Friday, 27 June 2025
NEWS FEED

'ชาวทวิต' รุมสับ!! รายการ ‘ร้องข้ามกำแพง’  หลังปล่อยพูดเรื่อง 18+ ต่อหน้า ‘สไปร์ท’ วัย 16 ปี

ทำเอาโลกออนไลน์เดือดไม่น้อย สำหรับรายการ 'ร้องข้ามกำแพง' ที่ชาวเน็ตถามหาความเหมาะสมของเนื้อหารายการ ว่าสามารถพูดถึงเรื่องลามกบนเวทีได้แล้วหรือไม่

โดยรายการตอนดังกล่าว มี ชมพู่ ก่อนบ่าย มาร่วมรายการ ในช่วงที่ทายแขกรับเชิญปริศนานั้น หมอก้อง ซึ่งเป็นแขกรับเชิญหลังกำแพง ได้ใบ้ว่า “คุณชอบให้สามีประแป้งที่…ครับ” ซึ่ง ชมพู่ ยังได้ตอบว่า “ทุกวันนี้ ที่คนทักว่าคอบวม เป็นเพราะกินแป้ง”

ซึ่ง สไปร์ท แร็พเปอร์หนุ่มวัย 16 ปี ที่อยู่ในรายการ ได้สงสัยว่าแป้งแล้วทำไมติดคอ ขณะที่ชมพู่ยังอธิบายว่า “เวลาสามีอาบน้ำเสร็จแล้วชอบโรยแป้งที่…” ซึ่ง สไปร์ท ก็ยังคงไม่เข้าใจ

ทั้งยังมี ช่วงตอนหนึ่งที่ ปู่จ๋าน ลองไมค์ มาออกรายการ และมีคำพูดที่สามารถตีความได้

โดยหลายคนมองว่าเรื่องนี้เป็นความไม่เหมาะสม ที่จะพูดต่อหน้าเยาวชน ทั้งการพูดในรายการ โดยว่า

“พูดเรื่องลามกกันเปิดเผยโคตรๆ แล้วสไปร์ทอายุ 16 นั่งหัวโด่อยู่ตรงนั้นอะ น้องมันไม่ทันมุกแล้วก็อุตส่าห์พยายามจะอธิบายอีก แบบหมดคำจะเอ่ยแล้ว ตอนดูกูสงสารสไปร์ทมากๆ”

“ในรายการพูดว่าน้องสไปร์ทมาออกซุปเปอร์เท็นตอนกี่ขวบ ละก็เล่นเข้ามุกว่าอะไรที่ยังไม่ขึ้นตอนนี้ก็ขึ้นละ อะไรที่ยังไม่ฟูตอนนี้ก็ฟูละ กูแบบโอ๊ย มึง sexual harassment เด็กขนาดนี้เลยเหรอวะ อุบาทว์เ-ย ๆ สงสารน้องอะ #ร้องข้ามกำแพง”

คลิปดังกล่าว มีคนรีออกไปหลายหมื่นครั้ง บ้างก็โควทรีทวิตไป และมองว่าไม่เหมาะสม โดยมีความเห็นหลากหลาย อาทิ

“เรื่องลามกไม่ผิดครับ รายการนี้ผิดจุดเดียวแค่ว่าเอาเด็กวัย 16 ปีมาร่วมรายการแล้วทำแบบนี้ ถ้าจะเล่นมุข 18+ ออกอากาศ ควรสามารถทำได้ ตราบใดที่รายการติดเรตติ้งถูกต้อง แล้วไม่มีคนร่วมรายการที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ”

เมื่อสภาพัฒน์ฯ ทำตัวแบบมีธงในการขับเคลื่อนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ นอกจากเอ็นจีโอแล้ว ใครคือไอ้โม่ง ที่อยู่เบื้องหลัง และรักษาการนายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช.) โดยส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 หรือ นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งเป็นโครงการการสร้างเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่เป็นการลงทุนของเอกชน โดยการสนับสนุนของรัฐบาลที่มี วัตถุประสงค์ เพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่สำคัญ เป็นเกตเวย์ หรือท่าเรือ เพื่อการส่งออกที่เป็นประตูที่ 3 ของประทศสู่โลกภายนอก เพื่อการแข่งขันกับนานาประเทศที่เป็นคู่แข่งของประเทศไทย 

