Saturday, 28 June 2025
NEWS FEED

Apple เตรียมย้ายฐานผลิตออกจากจีน จ่อผลิต Apple Watch-MacBook ในเวียดนาม

กลายเป็นข่าวดีสำหรับแวดวงอุตสาหกรรมไฮเทคของเวียดนาม หลังมีรายงานว่า 'แอปเปิล' อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเตรียมสร้างฐานการผลิต Apple Watch และ MacBook ในเวียดนามเป็นครั้งแรก

หนังสือพิมพ์นิกเกอิเอเชียอ้างแหล่งข่าวที่ทราบข้อมูลโดยตรง 3 ราย ซึ่งระบุว่า บริษัท Luxshare Precision Industry และฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์หลักของแอปเปิล ได้เริ่มทดสอบสายการผลิต Apple Watch ในภาคเหนือของเวียดนามแล้ว โดยตั้งเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าตัวนี้ภายนอกจีนให้ได้เป็นครั้งแรก

เวียดนามเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดของแอปเปิลรองจากจีนอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยมีการผลิตสินค้าเรือธงให้แอปเปิลมากมายหลายตัว รวมถึง iPad และ AirPod เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชี้ว่า กระบวนการผลิต Apple Watch นั้นจะต้องอาศัยทักษะแรงงานและเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนมากขึ้นไปอีก และการถูกเลือกให้เป็นฐานผลิตอุปกรณ์ตัวนี้ก็ถือว่าเป็น 'ชัยชนะ' ครั้งสำคัญของเวียดนาม ซึ่งมุ่งมั่นที่จะยกระดับภาคการผลิตสินค้าไฮเทคของตนเองอยู่แล้ว

นิกเกอิรายงานด้วยว่า แอปเปิลยังกระจายสายการผลิต iPad จากจีนมายังเวียดนาม หลังจากมาตรการล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อห่วงโซ่อุปทาน และยังอยู่ระหว่างพูดคุยกับซัปพลายเออร์เพื่อทดสอบสายการผลิตลำโพงอัจฉริยะ HomePod ในเวียดนามเช่นกัน

‘รมว.กต.อินเดีย’ ถก ‘บิ๊กตู่’ หนุนความร่วมมือ ระดับ ‘ทวิภาคี-พหุภาคี’ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม

(17 ส.ค. 65) ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ (H.E. Mr. Subrahmanyam Jaishankar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย - อินเดีย (Joint Commission for Bilateral Cooperation: JC) ครั้งที่ 9 โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรีต้อนรับ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ดำเนินมาอย่างราบรื่นยาวนาน อินเดียถือเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน และในปีนี้ถือเป็นโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ทุกระดับ ให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ และนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต

รมว.กต.อินเดีย ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีต่อผลสำเร็จของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย – อินเดีย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศในการผลักดันความร่วมมือที่คั่งค้างระหว่างกันกว่า 3 ปี ทั้งนี้ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยทั้งสองได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีสำหรับบทบาทและความช่วยเหลือในช่วงเวลาดังกล่าว โอกาสนี้ รมว.กต.อินเดีย นำความปรารถนาดีจากนายกรัฐมนตรีโมทีมายังนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีโมทีหวังว่าจะได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเร็ววัน ด้านนายกรัฐมนตรีฝากความปรารถนาดีไปยังนายกรัฐมนตรีโมที ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดกัน รวมทั้งไปยังประธานาธิบดีคนใหม่ด้วยเช่นกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้...

ด้านความมั่นคง ทั้งสองเห็นพ้องที่จะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่มีอยู่ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค ตลอดจนผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ อาทิ ความมั่นคงทางทะเล อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงการฝึกอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์

ด้านเศรษฐกิจ ไทยและอินเดียมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง โดยอินเดียถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเอเชียใต้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในโครงการ EEC ซึ่งรัฐบาลได้พัฒนาโครงการและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนอินเดียเข้ามาลงทุนในธุรกิจกลุ่มเป้าหมาย ในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร ด้าน รมว.กต.อินเดีย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่สำคัญในอาเซียนสำหรับนักลงทุนอินเดีย โดยอินเดียพร้อมผลักดันและสนับสนุนให้นักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น อย่างไรก็ดี รมว.กต.อินเดีย ขอให้นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีชื่นชมในมิตรไมตรีอันดีระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีการลงนาม MoU ร่วมกันในวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากการหารือทางโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย เมื่อปี 2563 โดยเชื่อมั่นว่า MoU นี้จะช่วยผลักดันความร่วมมือทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือด้านการวิจัยและยาระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรม

