Monday, 28 April 2025
NEWS FEED

ตำรวจไซเบอร์จับหนุ่มหลอกลวงแชทเฟซบุ๊กสั่งของออนไลน์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีตรวจสอบการกระทำความผิดตามสื่อสังคมออนไลน์ ต่าง ๆ ที่สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนให้ถึงต้นตอของขบวนการอย่างจริงจัง

สืบเนื่องจากมีผู้แจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ได้อ้างตนเป็นลูกค้า ทักแชทของทางร้านผ่านแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ชื่อ อิ’นู๋นุ่น เจ้าค่ะ มาว่าต้องการซื้อ ล้อแม็ก NMAX รุ่น Y811FD/Y811RD ราคา 4,000 บาท จำนวน 1 คู่ โดยคนร้ายแยกโอนเงิน 2 ครั้ง โดยอ้างว่า เงินในบัญชีไม่พอ มาจากบัญชี น.ส.อุษณิษา ยอดโอนเงิน 2,000 บาท และ จากบัญชี น.ส.ณัฐกานต์ ยอดโอนเงิน 2,000 บาท ซึ่งถูกโอนมายังบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี นางสุพิน (กรรมการบริษัทเรซซิ่งบอย) ทางฝั่งผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าได้มีการชำระค่าสินค้าแล้ว 
ทางร้านจึงจัดส่งสินค้าส่งให้ปกติ เหมือนกับลูกค้าท่านอื่นที่มีการสั่งซื้อสินค้ากับทางบริษัทฯ

ต่อมาเมื่อประมาณวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ทางบริษัทพบว่า บัญชีบริษัทไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้ จึงตรวจสอบกับทางธนาคาร แจ้งว่า บัญชีถูกอายัดเนื่องจากมีการโทรแจ้งขออายัด 
เนื่องจากได้มีการสั่งซื้อสินค้าแล้วชำระเงินเข้าบัญชี แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับสินค้าตามที่ได้สั่งไว้ 
ชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.2 สืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา ทราบว่า คนร้ายอ้างตนเป็นลูกค้าและหลอกให้ทางร้านค้าส่งสินค้าไปให้ โดยที่ทางร้านค้าไม่ทราบว่าคนร้ายรายนี้ได้ไปหลอกบุคคลอื่นให้โอนเงินมาให้ทางร้านค้าแทนตนเอง และคนร้ายก็ส่งที่อยู่ให้ทางร้านจัดส่งสินค้ามาให้ตน ทำให้ร้านค้าถูกอายัดบัญชีจากผู้เสียหายตัวจริง 

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 นำโดย พ.ต.ท.สุกิจ เพชรนิล, พ.ต.ท.เอกรินทร์ สนนาค สว.กก.1 บก.สอท.2 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้น ห้องพักเลขที่ P1-505 หอพักสินทิวา เลขที่ 399/11 ม.2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตามหมายค้นของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลขที่ ค.213/2566 ลงวันที่  9 สิงหาคม 2566 เข้าตรวจค้นและได้จับกุม นายพงษ์เพชร อายุ 28 ปี สัญชาติไทย ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน” พร้อมนี้ได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบและทำการจับกุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อ ก่อนที่จะโอนเงินหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเป็นเฟซบุ๊กที่มีความน่าเชื่อถือได้หรือไม่ หรือเป็นร้านค้าที่แท้จริงหรือไม่เพื่อจะไม่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพต่อไป

