Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

องค์การสวนสัตว์ฯ ปล่อยนกกาฮังคืนสู่ธรรมชาติ หลังจากสูญหายไปจากผืนป่าภาคเหนือของประเทศไทย มานานกว่า 20 ปี

(27 ต.ค.65) ที่อุทยานแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายสักรินทร์ ปัญญาใจ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง  นายนพรัตน์ รักษ์ไพรสาณฑ์ นายอำเภอเมืองปาน และคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ภาคเหนือ มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ ผู้นำชุมชน ผู้นำโรงเรียน ตัวแทนบริษัทเอกชน และชาวบ้านในจังหวัดลำปาง ร่วมกันเปิด “โครงการทดลองปล่อยนกกาฮังคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในเขตพื้นที่ภาคเหนือ” ณ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ภายใต้แนวคิด “พานกกาฮังปิ๊กบ้าน” นำนกกาฮัง หรือ นกกก หนึ่งในนกเงือกขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จำนวน 2 ตัวที่ได้รับการคัดเลือกและฟื้นฟูพฤติกรรมปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ถือเป็นนกกาฮังคู่แรกที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติของภาคเหนือ ภายหลังการสูญหายไปหมดสิ้น


                                                                              โดยทางคณะผู้วิจัยของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ภาคเหนือกว่า 6 แห่ง อาทิ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ อุทยานแห่งชาติขุนแจ อุทยานแห่งชาติศรีลานนา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว สถานีวิจัยสัตว์ป่าดอยเชียงดาว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนจาก วช., สกสว., บริษัท กรุงสยามเครื่องดื่ม จำกัด, เพจโครงการ SOS for birds and Turtle และโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงพรีเมียร์ ในการศึกษาวิจัยภายใต้ชุดแผน “การบูรณาการจัดการประชากรและการฟื้นฟูพฤติกรรมนกกาฮัง เพื่อเตรียมความพร้อมในการทดลองปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่นำเอาการศึกษาทางด้านพันธุกรรม การศึกษาประเมินพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการทดลองปล่อย และการฟื้นฟูพฤติกรรมก่อนการนำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติมาใช้บูรณาการร่วมกัน 

นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันการแพร่กระจายของนกกาฮังในประเทศไทยตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ถีงแม้จะมีพื้นที่การกระจายที่กว้างแต่มีความหนาแน่นของประชากรต่ำ ทั้งนี้พบว่าบางพื้นที่ของประเทศไทย เช่น พื้นที่ทางภาคเหนือ นกกาฮังได้สูญหายจากธรรมชาติไปหมดสิ้น ในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา ทั้งนี้ทางองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ที่มีพันธะกิจหลักทางด้านการอนุรักษ์ วิจัยพันธุ์สัตว์ป่าหายากทั้งในถิ่นอาศัยและนอกถิ่นอาศัย ได้ดำเนินความพยายามในการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ จนมีจำนวนประชากรบางส่วนที่เพียงพอต่อการปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ซึ่งนกกาฮัง หรือ นกกก นั้นถือเป็นนกเงือก 1 ใน 13 ชนิดที่พบในประเทศไทย จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และอยู่ในบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น)  โดยองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ประสบความสำเร็จด้านการขยายพันธุ์นกกาฮังในสภาพเพาะเลี้ยง รวมถึงนกเงือกชนิดอื่นๆ บางชนิด ซึ่งมีการศึกษาวิจัยมาเป็นลำดับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 โดยประสบความสำเร็จในการขยายพันธุ์นกกาฮังครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2545 และประสบความสำเร็จต่อเนื่องทุกปี ถึง ปัจจุบัน  เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศ และเป็นชนิดพันธุ์ที่มีความโดดเด่น ดึงดูดความสนใจของสาธารณะชนทั่วไปในการสร้างให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์ป่าหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์ภาคเหนือของประเทศไทย ทั้งนี้ตามแผนระยะที่ 1 ทางโครงการวิจัยฯ มีแผนการทดลองปล่อยนกกาฮังคู่แรกคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง เพื่อศึกษาการใช้พื้นที่เชิงนิเวศ การกระจาย และการอยู่รอดได้ในพื้นที่ โดยจะทยอยปล่อยเพิ่มเติมเป็นระยะๆ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน รวมถึงพื้นที่ป่าอนุรักษ์ภาคเหนือแห่งอื่นๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น รวมถึงจะมีการดำเนินงานติดตามภายหลังการทดลองปล่อยที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของ IUCN SSC และ AZA ในการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติที่เป็นไปตามหลักทางวิชาการสากลในอีกหลายปีข้างหน้าต่อไป

‘พิธา’ จี้รัฐเร่งจัดการน้ำโดยไว หลังท่วมนานหลายเดือน ชี้!! ต้องมีแผนเยียวยา บรรเทาปัญหา ‘น้ำลด หนี้ผุด’

(27 ต.ค. 65) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์การน้ำที่ยังท่วมในหลายพื้นที่ บางพื้นที่น้ำท่วมต่อเนื่องเป็นระยะเวลาร่วมสองเดือนแล้ว หลายพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้หนักกว่าปี 62 หลายเท่า แต่กลับไม่เห็นท่าทีของรัฐบาลในการแก้ปัญหารวมถึงเยียวผู้ประสบภัยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว 

