มวยไทย

ที่สำคัญเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเข้มเเข็งของกำลังพล ทั้งนักเรียนนายสิบทหารบกและทหารกองประจำการ ซึ่งเป็นกำลังหลักของกองทัพบก สะท้อนให้เห็นถึงระบบการคัดเลือกกำลังพลที่มีความเข้มแข็ง ให้มาปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคงของชาติอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกองทัพบกในการพัฒนาและเสริมสร้างบุคลากร ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกมอบหมายให้กรมยุทธศึกษาทหารบก นำศิลปะแม่ไม้มวยไทยเป็นหลักสูตรหลักในการเรียนการสอน ของสถาบันการศึกษาทางทหารของกองทัพบก

AOT เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ซึ่งเป็นงานประชุมเจรจาธุรกิจด้านการบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมี พลอากาศเอก ภานุพงศ์ เสยยงคะ กรรมการ AOT เป็นประธานในพิธีเปิดงานฯ พร้อมด้วยนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT รวมถึงผู้บริหาร AOT ผู้แทนจากหน่วยงานภายใต้พันธมิตรเครือข่ายทางการบิน และการท่องเที่ยวจากทั่วโลกร่วมงานประชุมฯ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 16 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2554 (ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่) จังหวัดเชียงใหม่

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้จํานวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ลดลงจาก 142 ล้านคนในปี 2561 เหลือเพียง 72 ล้านคนในปี 2562 ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วระหว่างปี 2563 - 2565 ปริมาณผู้โดยสารลดลงในอัตราร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารรวมในปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 การเดินทางของผู้โดยสารมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากการที่หลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยมีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลอดจนสายการบินกลับมาทำการบินในเส้นทางบินเดิม และเพิ่มเส้นทางบินใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการบินและธุรกิจท่องเที่ยวให้สามารถฟื้นตัวและดำเนินกิจการได้ดีขึ้น ดังนั้น การจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ซึ่งเป็นงานประชุมเจรจาธุรกิจด้านการบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จะเป็นเวทีเจรจาธุรกิจระหว่างท่าอากาศยาน สายการบิน หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในธุรกิจการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จำนวนกว่า 800 ราย ได้มีโอกาสพบปะ เจรจา แลกเปลี่ยนมุมมอง และแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practice) อันจะนำไปสู่การปรับปรุงเครือข่ายทางการบินและการดำเนินธุรกิจ ทำให้เกิดการพัฒนาการบริการในอนาคตที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ งานประชุมฯ ยังเป็นการสนับสนุนการสร้างเครือข่ายทางการบิน (Route Networks) และการท่องเที่ยวของภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ซึ่งจะส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงาน การแสดงความเชื่อมโยงของระบบขนส่ง การแสดงความพร้อมในการรองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

นายนิตินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT ในฐานะผู้บริหารสนามบินหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นประตูสู่ประเทศไทย มีความยินดีที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเสนอศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยสู่ระดับสากลให้แก่นานาประเทศ โดยมุ่งหวังสร้างเครือข่ายทางการบิน และการท่องเที่ยว ตลอดจนการทำการตลาดเชิงรุกด้วยการเจรจาธุรกิจให้สายการบินสนใจเปิดเส้นทางการบินใหม่ หรือ
 
เพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางที่ทำการบินอยู่เดิม ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT รวมทั้งเจรจาธุรกิจร่วมกับสนามบินเป้าหมาย (City Pair) โดยมุ่งเน้นสนามบินที่มีศักยภาพในการรองรับสายการบินใหม่ และเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เพื่อส่งเสริมตลาดด้านการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งสร้างและกระตุ้นรายได้ให้ AOT ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง

วันนี้ (14 ก.พ.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ได้เป็นประธานในพิธีการเปิดโครงการอบรมสัมมนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีนายวุฒิทัต ตันติเวส รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน, นายมงคล สุดโต ผอ.ส่วนควบคุมระบบปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต และ นางนันทวดี วีระวัฒน์เดช ผอ.ส่วนมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต ร่วมการพิธีเปิดดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ.66

การฝึกอบรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการสืบสวน ตรวจสอบ และจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมธุรกิจพลังงาน และกรมสรรพสามิต เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการฝึกอบรมครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทั่วประเทศเข้ารับการอบรมจำนวน 143 นาย

‘สืบพงษ์’ คืนเก้าอี้อธิการฯ ม.รามอีกครั้ง หลังศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองรอบ 2