ศาสตราจารย์ MIT ที่เคยโดนข้อหาเป็น ‘สายลับจีน’ นำทีมวิจัยค้นพบวัสดุ ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ดีที่สุดในโลก

ศาสตราจารย์ชาวจีนจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ที่เพิ่งจะพ้นข้อหาเป็น ‘สายลับแดนมังกร’ นำทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบสุดยอดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ ‘ดีที่สุด’ เท่าที่โลกเคยมีมา โดยมีคุณภาพสูงยิ่งกว่าซิลิคอน (Silicon) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วโลกในปัจจุบัน

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทีมนักวิทยาศาสตร์ MIT ร่วมกับมหาวิทยาลัยฮิวสตันและสถาบันอื่นๆ ได้แถลงผลการวิจัยที่พบว่า ‘คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์’ (Cubic Boron Arsenide) เป็นวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในด้านการนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดีกว่าซิลิคอน ซึ่งจะเปิดโอกาสไปสู่การคิดค้นและพัฒนาชิปที่มีขนาดเล็กลง และประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น

โดยหนึ่งในทีมวิจัยนี้ ได้รวมถึงศาสตราจารย์ ‘กัง เฉิน’ (Gang Chen) อดีตหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของ MIT ซึ่งเคยถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สอบสวนฐานต้องสงสัยว่าเป็นสายลับจีน ก่อนที่จะถูกประกาศพ้นข้อครหาทั้งหมดเมื่อเดือน ม.ค. ปีนี้ เนื่องจากไม่พบหลักฐานด้วย

แม้อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์เป็นองค์ประกอบหลักจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ (หากว่าเป็นไปได้) แต่อย่างน้อยการค้นพบนี้ก็ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่จะช่วยให้นักวิจัยสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ และพัฒนาชิปรุ่นใหม่ ๆ ที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความเร็ว และขนาดที่เล็กลง อีกทั้งยังถือเป็นบทเรียนสำหรับสหรัฐฯ เองว่า พวกเขาเสี่ยงที่จะพลาดองค์ความรู้ใหม่ๆ หากยังคงใช้นโยบาย ‘ล่าแม่มด’ กับนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญสายเลือดจีนแบบ เฉิน

แม้จะเป็นวัตถุดิบที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมชิป ทว่าซิลิคอนไม่ใช่วัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่คุณภาพดีที่สุด เนื่องจากมีปัญหา “โอเวอร์ฮีท” ง่าย และทำให้ชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ระบายความร้อนราคาแพงตามไปด้วย

งานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อเดือน ก.ค. พบว่า คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์สามารถนำความร้อนได้ดีกว่าซิลิคอนถึง 10 เท่า ขณะที่ศาสตราจารย์ เฉิน ก็ระบุในจดหมายข่าวว่า “ความร้อนถือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ” และการค้นพบวัสดุใหม่นี้อาจจะเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม”

ผลการศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นว่า คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์มีประสิทธิภาพสูงกว่าซิลิคอนทั้งในแง่ของการนำพาอิเล็กตรอน และหลุมอิเล็กตรอน (Electron Hole) ซึ่งอย่างหลังนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดอ่อนสำคัญของซิลิคอน และเป็นตัวจำกัดความเร็วของเซมิคอนดักเตอร์ชิปที่ใช้ซิลิคอนเป็นวัตถุดิบหลัก

นักวิจัยทั่วโลกต่างมุ่งมั่นพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ทั้งโดยการแสวงหาวัตถุดิบใหม่สำหรับชิป รวมไปถึงการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Quantum Computing และวัสดุอย่างคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จุดประกายความหวังสำหรับการผลิตชิปที่มีขนาดเล็กลง แต่ให้ศักยภาพในการประมวลผลที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม MIT ย้ำว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์จะถูกนำไปใช้งานนอกห้องปฏิบัติการได้ โดยปัจจุบันยังมีการผลิตในปริมาณน้อย อีกทั้งนักวิจัยก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อศึกษาคุณสมบัติของมัน

สูญเสีย 'จ.ส.อ.สมชาย แดงเงิน' ประสบเหตุระเบิดลูกที่สอง ระหว่างช่วยเหลือประชาชนที่โดนระเบิดในสวนยาง

เฟซบุ๊ก KNIGHTS BORDER ได้โพสต์ข้อความเศร้าจากเหตุระเบิดในภาคใต้เมื่อ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า...

