Saturday, 28 June 2025
NEWS FEED

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ เลขาฯ ศอ.บต. เผย เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จชต.ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ยัน! รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ พร้อม! เร่งช่วยเหลือภาคเอกชน และปชช. ที่ได้รับผลกระทบ

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เข้าเยี่ยมนางประทุม นักทอง อายุ 55 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด ที่บริเวณสวนยางพาราของประชาชนในพื้นที่บ้านโคกโก ตำบลโต๊ะเด็ก อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ขณะที่กำลังเข้าไปกรีดยางในสวนของตนเองจนทำให้ขาทั้ง 2 ข้างขาดและแพทย์ได้ทำการตกแต่งบาดแผลเรียบร้อยแล้วขณะนี้รู้สึกตัวดีแต่จะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ยังได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุด EOD ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวระหว่างเข้าตรวจสอบพื้นที่จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 1 ราย และได้บาดเจ็บอีก 10 ราย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

ในการนี้พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่าวันนี้เป็นการลงพื้นที่เยี่ยม และให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่อยากกล่าวคำว่าเสียใจ แต่จำเป็นต้องกล่าวให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทุกคน ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีเอง ได้สั่งการและเน้นย้ำให้ดูแลอย่างดีไม่เพียงแค่เยี่ยมให้กำลังใจมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาเท่านั้น แต่ต้องดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บรวมถึงครอบครัวของผู้เสียหายให้ดีที่สุด ขณะที่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นเชื่อว่า..ไม่ได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อแต่คาดว่าเกิดจากการดัดแปลงและวิธีการทำลายล้าง ดังนั้นจึงขอให้ทุกส่วนร่วมกันผนึกกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดนี้ เชื่อว่าหากทุกคนช่วยกันเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดจะสามารถคลี่คลายลงตามลำดับ และในนามรัฐบาลขอโดยให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ทิ้งและจะช่วยดูแลกันต่อไป

'สันติ' ถามรัฐบาลออก พ.ร.ก.ค้ำเงินกู้กองทุนน้ำมัน เพิ่มหนี้สาธารณะ จำเป็นจริงหรือ? คาใจ 3 ปม แก้พลังงานแพงไร้คำตอบ ซัด ไร้ความสามารถบริหารประเทศ ปชช.ต้องทนรับสภาพอีกนานเท่าไหร่?

วันที่ 18 ส.ค. 65 ดร.สันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นที่คาใจต่อกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา มีการพิจารณาวาระลับที่มุ่งแก้ปัญหาฐานะกองทุนน้ำมัน ที่มีหนี้สินมากกว่าสินทรัพย์รวมไปถึง 117,394 ล้านบาท (รายงานเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2565) โดยมีมติอนุมัติการออก พ.ร.ก. เพื่อค้ำประกันการกู้ยืมของกองทุนน้ำมัน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท และยังอนุมัติงบกลาง 5 หมื่นล้านบาท เพื่อบริหารสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน ในระหว่างรอการออก พ.ร.ก. ฉบับดังกล่าว

โดยระบุว่า เป็นที่เข้าใจได้ว่า ฐานะกองทุนน้ำมันมีปัญหาอย่างหนักในขณะนี้ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข แต่การออก พรก. ซึ่งจะสร้างภาระให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการค้ำประกันการกู้เงินดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ และหากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ต้องนำพระราชกำหนดฉบับดังกล่าว เข้าพิจารณาเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ หากสภาผู้แทนราษฎรไม่ให้ความเห็นชอบ รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบในการออกพระราชกำหนด อย่างไรหรือไม่

การแก้ไขปัญหาราคาพลังงานที่ผ่านมานั้น มีคำถามที่ยังค้างคาในสังคมอีกมาก ที่รัฐบาลไม่เคยอธิบายให้เกิดความชัดเจนได้ เช่น

