Friday, 27 June 2025
NEWS FEED

อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งมาเลเซียไม่รอด เจอคุก 10 ปี ข้อหาติดสินบน หลังสามีโดนฟันในคดี 1MDB

รซมะฮ์ มันโซร์ ภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรี นายิบ ราซัค ถูกศาลมาเลเซีย ตัดสินจำคุก 10 ปี และปรับเงินอีก 970 ล้านริงกิต (7.9 พันล้านบาท) ด้วยข้อหารับสินบน ในช่วงระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากที่นาย นายิบ ราซัค ถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 12 ปีในข้อหาคอร์รัปชั่นในคดี 1MDB

รซมะฮ์ มันโซร์ อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของมาเลเซีย วัย 70 ปี ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีรับสินบนถึง 3 คดี ในการเอื้อผลประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน Jepak Holdings ชนะการประมูลโครงการพัฒนาพลังงานโซลาร์แนวผสมผสาน ที่มีวัตถุประสงค์ที่จะผลิตพลังงานให้กับโรงเรียนมากกว่าร้อยแห่งทั่วรัฐซาลาวัค ซึ่งเป็นโครงการมีมูลค่าสูงถึง 1.25 พันล้านริงกิต ในช่วงที่ นายิบ ราซัค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

อัยการอ้างว่าพบวงเงินสินบนมูลค่า 187.5 ล้านริงกิต กับหลักฐานการรับเงินสินบนอีก 6.5 ล้านริงกิต จากเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่ชนะการประมูลโครงการพลังงานโซลาร์ ซึ่งนาง รซมะฮ์ มันโซร์ ปฏิเสธว่า เป็นความผิดของผู้ช่วยของเธอ และเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้รับโครงการ แต่ศาลไม่เชื่อ และกล่าวว่าข้ออ้างของเธอเลื่อนลอย และไร้หลักฐาน 

ก่อนหน้าที่จะมีคำตัดสินในวันนี้ ทีมกฏหมายของนาง รซมะฮ์ มันโซร์ พยายามที่จะยื่นคำร้องขอเปลี่ยนตัวทีมผู้พิพากษา โดยระบุว่ามีเอกสารคำตัดสินรั่วไหลออกมาทางออนไลน์ ที่ระบุว่าเธอมีความผิด ซึ่งเป็นการชี้มูลความผิดล่วงหน้า ซึ่งไม่เป็นธรรมกับคดีของเธอ แต่คำร้องถูกปฏิเสธ โดยกล่าวว่าทีมอัยการได้พิสูจน์คดีอย่างใช้วิจารณญาณอันสมเหตุผลแล้ว

‘ก้าวไกล’ ยื่นสภาขอแก้ กม.แพ่ง ห้ามผู้ปกครองลงโทษทารุณบุตร

ปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยภัสริน รามวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร และ พนิดา มงคลสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ แถลงข่าวยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) ต่อสภาผู้แทนราษฎร จากแต่เดิมที่กำหนดให้ผู้ปกครองมีสิทธิลงโทษบุตรได้ตามสมควร เปิดช่องให้เกิดการทำร้ายหรือการเฆี่ยนตี จนเกิดอันตรายต่อเด็ก แก้เป็นการจำกัดสิทธิในการลงโทษ ห้ามทารุณทำร้าย เฆี่ยนตี หรือทำโทษอันด้อยค่าบุตร หวังทำให้เด็กได้รับการปกป้องจากความรุนแรงและได้พัฒนาเต็มศักยภาพ 

