Friday, 6 June 2025
NEWS FEED

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’ เยือนสงขลาสร้างความมั่นใจ จัดกิจกรรมไมซ์ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” ให้งบสนับสนุนองค์กร จัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม หวังสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท จัดโรดโชว์ที่แรก ณ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 7 มีนาคม 2566 หนึ่งในไมซ์ซิตี้ภาคใต้ ณ โรงแรม New Season Square จังหวัดสงขลา กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย

นายพัฒนชัย สิงหะวาระ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้ กล่าวว่า  ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล ในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นนักเดินทางไมซ์และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้กลไกการสนับสนุนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาคอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ภายในงานโรดโชว์มีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เสวนากลยุทธการทำการตลาดเมืองผ่านโครงการประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย โดย นายศิวัตน์ สุวรรณวงศ์ ผู้บริหารโรงแรมบุรีศรีภู และ รองประธานหอการค้า จังหวัดสงขลา ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา นายพีรชัย อัศดาชาตรีกุล ผู้จัดการอาวุโส ส่วนงาน MICE Innovation และดำเนินรายการโดย ดร.ณัฏฐณิชชา สิงห์บุระอุดม ผู้จัดการอาวุโส สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้

นอกจากนี้ ยังมีแนะนำการใช้แพลตฟอร์ม Thai MICE Connect และการสมัคร โดย นายนราศักดิ์ ม่วงแก้ว ผู้จัดการส่วนงาน MICE Innovation เจาะลึกการทำตลาดออนไลน์สำหรับลูกค้ากลุ่ม B2B โดย นายชวัลวิทย์ รักษผล Founder – M Creation Agency และมี Clinic ปรึกษาการใช้งาน Thai MICE Connect แบบ Exclusive ตัวต่อตัว

สำหรับโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เป็นโครงการสนับสนุนด้านงบประมาณให้แก่ผู้ประกอบการและนิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน ที่มีแผนการจัดการประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ โดยต้องมีการจัดกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 ประเภท ได้แก่...

กิจกรรมการประชุม (Meetings) กิจกรรมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) กิจกรรมสัมมนา (Seminars) กิจกรรมการอบรม (Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และกิจกรรมศึกษาดูงาน (Field trip)

โดยตั้งเป้าหมายมีองค์กรสมัครเข้าร่วมขอรับการสนับสนุน 1,000 กลุ่ม มีจำนวนนักเดินทางไมซ์กว่า 30,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 100 ล้านบาท สร้างผลทางกระทบทางเศรษฐกิจ 180 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (GDP Contribution) 101 ล้านบาท รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 6 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงาน 120 อัตรา

ซึ่งมีเงื่อนไขการสนับสนุน 2 รูปแบบ คือ 1.งบสนับสนุนไม่เกิน 15,000 บาท ให้การสนับสนุนจำนวน 650 กลุ่ม สำหรับการจัดกิจกรรมเป็นระยะเวลา 1 วัน และ 2. งบสนับสนุนไม่เกิน 30,000 บาท ให้การสนับสนุนจำนวน 350 กลุ่ม สำหรับการจัดกิจกรรมอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน โดยขอรับการสนับสนุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 22 สิงหาคม 2566

ทั้งนี้ ผู้ขอรับการสนับสนุนต้องจัดกิจกรรมนอกสถานที่ตั้งขององค์กร สามารถจัดงานได้ทั้งในโรงแรม สถานที่จัดงานพิเศษ และชุมชนทั่วทุกภูมิภาคภายในประเทศ โดยจะต้องเลือกสถานที่จัดงานที่มีฐานข้อมูลอยู่ในเว็บไซต์ www.thaimiceconnect.com ของทีเส็บอย่างน้อย 1 แห่ง และการจัดกิจกรรมจะต้องมีจำนวนผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 30 คน