แห่มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ ‘สืบพงษ์ ปราบใหญ่’ หลังศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองรอบ 2 กลับมานั่งเก้าอี้อธิการบดีอีกครั้ง ยืนยันตั้งใจ-ทุ่มเทให้กับรามฯ

(14 ก.พ.66) เมื่อเวลา 08.00 น.ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกครั้ง ท่ามกลางอาจารย์-เจ้าหน้าที่มอบกุหลาบแดง (วาเลนไทน์) ให้กำลังใจ และอวยพรให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ การกลับมารับตำแหน่งอธิการบดีอีกครั้งเกิดจากศาลปกครองกลาง สั่งคุ้มครองชั่วคราว อธิการบดี ม.รามคำแหง

ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 หลังจากที่ถูกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ออกคำสั่งให้ถอดถอน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 และตามมาด้วยมติเลิกจ้างด้วย ซึ่งถือว่าร้ายแรง ผศ.ดร.สืบพงษ์ก็ดิ้นสู้ในขบวนการยุติธรรมด้วยการฟ้องศาลปกครองกลาง และฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย และเมื่อวาน (13 ก.พ.66) ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว จนกว่าศาลจะตัดสินออกมา

ผศ.ดร.สืบพงษ์ กล่าวว่า ในการเริ่มต้นการทำงานโดยส่วนตัวตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาทำงานในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้ดีว่าตนทำงานอุทิศตนให้มหาวิทยาลัยแค่ไหน

“ผมทุ่มเทเวลาให้กับมหาวิทยาลัยมากกว่าครอบครัวด้วยซ้ำ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่เว้นแม้วันเสาร์-อาทิตย์ และตลอดสิบปีที่ผ่านมาก็ไม่มีเรื่องราวอะไรเสื่อมเสีย แต่ตำแหน่งอธิการบดี เป็นตำแหน่งทางการเมือง การที่ผมไม่เห็นด้วยกับผลประโยชน์ หรือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผมโดนเล่นงาน”

‘เสี่ยเฮ้ง’ สั่งตรวจเข้ม ‘ต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย’ ย้ำ!! ตรวจเจอ จับดำเนินคดี ไม่มีข้อยกเว้น

(14 ก.พ. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงคนไทยถูกแรงงานต่างชาติแย่งงาน แย่งอาชีพ จึงสั่งการให้กระทรวงแรงงานบริหารจัดการแรงงานต่างชาติในประเทศไทยอย่างรอบคอบ เป็นระบบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทย ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่เคยนิ่งนอนใจ ได้กำชับให้กรมการจัดหางานติดตามตรวจสอบและดำเนินคดีแรงงานต่างชาติที่ทำงานผิดกฎหมายหรือแย่งอาชีพคนไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 13 กุมภาพันธ์ 2566 มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 14,104 แห่ง ดำเนินคดี 500 แห่ง และตรวจสอบคนต่างชาติ จำนวน 196,402 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 145,764 คน, กัมพูชา 32,916 คน, ลาว 10,181 คน, เวียดนาม 103 คน และสัญชาติอื่น ๆ 7,438 คน มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,143 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 629 คน, กัมพูชา 175 คน, ลาว 187 คน, เวียดนาม 49 คน, และสัญชาติอื่น ๆ 103 คน ซึ่งพบเป็นการแย่งอาชีพคนไทย ทั้งสิ้น 600 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 264 คน, กัมพูชา 121 คน, ลาว 97 คน, เวียดนาม 39 คน, อินเดีย 51 คน และสัญชาติอื่น ๆ 28 คน โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ

“พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระบุว่า คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท และนายจ้าง/สถานประกอบการ ที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 - 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งกระทรวงแรงงานจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยไม่มีข้อยกเว้น” รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ มีทั้งสิ้น 40 งาน เป็นงานห้ามคนต่างด้าวทำเด็ดขาด 27 งาน ตามบัญชีที่ 1 ได้แก่ 
1.งานแกะสลักไม้ 
2.งานขับขี่ยานยนต์ ยกเว้นงานขับรถยก (Forklift) 
3.งานขายทอดตลาด 
4.งานเจียระไนเพชร/พลอย 
5.งานตัดผม/เสริมสวย 
6.งานทอผ้าด้วยมือ 
7.งานทอเสื่อ หรืองานทำเครื่องใช้ด้วยกก หวาย ฟาง ไม้ไผ่ ขนไก่ เส้นใย ฯลฯ 
8.งานทำกระดาษสาด้วยมือ 
9.งานทำเครื่องเขิน 
10.งานทำเครื่องดนตรีไทย 
11.งานทำเครื่องถม 
12.งานทำเครื่องทอง/เงิน/นาก 
13.งานทำเครื่องลงหิน 
14.งานทำตุ๊กตาไทย 
15.งานทำบาตร 
16.งานทำผ้าไหมด้วยมือ 
17.งานทำพระพุทธรูป 
18.ทำร่มกระดาษ/ผ้า 
19.งานนายหน้า/ตัวแทน 
20.งานนวดไทย
21.งานมวนบุหรี่ 
22.งานมัคคุเทศก์ 
23.งานเร่ขายสินค้า 
24.งานเรียงอักษร 
25.งานสาวบิดเกลียวไหม 
26.งานเลขานุการ 
และ 27.งานบริการทางกฎหมาย 