ซึ่งการเริ่มเข้ามาขับเคลื่อนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ โดยการที่ สสช. ส่ง เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ เพื่อจัดทำรายงานการศึกษาระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ได้สร้างความดีใจกับคนส่วนใหญ่ของ อ.จะนะ ไม่เฉพาะแต่คนในพื้นที่ 3 ตำบล คือ นาทับ, สะกอม และ ตลิ่งชัน ที่เป็นพื้นที่ตั้งของโครงการ เพราะคนทั้ง อ.จะนะ เชื่อว่า ถ้าโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 หรือนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เกิดขึ้นได้จริง ต้องส่งผลถึงผู้คนใน หลายสาขาอาชีพ ของคนจะนะ และใกล้เคียงด้วย

แต่...ประชาชนที่ต้องการเห็นการเกิดขึ้นของนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เริ่มไม่แน่ใจว่าการลงพื้นที่ของ เจ้าหน้าที่ชุดนี้จากสภาพัฒน์ เพื่อทำเรื่อง SEA จะเป็นการมาเพื่อการขับเคลื่อนให้โครงการนี้เกิดขึ้น เพื่อการพัฒนาภาคใต้ หรือมาเพื่อการทำ SEA เพื่อให้หยุดโครงการดังกล่าวกันแน่ 

ตำรวจแถลงกฎหมายจราจรฉบับใหม่เริ่มใช้ 5 กันยายน 2565 พร้อมมอบรางวัลประชาชนส่งคลิปกล้องหน้ารถ ในโครงการอาสาตาจราจร รวม 50,000 บาท

วันนี้ (2 ก.ย. 65) เวลา 10.30 น. ณ ห้องศรียานนท์ โซนซี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ,พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์  รอง ผบช.น., พร้อมด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ, คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษา ฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัลและเกียรติบัตร โครงการอาสาตาจราจร ประจำเดือน ก.ค. 65 ให้แก่ เจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุและเหตุการณ์ขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมายสำคัญ และส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมจำนวน 10 คลิป เงินรางวัลรวมจำนวน 50,000 บาท โดยมีบริษัท วิริยะฯ สนับสนุนเงินรางวัล โดยคลิปสำคัญ มีดังนี้

คลิปรางวัลที่ 1 เป็นคลิปอุบัติเหตุบนถนนพหลโยธิน กรณีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับขี่แทรกมาชนกับรถจักรยานยนต์ไรเดอร์ และไปชนรถยนต์อีก 2 คันด้วย ขณะเดียวกันผู้ขับขี่จักรยานยนต์คันที่ขี่แทรกมานั้น ได้จับรถจักรยานยนต์ของไรเดอร์ แต่มือไปโดนคันเร่ง ทำให้รถพุ่งไปชนกับรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหาย ผลทางคดี พนักงานสอบสวน สน.พลหโยธิน ได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันที่กระทำผิด ข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และชดใช้ค่าเสียหายให้กับรถคันอื่นๆ

คลิปรางวัลที่ 2 เป็นคลิปอุบัติเหตุ บริเวณแยกประชานุกูล ถ.รัชดาภิเษก เหตุการณ์รถยนต์ส่วนบุคคลสีขาวขับมาด้วยความเร็ว ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์กลางแยก ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ ผลทางคดี พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้เรียกตัวผู้กระทำผิดมาตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พบว่าไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ แต่มีความผิดฐานขับขี่ด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ      

คลิปรางวัลที่ 3 เป็นคลิปอุบัติเหตุ บริเวณกำแพงเพชร วัดเสมียนนารี รถแท็กซี่ได้สัญญาณไฟเขียวขับผ่านแยกไปตามเส้นทางปกติ แต่มีรถจักรยานยนต์ ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง พุ่งชนเข้ากลางลำของรถแท็กซี่ หมวกนิรภัยกระเด็นจากศีรษะ ได้รับบาดเจ็บ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้เปรียบเทียบปรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในข้อหา ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ  กล่าวว่า จากการตรวจสอบคลิปอุบัติเหตุ มักจะเกิดจากการขับขี่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งรัดกวดขันวินัยจราจรในข้อหาที่เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุอย่างเคร่งครัด และฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 5 ก.ย.65 อัตราโทษปรับตามกฎหมายจจราจรจะมีอัตราโทษที่สูงขึ้น หากขับฝ่าฝืนกฎจราจรและเกิดอุบัติเหตุ อาจถูกปรับสูงสุดถึง 4,000 บาท

นอกจากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ยังได้ให้ข้อมูลกฎหมายจราจรทางบกฉบับใหม่ที่จะมีผลวันที่ 5 ก.ย.65 ที่ประชาชนต้องรู้เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง มีดังนี้

1) เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับ  กระทำผิดครั้งแรกจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก เพิ่มอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000 – 100,000 บาท และศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ (ม.160 ตรี/1 และ 160 ตรี/3)  

​2) เพิ่มอัตราโทษที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยง ในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทาง     2.1 เพิ่มอัตราโทษปรับ เช่น
- ขับรถเร็วเกินกำหนด ปรับไม่เกิน 4,000 บาท  (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
- ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
- ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
- ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
- ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
- ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)

2.2 เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น
​​- อัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 -10,000 บาท เพิ่มเป็น จำคุกไม่เกิน 1 ปี  ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียนชี้แจงถึงความคืบหน้าเพิ่มเติม กรณีคดีตำรวจสันติบาลหญิงทำร้ายร่างกายทหารหญิงได้รับบาดเจ็บ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเปิดเผยถึงความคืบหน้าเพิ่มเติมกรณีตำรวจสันติบาลหญิงทำร้ายร่างกายทหารหญิงได้รับบาดเจ็บ 

ความคืบหน้าในส่วนของการดำเนินคดีอาญา สภ.เมืองราชบุรี จว.ราชบุรี ในวันนี้ (2ก.ย.65) พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเบิกตัวผู้ต้องหาไปทำการตรวจจิตเวชเพื่อนำผลการตรวจมาประกอบสำนวนคดี และพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก อยู่ระหว่างรอผลตรวจและทำการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมาย

ในส่วนการดำเนินคดีของ สภ.ชะอำ จว.เพชรบุรี พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการสอบปากคำผู้ต้องหาที่เรือนจำราชบุรีเพิ่มเติม และสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมรวมถึงได้ทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจเปรียบเทียบทางนิติวิทยาศาสตร์ และทำการสอบปากคำพยานประกอบคดีไปแล้วหลายปาก โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนกฎหมาย

โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับการปฎิบัติของเจ้าที่ตำรวจ ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงไปมา ทั้งในส่วนของการดำเนินการทางวินัยและการดำเนินการในทางคดีอาญา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งเพื่อป้องกันให้สังคมเกิดความสับสนและเสียรูปคดี จึงขอความร่วมมือติดตามข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น

'อองซาน' ถูกจำคุกเพิ่มอีก 3 ปี ข้อหาโกงการเลือกตั้ง ฟากกองทัพพม่าเล็งแบนพรรค NLD จากการเลือกตั้งใหญ่

(2 ก.ย. 62) ศาลพม่าได้อ่านคำพิพากษาตัดสินโทษ นาง อองซาน ซูจีน ที่ปรึกษาแห่งรัฐของพม่าว่ามีความผิดในข้อหาโกงการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2020 ทำให้อองซาน ซูจี ต้องถูกจำคุกเพิ่มอีก 3 ปี หลังจากที่โดนตัดสินโทษในความผิดข้อหาอื่นๆ ก่อนหน้านี้มาแล้วหลายคดี ตั้งแต่การคอร์รัปชัน การใช้อำนาจในตำแหน่งมิชอบ การปลุกระดม และอื่นๆ ที่ทำให้อองซาน ซูจี มีโทษจำคุกสะสมแล้วกว่า 17 ปี 

และนอกเหนือจากโทษจำคุกแล้ว ยังมีระบุว่าต้องมีการบังคับใช้แรงงงานหนักในช่วงที่ถูกจองจำด้วย ซึ่งไม่ได้ระบุว่าโทษแรงงานมีรายละเอียดอย่างไร รวมถึง นาย วิน มินท์ ผู้นำพม่าของพรรค NLD ที่ชนะการเลือกตั้งปี 2020 ก็ถูกตัดสินรับโทษในข้อหาโกงการเลือกตั้งเช่นเดียวกับ นาง อองซาน ซูจี 

จากการเลือกตั้งใหญ่ของพม่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2020 พรรค NLD ของ อองซาน ซูจี ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย กวาดที่นั่งในสภาไปได้ถึง 315 จาก 440 ที่นั่ง สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวได้สบายๆ แต่กลับยังตั้งรัฐบาลไม่ได้สักที ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องโกงการเลือกตั้ง และนำไปสู่การรัฐประหารในพม่าเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021  