“ร่างนี้เป็นความตั้งใจของ ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้ยกร่างขึ้นหลังจากเห็นข่าวเด็กหญิงอายุ 2 ปี ถูกบิดาเลี้ยงทำร้ายจนเสียชีวิต เหตุเกิดในจังหวัดพิษณุโลก แต่เนื่องจากนายณัฐวุฒิฯ อยู่ในระหว่างรักษาโรคโควิด ไม่สามารถมาแถลงข่าวด้วยตนเอง จึงได้มอบให้ตนเป็นผู้แถลงแทน และหากเราติดตามข่าว จะเห็นข่าวเด็กถูกบิดามารดาหรือผู้ปกครองทำร้ายด้วยความรุนแรงอยู่บ่อยครั้ง โดยเข้าใจว่าพวกเขามีสิทธิจะลงโทษบุตร ดังที่ปรากฏใน ปพพ.ม.1567 (2) ปัจจุบันที่ว่า “ผู้ปกครองมีสิทธิทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร” สอดคล้องสุภาษิตในอดีตที่กล่าวว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี แต่หลายครั้งวิธีการลงโทษจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกลับกลายเป็นการทารุณที่ส่งผลต่อร่างกายหรือจิตใจ เฆี่ยนตีอย่างไม่ยั้ง หรือทำให้เด็กรู้สึกตนเองด้อยค่า นำไปสู่การบาดเจ็บ เสียชีวิต และที่สำคัญส่งผลต่อการที่เด็กจะไปสร้างความรุนแรงต่อในระยะยาว” ปดิพัทธ์ระบุ

โดยปรากฏว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เองก็ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และได้ยกร่างแก้ไข ปพพ. มาตรา 1567 (2) ไว้ในทำนองจำกัดสิทธิของผู้ปกครองในการลงโทษบุตร พร้อมทั้งได้ส่งเรื่องให้กระทรวงยุติธรรมร่วมพิจารณามาตั้งแต่ปี 2559 แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด ทางพรรคก้าวไกลจึงได้ยกร่างและรวบรวมรายชื่อ ส.ส.เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน เข้าชื่อเสนอขอแก้ไข ปพพ.มาตรา 1567 (2) เปลี่ยนจากข้อความเดิมเป็น “ทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร แต่ต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือทำโทษอื่นใดอันเป็นการด้อยค่า” เพื่อเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยหวังว่าสภาฯ จะเร่งการพิจารณาให้ทันในสมัยประชุมหน้า แสดงถึงความตั้งใจในการปกป้องเด็กทุกคนจากความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงในบ้าน

ภัสริน รามวงศ์ ยังได้แถลงเพิ่มเติมว่า “นอกจากจะเป็นการแก้ กม.เพื่อปกป้องเด็กแล้ว การแก้ กม.นี้ยังสอดคล้องกับหลักการในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก และข้อเสนอแนะของนานาประเทศต่อไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review หรือ UPR รอบที่ 2 (พ.ศ.2559 ถึง พ.ศ. 2563) ที่รัฐบาลไทยยอมรับว่าจะเร่งในการปรับแก้ กม.ดังกล่าว แต่ก็เนิ่นช้าเกินกรอบเวลามากว่า 2 ปีแล้ว ไม่เหมือนกับกรณีการปรับแก้ กม.อาญา เรื่องปรับเกณฑ์อายุความรับผิด จาก 10 ปี เป็น 12 ปี ที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการไปก่อนหน้านี้ การแก้ กม.เพียงมาตราเดียวไม่ใช่เรื่องยาก แต่สะท้อนว่า รบ.จริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่มากกว่า และหากมีการแก้ ปพพ.ม. 1567 (2) ได้จริง เราเองก็จะได้รับการยอมรับจากนานาประเทศมากขึ้นในด้านสิทธิมนุษยชน”

ฉากหลัง!! กว่าจะมีวันนี้ของ LISA BLACKPINK ความพยายามที่ชนะใจ 'คนไทย-เกาหลี-ทั่วโลก'

แม้วันนี้ LISA (ลิซ่า) ลลิษา มโนบาล สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป BLACKPINK จากประเทศเกาหลีใต้ จะประสบความสำเร็จและกลายเป็นบุคคลระดับโลก แต่ใครจะรู้ว่าฉากหลังก่อนความสำเร็จทั้งหลาย ล้วนเต็มไปด้วยอุปสรรคหนักหนาเกินบรรยาย โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ 'Tong Long Do' ได้โพสต์เรื่องราว #กว่าจะมีวันนี้ของ LISA ไว้อย่างน่าสนใจ ความว่า...