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย มิจฉาชีพจัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ในช่วงวันแม่แห่งชาติ หลอกขายสินค้าและบริการออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่าได้รับรายงานจากการตรวจสอบสถิติการรับแจ้งความผ่านศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์พบว่า ในช่วงที่ผ่านมายังคงมีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงขายสินค้าและบริการออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันแม่แห่งชาตินั้น มิจฉาชีพอาจฉวยโอกาสใช้วันสำคัญดังกล่าวจัดโปรโมชันต่างๆ เพื่อหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการให้แก่ประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเพจร้านค้าปลอม หรือเพจที่พักปลอม หรือสร้างเพจปลอมเลียนแบบเพจจริง โดยจะมีการขายสินค้า หรือบริการในราคาต่ำกว่าปกติ เมื่อหลอกลวงได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายแล้ว ก็จะปิดเพจหรือบล็อคบัญชีของผู้เสียหายทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ ยกตัวอย่างกรณีของปีที่ผ่านๆ มา เช่น การปลอมเพจหลอกลวงขายผลไม้ในช่วงเวลาดังกล่าว, ผู้เสียหายซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อเป็นของขวัญให้แม่จากเพจร้านค้าปลอม, ผู้เสียหายสำรองห้องพักโปรโมชันวันแม่จากเพจที่พักปลอม เป็นต้น

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.66 – 31 ก.ค.66 การหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 1 มีจำนวนกว่า 7,714 เรื่อง หรือคิดเป็น 49.09% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ในเดือนดังกล่าว และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 140 ล้านบาท

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งระดมปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาได้หลายรายมาลงโทษตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ พร้อมแนวทางการซื้อสินค้า หรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้
1.ระมัดระวังการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือวันสำคัญๆ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่มีหน้าร้าน ควรติดต่อซื้อจากบริษัท หรือตัวแทนจำหน่ายโดยตรง รวมถึงการจองที่พักควรจองผ่านช่องทางที่เป็นทางการ หรือผ่านผู้ให้บริการออนไลน์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
2.ระมัดระวังการซื้อสินค้าหรือบริการที่ราคาถูกกว่าปกติ หรือมีการจัดโปรโมชันอ้างลดแลกแจกแถม
3.หากจะซื้อสินค้าหรือบริการใดๆ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ต้องระมัดระวังเพจปลอม หรือเพจลอกเลียนแบบ โดยเพจจริงจะได้รับเครื่องหมายยืนยันตัวตน มีผู้ติดตามสูงกว่าเพจปลอม สร้างมาเป็นเวลานาน และมีรายละเอียดการติดต่อที่ชัดเจน อย่างน้อยต้องสามารถโทรศัพท์ติดต่อไปสอบถามข้อมูลได้
4.ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ ว่ามีการเปลี่ยนชื่อมาก่อนหรือไม่ ผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศหรือไม่
5.หากเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์ ควรตรวจสอบว่ามีสินค้าจริงหรือไม่ โดยขอดูภาพหลายๆ มุม สอบถามรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง ผลิตจากที่ใด เงื่อนไขการรับประกัน วิธีการใช้งาน เป็นต้น
6.ตรวจสอบการรีวิวสินค้าหรือบริการ จากผู้ที่เคยสั่งซื้อหรือรับบริการว่าเป็นอย่างไร
7.ก่อนโอนชำระเงินค่าสินค้า หรือบริการ ให้ตรวจสอบประวัติของร้าน ชื่อผู้รับโอนเงิน และหมายเลขบัญชีธนาคารปลายทาง ว่ามีประวัติการฉ้อโกงหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, Blacklistseller, chaladohn เป็นต้น
8.ที่พักส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายโอนเงินไปยังบัญชีส่วนตัว หรือบัญชีบุคคลธรรมดา บัญชีธนาคารปลายทางควรเป็นบัญชีชื่อที่พักหรือชื่อบริษัทเท่านั้น
9.กดรายงานบัญชี หรือเพจเฟซบุ๊กปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

วิจารณ์สนั่น!! ‘สส.กทม.ก้าวไกล’ ต่อยคู่กรณีกลางร้านอาหาร ก่อนมีคลิปเผยความจริงอีกแง่ จุดเริ่มต้นของเหตุทะเลาะวิวาท