แม้ว่า The Asian Network for Free Elections องค์กรอิสระที่เข้ามาสังเกตการณ์ในคูหาเลือกตั้งในพม่ากว่า 400 แห่ง ในช่วงระหว่างมีการเลือกตั้ง ได้ยืนยันว่าไม่พบการกระทำผิดกฏหมายตามที่ฝ่ายกองทัพพม่ากล่าวอ้าง แต่สุดท้าย นายพล มิน อ่อง หล่าย ก็ประกาศว่าผลการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะอยู่ดี เพราะขาดความยุติธรรม และเสรีภาพ

ดังนั้นข้อหาเรื่องการโกงการเลือกตั้ง จึงเป็นคดีหลักของอองซาน ซูจี มากกว่าคดียิบย่อย ที่โดนพิพากษาไปก่อนหน้านี้ และจะเป็นคดีที่ส่งผลต่อพรรค NLD ที่อาจถูกรัฐบาลทหารใช้เป็นเหตุผลที่จะแบนพรรค NLD ทั้งพรรคออกจากการเลือกตั้งใหญ่ ที่ทางนายพล มิน ออง หล่าย เคยสัญญาว่าจะจัดขึ้นแน่ๆในปี 2023 ที่จะถึงนี้

ศาลกาฬสินธุ์ติวเข้มผู้บังคับใช้กฎหมาย

ศาลกาฬสินธุ์จัดอบรมโครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรม ของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นกลไกหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการยุติธรรมทุกภาคส่วน ติวเข้มผู้บังคับใช้กฎหมายทั้งระบบยุติธรรมที่โรงแรมชาร์ลองบูทรีค อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นางสาวโกมลลดา ไกรสิงห์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางวัฒนานันท์ ธรรมบุตร ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาล จ.กาฬสินธุ์ นายพูนศักดิ์ นามเพ็ง ส่วนช่วยอำนวยการประจำศาล จ.กาฬสินธุ์ เปิดการอบรมตามโครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทุกระบบ โดยมีนายณัชฐปกรณ์ เจริญรัตนวานนท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาล จ.กาฬสินธุ์ นายอัครรัฐ สูตรสุวรรณ ผู้พิพากษาศาล จ.กาฬสินธุ์ เป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านกฎหมาย

นางสาวโกมลลดา ไกรสิงห์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า โครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรม ของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมจัดขึ้นเพื่ออบรม ให้ความรู้เพิ่มเติมในด้านกฎหมาย เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วนในกระบวนยุติธรรมภายใน จ.กาฬสินธุ์ทั้งระบบ ทั้งในส่วนประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับยาเสพติดที่ให้โทษ นอกจากนี้ยังเกี่ยวกับกฎหมายที่แก้ไขฉบับใหม่ ซึ่งการประสานความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้ระเบียบงานที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมใน จ.กาฬสินธุ์

ทั้งนี้ ศาลยุติธรรมเป็นสถาบันหลักในการอำนวยความยุติธรรม และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรม พ.ศ. 2565-2568 เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย  ในการประสานความร่วมมือด้านกระบวนการยุติธรรมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน รวมถึงวางแนวทางแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันระหว่างหน่วยงาน เพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ภายใต้ยุทธศาสตร์กระบวนการยุติธรรม เพื่อขับเคลื่อนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทุกภาคส่วนให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ภายใต้ระบบนิติธรรม เพื่อพัฒนาเครือข่ายในการแก้ไขปัญหา การปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ของสำนักงานศาลยุติธรรมและศาลกาฬสินธุ์

ปทุมธานี กัลฟ์มอบ55ล้านบาท รพ.ธรรมศาสตร์สนับสนุนสร้างศูนย์ไตเทียมเพิ่มช่องทางเข้าถึงการรักษา

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ที่อาคารม.ร.ว.สุวพรรณ สนิทวงศ์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) นำโดย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มอบเงินสนับสนุนจำนวน 55 ล้านบาทให้แก่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์ไตเทียม โดยมี ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร เป็นผู้รับมอบ โดยมี นางนลินี รัตนาวะดี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มูลนิธิพลังงานไทย , นายบุญชัย ถิราติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF , นายสิตมน รัตนาวะดี และรศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ ผศ.นพ.ปรีดิ์ นิมมานนิตย์ ผู้ช่วยผู้อํานวยการฝ่ายวางแผนและงบประมาณ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เป็นสักขีพยาน  

