Saturday, 7 June 2025
NEWS FEED

‘ดร.ธรณ์’ เปรียบเทียบ ‘อ่าวมาหยา’ ในอดีตและปัจจุบัน ไร้นักท่องเที่ยว แต่เป็นความสงบที่สวยงาม

(24 มี.ค. 66) ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Thon Thamrongnawasawat' เปรียบเทียบสภาพแวดล้อมของอ่าวมาหยาในอดีตและปัจจุบัน โดยระบุว่า…

“ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ สักคำให้ลึกซึ้ง
ไม่ต้องบรรยายอะไรให้สวยเลิศเลอ…”

'สาดซิ่ง สาดศิลป์' เทศกาลดอกคูณเสียงแคนและถนนข้าวเหนียว

จังหวัดขอนแก่น มีมติเห็นชอบจัดงานการเตรียมจัดงานประเพณีสุดยอด สงกรานต์อีสานเทศกาลดอกคูนเสียงแคน และถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด 'สาดซิ่ง สาดศิลป์' ซึ่งจะมีกำหนดการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 15 เมษายน 2566

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 มีนาคม 2566 ที่ บริเวณศาลหลักเมือง นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานแถลงข่าว 'งานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสาน เทศกาลดอกคูนเสียงแคน และถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2566' โดยมีนายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น,นายสิทธิกุล ภูคำวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น,พันเอกอภิชาติ รานอก เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 23, พันตำรวจเอกชินวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น,นายเสกสรร ศรีไพรวรรณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานขอนแก่น,นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนพัฒนานโยบายสาธารณะและทุนอุปถัมภ์ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (ผู้แทนของสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.) ร่วมแถลงข่าว ท่ามกลางการร่วมรับฟังจากตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และ พี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งมีสีสันของการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยจากวงสินไซ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และการจัดซุ้มอาหาร ตกแต่งสถานที่ให้มีความสอดคล้องกับรูปแบบของจัดงานงานสงกรานต์

นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยถึงการจัดงานว่า การจัดงานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสาน เทศกาลดอกคูนเสียงแคน และถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2566 นี้ จะเป็นการกลับมาของจัดกิจกรรมที่เต็มรูปแบบเช่นเดิม ซึ่งจะมีการจัดงาน ระหว่างวันที่ 8 – 15 เมษายน 2566 ภายใต้แนวคิด 'สาดซิ่ง สาดศิลป์' โดยแบ่งการจัดงานเป็น 2 พื้นที่ คือพื้นที่บริเวณบึงแก่นนคร ระหว่างวันที่ 8 – 12 เมษายน 2566 เป็นการจัดงานเกี่ยวกับการส่งเสริม วัฒนธรรมประเพณี การละเล่น การแสดงกิจความเป็นพื้นบ้านวิถีอีสาน อีกทั้งเน้นกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้แก่ พิธีเปิดงาน, การประกวดธิดาดอกคูนเสียงแคน, การแสดงวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำฟรี ตลอดจนการกิจกรรมก่อเจดีย์ทรายตบประทาย (ณ บริเวณวัดธาตุ พระอารามหลวง)

พื้นที่บริเวณศาลหลักเมืองขอนแก่น และถนนข้าวเหนียว (ถนนศรีจันทร์) ระหว่างวันที่ 12 – 15 เมษายน 2566 ภายใต้แนวคิด การส่งเสริมทำนุบำรุงพระศาสนา วัฒนธรรมประเพณี การแสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีที่ร่วมสมัย แต่ยังคงความเป็นอีสานอยู่ด้วย ได้แก่ พิธีทำบุญตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่ไทย, สรงน้ำพระพุทธรูป, รดน้ำขอพรผู้สูงอายุเพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที, ความสวยงามและอลังการของขบวนแห่พระพุทธพระลับ (พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองขอนแก่น) และขบวนแห่สงกรานต์,เนรมิตพื้นที่บริเวณลานจอดรถศาลหลักเมือง ให้เป็น 'เกาะวัฒนธรรม' มีเวทีประดิษฐานพระพุทธพระลับ พระพุทธอภัยมงคลสมังคี และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จาก 20 คุ้มวัดในเขตเมืองขอนแก่น, ม่วนซื่นสร้างสามัคคีกับวัฒนธรรมท้องถิ่นรำวงย้อนยุคของพี่น้องประชาชน 4 เขต 95 ชุมชน , กิจกรรมวันข้าวเหนียวครอบครัวเดียวกัน, การเล่น Human Wave คลื่นมนุษย์ไร้แอลกอฮอล์ Return, การแสดงของศิลปินนักร้องเวทีกิจกรรมในถนนข้าวเหนียว เป็นต้น