จากกรณีเหตุระเบิดเมื่อวานนี้ เราสูญเสียวีรบุรุษไปอีกหนึ่งท่าน ทางเพจ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ของท่าน 'จ.ส.อ.สมชาย แดงเงิน' เป็นอย่างยิ่ง 

ท่านได้ประสบเหตุระเบิดลูกที่สอง ระหว่างเข้าช่วยเหลือประชาชนที่โดนระเบิดในสวนยาง 

ท่านได้ทำหน้าที่เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชนจวบจนลมหายใจสุดท้ายของท่าน

เมื่อวันที่ (15 สิงหาคม 2565) เวลา 06.35 น. เกิดเหตุระเบิดประชาชนขณะ กรีดยางพารา บริเวณสวนยางพาราบ้านโคกโก หมู่ 2 ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ...

นางประทุม นักทอง อายุ 55 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่แจกจ่ายข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 แก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี

วานนี้ (วันอังคารที่ 16 สิงหาคม 2565) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มอบหมายให้ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ จัดทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร นำโดย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย รักษาการหัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี แจกจ่ายชุดข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา บรรจุกระเป๋าผ้าดิบมูลนิธิฯ แก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่อำเภอศรีราชา อำเภอเมือง อำเภอบ้านบึง และอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี รวม 4 อำเภอ ชุดข้าวสารจำนวน 2,000 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนหน่วยงานรัฐ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนต่างๆ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ นางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ และ อาสาศิลปิน นำโดย นางสาวพัชรมัย บุญเลิศกุล (แพรว พัชรมัย) นางสาวอธิชา เทศขำ (เมย์ อธิชา) นางสาวไดอนา แอน คาฮิลล์ นางสาวอรภัสญาน์ สุกใส ( มิ้วส์ อรภัสญาน์) นางสาวสุภัตรา ธระเสนา (ต่าย สุภัตรา) ร่วมในพิธี

และในช่วงกลางเดือนสิงหาคม - เดือนกันยายน 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายชุดข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และ 50 เขต กรุงเทพมหานคร เป็นลำดับต่อไป คิดมูลค่าดำเนินการงานแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 11.7 ล้านบาท

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดในขณะนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาด ในปีนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังคงรูปแบบการทำบุญทิ้งกระจาดแบบลดการสัมผัส เป็นการบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุนในการจัดซื้อชุดข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ โดยสามารถทำบุญได้ 3 ช่องทาง ดังนี้ 

1. ทำบุญชุดข้าวสาร ที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
(ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ขอความร่วมมือในการงดรับข้าวสาร หรือสิ่งของอื่นๆ เพื่อลดการสัมผัส)
2. ทำบุญชุดข้าวสารออนไลน์: ผ่านบัญชีมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 
3. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและการเพิ่มมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงจัดให้มีช่องทางการร่วมทำบุญทิ้งกระจาดใหม่ ผ่านระบบออนไลน์ https://pttfny.net/newsh/ ในอีกทางหนึ่ง

จีน ยื่นขอจด ‘Rice-Fish Culture’ ‘เลี้ยงปลาในนาข้าว’ เป็นมรดกเกษตรโลก

จีนยื่นขอจด "Rice-Fish Culture" เป็นมรดกเกษตรโลก (The Globally Important Agricultural Heritage Systems - GIAHS) ต่อองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาติ (FAO) มาตั้งแต่ปี 2005

การเลี้ยงปลาในนาข้าวของจีนไม่ใช่เป็นเพียงระบบเกษตรเท่านั้น แต่เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมานานนับ 2,000 ปี โดยมีการขุดพบกระเบื้องดินเผาในสุสานของราชวงศ์ฮั่นตอนกลาง แสดงให้เห็นแผนผังปลาว่ายจากบ่อลงในนาข้าว