สำหรับคุณสมบัติของผู้ขอรับการสนับสนุนจะต้องเป็น นิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน ได้แก่ บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน สมาคม และมูลนิธิ หรือ ผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมไมซ์ ได้แก่ บริษัทรับจัดการธุรกิจไมซ์ หรือ Destination Management Company (DMC) บริษัทรับจัดการประชุม บริษัทนำเที่ยว โรงแรม หรือสถานที่จัดงาน โดยต้องเป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทย สมาคมโรงแรมในภูมิภาคหรือจังหวัด หรือสมาคมต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมไปถึงโรงแรมหรือสถานที่จัดงานที่ได้รับมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย (Thailand MICE Venue Standards : TMVS) หรือ มาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียน (ASEAN MICE Venue Standards : AMVS)

สงขลา-"นิพนธ์" จับมือ"เดชอิศม์"เปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา ของ นายสรรเพชญ บุญญามณี คึกคัก ยืนยันพร้อมสู้ทุกเขต 

เวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้  7 มีนาคม 2566 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคปชป. พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาวทอง  รองหัวหน้าพรรคปชป.ภาคใต้ และ ส.ส.เขต 5 สงขลา  ร่วมในพิธีเปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา ถนนนครใน เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา โดยมีนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา ผู้บริหาร และสมาชิกสภา อบจ.สงขลา  พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครจากพรรคปชป. ทั้ง 9 เขตที่มาร่วมในการเปิดศูนย์นายสรรเพชญ บุญญามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา ประกอบด้วย นายนิพัฒน์ อุดมอักษร ว่าที่ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 2 นายสมยศ พลายด้วง ว่าที่ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 3 นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว ว่าที่ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 4 นายเดชอิศม์ ขาวทอง  ส.ส.เขต 5 รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และว่าที่ผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 5  นางสาวสุภาภรณ์ กำเนิดผล ส.ส.เขต 6 และ ว่าที่ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 6 นายศิริโชค โสภา ว่าที่ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 7 พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่  ส.ส.เขต 8 และว่าที่ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 8 และนายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ว่าที่ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 9  ร่วมแสดงความยินดีในการเปิดศูนย์ประสานงานนายสรรเพชญ บุญญามณี เขตเลือกตั้งที่ 1 ณที่ทำการศูนย์ประสานงาน โดยมีพระครูโสภณวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ปฐมมาวาส พระอารามหลวง และรองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา เจิมป้าย ศูนย์ประสานงานพรรคปชป. เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ศูนย์ฯ   พร้อมด้วยประธานสาขาพรรค คณะกรรมการสาขา  สมาชิกพรรคปชป. และพี่น้องประชาชนเข้าร่วมในพิธีเปิดศูนย์ฯเป็นจำนวนมาก 

สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้าของการเปิดศูนย์ ฯ เสียงเพลงเช้าวันใหม่ ของเมธี ลาบานูน ยังคงดังกึกก้อง เรียกความเชื่อมั่น และความศรัทธาที่มีต่อพรรคปชป. ของพี่น้องประชาชนที่เข้ามาร่วมในพิธีเปิดศูนย์ประสานงาน เขต 1 กลับมาอีกครั้ง ซึ่งทุกคนต่างร่วมแรง ร่วมใจส่งเสียงร้อง เรียกสรรเพชญดังกระหึ่ม แม้อากาศจะร้อนสักเพียงใด แต่ทุกคนไม่ถอย เพราะทุกคนคือครอบครัวประชาธิปัตย์ ที่พร้อมส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจ นายสรรเพชญ บุญญามณี และผู้สมัครทั้ง 9 เขต รวมถึงแกนนำชุมชน ที่สนับสนุนได้ทยอยมาร่วมอวยพร พร้อมทั้งมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีในการเปิดศูนย์ฯ ครั้งนี้  ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักสลับกับเพลงเช้าวันใหม่ 