(12 ส.ค. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​กล่าว​ถึง​กรณี​มีคลิปการก่อเหตุ​ทำร้ายร่างกาย​ประชาชน​ของ สส.กทม.เขต 3 ยานนาวา-บางคอแหลม คือ นายจรยุทธ์​ จตุรพรประสิทธิ์​ และอาจมีอดีต สส.คนดัง อย่างนายปิยะบุตร​ แสงกนกกุล ร่วมในที่เกิดเหตุ​โดยไม่ห้ามปรามด้วยหรือไม่ เป็น​การแสดงให้เห็น​ถึงความด้อย​คุณ​ภาพในการคัดสรรคนมาเป็น​ สส.ของพรรคก้าวไกลที่ผลิตซ้ำเรื่อง​เลวร้าย​ผิดกฎหมาย​ผิดจริยธรรม​อย่างต่อเนื่อง​ไม่ว่างเว้นความกร่าง ก้าวร้าว​ ที่ทำให้สังคมเอือมระอา ทั้งที่กระทำโดยผู้มีตำแหน่ง​ทางการเมือง​และเครือข่ายกลุ่มการเมือง ที่เป็นแขนขาในการเคลื่อนไหว​ ใช้ความรุนแรง​ในต่างกรรมต่างวาระ ยิ่งสะท้อนภาพความตกต่ำของการเมืองไทยที่เน้นการสร้างภาพโดยใช้การตลาดนำการเมือง หลอกลวงเชิงนโยบาย​ ประดิษฐ์​วาทกรรมสวยหรูให้ความหวังประชาชน​ว่า เป็น​คนรุ่นใหม่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง​ให้ประเทศไทย​ไม่เหมือนเดิม แต่เนื้อในเน่าเฟะ

เพิ่มเติมคือ คนเหล่านี้​เต็มไปด้วยการดูถูกดูแคลน​ด้อยค่าผู้อื่นอย่างไร้หลักการเคารพในสิทธิ​เสรีภาพ​ของคนเห็นต่างและเมื่อกระทำความผิดและกลับนิ่งเฉยไม่มีการแสดง​ความรับผิดชอบ​ใดๆต่อสาธารณชน​เสมือน​หนึ่ง​ประชาชน​เป็นของตาย ไม่ต้องเห็นหัวไม่มีความหมายใดๆ ทั้งกรณีการใช้เด็กเยาวชนเป็น​เครื่องมือ​ทางการเมือง สส.ทำร้ายร่างกายผู้หญิง การปล่อยให้มีคนกระทำผิดติดคุกมาสมัคร สส.

และล่าสุดการเมากร่างทำร้ายประชาชน​บาดเจ็บ​อีก โดยหากเชื่อมโยง​พฤติกรรม​ต่างๆ ตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลนี้ย่อมเห็น​ได้ชัดว่า ไม่ได้​มีคุณงามความดีใดๆ ต่อสังคม สร้างความแตกแยกและวุ่นวาย​อย่างต่อเนื่อง มุ่งบ่อนเซาะทำลายวัฒนธรรม​ประเพณี​อันดีงามของสังคม​ไทย​ทั้งความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเคารพ​ความกตัญญู​ต่อบุพการี​ผู้มีพระคุณ​ และการรับผิด​ชอบทางการเมือง​เห็นได้จากกรณีแกนนำพรรคบางคนออกมาปฏิเสธ​ไม่รู้จักไม่เกี่ยว​ข้องกับกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหว​ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไปช่วยเหลือ​สนับสนุน​อยู่​ตลอด

จึงอยากขอเตือนประชาชน​และเยาวชน​ไทยให้ระวังอย่าหลงเชื่อ​ เสพติดและเลียนแบบพฤติ​กรรมความรุนแรง​จากพรรคการเมืองดังกล่าว​เพราะถึงเวลาถูกดำเนินคดี​พวกเขาจะตัดหางปล่อยพวกคุณติดคุกตามลำพังอย่างแน่นอน​ โดยตนจะนำเรื่องดังกล่าว​ไปร้องสอบจริยธรรม​ต่อ ป.ป.ช.ต่อไป