ย้อนหลังไป 12 ปี #LISA เป็นคนไทยคนเดียวจาก 4,000 คนที่ถูก YG เลือกให้ไปเป็น...'เด็กฝึก'...ที่เกาหลีใต้  

#LISA ฝึกอยู่เกือบ 5 ปี กว่าจะได้เดบิวต์ ระหว่าง 5 ปีนั้น ไม่ง่ายเลยที่เด็กผู้หญิงอายุ 13 ปี ต้องอดทนต่อสู้กับการฝึกซ้อมอย่าง...'หฤโหด' ทุกวัน... มี...'เด็กฝึก'...ผู้ชายบางคนเกือบจะได้เดบิวต์อยู่แล้วยังทนไม่ไหวต้องลาออก...

ยังมีเรื่องภาษาที่ต้องเรียนรู้เพื่อใช้ในการสื่อสาร ปัจจุบัน คนเกาหลียอมรับว่า #LISA พูดได้เหมือนคนเกาหลีแล้ว...

เป็นหญิงไทยคนแรก ที่ได้เดบิวต์ในนาม 'Blackpink' ทางค่าย YG ได้ประกาศออกไป ก็มี...'แอนตี้แฟน' เรียกร้องไม่เอา #LISA อ้างว่า เอาชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มาเดบิวต์ได้ไง จะทำให้ Blackpink ไม่ดัง ทำให้วงตกต่ำ 'แอนตี้แฟน' ได้รวบรวมรายชื่อถอดถอนให้เอา #LISA ออกจาก Blackpink 

ถ้ามีข่าวหรือมีโพสต์ของ #LISA ที่ไหนก็จะ dislike พาทัวร์ลงถล่มยับ นอกจากนี้ ถ้าเจอหน้า #LISA ที่ไหน มีเหตุพอที่จะระบายความไม่พอใจของตัวเองได้ก็ด่ากันซึ่ง ๆ หน้าเลย  

เช่น มีอยู่ครั้งหนึ่ง Blackpink ไปออกรายการวิทยุ ห้องออกอากาศซึ่งเป็นห้องกระจกด้านนอกอาคาร ให้ FC มาชมการจัดรายการและถ่ายรูปศิลปินได้  #LISA นั่งข้างเจนนี่ มี FC จะถ่ายรูปเจนนี่แต่น้องนั่งบังนิดนึง FC ของเจนนี่ก็ตะโกนว่าด้วยถ้อยคำไม่สุภาพให้ #LISA หลบไปมานั่งบังทำไม #LISA จึงถอยเก้าอี้ไปข้างหลังให้ น้องก้มหน้าคงรู้สึกเสียใจ แต่ทำอะไรไม่ได้  

พูดง่าย ๆ คือ ขณะนั้น #LISA มี 'แอนตี้แฟน' มากกว่า FC  

#LISA เดบิวต์มาพร้อมกับ 'แอนตี้แฟน' มีแรงกดดันที่จ้องเอาผิดน้องตลอดเวลา จากสภาพแวดล้อมของสังคมคนเกาหลีใต้ แม้กระทั่งท่อนร้องที่มากกว่าสมาชิกคนอื่นก็เอามาเป็นประเด็น...

สังคมคนเกาหลีใต้ ไม่ชอบไม่ยอมรับ วัฒนธรรมและหน้าตา ของชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมีความคิดด้านลบกับคนไทยมากที่สุด

ณ เวลานั้น เอเย่นต์มักจะหาเด็กใหม่จากทาง 'ญี่ปุ่น' หรือ 'จีน' ที่มีประชากรมากกว่า เพื่อสร้างยอดขายเม็ดเงินมหาศาล...

ทางค่ายเคยออกมาบอกว่า ที่เลือก #LISA นั้น ไม่ใช่เพื่อกลยุทธ์ทางการตลาด (แปลแบบชาวบ้านคือ 'ไทย' ไม่ใช่เป้าหมายทางธุรกิจ ไม่ต้องการตีตลาดในไทย)...