1. โครงสร้างราคาน้ำมันบิดเบี้ยว เพราะค่าการกลั่นที่ประหลาดมหัศจรรย์ อย่างน้อยที่สุด ถ้ายอมรับว่าต้องอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นที่สิงคโปร์ เพราะเป็นตลาดซื้อขายที่มีสภาพคล่องสูง (ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นด้วยอย่างหมดใจ) แต่การบวก FIL (freight, insurance and loss) ซึ่งไม่เกิดขึ้นจริง เพราะไม่มีการขนส่งจากต่างประเทศ ทำไมไม่ลบออก ซึ่งสามารถทำได้ในระยะสั้น

2. กำไรโรงกลั่นที่เกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาลในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ (ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ชี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่า การกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่เป็นผลผลิตจากโรงกลั่น เป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชนผู้บริโภคอย่างมากเกินกว่าสมควร ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ รัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสนใจในการแก้ปัญหา แต่กลับไปอ้อนวอนขอร้องให้โรงกลั่นเสียสละกำไรบางส่วน (ซึ่งเล็กน้อยมาก) เพื่อมาช่วยชดเชยการขาดดุลของกองทุนน้ำมัน

‘สมบัติ เมทะนี’ พระเอกตลอดกาล เสียชีวิตแล้ว ในวัย 85 ปี

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม รอง เค้ามูลคดี ได้โพสต์เฟซบุ๊กอาลัยต่อการจากไปของนักแสดงรุ่นใหญ่ 'สมบัติ เมทะนี' หรือพี่แอ๊ด น้าแอ๊ด ของคนในวงการบันเทิง ในวัย 85 ปี

โดยระบุว่า “ขอให้พี่ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะครับ” “ข่าวน่าเสียใจอย่างยิ่ง กับการจากไปของพี่แอ๊ด สมบัติ เมทะนี เช้านี้ครับ หลับไปเฉยๆ ครับ ขอพี่แอ๊ดสู่สุคติบนสรวงสวรรค์ด้วยครับ”

ทั้งนี้ สมบัติ เมทะนี หรือ แอ๊ด เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี 2559 ถือเป็นนักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง โดย กินเนสบุ๊คยังบันทึกไว้ว่าเป็นนักแสดงที่รับบทเป็นพระเอกมากที่สุดในโลก โดยแสดงเป็นพระเอกถึง 617 เรื่อง

สมบัติ จบการศึกษาจาก โรงเรียนเทพศิรินทร์ ก่อนเข้าศึกษาต่อ ระดับอนุปริญญาที่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย

ชีวิตส่วนตัว สมรสกับ กาญจนา เมทะนี มีบุตรด้วยกัน 5 คน


ที่มา : https://www.matichon.co.th/entertainment/thai-entertainment/news_3513279

ศูนย์คุณธรรม ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย ๖ ภาคส่วน จัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๒ “อยู่รอด อยู่ร่วม สังคมไทยเป็นสุขอย่างยั่งยืน”

วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๕ ศูนย์คุณธรรม (องค์กรมหาชน) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและภาคีเครือข่ายแถลงข่าวการจัดงาน “สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติครั้งที่ ๑๒” ภายใต้แนวคิด Sustainable with Moral : อยู่รอด อยู่ร่วม สังคมไทยเป็นสุขอย่างยั่งยืน” ณ ห้องสโรชา ชั้น ๓ โรงแรมสวิสโฮเต็ล ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพ 

ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานภาคีเครือข่ายทางสังคม ๖ ภาคส่วน มีกำหนดจัดงาน สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๒ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ ภายใต้แนวคิด “Sustainable with Moral : อยู่รอด อยู่ร่วม สังคมไทยเป็นสุขอย่างยั่งยืน” ในรูปแบบไฮบริดออนไลน์ ผสมผสานระหว่างการจัดงานในสถานที่จริงและเข้าร่วมงานผ่านระบบออนไลน์ ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ถนนเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นเวทีกลางขององค์กรเครือข่ายทางสังคมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “ชม แชร์ เชียร์” การกำหนดแนวทางการส่งเสริมคุณธรรม การจัดทำมติสมัชชาและพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายด้านคุณธรรม ที่สอดคล้องกับแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๕) และเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านคุณธรรมที่เกี่ยวข้อง   