อย่างไรก็ตามจากคลิปที่เป็นประเด็นดังกล่าว ยังมีข้อเท็จจริงอีกด้าน โดยได้มีช่องติ๊กต็อก ชื่อ ‘sparkupdate’ ออกมาบอกเล่าถึงสาเหตุและจุดเริ่มต้นของการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ โดยระบุว่า…

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 66 เวลาประมาณตี 2 มีเหตุรับแจ้งว่าการทำร้ายร่างกายกัน ภายในร้านอาหารย่านเอกมัย 12 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อตํารวจไปถึงที่เกิดเหตุ ก็พบคู่กรณี 2 ฝ่ายยืนเคลียร์กันอยู่บริเวณหน้าร้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ หรือ ‘ต้นกล้า’ สส.ของพรรคก้าวไกล พร้อมกับคู่กรณี โดยทางตํารวจได้เข้าไปพูดคุยทําความเข้าใจ และทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการขอโทษกัน โดยไม่ได้ติดใจเอาความ หลังจากนั้นก็ได้แยกย้ายกันไป ไม่ได้เกิดการแจ้งความกันเกิดขึ้นแต่อย่างใด

โดยสาเหตุของเรื่องราวการทะเลาะวิวาททั้งหมด เกิดจากการที่ชายคู่กรณี ได้ใช้เข่ามาโดนที่หลัง และได้เข้ามาบีบที่ต้นคอทางด้านหลังของผู้หญิงที่เป็นเพื่อนของ สส.ต้นกล้า โดยคู่กรณีได้ใช้เข่ามาโดนที่หลังของผู้หญิงอย่างแรง จนทำให้ผู้หญิงคนดังกล่าวทรุดไปที่โต๊ะ ซึ่ง สส.ต้นกล้า ก็พยายามพูดดีๆ และได้ทำการว่ากล่าวตักเตือนไป แต่จากนั้น สส.ต้นกล้าได้ถูกคู่กรณีตบเข้าที่ใบหน้า หลังจากนั้นจึงเกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้น โดยที่สาเหตุคือ สส.ต้นกล้าได้ออกมาปกป้องเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน จนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันขึ้น หลังจากนั้น ก็ได้มีการพูดคุย ปรับความเข้าใจกันจนลงตัว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงต้องรอความจริงจากปากผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่อไป ส่วนประชาชนจะตัดสินใจเช่นไร ก็ขอให้อยู่บนหลักฐานที่รอบด้านด้วย

‘พล.อ.ประวิตร’ นำคณะกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

(12 ส.ค. 66) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด นำคณะกรรมการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางพานพุ่มเฉลิมพระเกียรติ ถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงว่า ทรงรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า แหล่งต้นน้ำลำธาร นำมาซึ่งความผาสุขร่มเย็นโดยถ้วนหน้า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ จึงทรงเป็นพระแม่แห่งแผ่นดินที่สถิตย์สถาพรอยู่กลางใจพสกนิกรทั่วทั้งแผ่นดิน

พร้อมกันนี้พล.อ.ประวิตร ยังเปิดให้ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอดีตผู้ใต้บังคับบัญชามอบกระเช้าดอกไม้ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 78 ปี ย้อนหลัง 11 สิงหาคม 2566 เช่น  คณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ตัวแทนกรมป่าไม้ และหน่วยบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

‘NARIT’ ชวนชม ‘ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์’ คืนวันแม่ 12 ส.ค.นี้ แนะพื้นที่!! ‘อยู่ห่างตัวเมือง-มืดสนิท’ สามารถนอนชมด้วยตาเปล่าได้

(11 ส.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ’ แจ้งว่า วันที่ 12 สิงหาคม นี้ ลุ้นชม ‘ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์’ คืนวันแม่