สตูล ย้ำกำลังทหารไม่เดินทางหลังนักการเมือง รอมฎอนนี้ปฏิบัติงานบนความไม่ประมาท ขณะลงเปิด อาคารเกริกเกรียงไกร และมัสยิดภายในค่ายทหาร

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พร้อมแม่ทัพภาคที่4 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 พร้อมคณะเดินทางมาร่วมเปิด 'อาคารเกริกเกรียงไกร' ซึ่งเป็นอาคารเอนกประสงค์สำหรับใช้ทำประโยชน์ในภารกิจต่างๆ ให้กับกำลังพลและข้าราชการ และร่วมเปิดมัสยิดสมันตรัฐบุรินทร์ ภายในค่ายโดยมีพ.อ.เรวัต เซ่งเข็ม ผบ.ร.5 พัน 2 ค่ายสมันตรัตน์บุรินทร์ กล่าวรายงานและให้การต้อนรับพร้อมนายอำเภอละงู และประธานคณะกรรมการอิสลาม นายกอบจ.และแขกผู้มีเกียรติ

โดยมัสยิดสมันตรัฐบุรินทร์ เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนขวัญกำลังใจให้กำลังพลในการประกอบศาสนกิจทางศาสนาโดยเฉพาะในช่วงของเดือนรอมฎอนถือศีลของมุสลิม เพื่อให้กำลังพลที่นับถือศาสนาอิสลามได้ทำศาสนกิจทางศาสนาและใช้ในการอบรมในห้วงเวลาที่ว่างเว้น อีกทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองกำลังพลได้มั่นใจว่าให้ความเท่าเทียมในการนับถือศาสนาที่พบว่ามีกำลังใจเกิน 55 เปอร์เซ็นต์หรือ 300 นายภายในค่ายที่นับถือศาสนา

ผบ.พล.ร.15 เป็นประธาน วันคล้ายวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ครบรอบปีที่ 18 ด้วยความเชื่อมั่น และศรัทธา เสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เดินทางมาเป็นประธานในพิธีทางศาสนา เนื่องในวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ครบรอบปีที่ 18 น้อมรำลึกถึงเกียรติประวัติ และคุณงามความดีของหน่วย อุทิศบุญกุศลให้แก่กำลังพลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ทั้งในภาคสนาม และที่ตั้งปกติ ตลอดจนเพื่อความเป็นสิริมงคล และสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพลต่อไป โดยมี พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 , พันเอก ทรงเดช สุกนุ้ย รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 อดีตผู้บังคับบัญชา ตลอดจนคณะผู้บังคับบัญชา และกำลังพลเข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียง

ในการนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์  พร้อมทั้งร่วมประกอบพิธีทางศาสนาเนื่องในวันสถาปนากรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ครบรอบปีที่ 18 พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาให้กับบุตรของกำลังพลที่มีผลการเรียนดี และมอบเงินช่วยเหลือบุพการีที่มีความพิการทุพพลภาพของกำลังพล 

'ศรีสุวรรณ' บุกถาม 'ชัชชาติ' สวนชูวิทย์ตกเป็นของกทม.แล้วหรือไม่ หลังถูกนำไปพัฒนาเป็นอาคารสูงโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่