ระบบการเลี้ยงปลาในนาข้าวเป็นระบบเกษตรผสมผสานที่สมบูรณ์แบบในอุดมคติ ปลาให้ปุ๋ยแก่ข้าว ควบคุมภูมิอากาศย่อยในระบบนิเวศ การแหวกว่ายของปลาช่วยเพิ่มออกซิเจน พรวนดิน กำจัดตัวอ่อนของแมลงศัตรูพืชและวัชพืช ถ่ายออกมาเป็นปุ๋ย ในขณะที่ข้าวให้ร่มเงาและสร้างอาหารให้ปลา การใช้ปุ๋ยและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแทบเป็นศูนย์ แต่ได้อาหารที่มีคุณภาพและคุณค่าสูง

การศึกษาของ FAO ในประเทศจีนพบว่า แทนที่ผลผลิตข้าวจะลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ในขณะที่ผลผลิตข้าวที่เลี้ยงปลาในนาข้าวของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 10-20% ไม่รวมผลผลิตจากปลา 192-260 กิโลกรัม/ไร่ 

ในบริบทของประเทศไทย ระบบเกษตรที่เรียบง่ายแต่แฝงความสัมพันธ์ทางนิเวศวิทยาที่ซับซ้อนนี้  มีความสำคัญหลายประการ

1) การเลี้ยงปลาในนาข้าวในเขตน้ำน้อย เป็นอุบายในการสร้างสระเก็บน้ำและระบบชลประทานในระดับไร่นา ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่เกษตรในนาน้ำฝน ในขณะเดียวกันก็เหมาะกับในพื้นที่น้ำท่วม หรือพื้นที่ชลประทานที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำในการเลี้ยงปลาไปพร้อมกับการทำนา

2) เป็นรูปแบบที่ตอบสนองต่ออาหารขั้นพื้นฐาน คือคาร์โบไฮเดรตจากข้าว โปรตีนจากปลา และได้พืชผักต่าง ๆ เป็นผลพลอยได้จากระบบนิเวศนาที่อุดสมบูรณ์ไปพร้อมกัน

คนร้าย ป่วนระเบิด วินาศกรรม ร้านสะดวกซื้อ พื้นที 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ศูนย์วิทยุตำรวจ สภ.จังหวัดนราธิวาส รายงานว่า...เมื่อวันที่ (17 ส.ค. 65) เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน กระจายกำลังก่อเหตุ ในช่วง ช่วงเวลา 00.20 ถึง 00.40 น. ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน วางแผนนัดแนะกระจายกันก่อเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ 6 อำเภอ ประกอบด้วย บาเจาะ ศรีสาคร สุไหงโก-ลก เจาะไอร้อง รือเสาะ และจะแนะ ด้วยพฤติกรรมคนร้าย ก่อเหตุในลักษณะขว้างและวางระเบิดภายในชั้นวางของในร้านสะดวกซื้อ ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น มินิบิ๊กซี และปั๊มจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจนได้รับความเสียหาย

โดยแยกเป็น 1. อ.บาเจาะ จำนวน 1 จุด ซึ่งเป็นปั๊มจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ปตท. ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม หมู่ 4 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ เป็นเหตุให้ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ได้รับความเสียหาย
2. อำเภอศรีสาคร จำนวน 1 จุด เป็นร้านสะดวกซื้อเซเฃว่นอีเลฟเว่น ซึ่งตั้งอยู่ภายในปั๊มจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ปตท. ซึ่งตั้งอยู่เขตเทศบาลตำบลศรีสาคร ได้รับความเสียหาย
3. อำเภอเจาะไอร้อง จำนวน 2 จุด เป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นและมินิบิ๊กซี ซึ่งตั้งอยู่บ้านเจาะไอร้อง หมู่ 1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง ได้รับความเสียหาย
4. อำเภอรือเสาะ เป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนรือเสาะ ศรีสาคร หมู่ 2 ต.รือเสาะ ซึ่งจุดนี้คนร้ายได้วิ่งเข้าไปวางระเบิดแล้วแจ้งให้พนักงานได้ทราบ หลังพนักงานวิ่งออกมาจึงเกิดระเบิดขึ้น
5. อำเภอจะแนะ เป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางตลาด ต.ดุซงญอ จนได้รับความเสียหาย ซึ่งจุดเกิดเหตุแต่ละจุดเจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ นำกำลังรถดับเพลิง ในการสกัดเพลิงไหม้อาคารและสิ้นค้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานและเกี่ยวข้อง จะเข้าทำการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ในอีกครั้ง
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งเหตุระเบิดป่วนร้านสะดวกซื้อ

