Wednesday, 18 June 2025
NEWS FEED

‘พี่ดี้’ ชวนชายไทยร่วมโครงการบวชถวายพระพร ‘สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ’

(26 ธ.ค. 65) นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชาวไทยชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Nitipong Honark’ ระบุว่า…

ในนามคนไทยรักสถาบัน

ขอเชิญชายไทยอายุ 25 ปีขึ้นไป จำนวน 45 คนเข้าร่วมโครงการบวชถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ระหว่างวันที่ 19 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2566 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร บางลำพู โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ติดต่อแจ้งความประสงค์ที่ Line 0896667055 ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

อนึ่ง คณะเจ้าภาพประกอบด้วยบุคคลทั่วไป ดังนี้คือ...
คุณนิติพงษ์ ห่อนาคและครอบครัว
คุณอรนภา กฤษฎี และผองเพื่อน
คุณสินจัย ฉัตรชัย เปล่งพานิช
คุณทยา - ณัฐพล ทีปสุวรรณและครอบครัว
คุณอัญชะลี ไพรีรักและทีมท้อปนิวส์
มล รจนาธร ณ สงขลาและครอบครัว
คุณเมนาท นันทขว้างและครอบครัว
คุณปวันรัตน์ นาคสุริยะและผองเพื่อน
คุณคำรณ ปราโมช ณ อยุธยา และผองเพื่อน

'คนเชียงราย' ปลื้ม!! 'บิ๊กป้อม' ชูนั่งนายกฯ ชี้!! สถานการณ์ประเทศวันนี้ ไม่มีใครเหมาะเท่า

เมื่อ (26 ธ.ค. 65) 11.30 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส, รมช.กค., ปล.ทส. ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อติดตามความพร้อม และมอบนโยบายการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง (PM2.5) และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ และจ.เชียงราย ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS อาคารเจียงฮาย โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผวจ.เชียงราย พร้อมข้าราชการและประชาชนร่วมให้การต้อนรับ 

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางถึง จ.เชียงราย พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นได้เดินทางไป รับฟังการบรรยายสรุป การเตรียมความพร้อมรับมือไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ และจ.เชียงราย ประจำปี 2566 จาก ทส. จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้ง ได้กล่าวว่ารัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ไฟป่า และฝุ่นละออง ที่นอกเหนือจะเกิดความเสียหายแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพอนามัย ของประชาชนภาคเหนือด้วยในช่วงฤดูหนาวทุกปี จึงได้เดินทางมามอบนโยบายการป้องกันไฟป่า โดยกำชับ จังหวัดให้มีการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด (Single Command) และสั่งการให้ มท., ทส. และกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ปฎิบัติตามแผนงานที่รับผิดชอบ ทั้งการให้ความรู้ การเฝ้าระวัง การแจ้งเตือนรวมทั้งการดับไฟป่าเมื่อเกิดเหตุ ซึ่ง กห.โดย ทภ.3 จะต้องให้การสนับสนุนกำลังพลและเครื่องมือ เพื่อช่วยเหลือภารกิจของจังหวัด หน่วยงานต่าง ๆ และอาสาสมัคร ในการดับไฟป่า อย่างเต็มที่

ชาวเน็ตงง ช่องยูทูบ Workpoint เปลี่ยนไป กลายเป็นชื่อ ‘Tesla Official’ แทน

วันนี้ (26 ธันวาคม) ช่อง YouTube ของ Workpoint Official ได้ถูกเปลี่ยนเป็น Tesla Official ด้วยเหตุผลบางประการ โดยคาดว่าเป็นการถูกแฮ็กจากแฮ็กเกอร์มือดีรายหนึ่ง สร้างความงุนงงให้แก่ชาวเน็ตเป็นอย่างมาก และเมื่อกดค้นหาผ่านช่อง search ก็ปรากฏเป็นช่องของ Tesla Official แทนที่จะขึ้นว่า Workpoint Official ด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังคงปรากฎโพสต์เก่าของ Workpoint Official อยู่ และมีคลิปวีดีโอเดิม ชี้ให้เห็นว่า ช่องนี้เคยเป็นของ Workpoint Official จริง ไม่ใช่ช่องของ Tesla แต่อย่างใด แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าถึงช่อง Workpoint Official ได้ ไม่ว่าจะเกิดจากการแฮ็กจริง หรือเป็นความผิดพลาดของระบบ แต่ช่องอื่น ๆ ของ Workpoint อย่าง Workpoint Today และ ข่าวเวิร์คพอยต์ 23 ยังคงเข้าถึงได้ปกติ

‘สมเด็จพระสังฆราช’ ทรงนำคณะสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ อุทิศกุศลแก่ผู้เสียชีวิตในเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง

(26 ธ.ค. 65) เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โพสต์ภาพสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงนำคณะสงฆ์สวดมนต์ทำวัตรเย็น แล้วสวดพระพุทธมนต์อุทิศกุศลแก่ผู้เสียชีวิต และเจริญพระพุทธมนต์เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ อำนวยสวัสดิมงคลแด่ราชนาวีไทยและราชอาณาจักรไทย เป็นกรณีพิเศษ ตามที่เกิดเหตุเรือหลวงสุโขทัยแห่งราชนาวีไทย อับปาง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และยังสูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2565

รมว.สุชาติ มอบ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ เป็นประธานและสักขีพยาน MOU สปส.กับ รพ.10 แห่ง เพิ่มประสิทธิภาพผู้ประกันตนเข้าถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการนำร่องในกลุ่ม 5 โรค

(26 ธ.ค. 65) เวลา 09.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม โดยมี นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม รวมทั้งผู้บริหารสถานพยาบาลทั้ง 10 แห่ง พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมให้การต้อนรับ ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 

นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลและเข้าถึงการให้บริการรักษาทางการแพทย์ของประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบนโยบายในเรื่องการจัดการและพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์  ซึ่งสำนักงานประกันสังคมเป็นหน่วยงานหลักที่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประกันตนโดยมีภารกิจสำคัญในการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์พร้อมการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ในการเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทันท่วงที ในวันนี้ ตนรู้สึกยินดีที่ได้รับมอบหมายจากท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มาเป็นประธานและร่วมเป็นสักขีพยานการทำบันทึกข้อตกลงการให้บริการทางการแพทย์ ระหว่างสำนักงานประกันสังคมกับสถานพยาบาลทั้ง 10 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเข้าถึงการรักษาให้กับผู้ประกันตน ด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการนำร่องในกลุ่ม 5 โรค “นับเป็นของขวัญปีใหม่ชิ้นหนึ่งที่รัฐบาล และกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม มอบให้ผู้ประกันตนในกรณีเจ็บป่วยและมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการกับโรงพยาบาลที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด ผมมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการทำบันทึกข้อตกลงในวันนี้ สามารถทำให้ผู้ประกันตนได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ในระบบประกันสังคม ซึ่งเป็นการลดระยะเวลาการรอคอย ลดภาวะแทรกซ้อน ไม่ให้อาการของโรคมีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้ง ช่วยลดระยะเวลาในการพักฟื้น ส่งผลให้ผู้ประกันตน สามารถกลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็ว และดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนับได้ว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกันตนอย่างแท้จริง” 

'โหรฟองสนาน' ชี้!! หาก 'ป๋าเปรม' รับใต้โต๊ะแค่ 1% คงไม่อยู่แค่บ้านสี่เสาเทเวศน์ "ท่านสร้างบ้านพันเสายังได้'

หลังจากเมื่อวันที่ (25 ธ.ค. 65) ทางสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า...

ตามที่ได้มีการพาดพิงถึง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั้น สมาคมฯ ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง ในฐานะที่ พลเอกเปรม เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดังนี้...

1. พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จากความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร โดยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรลงมติ ให้ท่านมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเป็นนายกรัฐมนตรีติดต่อกันยาวนานถึง 8 ปีเศษ และท่านได้ปฏิเสธการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยคำว่า “ผมพอแล้ว” อันถือได้ว่าเป็นอมตวาจาในสถาบันการเมืองของประเทศไทย

ในหลวง ทรงเป็นดั่งแสงสว่างสร้างชีวิตใหม่ ลูกทุน ม.ท.ศ. ตั้งมั่นตอบแทนคุณแผ่นดิน สานต่อพระราชปณิธาน “พระราชา”

ด้วยพระปรีชาสามารถ และพระราชหฤทัยอันแน่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเห็นว่าการพัฒนาการศึกษา คือ การสร้างความมั่นคงของประเทศ จึงทรงสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับประชาชนได้เรียนรู้สามารถนํามาใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว รวมถึงสามารถนำความรู้มาพัฒนาสังคมและประเทศชาติได้

ดังนั้น จึงทรงมีพระราชดำริให้ดำเนิน “โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ขึ้นเมื่อปี 2552 โดยให้ทรงนำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามพระราชปณิธานที่มุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยที่ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษาให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงต่อมาในปี2553 มีพระราชดำริให้จัดตั้ง “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร” โดยเรียกย่อว่า “ม.ท.ศ.” ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นำโครงการทุนการศึกษาฯ มาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนสืบต่อไป