ที่ #LISA เข้ามาเป็นสมาชิกเพราะน้อง #มีพรสวรรค์ #ความสามารถ และ #ความอดทนมากพอที่จะเป็น 'Idol K-Pop' ได้ ...ไม่คิดว่า #LISA จะดังรึป่าว (ซึ่งน้องก็ทำให้เห็นแล้วว่าน้องทำได้)....

'พี่ศรี' จวก 'ชัชชาติ' ลอกคลองเป็นเรื่องเพ้อฝันหรือไม่? หลังเจอเศษอิฐ-ดิน-หิน-ปูนในคลองลาดพร้าวเพียบ!!

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาให้ข่าวว่าได้ประสานกับกองทัพเพื่อขอให้ส่งทหารมาร่วมกับสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพฯ เพื่อกำหนดกันแบ่งพื้นที่ขุดลอกคลองลาดพร้าวและคลองแสนแสบ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา 

โดยกรุงเทพมหานคร มีข้อมูลว่า คลองลาดพร้าวมีปัญหาเรื่องความตื้นเขิน น้ำไหลช้า จึงจะเริ่มดำเนินการขุดลอกคลองลาดพร้าวเพิ่มขึ้น แต่จากการสำรวจพื้นที่คลองลาดพร้าวพบว่า ยังมีกองดินและเศษอิฐหินปูน ที่เททิ้งมาจากโครงการบ้านมั่นคงที่ก่อสร้างอย่างผิดกฎหมายอย่างมากมาย ทำให้คลองตื้นเขิน และชาวบ้านริมคลองยืนยันว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่กทม. หรือทหาร มาขุดลอกตามข่าวแต่อย่างใด เวลาฝนตกมามากทำให้น้ำเอ่อล้นท่วม ระบายได้ช้ามาก 

กรณีเช่นนี้ ขอถามผู้ว่าฯ กทม. นโยบายหาเสียงที่บอกจะเร่งขุดลอกคูคลองนั้น เพ้อฝันหรือไม่ หรือเป็นเพียงม็อตโต้ของการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น เพราะข้อความจริงที่พบ กับนโยบายมันต่างกัน กทม.อาจจะหลอกคนทั่วไปได้แต่หลอกความจริงไปไม่ได้ 

'ไต้หวัน' กร้าว!! จะโจมตีตอบโต้ 'ทางทะเล-อากาศ' หากกองกำลังจีนบุกเข้ามาในดินแดนแห่ง ปชต.

เมื่อวันพุธ (31 ส.ค. 65) ที่ผ่านมา ไต้หวัน ระบุจะใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองและโจมตีตอบโต้ หากว่ากองกำลังจีนบุกเข้ามาในดินแดน โดยคำประกาศกร้าวดังกล่าวเกิดขึ้น ในขณะที่ปักกิ่งยกระดับความเคลื่อนไหวทางทหารเข้าใกล้เกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้

ปักกิ่ง ซึ่งอ้างว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ทำการซ้อมรบหลายรอบบริเวณใกล้เคียงหมู่เกาะแห่งนี้ มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ตอบโต้การเดินทางเยือนกรุงไทเปของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่กลาโหมไต้หวันรายหนึ่งระบุว่า "จีนยังคงเดินหน้าลาดตระเวนทางทหารใกล้ไต้หวันอย่างเข้มข้น และเจตนาของปักกิ่ง คือ ทำให้ช่องแคบไต้หวันที่กั้นกลางระหว่าง 2 ฝ่าย กลายเป็นบ่อเกิดหลักของความไร้เสถียรภาพในภูมิภาค"

"สำหรับเครื่องบินและเรือรบที่เข้าสู่อาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของเรา ทั้งทางทะเลและทางอากาศ ทางกองทัพแห่งชาติจะใช้สิทธิป้องกันตนเองและโจมตีตอบโต้โดยปราศจากข้อยกเว้นใด ๆ" Lin Wen-Huang รองประธานเสนาธิการทหารของไต้หวัน ฝ่ายปฏิบัติการและวางแผน กล่าวและว่า

"กองทัพไต้หวันจะใช้สิทธิ์แบบเดียวกันนี้ในการโจมตีตอบโต้โดรนของจีน หากว่าไม่ยอมทำตามคำเตือนให้ออกจากดินแดนของไต้หวัน หลังจากมีท่าทีเป็นภัยคุกคาม"

