Wednesday, 18 June 2025
NEWS FEED

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖

วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ โดยมี พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ๒๔๑ อาคาร ๒ ชั้น ๔ กองบัญชาการกองทัพบก 

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มอบนโยบายให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละ เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความพร้อมรองรับภัยคุกคามและรูปแบบการโจมตีที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยในวันนี้ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันนำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ ของหน่วย ดังนี้

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนากองทัพไทย ซึ่งมุ่งเน้นใน ๔ ระบบงาน ประกอบด้วย ระบบงานการปฏิบัติการร่วม เพื่อบูรณาการพลังอำนาจของชาติ ทรัพยากรทางทหาร และการบริหารจัดการการใช้กำลังทหารได้อย่างประสานสอดคล้อง รวมทั้งเสริมขีดความสามารถตามคุณลักษณะของแต่ละเหล่าทัพ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ระบบงานการฝึก เพื่อพัฒนาระบบการฝึกทุกระดับ ให้ทุกส่วนราชการมความพร้อมในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และแผนในการปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบงานการศึกษา เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาทรัพยากรบุคคลของกระทรวงกลาโหม ทั้งในด้านการศึกษา การฝึกอบรม และการจัดการเรียนการสอนให้สามารถปฏิบัติงานตามภารกิจหน้าที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระบบงานส่งกำลังบำรุง เพื่อพัฒนาระบบการส่งกำลังบำรุงมุ่งไปสู่การพึ่งพาตนเองด้วยความร่วมมือกับมิตรประเทศและภาคเอกชน เพื่อให้งานด้านส่งกำลังบำรุงสามารถสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารพร้อมเผชิญภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม

กองทัพบก ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพบก เพื่อมุ่งสู่การปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทย ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในด้านการพัฒนากองทัพและการส่งเสริมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลในเรื่อง “การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้มีขนาดที่เหมาะสมกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ ทุกมิติ และทุกระดับความรุนแรง มุ่งเน้นการปฏิบัติการร่วมที่มีความคล่องแคล่วและอำนาจกำลังรบสูง มียุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถปฏิบัติภารกิจที่มีความหลากหลาย” ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยแบบ “เบา ประหยัด มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ” การเสริมสร้างการพร้อมรบ การดำรงความต่อเนื่องในการรบ และการพัฒนาความทันสมัย

กองทัพเรือ ได้มีการเสริมสร้างกำลังกองทัพตามยุทธศาสตร์ และแนวทางการใช้กำลังของกองทัพเรือ เพื่อให้มีขีดความสามารถในการปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และสามารถปฏิบัติการยุทธ์ร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพตามสาขาปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การส่งผ่านกำลังทางบก และการยุทธ์บรรจบกับกำลังทางบก การป้องกันภัยทางอากาศของกองเรือ การบินลาดตระเวนรบ และการโจมตีเป้าหมายทางทะเลกับกำลังทางอากาศ

ลอยอังคารอัฐิ 3 กำลังพล รล. สุโขทัยอัปาง ที่อ่าวสัตหีบ

เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้ 27 ธ.ค.65 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ( ผบ.กร.) พร้อมด้วยคุณกีรตา พันธุ์เอี่ยม ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ นำญาติของผู้เสียชีวิตจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ที่จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ ประกอบด้วย ว่าที่เรือเอก สามารถ แก้วผลึก ได้รับพระราชทานยศเป็น พลเรือตรี สามารถ แก้วผลึก พันจ่าเอก อำนาจ พิมที ได้รับพระราชทานยศเป็น นาวาตรี อำนาจ พิมที  และพันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ ได้รับพระราชทานยศเป็นนาวาตรี อัชชา แก้วสุพรรณ์ หลังจากประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพแล้วเมื่อ 26 ธ.ค.65 ได้นำอัฐิของทั้ง 3 นายทหาร มาประกอบพิธีลอยอังคาร โดยเรือหลวงปัตตานี จากท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ นำอัฐิประกอบพิธีลอยอังคาร ณ อ่าวสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งญาติมีความเชื่อว่าเมื่อนำอัฐิลอยอังคาร จะทำให้ภพหน้าเกิดมาสุขสบายและร่มเย็น

กองทัพเรือ โดยผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ ได้จัดทำพิธีอย่างสมเกียรติ พร้อมพบปะพูดคุยให้กำลังใจเหมือนในฐานะครอบครัวเดียวกันและพร้อมที่ให้การสนับสนุนคนในครอบครัวของผู้วายชนม์ อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยจะไม่มีการทอดทิ้งอย่างเด็ดขาด 