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมประธานพิธีเปิดงานแถลงข่าว กล่าวว่า การจัดงานสมัชชาคุณธรรม ครั้งที่ ๑๒ ภายใต้แนวคิด“Sustainability with Moral

: อยู่รอด อยู่ร่วม สังคมไทยเป็นสุขอย่างยั่งยืน” ซึ่งจัดโดย ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)

ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา และองค์กรภาคีเครือข่ายทั้ง ๖ ภาคส่วน

กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนาและศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)

เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ การขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติซึ่งที่ผ่านมา ศูนย์คุณธรรมได้มีการส่งเสริมและขับเคลื่อนเครือข่ายทางสังคม เพื่อสร้างสังคม

คุณธรรมอย่างต่อเนื่อง และกรมการศาสนาได้ร่วมบูรณาการการทำงานในด้านต่างๆ ตลอดจนการสร้างความรู้ความเข้าใจในการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ และการขับเคลื่อนชุมชน องค์กร อำเภอ และจังหวัดคุณธรรม ให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๕ ได้เห็นชอบให้หน่วยงานภาคส่วนต่างๆ นำข้อเสนอเชิงนโยบายด้านคุณธรรมจากงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๑ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ไปดำเนินการขับเคลื่อนให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้นำเรื่องสำคัญจากข้อเสนอเชิงนโยบายไปขยายผลการขับเคลื่อน ไปสู่การปฏิบัติ

ในระดับพื้นที่จังหวัด ภูมิภาค ซึ่งเป็นการต่อยอดแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๕ ด้วยการนำหลักคุณธรรม คือ ความพอเพียง ความมีวินัย

ความสุจริต มีจิตอาสา และความกตัญญู ที่สอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อน

แผนปฏิบัติการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ที่อยู่ระหว่าง

การขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศใช้ในปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ต่อไป

สำหรับการจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติครั้งนี้ ทราบว่าจะมีการนำเสนอผลสำเร็จของการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ ฉบับที่ ๑ รวมทั้งทิศทางและสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ ๒ โดยมีผู้แทนกลไกคณะอนุกรรมการส่งเสริมคุณธรรมระดับจังหวัด ๗๗ จังหวัด และกลไกคณะอนุกรรมการส่งเสริมคุณธรรมระดับกระทรวง ๒๐ กระทรวง เข้าร่วมรับทราบแนวนโยบาย และร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการขยายผลสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ในครั้งนี้ด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเพิ่มเติม ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “งานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๒” ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ ครั้งนี้ จะเป็นเวทีกลางที่เปิดโอกาสให้องค์กรภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมระดมความคิดเห็น และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการส่งเสริมคุณธรรมของสังคมไทย เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคน ทุกภาคส่วน ในสังคมทั้งระดับพื้นที่ ตลอดจนระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับชาติ ให้ความสำคัญ และตระหนักต่อการร่วมกันสร้างสรรค์สังคมคุณธรรม โดยเริ่มจากตัวบุคคล ชุมชน องค์กร จากพื้นที่เล็กๆ กระจายสู่วงกว้าง สู่ระดับจังหวัด ภูมิภาค และระดับประเทศ รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกันขยายผลความดีสู่สาธารณะ เพื่อร่วมกันยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศเราให้เป็นประเทศที่เป็นแบบอย่างที่ดีงามด้านพฤติกรรม เกิดเป็นอัตลักษณ์ของคนไทย สู่สายตานานาชาติต่อไป 