นายนิพนธ์กล่าวว่า สิ่งที่ปชป.ทำมาขณะนี้ล้ำหน้าที่สุดคือเราจัดปราศรัยและทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ซึ่งอาจจะมีพี่น้องประชาชนที่ยังไม่เข้าใจอยู่บ้าง หรือยังไม่รู้ว่าพรรคเคยทำอะไรในอดีตซึ่งทางพรรคก็พยายามชี้แจงอยู่ในเรื่องนี้ คือพรรคเสนอตัวบุคคลความพร้อมในเขตเลือกตั้ง พรรคเสนอความพร้อมของพรรคปชป.ที่เป็นสถาบันการเมืองมายาวนานย่างเข้า 77 ปีในเดือนเมษานี้ กับพรรคอื่นที่เราเรียกว่าพรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งมาเพื่อให้ใครเป็นนายก แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกพรรคเหล่านั้นก็เลิกไป  ซึ่งเห็นมามากแล้วในอดีต ดังนั้นจึงไม่แปลกใจ  ประชาธิปัตย์เดินหน้าสร้างความเข้าใจ วันที่ 24 เราปราศรัยเพชรบุรี วันที่ 25 เราปราศรัยหาดใหญ่วันที่ 3 เราปราศรัยพัทลุง วันที่5 ปราศรัยที่ปัตตานี และเมื่อวานก็แราศรัยที่ กทม. ฉะนั้นนี่คือยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่าเราขายความเป็นสถาบันทางการเมือง เราขายความเป็นผู้นำรวมหมู่ เราไม่ฝากความหวังไว้กับคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะเห็นว่าเราเปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาเป็นคนที่ 8 แล้ว ประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่ นี่คือความต่างจากพรรคอื่น มั้งความต่างในเชิงนโยบาย ความต่างในเรื่องผลงานในอดีต และความต่างในเรื่องตัวบุคคลที่เราเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นส.ส.มา 11 สมัยเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 36 ปีมาจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านจุรินทร์ได้เป็นรัฐมนตรีทุกครั้งที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นี่คือตัวบุคคลที่เรานำเสนอมาให้พี่น้องประชาชนเลือกฉะนั้นผมจึงคิดว่ายุทธศาสตร์ของประชาธิปัตย์เดินมาถูกทางแล้ว 

ผิดว่าไปตามผิด!! ศาลสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา 2 หนุ่มขายปฏิทินเป็ดเหลือง ผิด ม.112

ศาลอาญาตลิ่งชันสั่งจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา 2 หนุ่มจำหน่ายปฏิทินเป็ดเหลืองหมิ่นเบื้องสูง ก่อนให้ประกัน 2.8 เเสนบาท

วันที่ 7  มีนาคม 2566 ที่ศาลอาญาตลิ่งชัน ถ.เลียบทางรถไฟ ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.1132/2564 คดีหมายเลขแดง อ.445/2566 ที่พนักงานอัยการ สํานักงานคดีอาญาตลิ่งชัน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย นัท และนาย พิชญ์ (ขอสงวนนามสกุล) เป็นจำเลยที่ 1- 2 ตามลำดับในความผิดฐานหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

โดยพนักงานอัยการระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23-31 ธ.ค.63 จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันดูหมิ่นสถาบันฯ ด้วยการร่วมกันจำหน่ายปฏิทินซึ่งมีข้อความและภาพที่เป็นหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสถาบันฯ โดยปฏิทินดังกล่าว ได้พิมพ์ข้อความว่า “ปฏิทินพระราชทานรุ่นพิเศษ รวมทุกคำสอนของเรา" และในแต่ละเดือนมีรูปการ์ตูนเป็ดสีเหลือง และข้อความที่ปรากฏตามปฏิทินพระราชทานแบบตั้งโต๊ะ อันเป็นการล่วงละเมิด ล่วงเกิน ดูหมิ่น หมิ่นประมาทสถาบัน โดยจำเลยทั้งสองมีเจตนาทำลายสถาบันฯ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะและเทิดทูนของประชาชนชาวไทย ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อสถาบันฯ เหตุเกิดที่แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร 

การให้ที่ยิ่งใหญ่!! หนุ่มวัย 24 บริจาคอวัยวะสร้างกุศลก่อนลาโลก ชาวเน็ตแห่ชื่นชม หลังญาติเปิดข้อความสั่งเสียสุดท้าย