(24 มี.ค.66) ที่ศาลาว่าการ กทม.1 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อสอบถามสถานะของที่ดินสวนชูวิทย์ บริเวณสุขุมวิท ซอย 10 หลังเคยมีกรณีพิพาทกันในคดีรื้อทุบบาร์เบียร์ว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามกฎหมายไปแล้วหรือไม่

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อ 22 พ.ค.2548 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ จัดแถลงข่าวครั้งแรกระหว่างการต่อสู้คดีรื้อบารณ์เบียร์ในศาล เพื่อแสดงความตั้งใจว่าไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากที่ดินผืนดังกล่าว และจะนำที่ดินคืนสาธารณะให้สังคมโดยจัดทำเป็นสวนสาธารณะ และต่อมาวันที่ 24 ธ.ค.2548 ไม่ทันถึงปีนายชูวิทย์ก็จัดแถลงข่าวเปิดตัวสวนชูวิทย์และกล่าวในวันนั้นว่า เจตนาที่จะเสียสละนำที่ดินดังกล่าวสร้างเป็นสวนสาธารณะให้กรุงเทพมหานคร ให้เป็นปอดของคน กทม. ได้ใช้ประโยชน์แทนโครงการสร้างโรงแรม เรียกว่า 'สวนชูวิทย์'

ต่อมาในคดีรื้อบาร์เบียร์นั้น ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อ ม.ค.59 ว่าที่ดินพิพาทบริเวณสุขุมวิทซอย 10 นั้นศาลฎีกาเห็นว่าหลังเกิดเหตุ นายชูวิทย์กับพวก ได้ร่วมกับจำเลยอื่นชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายไปบางส่วนแล้ว และยังมีการนำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้ว่าจากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา

‘ทนายตั้ม’ เผยภาพ ‘ชูวิทย์’ รับเงินจากสารวัตรซัว ลั่น!! ถ้าไม่ยอมเปิดเผยความจริง เดี๋ยวจะเปิดแทนเอง

(24 มี.ค. 66) ทนายษิทราได้โพสต์หลักฐานภาพถ่ายภายในโรงแรมของชูวิทย์ ในเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน โดยระบุว่า…

#ชื่นมื่น ภาพนี้ถ่ายที่โรงแรมเดวิส และเป็นวันที่คนของสารวัตรซัว ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บหนึ่ง (คนซ้ายในรูป) เอาเงินไปให้พี่ชูวิทย์ครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว ไม่ใช่มีแค่ตำรวจ 2 คนอย่างที่พี่ชูวิทย์ให้สัมภาษณ์

คนบนโต๊ะมีทั้งตำรวจระดับนายพล 2 คน (ตามที่พี่บอกกับสังคม) เจ้าของเว็บ กล่องดวงใจ และพี่ชูวิทย์ นั่งเจรจากัน เรื่องเว็บไหนแตะได้ เว็บไหนแตะไม่ได้ และที่สำคัญตำรวจระดับนายพลที่พี่ชูวิทย์พยายามเลี่ยง ไม่พูดถึง คนนึงเกษียณแล้วเป็นคนสนิทพี่ชูวิทย์เอง ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่อีกคนไม่ใช่ตำรวจแล้ว พี่พูดความจริงครึ่งเดียว คนนี้มีตำแหน่งสำคัญเกี่ยวกับการปราบปรามพนันออนไลน์ ซึ่งถ้าสังคมรู้ว่ามีตำแหน่งอะไรคงช็อกกันทั้งประเทศ ช็อกแรกคือคนนี้มาเกี่ยวข้องกับแก๊งพนันออนไลน์ได้ยังไง ช็อกที่สองก็คือทำไมพี่ชูวิทย์ต้องปกปิด

‘สมาคมฯ’ ถูกเลื่อนระดับ ‘AFC Elite Youth Scheme’ เป็นระดับสูงสุด สะท้อนความสำเร็จ จากการทำงานหนักของทุกฝ่าย