จากกรณีเหตุการณ์คนร้ายได้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์กระจายพร้อมกัน 17 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 7 ราย ร้านสะดวกซื้อ ปั้มน้ำมัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

อผศ. จัดโครงการ 99 ดวงตา เพื่อทหารกล้า ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

จากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง บำเพ็ญพระราชกรณียกิจที่สำคัญนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยตลอดมา ซึ่งล้วนคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารผ่านศึก ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ปกป้องเอกราชอธิปไตยของชาติไทยให้คงความเป็นเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนและพระราชทานสิ่งของอยู่เสมอ เมื่อทหารเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บ บางคนต้องสูญเสียอวัยวะจนกลายเป็นผู้พิการทุพพลภาพ ก็ยังทรงให้การสงเคราะห์ทหาร ผ่านศึกและครอบครัวเสมอมา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาองค์การสงเคราะห์ทหาร ผ่านศึกได้สนองพระราชปณิธานโดยจัดทำโครงการ "ความห่วงใยไร้พรมแดน"

โดยการดูแลสุขภาพและให้การแนะนำด้านสุขภาพในเชิงรุกให้กับทหาร ผ่านศึกและครอบครัวในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารหรือเนื่องจากมีความพิการมีความยากลำบากในการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพ เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันที่ 12 สิงหาคม 2565 องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยสมาคมแม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกและโรงพยาบาลทหารผ่านศึกได้ดำเนินการต่อยอดจากโครงการ  "ความห่วงใยไร้พรมแดน" โดยการจัดทำโครงการ "99 ดวงตาเพื่อทหารกล้า"ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้บริการเปลี่ยนดวงตาเทียม และตรวจสุขภาพดวงตา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

'ผอ.ศอ.ปส.ตร' วอนผู้ปกครองหมั่นดูแล ลูกหลานในครอบครัว หวั่น ถูกชักจูงเสพ 'ยาลิ้นฟ้า' ที่กำลังระบาด

ฮึ่ม ..!!!แหล่งจำหน่ายทุกช่องทาง หยุดขายให้เยาวชน หากพบฝ่าฝืนมีโทษหนักถึงจำคุก

เมื่อวันที่ (17 ส.ค. 2565) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) เปิดเผยว่า จากที่ปรากฏเป็นข่าวจากสื่อต่าง ๆ กรณีวัยรุ่นบางกลุ่มนิยมใช้ยาลิ้นฟ้า ว่า ยาลิ้นฟ้า คือยาโรฮิบนอล ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของยาในกลุ่มฟลูนิแทรซิแพม (Flunitrazepam) หรืออาจเป็นกลุ่มยาลักษณะเดียวกัน จัดอยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ถือเป็นยาควบคุม ไม่มีขายทั่วไป ต้องจ่ายยาโดยแพทย์เท่านั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยต่อเยาวชนที่ถูกชักจูงให้ใช้ยาประเภทนี้ รวมถึงฝากให้ผู้ปกครองหมั่นดูแลบุตรหลานในครอบครัว เพราะยาดังกล่าวถ้าหากมีผู้นำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น นำไปมอมผู้อื่นให้หมดแรงต่อสู้ จำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพื่อก่ออาชญากรรม โดยส่วนใหญ่ใช้ผสมในเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อทำให้ Flunitrazepam ออกฤทธิ์กดประสาทแรงขึ้น

‘อีลอน มัสก์’ ทวิตสนซื้อ ‘แมนฯ ยู’ โดนชาวเน็ตสวน เอาจริงหรือแค่ปั่น

อีลอน มัสก์ นักธุรกิจ และนักลงทุนชื่อดังชาวอเมริกัน เจ้าของบริษัทสเปซเอ็กซ์ เรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งในโลกโซเชียล เมื่อโพสต์ข้อความระบุว่า ตนมีแผนจะเข้าไปเทคโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวจาก เอ็กซ์เพรส สื่อชั้นนำของอังกฤษ ว่า ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีม "ปีศาจแดง" ตั้งราคาขายสโมสรเอาไว้ที่ 4,000 ล้านปอนด์ หลังทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในการเริ่มต้นฤดูกาล 2022/23

ล่าสุด อีลอน มัสก์ ออกมาทวิตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่า "ตอนนี้ผมกำลังซื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยความเต็มใจ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top