วันที่ 7 มี.ค.66 สมาชิก TikTok@namtipsanguanwongwijit โพสต์คลิปขณะทีมแพทย์กำลังนำร่างของหลานชายเข้าผ่าตัดเพื่อนำอวัยวะไปบริจาค พร้อมระบุข้อความว่า "ผมชื่อตองคับ อายุ 24 ปี ผมประสบอุบัติเหตุเลือดออกในสมอง ไม่สามารถผ่าตัดได้เนื้อสมองตาย ผมเลยบริจาคอวัยวะของผม หัวใจ ไต ม่านตา 3 อย่างนี้ยังใช้งานได้ดี ถึงผมจะไม่ได้อยู่ใช้มันแล้ว ผมขอส่งต่อให้ผู้ที่ต้องการ ฝากผู้รับดูแลหัวใจหล่อๆของผมด้วยนะคับ #ผมขอออกเดินทางไปก่อนนะคับ บายบายคับ"
 

ตลกจนคนไม่เชื่อ!! ‘แน็ก ชาลี’ ขับเครื่องบินได้ แถมยังเคยมีเครื่องบินส่วนตัว

เริ่มกลับมารับงานพร้อมปรับลุคอีกครั้ง หลังอาหารสัตว์เลี้ยงที่บ้านหมด สำหรับนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี แน็ก – ชาลี ไตรรัตน์ ที่ช่วงนี้ค่อนข้างโด่งดัง และเป็นที่นิยมถูกพูดถึงในโลกโซเชียลอย่างล้นหลาม

อย่างคลิปล่าสุดในไลฟ์ TIKTOK  แน็ก ได้ไปไลฟ์ขายของกับ โฟกัส จีระกุล ใน TikTok ซึ่งในระหว่างไลฟ์ แน็ก ได้เล่าว่า เขาเคยเป็นนักบิน ขับเครื่องบินได้ และเป็นคนชอบเครื่องบิน แถมยังเคยมีเครื่องบินส่วนตัวอีกด้วย

โดยแน็กเล่าว่าถึงจะเรียนไม่จบ แต่เมื่อก่อนชื่นชอบวิชาคณิตฯ มากๆ ตอนเป็นนักบิน เห็นผมตลกแบบนี้แต่ผมชอบเครื่องบินมาก และสามารถขับมันได้ แถมยังมีใบอนุญาตขับเครื่องบิน หรือ (license) ด้วย และเคยมีเครื่องบินเป็นของตัวเองแต่ตอนนี้ขายไปหมดแล้ว ต้องใช้คำว่า 'เคยมี'

แน็ก ย้ำว่า ถึงผมจะไม่เป็นนักบิน แต่ผมก็มีใบอนุญาต ผมมีเครื่องบินส่วนตัวจริงๆ ที่ขับ ผมยังเคยไลฟ์สอนขับเครื่องบินนานถึง 4 ชั่วโมงแต่ชาวเน็ตที่เข้ามาดูเป็นพันคนไม่มีใครเชื่อ มีแต่คนขำบอกว่าผมกำลังเพ้อฝันอยู่ ไม่รู้ขำเพราะอะไร ขอถามหน่อยว่า ผมไม่มีความน่าเชื่อถือของการเป็นนักบิน ขับเครื่องบินได้เหรอ
 

‘ครม.’ ไฟเขียว ขยายเวลายกเว้นภาษีนิติบุคคล 50% หวังจูงใจเอกชน จ้างงานผู้พ้นโทษเพิ่มอีก 4 ปี

(7 มี.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษออกไปอีก 4 ปี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2565 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (4 ปีภาษี) จากเดิมที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการรับผู้พ้นโทษเข้าทำงานอย่างต่อเนื่อง

มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่รับผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้พ้นโทษเฉพาะที่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2565 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2568

‘แก๊งลักลิง’ โผล่สุโขทัย วางกรงเหล็ก-ถั่วลิสง เป็นกับดัก คาดขายชาวต่างชาติ ทำเมนูพิสดาร-ยาโด๊ปทางเพศ

(7 มี.ค. 66) รายงานข่าวแจ้งว่า ในป่าชุมชนเขตวัดเขานกยูง หมู่ที่ 9 ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ได้มีกลุ่มคนแปลกหน้านำกรงเหล็กขนาดใหญ่ มาวางดักจับลิงแสมที่มีอยู่จำนวนมาก คาดว่าจะลักไปขายให้ชาวต่างชาติ เพื่อทำอาหารเปิบพิสดาร เป็นยาโด๊ปเพิ่มพลังทางเพศ หรือไม่ก็เอาไปเป็นหนูทดลองยา ตามที่กำลังเป็นกระแสอยู่ขณะนี้