ด้านรองศาสตราจารย์ นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้สถาณการณ์โควิด ๑๙ เริ่มคลี่คลาย จึงสามารถจัดงานในรูปแบบไฮบริดออนไลน์ ภายในงานมีกิจกรรมสำคัญแบ่งเป็น ๒ ส่วนหลัก ประกอบด้วย เวทีวิชาการ อาทิ การปาฐกถาพิเศษ “ทิศทางใหม่ สังคมไทยพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างไร” การเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ที่เชื่อมโยงประเด็นหลักการจัดงาน Sustainable with Moral : อยู่รอด อยู่ร่วม สังคมไทยเป็นสุขอย่างยั่งยืน” ของ ๖ กลุ่มเครือข่ายทางสังคม ได้แก่ เครือข่ายองค์กร ภาครัฐ เครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน เครือข่ายองค์กรศาสนา เครือข่ายองค์กรสื่อมวลชน เครือข่ายองค์กรการศึกษา เด็กและเยาวชน และเครือข่ายภาคประชาสังคม ชุมชน ครอบครัว และงานแสดงผลสำเร็จการขับเคลื่อนคุณธรรม “ตลาดนัดคุณธรรม” ขององค์กรเครือข่ายทางสังคม ๖ เครือข่าย  การพูดคุยสร้างแรงบันดาลใจในการทำความดี Moral Talk ของบุคคลและศิลปิน นักแสดง โดย คุณไดอาน่า จงจินตนาการ ผู้ก่อตั้งเพจ “เราต้องรอด” เพจอาสาช่วยเหลือผู้ป่วยในวิกฤตการณ์ Covid-๑๙ การส่งมอบมติสมัชชาคุณธรรมและข้อเสนอเชิงนโยบายด้านคุณธรรมของภาคีเครือข่าย ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะผู้แทนคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังมีพิธีมอบรางวัลคุณธรรมอวอร์ด ปี ๒๕๖๕ ประเภทสื่อมวลชน บุคคล ชุมชน และองค์กร จากทั่วประเทศ และภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการผลสำเร็จการขับเคลื่อนชุมชน องค์กร คุณธรรมของภาคีเครือข่ายกว่า ๕๐ บูธ และ Hall of fame สื่อ บุคคล องค์กรและชุมชนต้นแบบที่ได้รับรางวัลกว่า ๒๐๐ บุคคล/ผลงาน                      

การแถลงข่าวครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้แทนภาคีเครือข่าย ๖ ภาคส่วนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนได้แก่ เครือข่ายองค์กรภาครัฐ : นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ที่ปรึกษาด้านการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการกระทรวงมหาดไทย เครือข่ายศาสนา : นายเกรียงศักดิ์ บุญประสิทธิ์  อธิบดีกรมการศาสนา  เครือข่ายภาคธุรกิจ : นางวรรณา ธรรมร่มดี  ที่ปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน เครือข่ายการศึกษาเด็กและเยาวชน : ผู้แทนสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย เครือข่ายสื่อมวลชน : นายมงคล บางปะภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทย  เครือข่ายภาคประชาสังคม ชุมชน : นายศิวโรฒ จิตนิยม ประธานธนาคารความดีชุมชนตำบล หนองสาหร่าย จังหวัดกาญจนบุรี    

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ในสถานที่จริง ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม โดยสแกน QR Code ลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าเพื่อรับการยืนยันการเข้าร่วมงานในสถานที่จริง หรือผ่านระบบออนไลน์  ทั้งนี้สามารถร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านระบบ ZOOM หรือเข้าชมกิจกรรมภายในงานตลอดการจัดงาน ได้ทาง Facebook Live : ศูนย์คุณธรรม Moral Center Thailand 

ทบ.มุ่งสร้างเยาวชนสำนึกดี จัดประกวดบทเพลง สร้างรักสามัคคี พร้อมนำทัศนศึกษาเปิดประสบการณ์