(24 มี.ค.66) สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้รับเลื่อนระดับ AFC Elite Youth Scheme โครงการของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ AFC ในการแบ่งระดับโครงสร้างการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนของประเทศสมาชิก จาก 1 ดาว เป็น 3 ดาว แล้ว

โดยประเทศไทยได้รับการรับรอง AFC Elite Youth Scheme ในระดับ 1 ดาว เมื่อ พ.ศ. 2564 ทางสมาคมฯ นำโดย มร.การ์เลส โรมาโกซ่า ผู้อำนวยการเทคนิค และบุคลากรฝ่ายเทคนิคและทีมชาติ ได้ดำเนินการพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการได้รับการรับรองใน ระดับ 3 ดาว เพื่อก้าวไปเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในการเติบโตของนักฟุตบอลเยาวชนของทวีปเอเชีย

โดยสมาคมฯต้องดำเนินการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนในมิติต่างๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อรักษาสถานะการรับรอง AFC Elite Youth Scheme ในระดับ 3 ดาว ต่อไป

1. ปรับปรุงแนวคิดของฟุตบอลระดับเยาวชนโดยศึกษาความเป็นมาและธรรมชาติของฟุตบอลระดับเยาวชนในประเทศไทย

2. จัดกิจกรรมเพื่อยกระดับฟุตบอลเยาวชนทั่วประเทศ ทั้งในส่วนของอคาเดมี ผู้ฝึกสอน และนักกีฬา ผ่านกิจกรรม Academy Visit

3. สร้างเครือข่ายเจ้าหน้าที่และผู้ฝึกสอนระดับพื้นฐานในทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย เพื่อให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสเข้าถึงกีฬาฟุตบอลอย่างทั่วถึงมากที่สุด

‘กรอ.’ สร้างกองหนุนฯ เตรียมส่งมอบ ‘POMS Box’ ระบบเฝ้าระวัง-เตือนภัยมลพิษ นำร่อง 106 โรงงาน จาก 417

(24 มี.ค.66) นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ. มีภารกิจและหน้าที่สำคัญประการหนึ่งในการเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษโรงงาน โดย กรอ. ได้สร้างกองหนุนเฝ้าระวังมลพิษสิ่งแวดล้อม รับสมัครโรงงานน้ำดีติดตั้งอุปกรณ์รับส่งข้อมูลระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล (Pollution Online Monitoring System Box : POMS Box) เชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านระบบ Internet เพื่อการตรวจสอบค่ามลพิษทางน้ำและอากาศ ล็อตแรก 106 โรงงาน จาก 417 โรงงานทั่วประเทศ ตั้งเป้าจะติดตั้งครบทั่วประเทศ

กลุ่มโรงงานที่สามารถนำ POMS Box ไปติดตั้งได้คือโรงงโานที่เข้าข่ายต้องติดตั้งระบบตรวจวัดมลพิษน้ำระยะไกล (BOD/COD online) ตามประกาศ อก. เรื่อง กำหนดให้โรงงานที่ต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม พ.ศ. 2547 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548

รวมทั้ง โรงงานที่เข้าข่ายต้องติดตั้งระบบตรวจวัดมลพิษอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง (CEMS) ตามประกาศ อก. เรื่องกำหนดให้โรงงานประเภทต่างๆ ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติ พ.ศ. 2544 และประกาศ อก. เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. 2565

ตำรวจไซเบอร์ ชี้แจงความคืบหน้าคดีหลอกลงทุน Turtle Farm ส่งสำนวนแล้ว 2 ครั้ง พบผู้เสียหายกว่า 2,000 ราย ความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอเรียนชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ บริษัท ไมน์นิ่งมายน์ เอ็กซ์ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัดสถานีหลักสี่ โดยนางสาวฐานวัฒน์ กับพวก รวม 9 ราย ที่ได้ร่วมกันหลอกลวงชักชวนผู้เสียหายหลายรายให้ร่วมลงทุนเพาะเห็ด ปลูกพืชกระท่อม เลี้ยงผึ้ง หรือการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ดังต่อไปนี้