นายธนวันต์ อยู่พ่วง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.นาขุนไกร เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่ตนเองกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อบต. กำลังขับรถตระเวนตรวจตราความเรียบร้อยในหมู่บ้านและเขตป่าชุมชน พร้อมกับช่วยชาวบ้านไล่ต้อนลิงที่บุกลงมากินอ้อยในไร่ ให้กลับเข้าไปในป่าด้วยนั้น ระหว่างเดินตามลิงเข้ามาถึงตีนเขาตรงหน้าปากถ้ำ ด้านหลังวัดเขานกยูง ก็เห็นผิดสังเกตเพราะมีเมล็ดถั่วลิสงกับข้าวโพด โปรยทั่วป่าเต็มไปหมด

พอเดินลึกเข้าป่าไปอีก 300 เมตร ก็เจอกรงเหล็กใหญ่ ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร พร้อมเชือกเส้นยาวผูกมัดกับประตู ไว้คอยกระตุกปิดกรงเหล็ก แล้วในกรงก็ยังมีถั่วลิสงจำนวนมาก วางไว้หลอกล่อลิงให้เข้ามากินด้วย ทั้งนี้ คาดว่าแก๊งขโมยคงจะเห็นมีคนเดินเข้ามา จึงเผ่นหนีทิ้งหลักฐานไปอย่างรวดเร็ว

พี่ชาย แต่งหน้าหีบศพน้องสาวด้วยต้นไม้ เสร็จงานแล้วไม่เหลือทิ้ง แจกจ่ายไปปลูกต่อ

พี่ชายวัย 56 ปีตกแต่งหน้าหีบศพน้องสาวด้วยไม้ดอกไม้ประดับ โดยเฉพาะต้นกุหลาบสีแดงที่น้องสาวชอบ เสร็จงานแล้วแจกผู้ที่มาร่วมงานนำไปปลูกต่อเพื่อจะได้ระลึกถึงผู้วายชนม์และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มีผู้ที่สนใจจองต้นไม้ไปปลูกต่อจนหมดเกลี้ยงแล้ว

วันนี้ (7 มี.ค.66) ที่วัดท่าพญา หมู่ที่ 4 ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.สนธยา เรืองดุก อายุ 48 ปี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 โดยก่อนตายน้องสาวได้สั่งเสียเอาไว้ว่า ห้ามไม่ให้มีการตกแต่งหน้าหีบศพอย่างสิ้นเปลืองเนื่องจากผู้ตายเป็นคนสมถะและไม่ต้องการให้เป็นภาระของครอบครัวในเรื่องค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น แต่เนื่องจากผู้ตายเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ โดยเฉพาะต้นกุหลาบ ทำให้นายไสว เรืองดุก อายุ 56 ปีซึ่งเป็นพี่ชายและเป็นคนทำผ้าบาติกขายจึงผุดไอเดียตกแต่งหน้าโลงศพด้วยผ้าบาติกผืนใหญ่ลายดอกแคทลียา ฝีมือของตนจำนวน 1 ผืน ส่วนต้นไม้ได้นำมาจากบ้านส่วนหนึ่ง และหาซื้อตามร้านขายต้นไม้อีกส่วนหนึ่ง ในราคาหลักสิบจำนวน 100 ต้น

โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง ซึ่งผู้ตายชอบเป็นชีวิตจิตใจ นายไสว พี่ชายจึงซื้อมาตกแต่งหน้าหีบศพ เพื่อสื่อให้วิญญาณของน้องสาวรับรู้ว่ามีสิ่งสวยงามและต้นไม้ที่รักวางอยู่ข้างหน้า ซึ่งงบประมาณที่ใช้ตกแต่งหน้าหีบศพมีราคาแค่ 2,160 บาทเท่านั้นถูกกว่าการจัดแต่งด้วยดอกไม้สดหรือดอกไม้แห้งที่มีราคาหลักหมื่นเป็นอย่างมาก นอกจากจะช่วยประหยัดงบประมาณแล้วยังเป็นไม้ฟอกอากาศ สร้างสีสันและความสวยงาม ทำให้ผู้พบเห็นมีความสดชื่น เกิดความสบายตา สบายใจขึ้นและยังสามารถลดความเศร้าหมองลงได้มาก
 