วันนี้ (๑๗ ส.ค.๖๕) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการมอบรางวัล “การประกวดขับร้องบทเพลงส่งเสริมความรักความสามัคคี” ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กองทัพบกจัดขึ้น เพื่อสร้างจิตสํานึกที่ดีงาม และความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ที่มีสถาบันหลักของชาติเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ โดยได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาผ่านสถาบันการศึกษา ๒๘๕ แห่งทั่วประเทศ จัดทําคลิปวิดีโอขับร้องเพลงเนื้อหาส่งเสริมความรักสามัคคีและเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ส่งเข้าประกวดในระดับกองทัพภาค ในห้วง ก.พ.- มิ.ย. ๖๕ จากนั้นโรงเรียนที่ชนะในระดับกองทัพภาคจะร่วมแข่งขันชิงชนะเลิศในระดับกองทัพบก โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านดนตรีจากกรมดุริยางค์ทหารบก และการโหวตให้คะแนนเป็นเกณฑ์การตัดสิน 

'เฉลิมชัย'หารือแคนาดากระชับความร่วมมือด้านการเกษตรขยายส่งออกสินค้าเกษตร 2 หมื่นล้าน

วันที่ 16 ส.ค. 65 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ดร.ซาราห์ เทย์เลอร์ เอกอัครราชทูตแคนาดา ประจำประเทศไทย (H.E. Dr. Sarah Taylor) (Ambassador of Canada to the Kingdom of Thailand) ร่วมหารือการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกัน โดยมี นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ห้องรับรองกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับการหารือในครั้งนี้ ไทยและแคนาดาพร้อมร่วมมือในเรื่อง Smart agriculture-Canadian technology ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายการขับเคลื่อนงานด้านเกษตรอัจฉริยะ โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสนับสนุนกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกษตรในปัจจุบัน ให้มุ่งสู่เกษตร 4.0 มีเป้าหมายสำคัญที่มุ่งเน้นให้เกิดการทำเกษตรแบบทำน้อยได้มาก ใช้ทรัพยากรในการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดการสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มากขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยกล่าวขอบคุณฝ่ายแคนาดาสำหรับความร่วมมือในโครงการ Offshore Program ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการด้านความปลอดภัยอาหาร ระหว่างองค์การตรวจสอบอาหารของแคนาดา (Canadian Food Inspection Agency: CFIA) และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)

เพื่อให้ประเทศคู่ค้าสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหารของแคนาดาได้อย่างถูกต้อง และป้องกันอาหารที่ไม่ปลอดภัยเข้าสู่ตลาด โดยเน้นด้านการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยอาหาร การตรวจสอบสถานประกอบการ และกิจกรรมความช่วยเหลือด้านเทคนิค โดยที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน มกอช. และ CFIA ได้จัดการแลกเปลี่ยนด้านวิชาการด้านความปลอดภัยอาหาร จำนวน 4 ครั้ง และอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อหารือถึงการขยายความร่วมร่วมมือระหว่างกันในการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาหารตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งรวมถึงการผลักดันการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การเฝ้าระวังและตรวจติดตาม และการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สั่งปฏิบัติการตรวจสอบเรือประมง ลักลอบดัดแปลงอวนทั่วประเทศ