ตลอดระยะเวลา 13 ปี ของการดำเนินงานโครงการทุน ม.ท.ศ. น้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นได้ส่องประกายสานฝันให้เยาวชนไทยทั่วประเทศ จากรุ่นสู่รุ่น ได้มีอนาคตอันสดใส นักเรียนทุนพระราชทานบางคนจากที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้รับการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ก็กลับมามีความหวังในเส้นทางแห่งอนาคตที่วาดฝันไว้อีกครั้ง บางคนที่ได้รับทุนพระราชทานจนสำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีพวกเขาก็พร้อมนำความรู้ความสามารถที่ได้เล่าเรียนกลับไปพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และประเทศชาติอย่างยั่งยืนสืบไปดังพระบรมราโชบายที่นักเรียนทุนพระราชทานทุกคนล้วนจำได้อย่างขึ้นใจว่า “เรียนดี ความรู้ดี การงานดี ชีวิตสดใส ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมีความสุข”

ผู้หมวดบาส - ว่าที่ร้อยตรี อนุรุทธ ด้วงทอง นักเรียนทุนฯ ม.ท.ศ.รุ่นที่ 2 รับราชการตำรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 จ.ราชบุรี ตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์สัญญาบัตร1 (นวท.สบ1) เล่าด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณว่า ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ศึกษาจนจบระดับชั้นปริญญาตรีเลยด้วยซ้ำไป แค่ศึกษาจบแค่ระดับชั้นมัธยมปลายก็ดีที่สุดแล้ว แต่วันหนึ่งก็มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นเมื่อเขาได้รับคัดเลือกให้ได้รับทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ. และวันนั้นเองที่เขาได้เห็นรอยยิ้มแห่งความยินดีบนใบหน้าผู้เป็นมารดาอีกครั้ง

“ผมเป็นนักเรียนทุนพระราชทานปีการศึกษา 2553 ตอนนั้นทางบ้านฐานะยากจนคุณแม่กับคุณพ่อแยกทางกันตั้งแต่ผมอายุ 2 ขวบ คุณแม่ทำงานคนเดียวเป็นเสาหลักของครอบครัวซึ่งต้องดูแลคนในครอบครัวกว่า6 ชีวิต ตอนนั้นลำบากมากคุณแม่หาเช้ากินค่ำเป็นแม่ค้าขาย แม่บอกว่ายังไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีกำลังส่งเราเรียนถึงได้ในระดับไหนแต่เราก็มีความตั้งใจว่าอยากจะศึกษาไป ในระดับที่สูงเท่าที่ครอบครัวจะส่งได้ แต่พออาจารย์ที่โรงเรียนแนะนำให้สมัครทุน ม.ท.ศ. เราก็รีบสมัครทันที ตอนนั้นเขาคัดเลือกนักเรียนทุนจาก 3 ข้อคือ เรื่องความประพฤติ ฐานะและความมุ่งมั่นที่จะประกอบอาชีพ ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับคัดเลือก 

ดีใจมากครับพอมีทุนการศึกษาพระราชทานซึ่งเป็นทุนต่อเนื่องที่ส่งเสียจนเรียนจบปริญญาตรี ก็เป็นโอกาสที่ทำให้เราก้าวมาถึงจุดนี้ พอรู้ว่าได้ทุนสิ่งแรกเลยชีวิตเรามันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจากแม่ที่เคยเหนื่อยก็ลดภาระจากการส่งเสียอย่าเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเพราะทุนนี้มีเงินที่เป็นของค่าเรียนและค่าครองชีพให้ ซึ่งตรงนี้ก็ช่วยลดภาระของแม่ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี”

เพราะมีความฝันอันแน่วแน่ที่อยากจะเป็นข้าราชการ เพื่อเป็นฟันเฟืองเล็กๆในการช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชนเมื่อสำเร็จการศึกษาจากระดับปริญญาตรีและปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สาขาฟิสิกส์ประยุกต์ ผู้หมวดบาสจึงเลือกเข้าสู่เส้นทางชีวิตข้าราชการที่เขาเคยวาดฝันไว้ และพร้อมน้อมนำพระบรมราโชบายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานให้แก่นักเรียนทุนทุกคนเมื่อครั้งที่เข้าเฝ้าฯรับพระราชทานทุนมาเป็นหลักยึดในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