ผู้ใช้ไฟบ้านไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เฮ!! ครม.เคาะมาตรการช่วยค่าไฟ นาน 4 เดือน

ครม. อนุมัติ 3.1 พันล้านบาท ให้ กฟน.และ กฟภ.สำหรับส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟบ้านไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ประจำเดือนมกราคม - เมษายน 2566

(7 มี.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติวงเงิน 3,191,740,000 ล้านบาท ให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนมกราคม - เมษายน 2566 เพื่อให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยเป็นกรอบวงเงินของการไฟฟ้านครหลวงจำนวน 517,950,000 บาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำนวน 2,673,790,000 บาท เพื่อบรรเทาผลกระทบในการลดภาระค่าครองชีพให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นกลุ่มเปราะบาง

ครูไทยเก่งรอบด้าน!! 'ตรีนุช' ตั้งเป้า ‘อบรมพัฒนา-เพิ่มทักษะ’ ครูไทย หวังลดความเหลื่อมล้ำ-สร้างโอกาสให้ผู้เรียน

(7 มี.ค. 66) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้ถึงเวลาที่รัฐบาลจะยุบสภา เพื่อเลือกตั้งในปี 2566 นี้แล้ว ซึ่งในส่วนของงานการศึกษาที่ตนอยากฝากให้มีการทำงานอย่างต่อเนื่องแม้จะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน โดยเฉพาะนโยบายการสร้างโรงเรียนคุณภาพด้วยการสร้างเครือข่ายโรงเรียนในพื้นที่ของโรงเรียนขนาดเล็ก อีกทั้งวางแผนเร่งดำเนินการคืนอัตรากำลังผู้บริหารและครูโรงเรียนขนาดเล็กให้เพื่อให้ทันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 นี้ด้วย โครงการอาชีวะอยู่ประจำเรียนฟรี มีงานทำ เพราะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและสร้างโอกาสให้แก่ผู้เรียนครบทุกมิติอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ซึ่งนโยบายโรงเรียนคุณภาพและโครงการอาชีวะอยู่ประจำถือเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์เรื่องดังกล่าวอย่างดีที่สุด รวมถึงการพัฒนากระบวนการเรียนการสอนไปสู่ศตวรรษที่ 21

ต่อคำถามว่า ขณะนี้มีสิ่งใดที่กังวลและยังอยากดำเนินการให้สำเร็จหรือไม่ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ยังมีอยู่แน่นอน ซึ่งก็คือประเด็นเรื่องการพัฒนาครู เพราะนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องการพัฒนาผู้เรียนให้ไปสู่การเรียนรู้ในโลกศตวรรษที่ 21 รวมถึงการเรียนการสอนผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ด้วย Active Learning ซึ่งครูผู้สอนจะต้องเติมเต็มทักษะเหล่านี้ตามผู้เรียนไปด้วย ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ครูได้รับการพัฒนาในเรื่องนี้อย่างตลอดเวลา เพราะการพัฒนาครูตนไม่อยากมีการพัฒนาแล้วจบ ๆ ไปแต่อยากให้มีการพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นตนมองว่าในระยะยาวอาจศธ.อาจจะต้องมีหน่วยงานกลางหรือศูนย์พัฒนาครูขึ้น เพื่อนำครูเข้ามาอบรมพัฒนาเติมเต็มความรู้ด้านการสอนไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านดิจิทัลและภาษา โดยเรื่องการตั้งหน่วยงานกลางพัฒนาครูนั้นมีตัวอย่างของประเทศสิงค์โปรที่มีศูนย์พัฒนาครูทุกรูปแบบ ซึ่งทำได้ดีและครูประเทศสิงค์โปรมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ หากจะมีการตั้งศูนย์พัฒนาครูขึ้นจะต้องปรับโครงการ ศธ.หรือไม่นั้น ตนมองว่าก็เป็นโจทย์หนึ่งในอนาคตที่อาจจะเป็นเช่นนั้นแต่เราจะกำหนดขอบเขตการปรับโครงสร้างได้มากน้อยแค่ไหนก็คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินการสานต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top