จากกรณีที่ประเทศไทยได้ถูกจัดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2565 หรือ TIP Report (Trafficking in Persons Report 2022) โดยยกระดับประเทศไทยจาก “เทียร์ 2 ที่ต้องจับตามอง” (Tier 2 Watch List) เป็น Tier 2 ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ทำให้ประเทศไทยมีพัฒนาการที่ดี และขยับระดับที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา และยังมีความพยายามแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างจริงจังในทุกภาคส่วน ปัญหาการบังคับใช้แรงงานและแรงงานข้ามชาติในภาคการประมง รวมทั้งปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ตามที่ทราบแล้ว นั้น ในการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอยทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และการบังคับใช้แรงงานในภาคการประมง โดยมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการประมง และประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร./รองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) อย่างเร่งด่วน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา คณะทำงานติดตามสถานการณ์ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมง และแรงงานในภาคประมงฯ ได้ออกปฏิบัติการ “Air Land Sea” เป็นปฏิบัติการในการตรวจสอบการทำประมงโดยผิดกฎหมายของเรือประมง ซึ่งที่ผ่านมามีการตรวจพบเรือประมงที่มีการดัดแปลงอวนลาก ทำให้ตาอวนมีขนาดเล็กลง เพื่อให้สามารถดักจับปลาขนาดเล็กได้ ซึ่งการใช้อวนขนาดดังกล่าว ผิดเงื่อนไขจากที่ได้รับอนุญาต และเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 ร่วมกับ กรมเจ้าท่า กรมประมง ศรชล. ตำรวจน้ำ พร้อมชุดปฏิบัติการคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพ ฯ ออกตรวจสอบเรือประมงอวนลากคู่ที่ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พบเรือที่ใช้อวนมีลักษณะผิดไปจากเงื่อนไขในใบอนุญาต โดยพบที่ จ.สมุทรสาคร จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือ ฮ.ธวัชชัยนาวี 3 , ฮ.ธวัชชัยนาวี 4 , ฮ.สินธุ์ชัยนาวี 8 และ ฮ.สินธุ์ชัยนาวี 9 โดยตรวจพบที่บริเวณท่าเทียบเรือศาลเจ้าปุ้นเถ้ากง ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาครและที่ จ.ชลบุรี อีกจำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือ ส.ตะวัน 17, ส.ตะวัน 18, ส.ตะวัน 23 และ ส.ตะวัน 24 ตรวจพบที่บริเวณท่าเรือคณาศรีนุวัติ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยเรือประมงทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีฐาน ดัดแปลงเครื่องมือประมงให้ผิดไปจากลักษณะของเครื่องมือที่ระบุไว้ในใบอนุญาต  ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 มาตรา 42 และ มาตรา 132 มีโทษปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท ขึ้นอยู่กับขนาดเรือ ซึ่งพบว่ามีเพียง 131 ลำ ที่จะถูกตรวจสอบ จาก 10,0000 ลำ เทียบเป็น 1.31 %

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในประเทศไทย ยังคงมีการตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทำความเข้าใจกับชาวประมงให้สามารถทำการประมงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งเป็นการบังคับใช้กฎหมายประมงเพื่อปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายด้วย ซึ่งจากปฏิบัติการของคณะทำงานดังกล่าว ยังตรวจพบเรือประมงที่ยังฝ่าฝืนลักลอบใช้อวนตาถี่ในการทำประมง หวังจะให้ได้ปลามากที่สุด แต่แท้จริงแล้วการใช้อวนตาถี่จะเป็นการทำลายทรัพยากร ไม่ปล่อยให้ปลาขนาดเล็กเติบโตเพื่อให้สามารถทำประมงได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีกำหนดขนาดอวนที่ใช้ตามกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อตรวจพบความผิดดังกล่าว จึงต้องมีการดำเนินคดีโดยเด็ดขาด เพื่อให้การทำประมงของไทยเป็นไปตามกฎหมายและหลักสากล เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ

Apple เตรียมย้ายฐานผลิตออกจากจีน จ่อผลิต Apple Watch-MacBook ในเวียดนาม

กลายเป็นข่าวดีสำหรับแวดวงอุตสาหกรรมไฮเทคของเวียดนาม หลังมีรายงานว่า 'แอปเปิล' อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเตรียมสร้างฐานการผลิต Apple Watch และ MacBook ในเวียดนามเป็นครั้งแรก

หนังสือพิมพ์นิกเกอิเอเชียอ้างแหล่งข่าวที่ทราบข้อมูลโดยตรง 3 ราย ซึ่งระบุว่า บริษัท Luxshare Precision Industry และฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์หลักของแอปเปิล ได้เริ่มทดสอบสายการผลิต Apple Watch ในภาคเหนือของเวียดนามแล้ว โดยตั้งเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าตัวนี้ภายนอกจีนให้ได้เป็นครั้งแรก

เวียดนามเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดของแอปเปิลรองจากจีนอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยมีการผลิตสินค้าเรือธงให้แอปเปิลมากมายหลายตัว รวมถึง iPad และ AirPod เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชี้ว่า กระบวนการผลิต Apple Watch นั้นจะต้องอาศัยทักษะแรงงานและเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนมากขึ้นไปอีก และการถูกเลือกให้เป็นฐานผลิตอุปกรณ์ตัวนี้ก็ถือว่าเป็น 'ชัยชนะ' ครั้งสำคัญของเวียดนาม ซึ่งมุ่งมั่นที่จะยกระดับภาคการผลิตสินค้าไฮเทคของตนเองอยู่แล้ว

นิกเกอิรายงานด้วยว่า แอปเปิลยังกระจายสายการผลิต iPad จากจีนมายังเวียดนาม หลังจากมาตรการล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อห่วงโซ่อุปทาน และยังอยู่ระหว่างพูดคุยกับซัปพลายเออร์เพื่อทดสอบสายการผลิตลำโพงอัจฉริยะ HomePod ในเวียดนามเช่นกัน

‘รมว.กต.อินเดีย’ ถก ‘บิ๊กตู่’ หนุนความร่วมมือ ระดับ ‘ทวิภาคี-พหุภาคี’ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม

(17 ส.ค. 65) ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ (H.E. Mr. Subrahmanyam Jaishankar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย - อินเดีย (Joint Commission for Bilateral Cooperation: JC) ครั้งที่ 9 โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรีต้อนรับ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ดำเนินมาอย่างราบรื่นยาวนาน อินเดียถือเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน และในปีนี้ถือเป็นโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ทุกระดับ ให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ และนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต

รมว.กต.อินเดีย ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีต่อผลสำเร็จของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย – อินเดีย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศในการผลักดันความร่วมมือที่คั่งค้างระหว่างกันกว่า 3 ปี ทั้งนี้ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยทั้งสองได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีสำหรับบทบาทและความช่วยเหลือในช่วงเวลาดังกล่าว โอกาสนี้ รมว.กต.อินเดีย นำความปรารถนาดีจากนายกรัฐมนตรีโมทีมายังนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีโมทีหวังว่าจะได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเร็ววัน ด้านนายกรัฐมนตรีฝากความปรารถนาดีไปยังนายกรัฐมนตรีโมที ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดกัน รวมทั้งไปยังประธานาธิบดีคนใหม่ด้วยเช่นกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้...

ด้านความมั่นคง ทั้งสองเห็นพ้องที่จะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่มีอยู่ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค ตลอดจนผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ อาทิ ความมั่นคงทางทะเล อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงการฝึกอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์

ด้านเศรษฐกิจ ไทยและอินเดียมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง โดยอินเดียถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเอเชียใต้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในโครงการ EEC ซึ่งรัฐบาลได้พัฒนาโครงการและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนอินเดียเข้ามาลงทุนในธุรกิจกลุ่มเป้าหมาย ในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร ด้าน รมว.กต.อินเดีย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่สำคัญในอาเซียนสำหรับนักลงทุนอินเดีย โดยอินเดียพร้อมผลักดันและสนับสนุนให้นักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น อย่างไรก็ดี รมว.กต.อินเดีย ขอให้นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีชื่นชมในมิตรไมตรีอันดีระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีการลงนาม MoU ร่วมกันในวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากการหารือทางโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย เมื่อปี 2563 โดยเชื่อมั่นว่า MoU นี้จะช่วยผลักดันความร่วมมือทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือด้านการวิจัยและยาระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรม

ศาสตราจารย์ MIT ที่เคยโดนข้อหาเป็น ‘สายลับจีน’ นำทีมวิจัยค้นพบวัสดุ ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ดีที่สุดในโลก