ด้านญาติของ 3 ทหารกล้าที่วายชนม์ ได้กล่าวขอบคุณกองทัพเรือ ที่ไม่ทอดทิ้งและให้การดูแลอย่างดีมาก ถึงแม้จะเสียใจแต่ก็มีความภาคภูมิใจมากๆ ที่กองทัพเรือดูแลและจัดพิธีการต่างๆ อย่างสมเกียรติชายชาติทหาร

‘ก.เกษตร’ มอบของขวัญปีใหม่ให้ชาวประมง เว้นค่าธรรมเนียมเลี้ยงหอยทะเล - สัตว์น้ำในกระชัง

‘เฉลิมชัย’ มอบของขวัญปีใหม่ให้ชาวประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 67 จังหวัด ‘อลงกรณ์’ เผยรัฐมนตรีเกษตรฯ ลงนามกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเพาะเลี้ยงหอยทะเลและสัตว์น้ำในกระชังแล้ว 

(27 ธ.ค. 65) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยเปิดเผยวันนี้ว่า ตามที่ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้หาแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยมีมติเห็นชอบให้กรมประมงดำเนินการยกร่างกฎกระทรวงยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่มีการเลี้ยงหอยทะเลและการเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังในพื้นที่ทั่วประเทศและเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณา

ล่าสุด ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้ลงนามในกฎกระทรวงดังกล่าวแล้วและนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเพื่อให้มีผลบังคับใข้โดยเร็วต่อไป

กองทัพเรือ ส่งร่าง 3 กำลังพล เรือหลวงสุโขทัย กลับบ้านเกิด อย่างสมเกียรติ

วันนี้ (27 ธ.ค. 65) ที่ สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้จัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 1 ฟ๊อกเกอร์ mk 400 หมายเลข 2111 ลำเลียง ศพกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยจำนวน 2 นาย ได้แก่ จ่าตรีศราวุธ นาดี สังกัด ร.ล.สุโขทัย และ พลฯ สิทธิพงศ์ หงส์ทอง สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ไปยังสนามบินจังหวัดร้อยเอ็ด และสนามบิน พิษณุโลก  

โดยร่าง ของ พลฯ จิราวัฒน์ ธูปหอม สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เคลื่อนย้ายทางรถยนต์ ไปยังจังหวัดระยอง สำหรับร่าง พลฯ วรพงษ์ บุญละคร สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ นำตั้ง ณ ฌาปนสถาน ทร. พื้นที่สัตหีบ จนถึงพิธีพระราชทานเพลิงศพ สำหรับ จ่าตรีศราวุธ นาดี สังกัด ร.ล.สุโขทัย ได้ไปประกอบพิธีสวดอภิธรรมศพ ระหว่าง 27-29 ธ.ค.65 ณ บ้านเลขที่ 116 หมู่ 3 ต.หนองแคน อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 29 ธ.ค.65 เวลา 16.00 น. 

พลฯ สิทธิพงศ์ หงส์ทอง สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สวดอภิธรรมศพ ระหว่าง 27-28 ธ.ค.65 และ พระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 30 ธ.ค.65 เวลา 16.30 น. และ เก็บอัฐิ 100 วัน ณ วัดโปร่งตะคลอง ต.หนองคล้า อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร 

พลฯ จิราวัฒน์ ธูปหอม  สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กำหนดสวดอภิธรรมศพ ระหว่าง 27-28 ธ.ค.65 ณ วัดปกรร์ธรรมาราม ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง และพระราชทานเพลิงศพ ใน 29 ธ.ค.65 เวลา 15.00 และ เก็บอัฐิ 100 วัน ส่วน ร่างของ พลฯ วรพงษ์ บุญละคร สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ กำหนดสวดอภิธรรมศพ ระหว่าง 27-28 ธ.ค.65 ณ ฌาปนสถาน ทร. พื้นที่สัตหีบ และพระราชทานเพลิงศพ ใน 29 ธ.ค.65 เวลา 15.00 น. โดยจะมีการลอยอังคาร ในอ่าวสัตหีบ ในวันรุ่งขึ้น

CNN ยก ‘กรุงเทพฯ’ ติด 1 ใน 10 เมืองน่าเคานต์ดาวน์ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566