พิธากล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ภาคอีสานอย่างจังหวัดอุบลราชธานีตนได้เข้าไปเยี่ยมพี่น้องประชาชน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับความเดือดร้อน มีความเครียดเนื่องจากพื้นที่ทำกินได้รับความเสียหาย ไม่รู้ว่าจะสามารถฟื้นได้เมื่อไร ในขณะที่น้ำท่วมทำมาหากินไม่ได้แต่รายจ่ายไม่หยุดนิ่ง ดอกเบี้ยก็ยังต้องจ่าย หลายพื้นที่ถึงแม้ว่าน้ำจะเริ่มลดแล้ว แต่ปัญหาที่ตามมาหลังน้ำลดคือปัญหาเศรษฐกิจ ‘น้ำลด หนี้ผุด’ เพราะชาวบ้านไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้เป็นเวลากว่า 1-2 เดือน ไร่นาและบ้านเรือนประชาชนเสียหาย

ตนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยโดยเร็ว ความจริงแล้วจนถึงตอนนี้ก็ล่าช้าไปมากเทียบกับความเดือดร้อนที่ประชาชนต้องแบกรับ 

พรรคก้าวไกลเสนอให้นำเทคโนโลยีมาใช้ด้วยการใช้ดาวเทียมเพื่อลดเวลาในการดำเนินการ นอกจากนี้ รัฐบาลต้องดำเนินการระบุพื้นที่ให้ชัดเจนว่าพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่น้ำท่วมชั่วคราวหรือท่วมแบบชั่วโคตร เพื่อจะได้วางแผนในการรับมือทั้งในชีวิตประจำวันและการทำการเกษตรรวมถึงสนับสนุนเมล็ดพันธุ์การการเกษตรหลังน้ำลด

'อัษฎางค์' แปล!! ความยากจนในไทยลดลงจาก 58% เหลือเพียง 6.8% ไม่ใช่จากก้าวหน้า 58% ในปี 2533 แล้วเหลือ 6.8% ในปี 2563

(27 ต.ค. 65) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ระบุว่า...

“ตื่นเถอะสามกีบ”
เอาคนไม่รู้ข่าว มาบอกข่าว มันก็เป็นจังซี่

ข่าวต้นทางจากต่างประเทศรายงานว่า…

>>ความยากจน ลดลงจาก 58% เหลือเพียง 6.8%

แล้วหันไปดูผู้บอกข่าว ให้ข้อมูลอะไรกับประชาชน

สาเหตุที่ความยากจนลดลงมากมายขนาดนี้ก็ด้วยเพราะ...

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงลิ่วและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง

‘อิงฟ้า’ โพสต์โต้ ‘แฟนนางงามชอบเหยียด’ หลังถูกว่าพูดอังกฤษไม่เก่ง ‘ไม่สมมง’ รองอันดับ 1

งานประกวดจบ แต่คนไม่จบ!! แถมดรามาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอีก!!

หลัง ‘อิงฟ้า วราหะ’ คว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 บนเวที Miss Grand International 2022 ทัวร์เวียดนามก็ลงทันที รุมกระหน่ำโหมกระแสใส่อิงฟ้า หาว่า ‘ไม่เก่งภาษาอังกฤษ’ และไม่ควรเข้าไปสู่รอบ 5 คนสุดท้ายด้วยซ้ำ งานนี้แฟน ๆ ของอิงฟ้าก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันยกใหญ่

แต่นอกจากแฟน ๆ แล้ว ‘อิงฟ้า วราหะ’ ก็ได้ออกมาตอบโต้ทัวร์เวียดนามแบบทันควัน โดยได้โพสต์ไอจีสตอรี่เป็นภาพและมีข้อความภาษาอังกฤษว่า…

“NEVER MAKE FUN OF SOMEONE WHO SPEAKS BROKEN ENGLISH. IT MEANS THEY KNOW ANOTHER LANGUAGE.”

หรือแปลว่า “อย่าล้อเลียนคนที่พูดภาษาอังกฤษผิด เพราะมันหมายความว่า พวกเขารู้ภาษาอื่น”

'อว.' เดินเครื่อง 'ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์' ตามรอยจีน คาดไม่เกิน 10 ปี สำเร็จ!! 'ใช้เองก็ได้-ส่งออกก็ดี'

ไทยสุดยอด!! พัฒนา 'ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์' ตั้งเป้า 10 ปีสำเร็จ เพื่อส่งออกพลังงานสะอาด สร้างรายได้ให้ประเทศ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา (18 ก.พ.) ได้มีรายงานว่า ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการทดลองเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ฟิวชัน เพื่อสร้าง 'ดวงอาทิตย์เทียม' ซึ่งมีอุณหภูมิที่สูงกว่าดวงอาทิตย์จริง 5 เท่า

ล่าสุด ก็ดูเหมือนว่าไทยเอง ก็หันมาพัฒนาในเรื่องนี้เช่นกัน โดยเพิ่งจะมีการเปิดตัวโครงการพัฒนา 'ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์' หรือที่มีชื่อเรียกว่า 'เครื่องโทคาแมก' เครื่องแรกของประเทศไทย ที่จังหวัดนครนายก ซึ่งจะเป็นแหล่งพลังงานสะอาดแห่งอนาคตเพื่อคนไทย เหมือนกับพลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์นั่นเอง

สำหรับพลังงานสะอาดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่ว่านี้ สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตได้มากมาย เช่น...