ศาสตราจารย์ชาวจีนจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ที่เพิ่งจะพ้นข้อหาเป็น ‘สายลับแดนมังกร’ นำทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบสุดยอดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ ‘ดีที่สุด’ เท่าที่โลกเคยมีมา โดยมีคุณภาพสูงยิ่งกว่าซิลิคอน (Silicon) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วโลกในปัจจุบัน

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทีมนักวิทยาศาสตร์ MIT ร่วมกับมหาวิทยาลัยฮิวสตันและสถาบันอื่นๆ ได้แถลงผลการวิจัยที่พบว่า ‘คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์’ (Cubic Boron Arsenide) เป็นวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในด้านการนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดีกว่าซิลิคอน ซึ่งจะเปิดโอกาสไปสู่การคิดค้นและพัฒนาชิปที่มีขนาดเล็กลง และประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น

โดยหนึ่งในทีมวิจัยนี้ ได้รวมถึงศาสตราจารย์ ‘กัง เฉิน’ (Gang Chen) อดีตหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของ MIT ซึ่งเคยถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สอบสวนฐานต้องสงสัยว่าเป็นสายลับจีน ก่อนที่จะถูกประกาศพ้นข้อครหาทั้งหมดเมื่อเดือน ม.ค. ปีนี้ เนื่องจากไม่พบหลักฐานด้วย

แม้อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์เป็นองค์ประกอบหลักจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ (หากว่าเป็นไปได้) แต่อย่างน้อยการค้นพบนี้ก็ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่จะช่วยให้นักวิจัยสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ และพัฒนาชิปรุ่นใหม่ ๆ ที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความเร็ว และขนาดที่เล็กลง อีกทั้งยังถือเป็นบทเรียนสำหรับสหรัฐฯ เองว่า พวกเขาเสี่ยงที่จะพลาดองค์ความรู้ใหม่ๆ หากยังคงใช้นโยบาย ‘ล่าแม่มด’ กับนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญสายเลือดจีนแบบ เฉิน

แม้จะเป็นวัตถุดิบที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมชิป ทว่าซิลิคอนไม่ใช่วัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่คุณภาพดีที่สุด เนื่องจากมีปัญหา “โอเวอร์ฮีท” ง่าย และทำให้ชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ระบายความร้อนราคาแพงตามไปด้วย

งานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อเดือน ก.ค. พบว่า คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์สามารถนำความร้อนได้ดีกว่าซิลิคอนถึง 10 เท่า ขณะที่ศาสตราจารย์ เฉิน ก็ระบุในจดหมายข่าวว่า “ความร้อนถือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ” และการค้นพบวัสดุใหม่นี้อาจจะเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม”

ผลการศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นว่า คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์มีประสิทธิภาพสูงกว่าซิลิคอนทั้งในแง่ของการนำพาอิเล็กตรอน และหลุมอิเล็กตรอน (Electron Hole) ซึ่งอย่างหลังนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดอ่อนสำคัญของซิลิคอน และเป็นตัวจำกัดความเร็วของเซมิคอนดักเตอร์ชิปที่ใช้ซิลิคอนเป็นวัตถุดิบหลัก

นักวิจัยทั่วโลกต่างมุ่งมั่นพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ทั้งโดยการแสวงหาวัตถุดิบใหม่สำหรับชิป รวมไปถึงการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Quantum Computing และวัสดุอย่างคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จุดประกายความหวังสำหรับการผลิตชิปที่มีขนาดเล็กลง แต่ให้ศักยภาพในการประมวลผลที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม MIT ย้ำว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์จะถูกนำไปใช้งานนอกห้องปฏิบัติการได้ โดยปัจจุบันยังมีการผลิตในปริมาณน้อย อีกทั้งนักวิจัยก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อศึกษาคุณสมบัติของมัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top