เนื่องจากสถานการณ์ที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตที่จําเป็นต้องได้รับการฟอกไตเพิ่มมากขึ้นทุกปี การได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมและได้มาตรฐานจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยปัจจุบันหน่วยฟอกไตของรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีความจําเป็นต้องเพิ่มรอบการให้บริการการฟอกไต เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งสำหรับพื้นที่ภาคกลางตอนบน รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติถือเป็นโรงพยาบาลที่สามารถให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทางได้อย่างครบวงจรแห่งเดียว ทำให้คนในพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียงอย่าง จ.สระบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาฟอกไตในกรุงเทพฯ รวมถึงเป็นรพ.ที่รับส่งต่อผู้ป่วยที่ยากไร้ ที่เกินศักยภาพการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ในบริเวณกรุงเทพตอนเหนือ ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง รวมถึงในพื้นที่ภาคอีสาน ทําให้ในปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการเป็นจํานวนมาก มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วมากขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้สถานที่และอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอต่อการให้บริการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ จึงมอบเงินจำนวน 55 ล้านบาทแก่รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อสนับสนุนการก่อสร้าง “ศูนย์ไตเทียม” ที่มีเครื่องฟอกไตประสิทธิภาพสูง (On-line Hemodiafiltration) จำนวน 30 เครื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยยากไร้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังได้เข้าถึงการรักษาที่ทั่วถึงและได้มาตรฐาน โดยมุ่งเป็น Center of Excellence ที่รองรับผู้ป่วยโรคไตและผู้ป่วยบำบัดทดแทนไตอย่างครบวงจร ทั้งการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบเฉียบพลัน (Acute Hemodialysis) และแบบเรื้อรัง (Chronic Hemodialysis) การล้างไตผ่านทางช่องท้อง การผ่าตัดปลูกถ่ายไต และการให้บริการทำ Plasmapheresis เป็นต้น นอกจากนี้ศูนย์ฯ จะต่อยอดเป็นสถานที่การเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ นักศึกษาพยาบาล และแพทย์ประจำบ้านด้านอายุรศาสตร์โรคไต สอดคล้องกับพันธกิจของ GULF ที่มุ่งส่งเสริมด้านสาธารณสุข ควบคู่ไปกับกับพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมา GULF ได้มีการดำเนินโครงการด้านสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่แพร่ระบาดมากว่า 2 ปี ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของผู้คนเป็นวงกว้าง ซึ่งผู้ป่วยโรคไตนั้นถือเป็นอีกกลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากก่อนหน้านี้ หลายโรงพยาบาลจำเป็นต้องเลื่อนนัดผู้ป่วยออกไปเป็นจำนวนมาก จนส่งผลไปถึงผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฟอกเลือดหรือปลูกถ่ายไต โดยทาง GULF ตระหนักว่าปัญหาของผู้ป่วยโรคไต และผู้ป่วยโรคเรื้อรังไม่ได้มีแค่เรื่องค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น

แต่ยังพบปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยที่ต้องเดินทางไปฟอกเลือด และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทาง GULF จึงมุ่งหวังว่าการมอบเงินสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์ไตเทียมนี้จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคไต และเป็นศูนย์การแพทย์ที่เป็นประโยชน์ต่อทางโรงพยาบาลในระยะยาวต่อไป ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการบริหารรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า งานการพยาบาลผู้ป่วยโรคไตและไตเทียมของทางโรงพยาบาล เป็นหน่วยงานที่มีผู้ป่วยเข้ารับการบริการเป็นจํานวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ไตรุนแรงและซับซ้อนเพิ่มสูงขึ้น ทําให้โรงพยาบาลมีจํานวนผู้ป่วยไตวายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  แต่ด้วยปัญหาข้อจํากัดในเรื่องพื้นที่และอุปกรณ์ ทําให้ปัจจุบันหน่วยฟอกไตโรงพยาบาลจําเป็นต้องเพิ่มรอบการให้บริการเป็น 3 รอบต่อวัน