'ลุงแมว' หนุ่มวิ่งพิสูจน์รักแท้ ลงใต้หาสาวสตูล ถึงที่หมายแล้ว เตรียมจดทะเบียนวันวาเลนไทน์

(14 ก.พ. 66) นายสุเทพ ล้อมจิตร อายุ 52 ปี หนุ่มใหญ่ชาวยโสธร วิ่งพิสูจน์รักแท้หาสาวสตูล ระยะทาง 1,200 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นที่จังหวัดนครนายก ตั้งแต่ 14 ม.ค. 2566 และวิ่งเข้าสู่บริเวณด่านคีรีวง อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 13 ก.พ. 2566 โดยมีตำรวจ สภ.ทุ่งหว้า และชาวบ้านในพื้นที่มารอรับที่ชายแดน เขตรอยต่อระหว่างจังหวัดสตูลและจังหวัดตรัง เมื่อเข้าเขตจังหวัดสตูล พี่แมวยิ้มด้วยความดีใจว่าเข้าเขตจังหวัดสตูลแล้ว และเตรียมเข้าพักบ้านเพื่อนที่ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู

และจะเริ่มต้นวิ่งในวันที่ 14 ก.พ. จากบ้านสะพานวา ตำบลป่าแก่บ่อหิน อำเภอทุ่งหว้า เพื่อจดทะเบียนสมรสกับพี่ยุ ซึ่งรออยู่ที่อำเภอในวันเดียวกัน ถือเป็นการพบกันครั้งแรก

'พี่แมว' หรือ 'ลุงแมว' เปิดใจว่า "ตลอด 1 เดือนที่วิ่งจากภาคกลางลงสู่ภาคใต้ ได้สัมผัสถึงมิตรภาพ ความมีน้ำใจของพี่น้องชาวใต้ ที่บอกว่าคนใต้ใจดำนั้นไม่จริงเลย ขอบคุณน้ำใจที่ให้ทั้งที่พัก อาหารน้ำดื่ม กราบขอบคุณน้ำใจของทุกคน ตอนนี้น้ำหนักลดไปกว่า 10 กิโลกรัม เปลี่ยนรองเท้าไปหลายคู่ ตื่นเต้นที่จะได้พบคุณยุ

สวนนงนุชพัทยา จัดงานจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 รับวันแห่งความรัก 14 กุมภาวันวาเลนไทน์

(14 ก.พ. 66) เวลา 09.09 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา มอบหมายให้นางพัทธนันท์ ขันติสุขพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไปสวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง โดยมีนายสุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอสัตหีบ และนายวันชาติ วรรณพราหมณ์ ปลัดอำเภอสัตหีบ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และทางอำเภอสัตหีบ ได้จัดส่งหน่วยเคลื่อนที่เพื่อรับจดทะเบียนสมรส สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างในวันที่ 14 กุมภา วันวาเลนไทน์ โดยจัดขึ้นบริเวณสวนลอยฟ้าซึ่งเป็นสวนที่แปลกและใหม่ล่าสุดล่าหนึ่งเดียวในโลก

ในวันนี้สวนนงนุชพัทยา ได้จัดขบวนแห่ขันหมากขึ้น อย่างยิ่งใหญ่ โดยนำคู่สมรส 9 คู่แรก นั่งบนหลังช้างเพื่อร่วมขบวนแห่ขันหมาก สร้างความตื่นตา ตื่นใจให้กับคู่บ่าวสาวที่มาร่วมงาน และในกิจกรรมจดทะเบียนสมรสวันนี้ ทุกคู่ที่ร่วมกิจกรรม จะได้ขึ้นบนหลังช้างเพื่อรับทะเบียนสมรสทุกคู่ พร้อมกับรับของที่ระลึกเป็นไม้มงคล จากสวนนงนุชพัทยา ทุกคู่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top