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อประชาชนจากภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนและปราบปรามการกระทำความผิด บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง    

เพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับไปยัง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวน ขยายผลหาความเชื่อมโยงในดดี ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

เมื่อประมาณเดือน พ.ย.64 - ก.ค.65 ผู้ต้องหากับพวกได้สร้างโรงเพาะเห็ดขึ้นมาหลายโรง ในพื้นที่ จว.สกลนคร ประกาศโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุนเพาะเห็ด ปลูกต้นกระท่อม และเลี้ยงผึ้ง โดยอ้างว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง โดยมีเงื่อนระยะเวลาในการลงทุน เช่น โครงการฝากเลี้ยงเห็ดเยื่อไผ่ ใช้เงินลงทุน 264,360 บาท ในเดือนที่ 3 จะได้รับเงินปันผล 108,640 บาทต่อเดือน หรือโครงการฝากเลี้ยงกระท่อม ใช้เงินลงทุน 275,000 บาท ในเดือนที่ 8 จะได้รับกำไร 150,000 บาทต่อเดือน โดยมีการสร้างความน่าเชื่อถือโดยการทำสัญญาระหว่างผู้ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา มีการใช้บุคคลสำคัญ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมโฆษณาชักชวน มีการสร้างภาพว่าฟาร์มดังกล่าวได้รับรางวัล ทำให้ผู้เสียหายรายหลายหลงเชื่อ และนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้มีการดำเนินการตามที่ชักชวนแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อถึงกำหนดผู้ต้องหากับพวกอ้างเหตุขัดข้องต่างๆ ไม่สามารถจ่ายเงินผลตอบแทนได้ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหายและมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย

คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 ได้ดำเนินการสอบสวนสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด ได้ขออนุมัติศาลขอออกหมายจับผู้ต้องหากับพวก รวม 9 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกง และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ปัจจุบันสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี 2 ราย และที่ผ่านมาสามารถทำการตรวจยึดทรัพย์สิน และอายัดเงินในบัญชีที่เกี่ยวข้องได้เป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อ 3 ต.ค.65 พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 1 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ โดยมีผู้เสียหาย 119 ราย ความเสียหาย 60 ล้านบาท และเมื่อ 22 ธ.ค.65 ได้สรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 2 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ มีผู้เสียหาย 1,001 ราย ความเสียหายกว่า 703 ล้านบาท ทั้งนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 3 ปัจจุบันมีผู้เสียหายอีกกว่า 1,000 ราย ความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถส่งสำนวนการสอบสวนได้ภายในเดือน เม.ย.66 เพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ ความเสียหายจากการหลอกลวงให้ลงทุนนั้นอยู่ในลำดับที่ 1 ของความเสียหายจากการหลอกลวงทั้งหมด หรือคิดเป็นประมาณ 25% โดยส่วนใหญ่เงินลงทุนของประชาชนบางรายเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายของชีวิต หรือบางรายต้องเอาทรัพย์สินไปจำนองเพื่อให้ได้เงินมาลงทุน ถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ฝากเตือนไปยังมิจฉาชีพที่ยังคงหลอกลวงประชาชนในลักษณะดังกล่าว ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย เพราะท้ายที่สุดก็ต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตตามจับกุมมาดำเนินคดีทุกราย ไม่มีละลเว้น

ป.ป.ช.พิจิตรข้องใจลงพื้นที่ตรวจงานกรมชลประทานก่อสร้างปตร.วังจิกงบ 231 ล้านใช้เวลา 7 ปีแล้วสร้างไม่เสร็จเสียที