จับกุมผู้ต้องหาสำคัญเครือข่ายค้ามนุษย์ชาวโรฮินจา ปี 2558 ได้เพิ่มเติม 2 ราย

จากกรณีเมื่อประมาณเดือน พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพบศพผู้เสียชีวิตและศพที่ถูกฝังไว้รวมกันกว่า 30 ศพ บริเวณแคมป์คนงานกลางป่าบนเขาแก้ว ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จากการสืบสวนทราบว่า ทั้งหมดเป็นศพของชาวโรฮินจา ที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร และหลบซ่อนบริเวณค่ายกักกันดังกล่าว เพื่อรอส่งต่อไปยังประเทศที่สาม ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามและจับกุมผู้ต้องหาซึ่งมีผู้ร่วมขบวนการทั้งทหาร ตำรวจ และนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก ตามที่สื่อมวลชนและสื่อโซเชียลนำเสนออย่างต่อเนื่องนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. เร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนีอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้จำนวนหลายราย ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ออกติดตามจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายหม่อง ถ่าน ทุน สัญชาติเมียนมา อายุ 55 ปี และนางราฮานา เจ๊ะสะมะแอ สัญชาติไทย คู่สามีภรรยา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า ได้หลบหนีหมายจับโดยการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล และใช้หนังสือเดินทางประเทศมาเลเซีย เดินทางเข้ามายังประเทศไทยอีกครั้ง จนเมื่อวันที่ 1 ก.ย.65 ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร.สามารถยืนยันตัวตนของผู้ต้องหาทั้งสองได้อย่างแน่นอนแล้ว จึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี มีรายละเอียดดังนี้ 

1. นายหม่อง ถ่าน ทุน สัญชาติเมียนมา หรือ นายซุลกิฟลี บิน อับดุลลาห์ (Zulkifli Bin Abdullah) สัญชาติมาเลเซีย ถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 308/2558 ลง 22 มิ.ย.58 ความผิดฐาน สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป กระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง ผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ และหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 477/2558 ลง 27 ส.ค.58 ความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน

2. นางราฮานา  เจ๊ะสะมะแอ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/12 ซ.สุมาลี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือ นาง Rohano Binti Mat said (โรฮานา บินติ มาต ซาอิด) ตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ที่ 307/2558 ลง 22 มิ.ย.58 โดยกล่าวหาว่า สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป กระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง ผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่  และ หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 476/2558 ลง 27 ส.ค.58 โดยกล่าวหาว่า สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน

ผู้ต้องหาทั้งสองถูกจับกุมตัวได้ที่บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนพระรามเก้า แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
 

'หนุ่ย พงศ์สุข' ยืดอก!! ขอโทษนักศึกษาฝึกงาน ยอมรับโพสต์แขวน ปม 'ไม่ทัก' ไม่เหมาะสม

(2 ก.ย. 65) จากกรณีที่ 'หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์' พิธีกรด้านไอทีชื่อดัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงพฤติกรรมของนักศึกษาฝึกงานที่ไม่ทัก ไม่สื่อสารกับใครในออฟฟิศ แม้จะทำงานที่ตนเองรับผิดชอบได้ดี ซึ่งมองว่าเป็นการเสียโอกาสที่ไม่ได้สายสัมพันธ์ ออกสังคม สะสมคอนเน็คชั่น ตามคุณค่าที่คนทำงานทุกคนพึงได้รับ และเมื่อ COO (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ) ของบริษัทฯ คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาพบว่า นักศึกษาฝึกงานมีพฤติกรรมสองบุคลิกกับที่สถาบันเช่นกัน ซึ่งทาง COO ก็กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้ตัดสินในยุติการฝึกงาน เพราะเห็นว่าทำงานดี ไม่มีอะไรเสียหาย แต่มารยาททางสังคมสอบตก ปรากฎว่าโพสต์ดังกล่าวถูกทัวร์ลงอย่างหนัก เพราะเห็นว่าเป็นการเอานักศึกษาฝึกงานไปแขวนประจาน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรือเสียหาย และเห็นว่าควรพูดต่อหน้ากันตรง ๆ ดีกว่ามาโพสต์ลับหลังแบบนี้ จนภายหลังหนุ่ย ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไป

ล่าสุด 'หนุ่ย พงศ์สุข' ได้โพสต์ข้อความขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ระบุว่า...