คืนวันที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 23:00 น. จนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 13 สิงหาคม 2566 จะเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseids Meteor Shower) หรือที่มักเรียกกันว่า ‘ฝนดาวตกวันแม่’ ศูนย์กลางการกระจายอยู่ในกลุ่มดาวเพอร์เซอุส บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการตกเฉลี่ยประมาณ 60 - 100 ดวงต่อชั่วโมง โดยเวลาประมาณ 23:00 - 03:00 น. ของคืนวันที่ 12 สิงหาคม 2566 เป็นเวลาที่เหมาะสมต่อการสังเกตการณ์เนื่องจากไม่มีแสงจันทร์รบกวน 

แนะนำสถานที่ชมให้อยู่ในที่ห่างจากเมืองหรือบริเวณที่มืดสนิท สำหรับวิธีการสังเกตฝนดาวตกที่ดีที่สุด คือ นอนชมด้วยตาเปล่า ตามทิศทางการกระจายตัวของฝนดาวตก หากฟ้าใสไร้ฝน สามารถชมความสวยงามของฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ได้ทั่วประเทศ

SEED Thailand ภาคใต้ ประสานความช่วยเหลือ 'มูโนะ' ส่งมอบถุงยังชีพ รวมกลุ่มทำความสะอาดบ้านผู้ประสบภัย

เมื่อวันที่ 8 ส.ค.66 เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ประสานงานร่วมกับมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และเครือบริษัท RBS Group ได้นัดรวมกลุ่มเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 30 คน ได้รวมตัวกันเดินทางมาจากทั้งจังหวัดยะลาและปัตตานี และร่วมแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับครอบครัวพี่น้องผู้ประสบภัย รวมถึงลงพื้นที่ทำความสะอาดในพื้นที่ได้รับความเสียหายที่จังหวัดนราธิวาส จากกรณีเกิดเหตุโรงงานดอกไม้ไฟ ตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลกระเบิด ส่งผลให้โรงเรียนบ้านมูโนะได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจมีประชาชนได้รับความเสียหายและด้านร่างกายและทรัพย์สิน

ระหว่างทำกิจกรรมได้สำรวจเครือข่ายเยาวชนได้ทักทายให้กำลังใจประชาชนบริเวณเกิดเหตุ เข้าใจความรู้สึก เห็นใจความเดือดร้อนของทุกคน

สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา มอบบ้านโครงการปรับปรุงซ่อมแชมบ้าน เฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปีงบประมาณ 2566

วันที่ 11 สิงหาคม 2566 ณ บ้านเลขที่ 89/2 ม.2 ต.บางผึ้ง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นาย ขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานมอบบ้านโครงการปรับปรุงซ่อมแชมบ้าน เฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมด้วย นางสาวกมลชญา ประเสริฐสิน นายอำเภอบางปะกง คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดฯ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี 

ตามที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จัดทำโครงการก่อสร้างบ้าน/ปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน เฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปีงบประมาณ 2566 เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566โดยการก่อสร้างบ้าน ให้แก่นายประจวบ เทศเจริญ ผู้ที่มีฐานะยากจน และเป็นคนดีของสังคม ที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ รวมทั้งการพิจารณาจากคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทราในการลงพื้นที่ตรวจประเมินถึงความเหมาะสม และผ่านกระบวนการพิจารณาหลายขั้นตอนเพื่อให้ได้ผู้ที่มีความเหมาะสมในการก่อสร้างบ้านกาชาด โดยเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทราได้สนับสนุนงบประมาณเป็นค่าวัสดุในการก่อสร้างบ้านกาชาด หลังละ 230,000 บาท ให้แก่ครอบครัวที่มีฐานะยากจนและเป็นคนดีของสังคมในทุกอำเภอ เหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทราได้บูรณาการร่วมกับอำเภอบางปะกง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ประชาชนจิตอาสา จากทุกภาคส่วนร่วมกันจึงสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้เสริมสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน

ทั้งนี้ นิคมอุสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ จึงได้ร่วมมอบน้ำดื่ม จำนวน 10 แพ็ค หน้ากาอนามัย จำนวน 500 ชิ้น ข้าวสาร 5 กิโลกรัม จำนวน 5 ถุง ให้แก่นายประจวบ เทศเจริญ ผู้ที่มีฐานะยากจน และเป็นคนดีของสังคม เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัย พัฒนา ส่งเสริมคุณภาพชีวิต

‘ดร.นิว’ แนะ!! ทูตสหรัฐฯ ในไทย ลองเรียนรู้ ม.112 หลัง FBI ส่งคนขู่ ‘ไบเดน’ ไปนอนคุยกับรากมะม่วง

(11 ส.ค.66) กรณีเจ้าหน้าที่ เอฟบีไอ บุกสังหารนายเครก โรเบิร์ตสัน ที่บ้านของเขา ในเมืองโพรโว รัฐยูทาห์ หลังจากโรเบิร์ตสัน โพสต์เฟซบุ๊กข่มขู่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกา และอัยการที่ดำเนินคดีอาญากับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ด้าน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงนายโรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้…

เรียน คุณโรเบิร์ต โกเดค ฉันค่อนข้างกังวลใจเกี่ยวกับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศของคุณ การปลิดชีพในรัฐยูทาห์นั้นรุนแรงมากเกินไปสำหรับการแสดงความเกลียดชังต่อประธานาธิบดี ฉันจึงขอแนะนำให้คุณเรียน รู้กฎหมาย ม.112 แล้วนำไปใช้ในฐานะวิธีการที่มีความเจริญมากกว่า สิ่งนี้จะช่วยยกระดับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศของคุณ

Dear Robert Godec, I'm concerned about democracy and human rights in your country. Killing in Utah is too severe for hate speech against the president. I suggest you learn and adopt Article 112 for a more civilized mean. It will promote democracy and human rights in your country.

ดร.ศุภณัฐ โพสต์ข้อความอีกว่า…

ม.112 ยังได้สู้คดีในศาล
แต่ประเทศประชาธิปไตยตัวพ่อโพสต์ขู่ประธานาธิบดี
บุกถึงบ้านแล้วส่งไปนอนคุยกับรากมะม่วง

‘สาวลูกครึ่งไทย-ลาว’ เผย มาเรียนหนังสือในไทยไม่ง่าย ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวย หากไม่มีคุณอาคอยหนุนก็หมดโอกาส

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘Jenny Story’ หรือ ‘คุณเจน’ ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-ลาว ได้ออกมาตอบกลับคอมเมนต์สำหรับคนที่สงสัยว่า 'คนลาวที่มาเรียนอยู่ไทย หรือครอบครัวที่ส่งลูกมาอยู่ไทย เป็นครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย’ ซึ่งคุณเจนได้อธิบายโดยยกตัวอย่างครอบครัวของตนว่าฐานะทางบ้านนั้นไม่ได้ร่ำรวยมากนัก แค่พอมีกินหรือฐานะปานกลาง แต่ได้รับโอกาสจาก ‘คุณอา’ ผู้คอยช่วยเหลือจนมีทุกวันนี้ โดยระบุว่า…

“ครอบครัวเจนพ่อแม่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมีเงินมีทองเยอะขนาดนั้น แต่มีแบบพออยู่พอกิน ไม่ถึงขั้นทุกข์ยากจนไม่มีกินเลยก็ไม่ใช่…ซึ่งก็คือฐานะปานกลางนั่นเอง ส่วนเรื่องที่เจนได้มาเรียนที่ไทย ส่วนหนึ่งคือคุณอาซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อแท้ ๆ เป็นคนไทย แต่แม่เป็นคนลาว และพ่อกับแม่ของเจนได้แยกทางกันแล้ว ส่วนกับพ่อยังติดต่อหากันตลอดเวลาที่เจนได้ไปอยู่ลาว มันเลยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกยังคงอยู่ ถึงแม้จะแยกทางกับแม่ไปแล้วก็ตาม ทีนี้คุณอาซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อได้มาถามเราว่าอยากเรียนไหม? เพราะเราเรียนจบมัธยมจากลาวมา ถ้าเกิดว่าจะมาทำงานมันก็ทำได้ แต่ว่าคุณอาอยากให้ได้เรียนมหาวิทยาลัย อยากให้ได้เข้าสังคมในมหาวิทยาลัย อยากให้เรียนรู้และเห็นมุมมองหลาย ๆ อย่าง เพื่อจะทำให้เราได้มีข้อเปรียบเทียบว่าการที่เราทำงานมันก็ดีอย่างหนึ่งและการที่เรียนหนังสือมันก็ดีอย่างหนึ่ง เราจะได้เห็นโลกอีกหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ มุม”