CNN ยก ‘กรุงเทพฯ’ ติด 1 ใน 10 เมืองที่น่าเคานต์ดาวน์ ต้อนรับเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2566 ร่วมกับอีกหลายเมืองทั่วโลก

อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งทุกประเทศก็จะมีการจัดกิจกรรม เคานต์ดาวน์ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอย่างอลังการ ล่าสุด สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) ได้เผย 10 เมืองที่น่าเคานต์ดาวน์ปีใหม่ที่จะถึงนี้ โดย กรุงเทพฯ ติด 1 ใน 10 ด้วย

โดยกรุงเทพได้ถูกจัดให้เป็นเมืองที่น่าเคานต์ดาวน์ ร่วมกับอีกหลายเมือง อาทิ นครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย / ไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน / ดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ / เคปทาวน์ ในแอฟริกาใต้ /กรุงโรม ของอิตาลี / กรุงลอนดอน ของอังกฤษ / นครรีโอเดจาเนโร ของบราซิล / นครนิวยอร์ก ที่มีงานเคาต์ดาวน์ที่เลื่องชื่อที่จัตุรัสไทม์สแควร์ / นครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา

ยกย่อง!! ครูไอซ์ แม่พิมพ์ผู้พิการทางสายตา แต่สามารถเบิกทางสว่างให้แก่เยาวชนไทย

ไม่นานมานี้ เพจ 'บิ๊กแดงแฟนเพจ' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

"แสงเรืองๆ ที่ส่องประเทืองอยู่ทั่วเมืองไทย 🇹🇭 คือแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่ โอ้ครูไทย ในแดนแหลมทอง"

"คุณครูไอซ์ ดำเกิง มุ่งธัญญา" ๑ ในคุณครู ผู้น่ายกย่องด้วยหัวใจ ❤️

"แม้จะพิการทางสายตา ครูผู้ยอมรับแต่ไม่เคยยอมจำนน" เส้นทางชีวิตของครูไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ดวงตาที่มืดมิด ทำให้ต้องอดทน วิริยะ อุตสาหะ มากกว่าคนธรรมดาหลายเท่า เรื่องราวของครูไอซ์ เป็นกำลังใจให้กับผู้คนมากมาย✌️

ครูไอซ์ฝ่าฟันอุปสรรคมา จนจบคุรุศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ ๑ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังเป็น ๑ ใน ๘ คนไทยได้ทุน Fulbright ไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา (Master of tesol) ที่ Portland State University (PSU) เป็นเวลา ๒ ปี

ครูไอซ์เป็นคุณครูที่สอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่เด็ก ๆ ชอบเรียนด้วยเป็นอย่างมาก ... #เป็นครูผู้สร้างเเรงบันดาลใจ ให้กับใครอีกหลายคน... 

ในชีวิตของใครคนหนึ่งที่มีใจอยากเป็น ‘ครู’ อาจไม่ง่ายด้วยความไม่สมบูรณ์พร้อมทางร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิการทางสายตา ทำให้ต้องฝ่าฟันเพื่อเอาชนะทัศนคติ และความเชื่อที่ว่าคนตาบอดทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด และจะเป็นครูสอนคนตาดีได้อย่างไร

'ปิยบุตร' ฟันธง! ‘ก้าวไกล’ จะได้ส.ส.ลดลง เพราะกระแสไม่เอา 'ประยุทธ์' เทคะแนนแลนด์สไลด์

27 ธ.ค.2565- นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล หัวข้อ พรรคก้าวไกลกับการเลือกตั้ง 2566 โดยระบุรายละเอียดดังนี้

1 –
สู้ในระบบเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลเสียเปรียบ

พรรคใหญ่ฝ่ายรัฐบาลและพรรคใหญ่ฝ่ายค้านมีฉันทามติร่วมกันว่าต้องแก้ไขระบบเลือกตั้ง จากเดิมทุกคะแนนมีความหมายนำไปคำนวณเป็นที่นั่ง ส.ส.และจำนวนคะแนนเสียงทั่วประเทศสอดคล้องกับจำนวนที่น้่ง ส.ส. มาเป็น แข่งกันในเขตเลือกตั้งเอาที่หนี่งคนเดียวรวม 400 ที่นั่ง เหลืออีก 100 ที่นั่งมาจากการคำนวนคะแนนสัดส่วนทั่วประเทศ

พรรคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกับการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งครั้งนี้ คือ พรรคก้าวไกล เพราะ ฐานคะแนนของผู้นิยมพรรคก้าวไกลกระจายออกไปทั่วประเทศ ไม่ได้ฝังอยู่ในพื้นที่เขตเลือกตั้งใดเลือกตั้งหนี่งโดยเฉพาะ และส่วนใหญ่ ผู้ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล น่าจะเป็นเรื่องเชิงประเด็น นโยบาย มากกว่าตัวบุคคลผู้สมัครในพื้นที่ นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลเป็นพรรคใหม่ ผ่านการเลือกตั้งมาหนึ่งครั้ง ไม่ได้มีเครือข่ายหัวคะแนนหรือเครือข่ายเชิงอุปถัมภ์ในพื้นที่ ดังนั้น การชนะเลือกตั้งในเขตในจำนวนมาก กวาดยกจังหวัด กวาดหลายๆเขตหลายๆจังหวัดในภาคต่างๆ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้

เมื่อผู้ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลมีลักษณะเช่นนี้ หากใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนที่ทุกคะแนนมีความหมาย ถูกนำมาคำนวณเป็นที่นั่ง ส.ส. แบบปี 62 ก็ดี หรือแบบ MMP ของเยอรมนีก็ดี พรรคก้าวไกลย่อมมีโอกาสได้ ส.ส.ทะลุ 100 ที่นั่งก็เป็นได้

แต่เมื่อระบบเลือกตั้งเปลี่ยนไปคล้ายแบบปี 2544/2548 ที่ ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยแยกการคำนวณขาดออกจากกัน น้ำหนักคะแนนที่ส่งผลต่อจำนวนที่นั่ง สส ก็ไปอยู่ที่เขตเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลอาจได้คะแนนรวมทั่วประเทศไม่น้อยกว่าที่พรรคอนาคตใหม่ได้ในปี 62 แต่เมื่อพิจารณารายเขต อาจมีหลายเขตที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนจำนวนมาก แต่ไม่มากพอที่จะได้ลำดับที่ 1 ในเขตเลือกตั้งนั้น และคะแนนเหล่านั้นทั้งหมดต้องถูก “ทิ้งน้ำ” ไป

แล้วพรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร?

ในฐานะพรรคการเมืองในระบบ พรรคก้าวไกลต้องพร้อมต่อสู้กับการเลือกตั้ง ต้องพร้อมปรับวิธีการต่อสู้ในทุกระบบการเลือกตั้ง

หากพิจารณาเฉพาะเรื่องคะแนนเสียง เดิมพันของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งถัดไป ก็คือ

หนึ่ง การได้คะแนนรวมทั่วประเทศมากกว่าพรรคอนาคตใหม่ได้ในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562

พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนรวมทั่วประเทศประมาณ 6.3 ล้านเสียง การเลือกตั้งในปี 2566 พรรคก้าวไกลต้องทำให้ได้มากกว่าเดิม ส่วนจะคำนวณเป็น ส.ส.แล้วได้กี่ที่นั่งนั้น แน่นอนว่าจำนวนน้อยลงกว่าเดิมอยู่แล้ว เพราะ ระบบเลือกตั้งเปลี่ยนไป แต่อย่างน้อยๆพรรคก้าวไกลต้องทำให้ได้คะแนนรวมทั่วประเทศมากกว่าครั้งก่อน ไปให้ถึงร้อยละ 20 หรือร้อยละ 25 เพื่อยืนยันว่า ยังมีผู้นิยมแนวทางของพรรคก้าวไกลอยู่ถึง 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 4 ของประเทศ แม้กลไกรัฐจะพร้อมใจกันบดขยี้พรรคอย่างต่อเนื่อง แต่พรรคก็ยังสามารถยืนระยะต่อไปได้

การเลือกตั้งครั้งที่สองสำคัญกว่าการเลือกตั้งครั้งแรก

ครั้งแรก หากไม่ได้ตามเป้า ได้มาน้อย เรายังอธิบายได้ว่าเราเป็นพรรคใหม่ กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ผู้คนก็พอจะเข้าใจและเอาใจช่วยต่อไป