แม้ “คุณค่าที่ยึดถือ” เป็นคนละแบบ แต่การแสดงออกของผมก็ผิด 

- ผิดที่เอาเรื่องนี้มาเล่า 
- ผิดที่เอาน้องไปแขวน 

แม้ไม่มีการระบุชื่อเสียงเรียงนาม แต่ผมก็ผิดอย่างมากที่ทำการสื่อสารเรื่องราวนี้อย่างไม่สมควรด้วยประการทั้งปวง

ตลอดสองคืนนี้ ผมได้อ่านความคิดเห็นของผู้คนมากมาย ทั้ง Gen Y, Z และย้อนกลับมาที่ Gen X ช่วงวัยผมด้วย ผมยอมรับความจริง ยอมรับความต่าง แล้วตกผลึกความคิดกับการเปลี่ยนผ่าน 

คนแต่ละเจนฯ โตมาในโลกที่มีโฉมหน้าต่างกัน เราจึงยอมรับในเนื้อหาและบริบทที่ต่างกันออกไป แล้วก็เป็นสิทธิที่ทุกคนจะคิดหรือปฏิบัติอย่างไรต่อกันก็ได้หากยังอยู่ภายใต้กฎหมาย 

ในนามบริษัท เราได้ขอพบน้องทั้งคู่เมื่อวาน และกล่าวคำขอโทษตรงหน้ากับการกระทำนี้ของผม ผมเขียนบันทึกภายในส่งในไลน์กลุ่มองค์กรที่มีพนักงานทุกคนอยู่พร้อมเพื่อแสดงความขอโทษ และความผิดพลาดแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับใครหรือกับบุคคลสถานะไหน

ถอดบทเรียนเส้นทางค้ามนุษย์ เสริมเคี้ยวเล็บสร้างเครือข่ายข่าวกลุ่มประมงพื้นบ้าน

วันนี้ 2 กันยายน 2565 ทัพเรือภาคที่ 3 มอบหมายให้ น.ท.รัฐพล แก้วกระจาย ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 จัดอบรมจัดโครงการสร้างเครือข่ายด้านการข่าวในกลุ่มประมงทะเลพื้นบ้าน เพื่อการแก้ไขปัญหา ป้องกันและสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการปราบปรามการค้ามนุษย์ 

ทั้งนี้ความยากลำบากในการเฝ้าระวังตามแนวตะเข็บชายแดนทางทะเลของหน่วยรักษาความมั่นคง ด้วยพื้นที่อาณาเขตที่กว้าง ฝั่งทะเลอันดามันมีชายฝั่งทะเลยาวประมาณ 144.8 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้ทั้งทางบกและทางทะเล จึงทำให้ยากต่อควบคุมผู้ที่ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาทำงาน หรือการนำแรงงานต่างด้าวส่งต่อให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้มีการเล็ดลอดรวมทั้งการอพยพเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของแรงงาน โดยเฉพาะชาวโรฮิงญาที่เล็ดลอดเข้ามาได้ง่าย แม้จะเฝ้าระวังเข้มในการลาดตระเวนทั้งทางบก ทางทะเลและทางอากาศแล้วก็ตาม โดยบทเรียนในต้นเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา

พบชาวโรฮิงญา 59 คน หลบหนีเข้าประเทศบริเวณอ่าวกำนัน เกาะดง ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บริเวณเกาะดง (แยกเป็น ญ 23 ช 31 เด็ก 5) และยังพบว่าในห้วงเดือนเดียวกัน  มิ.ย. 2562  เรือขนชาวโรฮิงญาเคยถูกคลื่นซัดจนเรือแตกห่างไปเพียง 5 ไมล์ทะเลเท่านั้น จากสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในการทบทวนภารกิจของหน่วยความมั่นคง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 ได้จัดโครงการสร้างเครือข่ายด้านการข่าว (ในกลุ่มประมงทะเลพื้นบ้าน)  เพื่อการแก้ไขปัญหา ป้องกันและสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการปราบปรามการค้ามนุษย์ จำนวน 50 คน ที่ห้องประชุมบารารีสอร์ท ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ในการประสานความร่วมมือนำชาวประมงทะเลพื้นบ้านในพื้นที่ตำบลแหลมสน  อำเภอละงู จังหวัดสตูล เพื่อควบคุมยับยั้งการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ในพื้นที่เกาะแก่งต่าง ๆ และเขตพื้นที่ชายฝั่งภายในจังหวัดสตูลที่ติดกับทะเล ป้องกันการยับยั้งการทำประมงในทะเลที่ผิดกฎหมาย  , ควบคุมกำกับดูแลความมั่นคงของชาติทางทะเลในเขตพื้นที่จังหวัดสตูล ,ควบคุมและตรวจสอบมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ , ควบคุมตรวจสอบและป้องกันการค้ามนุษย์ในภาคประมงทะเลในพื้นที่จังหวัดสตูล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top