“ดังนั้น คุณอาได้บอกว่าหากอยากเรียนเขาก็จะช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน คนละครึ่งกับแม่ เพราะอยากให้เราลองเรียนดูก่อนว่าไหวหรือไม่ไหว ส่วนตัวยอมรับเลยว่าไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเรียนได้ใน 4 ปีนี้ เพราะปริญญาตรีมันค่อนข้างยาก ทั้งเรื่องภาษาต่าง ๆ ระหว่างไทยกับลาว ซึ่งมันจะมีภาษาพูดที่คล้ายกันอยู่ แต่เรื่องภาษาเขียนมันจะยากในระดับหนึ่ง แม้มีประสบการณ์ในการได้เรียนแล้วเลยคิดว่ามันยังคงค่อนข้างที่จะยากอยู่ เพราะมันมีพยัญชนะที่เยอะกว่าลาว จึงไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะเรียนได้ไหม? ก็ยัง 50/50 เพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง”

“ซึ่งคุณอาเลยจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายตั้งแต่เรียนอยู่ปี 1 จนถึงปี 4 ส่วนค่าใช้จ่ายต่อเดือนคือ 5,000 บาท แม่ให้ 3,000 บาท แล้วคุณอาให้อีก 2,000 บาท ซึ่งส่วนนี้คือค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รวมค่าเทอมและไม่ได้รวมค่าหอ ค่าหอนั้นจะจ่ายแยกต่างหากประมาณ 16,000 บาทต่อหนึ่งปีที่เรียน และค่าเทอมประมาณ 22,000 บาทต่อหนึ่งปี รวมทั้ง 4 ปี ก็เป็นเงินที่หลายบาทอยู่ ถ้าเกิดว่าไม่ได้คุณอาและผู้ที่คอยซัปพอร์ตอยู่เบื้องหลังหลาย ๆ คน ก็คงไม่ได้เรียนจนถึงทุกวันนี้”

“และนี่คือข้อสงสัยสำหรับหลาย ๆ คน ที่สงสัยว่าครอบครัวเจนมีเงินไหม ถึงได้มาเรียนอยู่ไทย แบบว่าครอบครัวต้องมีเงินซินะ ถึงส่งลูกมาอยู่ไทยได้…แต่ก็นั่นแหละ…ครอบครัวไม่ได้มีเงินขนาดนั้น แม่เจนจบแค่ ป.2 อาชีพขายของ ส่วนพ่อจบประมาณ ม.3 หรือ ม.4 อาชีพเกษตรกรธรรมดา ถ้าไม่ได้คุณอาส่วนหนึ่งก็คงไม่มีโอกาสได้เรียนในมหาลัย เพราะมันต้องใช้เงินเป็นก้อน ไหนจะค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน แล้วแม่ก็ยังหาเงินอยู่คนเดียว ถ้าเกิดขอเงินเพื่อมาเรียนก็สงสารแม่ ถ้าคุณอาไม่ยื่นมือมาช่วยก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เรียน คุณอาเป็นคนหนึ่งที่ดึงมาเพื่ออยากให้หลานได้เรียนรู้ในรั้วมหาวิทยาลัย อยากให้เห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นมุมมองอะไรหลาย ๆ อย่างที่มันแตกต่างจากเมื่อก่อนที่เคยอยู่มา ซึ่งเมื่อก่อนเรียนจบจาก สปป.ลาว พอจบ ม.7 จากที่นี่ ก็มาต่อมหาวิทยาลัยอยู่ที่ประเทศไทย ดังนั้น คุณอา คือส่วนหนึ่งที่ทำให้มาถึงทุกวันนี้”