แต่ครั้งที่สอง หากไม่ได้ตามเป้า คะแนนรวมทั้งประเทศน้อยลงกว่าเดิม สิ่งซึ่งจะตามมา จะมีมากมายสารพัด ไล่ตั้งแต่ ข้อวิจารณ์ว่าแนวทางที่พรรคใช้นั้นผิดพลาด นโยบายหาเสียงก้าวหน้าเกินไป ยุทธศาสตร์การสื่อสารผิดพลาด ความขัดแย้งกันในหมู่แกนนำและผู้สมัคร ส.ส.ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ความท้อแท้สิ้นหวัง เป็นต้น

พรรคก้าวไกลต้องพิสูจน์ให้ได้ในการเลือกตั้ง 2566 ว่า ประเทศนี้ สังคมนี้ ยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกล

สอง การเพิ่มจำนวน ส.ส.เขตให้มากขึ้น

พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.เขต 30 ที่นั่ง เกจิอาจารย์กูรูทางการเมืองต่างบอกว่านี่คือเซอไพรส์ ผู้สมัครที่ไม่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อน ไม่เคยลงเลือกตั้ง ไม่มีเครือข่ายหัวคะแนน แต่สามารถใช้ “กระแส” ของธนาธร จนชนะในเขตเลือกตั้งได้ถึง 30 คน ถึงกระนั้น ก็มีบางฝ่ายเห็นว่าส่วนหนึ่งมาจากอานิสงส์ที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับจากกรณีพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบพรรค ทำให้หลายเขต ไม่มีผู้สมัครทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติ ทำให้ประชาชนหันมาเลือกพรรคอนาคตใหม่แทน

การเลือกตั้งในปี 2566 คงไม่มีอุบัติเหตุแบบกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ และทุกพรรคการเมือง “เอาจริง” ไม่มีใครประมาทพรรคก้าวไกลอีกแล้ว การต่อสู้ในระบบแบ่งเขต 400 คน จะเข้มข้นมากกว่าเดิม แต่ละพรรคมุ่งหวังกับการมี สส เขต เพราะ หากไปลุ้นบัตรใบที่สองให้มี สส แบบบัญชีรายชื่อ ก็ไม่มีหลักรับประกันแน่นอนว่าจะได้หรือไม่ ได้มาจำนวนเท่าไร

ประกอบกับพรรคเพื่อไทยชูคำขวัญ “แลนด์สไลด์” ย่อมทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาล ไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีชื่อประยุทธ์อีกต่อไป แม้พวกเขาอาจเอาใจช่วยพรรคก้าวไกลอยู่ แต่ก็พร้อมที่จะเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่า มีความเป็นไปได้มากกว่าที่พรรคเพื่อไทยจะชนะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากไม่เทคะแนนให้พรรคเพื่อไทย สุดท้าย เราจะไม่ได้เปลี่ยนรัฐบาล ไม่ได้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี

ปัจจัยเหล่านี้ ย่อมทำให้ การต่อสู้ในเขตเลือกตั้งรอบนี้ พรรคก้าวไกลเหนื่อยกว่าพรรคอนาคตใหม่หลายเท่า
พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร?

จะตีโพยตีพายกับการเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรเสีย การเลือกตั้งครั้งหน้าก็เป็น 400:100

จะใช้ยุทธวิธีสู้ด้วยกระแสภาพใหญ่แบบเดิม? ครั้งนี้ก็ไม่มีธนาธร และไม่สามารถสร้างกระแสได้เทียบเท่า “ธนาธรฟีเวอร์” แล้ว

จะหันเหไปใช้การเมืองแบบเครือข่ายอุปถัมภ์ในพื้นที่ การเมือง “บ้านใหญ่” แบบพรรคอื่นๆ? ก็เป็นสนามที่ตนเองไม่ถนัด ทำให้ตายก็ไล่ตามเขาไม่ทัน และยังจะทำให้คนที่เลือกพรรคก้าวไกลเพราะต้องการการเมืองแบบใหม่ผิดหวังด้วย

นักการเมืองผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะต้องไม่ปล่อยไปตามยถากรรม ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปเองตามธรรมชาติ แต่ต้องควบคุมสถานการณ์เพื่อกำหนดชะตากรรมตนเอง

การเลือกตั้ง 2566 พรรคก้าวไกลมีเดิมพันสำคัญ นอกจากต้องมี ส.ส.เขตให้มากกว่าเดิมแล้ว ยังต้องสร้างโมเดล ส.ส.เขตแบบก้าวไกล ขึ้นมาให้ได้