- เป็นพลังงานสะอาดที่ทดแทนพลังงานฟอสซิล เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน
- สามารถนำไปทดแทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รูปแบบเดิมได้

'ดารานักแสดง' ร่วมแสดงความยินดีกับ 2 ผู้บริหารสถาบัน 'เสน่ห์มายา ปั้นหน้าเปลี่ยนชีวิต' หลังจัดพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล

ที่ร้านเสน่ห์มายา ปั้นหน้าเปลี่ยนชีวิต ซ.มังกร-นาคดี ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นำโดย อาจารย์สุภาวดี แสงสูงเนิน พร้อมด้วย อาจารย์ธีร์ นันทวริศ 2 ผู้บริหารสถาบันเสน่ห์มายา ปั้นหน้าเปลี่ยนชีวิต และคณะกรรมการ จัดพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เปิดมงคลมหาบารมีพระแม่ธรณี ซึ่งในพิธีดังกล่าวมีการสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตา รวมถึงการลงนะหน้าทอง นะเมตตา นะเสน่ห์มายา 

โดย ท่านอาจารย์ สัมพันธ์ กำบังภัย โหราศาสตร์แห่งบ้านโหรา ให้ความเมตตาเป็นเจ้าพิธี พร้อมด้วย อาจารย์สายมู ลูกแก้ว สื่อผ่านจิต อาจารย์วิโรจน์ ตลอดจน แขกผู้มีเกียรติและเหล่าศิลปินดาราร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จเยือนแขวงคำม่วน สปป.ลาว เชื่อมสัมพันธไมตรี บ้านพี่ เมืองน้อง 

วันนี้ (26/10/65) หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จเยือนแขวงคำม่วน สปป.ลาว เชื่อมสัมพันธไมตรี บ้านพี่ เมืองน้อง ปรองดองสามัคคี ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณี มิตรภาพบ้านน้อง เมืองพี่ ไทย-ลาว 

เมื่อเวลา 16.00 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จโดยเครื่องบินสายการบิน แอร์-เอเชีย จัดถวายโดย นายพิศณุภงศ์ ศรีศากยวรางกูร จากท่ากาศยาน ดอนเมือง -นครพนม เมื่อเสด็จถึงแล้ว มีนายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าหน่วยราชการ พร้อมด้วยคณะเจ้าภาพเชิญเสด็จ ตัวแทนสายตระกูลโทนแก้ว เฝ้ารับเสด็จ จากนั้นเสด็จขึ้นรถยนต์ที่นั่ง จากท่ากาศยานนครพนม ไปเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว ข้ามสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 3 คำม่วน-นครพนม โดยมี ท่านวันไช พองสะหวัน เจ้าแขวงคำม่วน พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยราชการ สปป.ลาว เฝ้ารับเสด็จ ในการนี้ทรงมีปฏิสันธานสัมพันธไมตรีกับเจ้าแขวงคำม่วน ตรัสถึงความรัก ความผูกพันธ์ ที่ทั้ง 2ประเทศ ผูกพันกันมาหลายร้อยปี และทางเจ้าแขวงคำม่วนได้จัดพิธีรับขวัญผูกแขน ซึ่งเป็นพิธีโบราณของ สปป.ลาว ที่ใช้จัดต้อนรับแขกบ้าน แขกเมือง แสดงถึงความเคารพ รัก ให้เกียรติ มีความยินดี ในการเสด็จเยือนครั้งนี้

รวบหนุ่มแดนมังกรหนีคดีผลิต/จำหน่ายอาวุธปืน ซุกไทย

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากรโกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชย พาหะกิจ ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ จำนวน 4 คดี โดยมีรายละเอียดดังนี้

รวบหัวหน้าแก๊งจีนค้ามนุษย์หลอกคนไทยบังคับทำ Call Center ที่กัมพูชา

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากรโกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชย พาหะกิจ ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ จำนวน 4 คดี โดยมีรายละเอียดดังนี้

รวบโจ๋ไต้หวัน หลบหนีเข้าเมือง พบประวัติหนีคดีฆ่า อ้างถูกหลอกมาทำโรแมนซ์สแกมในกัมพูชา 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากรโกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชย พาหะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ จำนวน 4 คดี โดยมีรายละเอียดดังนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายเฉิน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี สัญชาติไต้หวันโดยกล่าวหา ว่าเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากไม่มีหนังสือเดินทางแสดง และเมื่อตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. ผลการตรวจสอบไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแต่อย่างใด จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าตนเองได้ถูกเพื่อนชาวไต้หวันชักชวนให้ไปทำ Romancs scam ในประเทศกัมพูชา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top