ก่อนหน้านี้ไต้หวันยิงเตือนโดรนของจีนเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร (30 ส.ค.) ไม่นานหลังจากประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ออกคำสั่งให้กองทัพ "ใช้มาตรการหนักหน่วง" กับสิ่งที่เธอให้คำนิยามว่า "เป็นการยั่วยุของจีน"

ต่อมาในวันพุธ (31 ส.ค.) กองทัพไต้หวันเผยว่ากำลังพลของพวกเขายิงกระสุนและพลุแฟร์เตือนอีกรอบ คราวนี้เป็นการยิงเตือนโดรนที่บินเฉียดใกล้เกาะต่าง ๆ ในจินเหมิน ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งไม่ห่างจากเมืองเซี่ยเหมินและเมืองเฉวียนโจวของจีน จากนั้นโดรนเหล่านั้นก็บินกลับไปยังเซี่ยหมิน

ด้าน หม่า เฉิงคุน ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยป้องกันสถาบันทหารไต้หวัน กล่าวว่า จีนอาจเคลื่อนไหวมากขึ้น เพื่อปฏิเสธการเดินทางผ่านช่องแคบไต้หวันของเรือรบต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

เริ่มวันนี้! ซื้อยาต้านโควิด จากร้านขายยา ด้าน ‘อนุทิน’ ย้ำต้องบันทึกการจ่ายยาเคร่งครัด

เริ่ม 1 ก.ย.นี้ ร้านยาขายยาต้านโควิด - 19 ตามใบสั่งแพทย์ ด้าน ‘อนุทิน’ ย้ำ ต้องบันทึกการจ่ายยาเคร่งครัด แนะประชาชนซื้อจากช่องทางที่ได้รับอนุญาต

เมื่อวัน1 ก.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้เน้นย้ำ หลังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )หรือ ศบค. มีมติให้ร้านขายยาสามารถจ่ายยาต้านไวรัสโควิด 19 ทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ หรือแพกซ์โลวิด ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป ว่า ผู้ประกอบการร้านขายยาทุกแห่งต้องจ่ายยาเฉพาะกรณีมีใบสั่งแพทย์มาแสดงต่อเภสัชกรเท่านั้น เนื่องจากตามแนวทางการรักษาโควิด19 ในปัจจุบัน ผู้ป่วยโควิดไม่จำเป็นต้องทานยาต้านไวรัส แต่แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและให้คำแนะนำเพื่อการใช้ยาที่เหมาะสม นอกจากนั้น

รัฐชวนคนไทยใช้สิทธิ 'คนละครึ่งเฟส 5' ระยะเวลา 2 เดือน ย้ำ!! ต้องเริ่มใช้ก่อน 14 ก.ย. มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ

(1 ก.ย. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิในโครงการ 'คนละครึ่ง เฟส 5' เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ต.ค. 65 โดยรัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน ไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ

สำหรับประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิ์หรือไม่เคยยืนยันตัวตน ขอให้เร่งยืนยันตัวตนก่อนใช้สิทธิ์ครั้งแรก โดยใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตันตน ณ ตู้เอทีเอ็ม สีเทา ของธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารกรุงไทยฯ ทุกสาขา หรือผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT โดยผู้มีสิทธิรายใหม่และรายเดิมจะต้องใช้สิทธิครั้งแรกผ่านเป๋าตังภายในวันพุธที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. เพื่อมิให้ถูกตัดสิทธิ์

ชื่นใจ!! นักเรียนทุนอานันทมหิดล สาขาทันตแพทยศาสตร์ กลับมาสร้างนวัตกรรม ก่อประโยชน์ต่อประเทศมหาศาล

มูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ นำทีมนักเรียนทุนอานันมหิดล สาขาทันตแพทย์ ต่อยอดความรู้ สู่งานบริการสังคม ด้วยผลงานวิจัยด้านทันตนวัตกรรม