2 –
ส.ส.เขตแบบก้าวไกล
การเลือกตั้งในปี 2566 พรรคก้าวไกลต้องทดลองสร้างโมเดล ส.ส.เขตในแบบก้าวไกลขึ้นมา มีลักษณะที่แตกต่างจาก ส.ส.เขตของพรรคอื่นๆ แต่ก็พร้อมเข้าใจและสามารถทำงานกับวัฒนธรรมการเมืองแบบดั้งเดิมได้ด้วย

แม้เราต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการการเมืองแบบใหม่ แต่ในสนามการเลือกตั้งยังคงมีวัฒนธรรมการเมืองแบบดั้งเดิมฝังอยู่ ความสัมพันธ์ทางอำนาจในพื้นที่ เครือข่ายระบบอุปถัมภ์ในพื้นที่ ยังคงมีอยู่มาก การต่อสู้กับการเลือกตั้งเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องหารสูตรส่วนผสมให้กลมกล่อม มีความใหม่ แต่เป็นใหม่ที่พร้อมทำงานในโครงสร้างแบบเดิม และโครงสร้างแบบเดิมก็ไม่อาจกลืนกินลบล้างความใหม่ของเราไปได้

ส.ส.เขตแบบก้าวไกล ต้องมีส่วนผสมสองข้อ

หนึ่ง ความขยันขันแข็งในการเข้าหาประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้ง

ผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่มาพรรคก้าวไกล ต่างก็ทราบกันดีว่า ที่นี่ ไม่เหมือนที่อื่น ที่นี่ ไม่มีกลไกหัวคะแนน ที่นี่ ไม่มีกลไกกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน/อสม/ข้าราชการในพื้นที่ สนับสนุนเท่าไรนัก ที่นี่ ไม่มีเงินทอง ทรัพยากรให้มากมายในการ “ทำพื้นที่” ที่นี่ ไม่มีระบบ “วิ่งแย่งหางบประมาณแผ่นดิน” มาลงพื้นที่ตนเอง
ต่อให้ทำแบบที่อื่น ก็ไม่มีทางที่จะทำได้เท่ากับหรือเหนือกว่าที่พรรคอื่นๆเขาทำกันมา

แต่ในเมื่อประชาชนประสบปัญหาเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน ในขณะที่รัฐบาลก็ไม่สามารถบำบัดทุกข์บำรุงสุขได้ทั่วถึงทั่วประเทศ และการกระจายอำนาจและงบประมาณไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับหน้าที่เรื่องเหล่านี้ ก็ยังคงไปไม่ถึงไหน เมื่อประชาชนมาร้องเรียน หรือเดือดร้อน ผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ส.จึงต้องร้บบทบาทในการช่วยเหลือประชาชน

ในเมื่อไม่มีเงิน ทรัพยากร อำนาจกลไกรัฐ แล้วผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร?

ต้องทดแทนด้วยความขยัน มานะพยายามมุ่งมั่น เข้าถึงประชาชน ประชาชนเข้าถึงง่าย

เดินพบปะพี่น้องประชาชนให้มาก ให้เวลากับพี่น้องประชาชน นำปัญหาของพี่น้องประชาชนมาติดต่อประสานหาหนทางช่วเหลือ

อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่กร่าง ไม่เบ่ง เคารพประชาชน รับฟังประชาชน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน

สอง มีความรู้ในงานนิติบัญญัติ งานสภา นโยบายพรรค และมีจุดยืนมั่นคงชัดเจนตามอุดมการณ์แนวทางพรรค

ภารกิจของ ส.ส. คือ การตรากฎหมาย การอภิปราย การตรวจสอบรัฐบาล ส.ส.จึงไม่อาจเชี่ยวชาญเฉพาะในงานพื้นที่เขตเลือกตั้งได้เท่านั้น แต่ต้องทำงานในระดับชาติ มีภารกิจในภาพใหญ่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงประเทศด้วย

ผู้สมัคร ส.ส.เขตแบบก้าวไกลโมเดล ต้องหมั่นฝีกฝนค้นคว้าหาความรู้ในประเด็นต่างๆ ทั้งนโยบายพรรค ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ประวัติศาสตร์การเมืองไทย นโยบายสาธารณะ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น กฎหมาย รัฐธรรมนูญ ติดตามข่าวสารให้ทันโลก

ผู้สมัคร ส.ส.เขตแบบก้าวไกลโมเดล ต้องอภิปรายในสภาได้ มิใช่ ทำงานพื้นที่ดี แต่ไม่เคยพูดอะไรเลยในสภา