ชาวนาลุ่มน้ำยมเมืองชาละวันชะเง้อคอรอคอยหวังได้ใช้น้ำจากโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำวังจิก อ. โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ที่กรมชลประทานจ้างผู้รับเหมาดำเนินการด้วยงบประมาณ 231 ล้านบาทเศษ แต่เจอเหตุผู้รับเหมาขาดสภาพคล่อง ละทิ้งงาน 7 ปีแล้วสร้างไม่แล้วเสร็จเสียที ล่าสุดมีคำชี้แจงรอผู้รับจ้างบอกเลิกสัญญาหรือจะขอทำต่อ 28 มี.ค. 66 มีคำตอบบอกชาวบ้านว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

วันที่ 24 มีนาคม 2566  นายวราพงษ์ อินต๊ะโมงค์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพิจิตร  พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต ผู้แทนนายอำเภอโพธิ์ประทับช้าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่และเครือข่ายภาคประชาชนชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตโพธิ์ประทับช้าง ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำบ้านวังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ที่ดำเนินการโดยกรมชลประทานตามสัญญาว่าจ้างด้วยงบ 231 ล้านบาทเศษ ระบุในสัญญาจ้างเริ่มงาน 15 พ.ย. 2559 สิ้นสุดสัญญา 1 ส.ค. 2562 แต่ปรากฎว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ผู้รับจ้างทำงานไม่เป็นไปตามแผนงาน ทำไป หยุดไป ล่าสุดทิ้งงานขนเครื่องจักร อุปกรณ์ ออกจากพื้นที่ก่อสร้างไปจนหมดสิ้น คิดเนื้องานที่ทำแล้วประมาณ 60% และยังมีเงินที่สามารถเบิกได้อีก 80 ล้านบาท หากทำจนแล้วเสร็จ 

โดย นายธนบดี  รักสัตย์  ผอ.สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 3 เปิดเผยว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าของโครงการอยู่ที่ 60% ซึ่งเป็นการทำงานก่อสร้างเทคอนกรีตฐานล่างที่อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินเหลือแค่เพียงงานอาคารส่วนบนและการติดบานประตูแต่ด้วยสาเหตุ เนื่องจากผู้รับเหมาเดิมขาดสภาพคล่อง รวมถึงตอนที่เข้าประมูลแข่งขันก็ฟันราคาต่ำกว่าราคากลางเกือบ 80 ล้านบาท จึงทำให้เหลือครอสต้นทุนในการทำงานเพียงแค่ 231 ล้านบาทเศษ เรียกได้ว่าในส่วนที่จะเป็นกำไรหายไปจากการฟันราคา ดังนั้นเมื่อถึงตอนดำเนินงานจริงจึงเป็นเหตุขาดสภาพคล่อง ซึ่งผู้รับเหมารายดังกล่าวสร้างปัญหาในลักษณะนี้กับงานรับจ้างของกรมชลประทานในหลายแห่ง และถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นผู้ละทิ้งงาน

แต่ในส่วนโครงการก่อสร้าง ปตร.วังจิก กรมชลประทานได้พยายามติดต่อผู้รับจ้างรายเดิมนี้เพื่อขอทราบความชัดเจนว่าจะทำต่อหรือจะยกเลิกยอมทิ้งงาน ซึ่งคงต้องรอฟังคำตอบอีกครั้งในวันที่ 28  มี.ค  2566 ซึ่งเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายกำหนดตามมาตรการบอกเลิกสัญญา ซึ่งถ้าผู้รับเหมารายเดิมแสดงเจตนาจะขอทำงานต่อก็จะมีระยะเวลาให้ทำงานได้ยาวถึง 827 วัน และจะได้เงินค่าจ้าง 80 ล้านบาทในส่วนที่เหลือ ซึ่งตรงกันข้ามหากผู้รับเหมารายเดิมทิ้งงานกรมชลประทานก็ต้องใช้ระยะเวลาหาผู้รับจ้างรายใหม่ ภายในเดือน ก.ย. 2566 เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 365 วัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top