‘กรมควบคุมโรค’ ยัน!! ‘วัคซีนโควิด’ มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำให้เกิด ‘กล้ามเนื้ออ่อนแรง-มะเร็ง’ ตามสื่อโซเชียลอ้าง

(11 ส.ค.66) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์คลิปบนสื่อโซเชียลมีผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 พบภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงทั่วไป หรือเป็นโรคมะเร็ง ว่า กรมฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลและขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ปัจจุบันยังไม่พบรายงานการเกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือการเกิดมะเร็งที่เป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนโควิด และจากข้อมูลรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ จากคณะกรรมการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังการได้รับวัคซีน (AEFI) ที่ประกอบด้วยทีมผู้ทรงคุณวุฒิร่วมพิจารณา พบว่า ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ที่พบหลังการฉีดวัคซีน ได้แก่ ไข้ ปวดบริเวณที่ฉีด ปวดเมื่อยตัว เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปกติจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว

"ส่วนอาการที่รุนแรง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ พบอุบัติการณ์ต่ำกว่า 1 ในล้านโดส ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าการติดเชื้อโควิดที่มีโอกาสป่วยหนักจนเสียชีวิตในผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน" นพ.ธเรศกล่าว

นพ.ธเรศกล่าวว่า นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายที่ไม่เคยฉีดวัคซีนจะมีอาการหลงเหลือในระยะยาว (Long COVID) เนื่องจากในขณะที่ติดเชื้อโควิด ร่างกายมีการสร้างแอนติบอดีบางตัวขึ้นมา ไปจับกับเซลล์ของอวัยวะบางส่วนในร่างกาย และเกิดการทำลายอวัยวะ โดยอาการ Long COVID เป็นอาการเจ็บป่วยที่ไม่มีลักษณะตายตัว อาจเหมือนหรือต่างกันในแต่ละบุคคล เกิดผลกระทบขึ้นได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ระบบหายใจ ระบบประสาท หัวใจและหลอดเลือด ทำให้ผู้ที่หายป่วยบางรายยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเดิม จะเห็นได้ว่าการติดเชื้อโควิดส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวมากกว่าผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ดังนั้นขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือนดังกล่าว และไม่แชร์ข้อมูลต่อ หากมีปัญหาความปลอดภัยที่อาจเกิดจากวัคซีน กรมควบคุมโรคจะมีการประกาศแจ้งให้ประชาชนทราบโดยทั่วกัน

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิดมีแนวโน้มลดลงมาก หลังประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศฉีดวัคซีนโควิดครบ 2 เข็ม ปัจจุบันมีผลงานการฉีดวัคซีนสะสมกว่า 147 ล้านโดส หรือมากกว่าร้อยละ 80 ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดในประเทศไทยลดลงอย่างชัดเจน จากข้อมูลของคณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล ระบุว่า วัคซีนโควิดสามารถปกป้องชีวิตคนในประเทศไทยมากกว่า 490,000 คน ดังนั้น ขอย้ำว่าวัคซีนโควิดช่วยลดอาการป่วยรุนแรงและลดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้รับวัคซีน ครอบครัว และสังคม จนปัจจุบันแทบจะไม่มีผู้ฉีดวัคซีนครบโดสตามด้วยเข็มกระตุ้นติดโควิดเสียชีวิต ซึ่งไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าตัวเลขของประเทศทางตะวันตกหลายเท่า สะท้อนถึงการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดที่มีประสิทธิภาพจากนโยบายและมาตรการที่ใช้ จนเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศด้านความมั่นคงด้านสุขภาพ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top