ผู้สมัคร ส.ส.เขตแบบก้าวไกลโมเดล ต้องยึดมั่นในแนวทางอุดมการณ์ของพรรค มิใช่ ย้ายพรรคทุกการเลือกตั้ง เพียงเพราะ ต้องการหาที่ลง ส.ส. หรือหาที่ให้ประโยชน์ทรัพยากรและอำนาจแก่ตนเอง

สิ่งเหล่านี้ จะทำให้ ส.ส.เขตแบบก้าวไกลโมเดล มีจุดเด่นที่แตกต่างจาก ส.ส.เขตแบบเดิม และทดแทนสิ่งที่เราสู้เขาไม่ได้

3 –
ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบก้าวไกล

ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ต่อเนื่องมาสู่พรรคก้าวไกล ส.ส.แบบบัญชี่รายชื่อ ไม่ต้องจ่ายเงินให้พรรค ไม่ต้องเป็นหัวหน้ามุ้ง ส.ส. ไม่ต้องเป็นนักการเมืองอาวุโสหลายพรรษามาก่อน

ภายหลังเลือกตั้ง มีนาคม 2562 นักการเมืองอาวุโสหลายคนได้ปรารภกับผมว่า ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ คือ “สามล้อถูกหวย” ได้เป็น ส.ส.เพราะธนาธร

ระบบเลือกตั้งในปี 2566 เหลือ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่มาจากการคำนวณคะแนนสัดส่วนทั่วประเทศ เพียง 100 คน จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง 66 ย่อมหายไปเกินครึ่ง จะให้ได้ 25 ที่ ก็ยากแสนสาหัส

ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้เอง ย่อมนำมาซึ่งปัญหาความขัดแย้งกันภายในพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะประเด็นการแย่งชิงเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในลำดับปลอดภัย 1-20 หรือ 1-25

ผมมีความเห็นและข้อสังเกตฝากไปถึงแกนนำและผู้มีอำนาจตัดสินใจการคัดเลือกและจัดลำดับผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล 3 ประการ ดังนี้

ประการที่หนึ่ง Set Zero ลำดับใหม่ทั้งหมด

การคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต้องไม่ยึดกับลำดับบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ตอนปี 62 และต้องไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติให้ลำดับที่ดีแก่ผู้อาวุโสก่อน (ทั้งในแง่อายุ และในแง่เป็น ส.ส.ในปี 62 มาก่อน)

สมัยพรรคอนาคตใหม่ เรามีโอกาสในการคัดเลือกผู้สมัครน้อยมาก ปัจจุบัน พรรคก้าวไกลมีชื่อเสียงและความนิยมมากกว่าเดิม คนมีความรู้ความสามารถอาจเข้ามาเสนอตัวมากขึ้น มีโอกาสไปทาบทามคนมีความรู้ความสามารถหน้าใหม่ๆให้มาลงสมัครได้มากขึ้น

การ Set Zero จึงช่วยเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆที่มีความรู้ความสามารถ ช่วยหาคะแนนให้พรรคได้มากขึ้น หากสร้างธรรมเนียม “ผู้มาก่อนได้ก่อน” ขึ้นมา เมื่อผ่านการเลือกตั้งไปหลายครั้ง ก็จะเกิด “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” นั่งทับลำดับต้นๆไว้ตลอด จนเหลือลำดับสำหรับคนใหม่ๆได้ไม่กี่คน แบบที่พรรคเก่าแก่หลายพรรคกำลังเผชิญปัญหาอยู่

ประการที่สอง ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกและจัดลำดับ 5 ข้อ ได้แก่

ข้อแรก การอุทิศตนให้พรรค

เช่น การทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยงงาน ไม่เทงาน

การไปช่วยหาเสียงทั่วประเทศ ไปแล้วได้คะแนนเสียง มิใช่ไปแล้วสร้างภาระให้ผู้สมัครแบบแบ่งเขตและทีมงานในจังหวัดต่างๆ

ความสามารถในการระดมทุนหรือทรัพยากรให้พรรค

การขับเคลื่อนแบกพรรคได้ในภาพรวม มิใช่สร้างภาระให้พรรค หรือให้พรรคต้องตามแบกให้ เป็นต้น

ข้อสอง ความสามารถในการทำงานทางการเมือง

ได้แก่ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในงานสภาและการบริหารราชการแผ่นดิน มีความรู้ความเชี่ยวชาญในประเด็นของตนเอง สามารถอภิปรายในที่สาธารณะ สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง ริเริ่มด้วยตนเอง โดยไม่ต้องให้พนักงานพรรคมาแบกมาก