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ได้พระราชทานทุนอานันทมหิดล มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 และต่อมาได้พระราชทานทุนอานันทมหิดล แผนกทันตแพทยศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีนักเรียนทุนอานันทมหิดล สาขาทันตแพทย์ทั้งสิ้น จำนวน 30 คน ซึ่งบางส่วนได้มาร่วมพัฒนานวัตกรรมกับมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ Social service เพื่อแก้ปัญหาทางด้านทันตกรรมให้กับประชาชน

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ประธานมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ท่านทรงทราบว่า ในช่วงแรกทันตแพทย์ยังไม่ได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล ท่านก็รับสั่งว่าทันตแพทย์เป็นวิชาชีพที่มีความสำคัญ มีประโยชน์ต่อสังคม ทันตแพทย์ก็เป็นแพทย์เหมือนกัน ท่านจึงพระราชทานทุนให้ โดยรับสั่งกับคณบดีว่า “เวลาเลือกผู้รับทุนอย่าเลือกแต่คนเก่งอย่างเดียว ให้เลือกคนดีด้วย” ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิฯ ได้วางแนวทางไว้ว่า  โครงการของมูลนิธิฯ ควรให้มีนักเรียนทุนอานันทมหิดล มาร่วมค้นคว้าวิจัยด้วย

รศ.ทพญ.ดร.อรุณวรรณ หลำอุบล

รศ.ทพญ.ดร.อรุณวรรณ หลำอุบล ภาควิชาศัลยศาสตร์และเวชศาสตร์ช่องปาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หนึ่งในผู้ได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล แผนกทันตแพทย์ศาสตร์ ให้ไปศึกษาต่อที่ The University of Iowa สหรัฐอเมริกา ในสาขาพยาธิวิทยาช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล และทำวิจัยในระดับปริญญาเอก โดยที่มุ่งเน้นศึกษาเรื่องของกลไกการเกิดโรคมะเร็งช่องปากกล่าวว่า ทุนที่พระองค์ท่านให้ก่อเกิดประโยชน์กับคนมากกว่าหนึ่งคน แล้วก็ได้ให้กับประชาชนของพระองค์ท่านในวงกว้าง ซึ่งในฐานะที่ตนเองเป็นอาจารย์ก็ถ่ายทอดความรู้ให้กับนิสิตทันตแพทย์ที่เราสอนในหลาย ๆ มหาวิทยาลัย และในฐานะทันตแพทย์ก็ได้นำความรู้ที่ได้มาดูแลรักษาผู้ป่วยด้วย

รศ.ทพญ.ดร.อรุณวรรณ กล่าวต่อว่า ได้ทำวิจัยร่วมกับ รศ.ทพญ.ดร.ดุลยพร ตราชูธรรม จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยหลัก ๆ ที่ร่วมกันพัฒนาขึ้นมาก็คือเจลลี่โภชนาซึ่งเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก นอกจากนี้ยังได้นำความรู้จากโครงการเจลลี่โภชนามาต่อยอดมาเป็นน้ำลายเทียมชนิดเจลเพื่อช่วยผู้ป่วยและผู้สูงวัยที่ประสบปัญหา ปากแห้ง น้ำลายน้อย

รศ.ทพญ.ดร.วลีรัตน์ ศุกรวรรณ

รศ.ทพญ.ดร.วลีรัตน์ ศุกรวรรณ ประจำภาควิชาทันตแพทย์สำหรับเด็ก คณะทันตแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักเรียนทุนอานันทมหิดล สาขาทันตแพทย์อีกท่านหนึ่ง กล่าวว่า ได้รับพระราชทานทุนไปเรียนต่อในสาขาชีววิทยาช่องปาก ในระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา (University of North Carolina) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ศึกษาดูงานเกี่ยวกับทันตกรรมสำหรับเด็กว่ามีเทคนิคหรือว่ามีอะไรเพิ่มเติมจากที่เราทำกันอยู่ในประเทศ ซึ่งศาสตราจารย์ที่ไปอยู่ด้วยกำลังทำการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการแสดงออกของยีนต์ที่เกี่ยวข้องกับตัวมะเร็งชนิดหนึ่งในช่องปาก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับการยอมรับอยู่ในเวลานั้น