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด รวม 6 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 24-26 ธันวาคม 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ฯลฯ ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ปัตตานี และสงขลา รวม 6 จังหวัด คิดมูลค่าเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งสิ้น 737,800 บาท (เจ็ดแสนสามหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยบาทถ้วน) โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งมูลนิธิสงเคราะห์ 14 จังหวัดภาคใต้ และ มูลนิธิฯ / สมาคม ประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อเป็นการฟื้นฟูหลังน้ำลดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ส่วนภูมิภาค รวม 23 จังหวัด รวมงบประมาณเครื่องอุปโภคบริโภคในการแจกจ่ายไม่ต่ำกว่า 5.8 ล้านบาท

เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถประสานรายละเอียดการขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ โทร 02-225-0020 เวลา 08.30-16.30 น.

ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป

นิทรรศการแสดงผลงานด้านนวัตกรรมการศึกษา 'YRC 118 EDU-EXPO The Next'

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จัดนิทรรศการแสดงผลงานด้านนวัตกรรมการศึกษา “YRC 118 EDU-EXPO The Next” ภายใต้งานนวัตกรรมการศึกษากับการพัฒนาเด็กและเยาวชนเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

(24 ธ.ค.65) โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โดยนายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จัดแสดงผลงานด้านนวัตกรรมการศึกษา “YRC 118 EDU-EXPO The Next” ภายใต้งานนวัตกรรมการศึกษากับการพัฒนาเด็กและเยาวชนเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับเกียรติจากนางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานเปิดกิจกรรม ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

นวัตกรรมการศึกษา คือ การนำแนวคิด วิธีการปฏิบัติ หรือสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการพัฒนา ปรับปรุงหรือดัดแปลงให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการนำมาใช้ในการจัดการศึกษา เพื่อแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล และก่อให้เกิดความสำเร็จสูงสุดแก่ผู้เรียน นวัตกรรมมีความสำคัญต่อการศึกษาหลายประการโดยเฉพาะยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศอย่างรวดเร็ว ระบบการศึกษาจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องพัฒนาหลักสูตรการสอน วิธีการสอน และพัฒนาสื่อให้ทันสมัย รวมถึงการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในระบบการบริหารจัดการ ซึ่งจะช่วยพัฒนาผู้เรียนให้เกิดเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเป็นผู้คิดและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆได้

 

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้พัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน การบริหาร และบ่มเพาะนักเรียนให้เป็นผู้ที่สามารถคิดและสร้างนวัตกรรมต่างๆได้ตามความถนัดและสนใจ ในโอกาสวันครบรอบ 117 ปี แห่งการพระราชทานนามยุพราชวิทยาลัย (ก้าวเข้าสู่ปีที่ 118) จึงได้ร่วมกับองค์การองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จัดแสดงผลงานด้านนวัตกรรมการศึกษา “YRC 118 EDU-EXPO The Next” ซึ่งประกอบด้วย SMART Classroom, SMART TEACHER, SMART Time Checking, SMART Digital Library Application, SMART Innovations in Artificial Intelligence (AI), SMART AI  CENTER, SMART EP-IP Classroom, SMART Art & Craft , SMART Scout's Honor และ SMART Gifted Thai นิทรรศการภูมิปัญญาล้านนา รวมถึงเครือข่ายการพัฒนาโรงเรียนด้านการพัฒนาความสามารถทางดนตรี ได้แก่ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ โรงเรียนสันกำแพง โรงเรียนสารภีพิทยาคม และโรงเรียนหางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์  

ภายในงานมีการแสดงความสามารถด้านดนตรีของนักเรียน ประกอบด้วยวงดนตรีลูกทุ่ง “วงน้ำต้นแบนด์”โรงเรียนหางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ วงดนตรีสตริง “SPP Band”โรงเรียนสารภีพิทยาคม การแสดง Wind Ensemble โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ วงดนตรีลูกทุ่ง “วงร่มแดง” โรงเรียนสันกำแพง วงดนตรี Milky Late, กาลัน, กึ๊ดบ่ออก และ Zebra Band จากนักเรียนโครงการความสามารถพิเศษด้านดนตรีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยร่วมกันแสดงตลอดทั้งงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top