'ผู้ช่วยฯสุรเชษฐ์' นำทีมแถลงผลการปิดล้อมปูพรมตรวจค้นกว่า 400 จุด กวาดล้างอาวุธปืนและยาเสพติดในพื้นที่ ภ. 8

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2565 ที่ ภ.จว.พังงา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้แถลงว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมากว่า 8 เดือนแล้วนั้น ในพื้นที่ ภ.8 มีเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่คนร้ายมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนเป็นเหตุที่ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาค 8 เกิดความกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตน และมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลดลง จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องมีแผนในการป้องกันอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในการนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ให้ตนดำเนินการเพิ่มมาตรการในการลดปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาค 8 เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากยิ่งขึ้น มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างปกติสุข จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเร่งด่วน จึงได้มีการวางแผนในการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อลดเหตุอาชญากรรม ผู้มีอิทธิพล อาวุธปืน ยาเสพติด วัตถุระเบิด ค้าประเวณี โจรกรรมรถ โดยให้ทุกหน่วยในสังกัด ภ.8 รวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติหมายค้นต่อศาลเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายทั้งห้องเช่า เกสต์เฮ้าส์ บ้านพัก รีสอร์ท แหล่งมั่วสุมอาชญากรรมทุกรูปแบบ ระหว่างวันที่ 22-26 ส.ค. 65 โดยมีจุดเข้าตรวจค้นรวมกว่า 400 เป้าหมายในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย- ภ.จว.กระบี่ จำนวน 68 เป้าหมาย- ภ.จว.ชุมพร จำนวน 52 เป้าหมาย-ภ.จว.นครศรีธรรมราช จำนวน 71 เป้าหมาย- ภ.จว. พังงาจำนวน 40 เป้าหมาย- ภ.จว.ภูเก็ต จำนวน 49 เป้าหมาย- ภ.จว.ระนอง จำนวน 43 เป้าหมาย- ภ.จว.สุราษฎร์ธานี จำนวน 82 เป้าหมาย  

ผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในห้วงเวลาดังกล่าว สามารถตรวจเก็บ DNA บุคคลตามจุดที่เข้าค้นจำนวน 382 ราย จับกุมอาวุธปืน 85 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 859 นัด ผู้ต้องหาเกี่ยวกับยาเสพติด  270 ราย ยึดยาบ้า 69,182เม็ด และยาไอซ์ 1,083.29 กรัม จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าได้ 54 ราย โดยจังหวัดที่มีการจับกุมอาวุธปืนมากที่สุดคือ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี จำนวน 22 กระบอก ตามมาด้วย ภ.จว.กระบี่และพังงา หน่วยละ 14 กระบอก

สถิติ ชี้!! ผู้ป่วยมะเร็งเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น-เร็วขึ้น ตอกย้ำ!! นโยบายรัฐบาล 'ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง'

รัฐบาล โชว์ผลงาน นโยบาย 'ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง' ดูแลประชาชน บัตรทองรักษามะเร็งทุกที่ ครึ่งปีงบประมาณ 2565 มีผู้ป่วยโรคมะเร็งเข้ารับบริการแล้ว 603,060 ครั้ง ทำให้ประชาชนเข้าถึงและได้รับการรักษาโดยเร็วและสะดวกขึ้น 

วันที่ (31 ส.ค. 65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยนโยบาย 'ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง' ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เน้นดูแลให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนจัดระบบการดูแลอย่างครอบคลุม จึงเห็นได้ปัจจุบัน 'สิทธิบัตรทอง' ได้ยกระดับการให้บริการ ทั้งการขยายการรักษาจำนวนโรค สิทธิประโยชน์ อาทิ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ยาคุมกำเนิด และที่สำคัญคือ การให้ผู้ป่วยเข้าถึงแพทย์ได้อย่างสะดวก หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการเป็นผู้ป่วยนอกได้ที่หน่วยบริการปฐมภูมิในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ โดยไม่ถูกปฏิเสธ และไม่ถูกเรียกเก็บเงิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top