“ชีวิตนี้มีความฝันอยู่สองอย่างคือเป็นข้าราชการในสายทหารตำรวจกับเป็นข้าราชการครูตอนแรกก็ไปเป็นอาจารย์ก่อนใช้ชีวิตในการสอนหนังสือแต่เราก็ยังรักในสายตำรวจก็เลยมาสอบซึ่งมาบรรจุหน่วยพิสูจน์หลักฐานผมได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสของในหลวงมาใช้ในฐานะข้าราชการตำรวจคือการผดุงความยุติธรรมเพื่อที่จะรับใช้ประชาชนดังนั้นในสายงานของพิสูจน์หลักฐานตำรวจประชาชนจะต้องมีความเดือดร้อนแล้วต้องให้เราช่วยในการแก้ไขปัญหาเพราะเราเอาหลักของวิทยาศาสตร์ไปช่วยคลี่คลายคดีในการเริ่มต้นคดีประกอบสำนวนของพนักงานสอบสวนจะต้องมีพยานหลักฐาน การตรวจเก็บวัตถุพยานเราก็จะใช้ความรู้จากสาขาของฟิสิกส์มาช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้สิ่งนี้มันอยู่ในใจของเราอยู่แล้วว่าการทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติเราอาจไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมดแต่เราก็สามารถช่วยในสิ่งที่เราทำได้”

ผู้หมวดบาส ยังเล่าต่อว่า ทุนการศึกพระราชทาน ม.ท.ศ. เปรียบเสมือนกับน้ำทิพย์ มาหล่อเลี้ยงชีวิตต่อลมหายใจให้เขาและครอบครัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน 

“ทุนพระราชทานนี้ไม่ใช่แค่ได้กับเราคนเดียวแต่ปัจจุบันผมสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้เพราะฉะนั้นมันเป็นผลลัพธ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆเริ่มต้นมาจากการได้รับพระราชทานทุนของพระองค์ดังนั้นสิ่งนี้ถือเป็นกำลังใจ ให้ตัวเองและครอบครัวที่ได้มาถึงจุดนี้ในปัจจุบัน และผมตั้งใจจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่นและตอบแทนสังคมอย่างสุดกำลังเมื่อมีโอกาส”

โฆษกกระทรวงดีอีเอส เตือนระวังข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับพระอาการประชวร ‘พระองค์ภา’ อย่าเชื่อ อย่าแชร์ พร้อมย้ำให้ติดตามแถลงการณ์จากสำนักพระราชวังเท่านั้น

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า เนื่องจากมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมีการให้ข้อมูลข่าวเกี่ยวกับพระอาการประชวรของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดพบว่ามีความบิดเบือนหรือเป็นข้อความเท็จ  ซึ่งจะมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  

สื่อเปิดฉายาตำรวจแห่งปี บิ๊กเด่น “ผบ.ปี ชง” ,บิ๊กโจ๊ก “เต็มคาราเบล” , บิ๊กหลวง “แมวหลวง สตช.” , บิ๊กจ๋อ “ขอดเกล็ดมังกร” 

วันที่ 24 ธ.ค.65 ที่ศูนย์ปฏิบัติการสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ นายสมชาย จรรยา อุปนายก นายสุรชัย นิโคธานนท์ อุปนายก นายกันตเมธส์  จโนภาส ทนายประจำสมาคมฯ พร้อมตัวแทนสื่อมวลชนแขนงต่างๆร่วมแถลงการตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2565 

นายไพโรจน์ กว่าว่า ผู้สื่อข่าวในสายงานด้านอาชญากรรมได้ทำงานใกล้ชิดกับแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดปีที่ผ่านมา ได้เฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเสนอผลงานสู่สายตาประชาชน เพื่อสะทอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ร่วมกันตั้งฉายาตำรวจประจำปีขึ้นทุกปี ซึ่งเกณฑ์ในการตั้งฉายานั้น มีการประชุมร่วมกันกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่างๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามา และทำการคัดเลือกในปีนี้เหลือเพียง 11 นาย 

1.พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา “ผบ.ปี ชง” นับตั้งแต่การก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน 3 เดือน “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  ต้องเผชิญกับสารพัดปัญหา ตลอดจนเจอมรสุมเรื่องวงการสีกากี อาทิเช่น อดีตตำรวจก่อเหตุกราดยิงที่ จ.หนองบัวลำภู อดีตตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ขโมยปืนหลวงไปขาย  กลุ่มทะลุฟ้ายื่นเรียกร้อง ผบ.ตร. 3 ข้อให้รับผิดชอบกล่าวหาตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม “ราษฎรหยุด เอเปค 2022” คดีทุนจีนสีเทา ที่สงสัยว่าจะมีข้าราชการตำรวจไปเอี่ยว เรียกรับผลประโยชน์ แลกปล่อยรถหรูผับจินหลิง ล่าสุดกับกรณีการโกงสอบเข้าเป็นตำรวจในพื้นตำรวจภูธรภาค 9 ทั้งหมด ผบ.ตร.สั่งการให้ตำรวจตรวจสอบถอดบทเรียนความผิดพลาดทุกกรณี จนสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆไปได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเปรียบเสมือนปีนี้เป็นปี ชง ของ ผบ.ตร.จริงๆ

2.พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา “หิน คลีนนิ่ง” เป็นที่ทราบกันดีว่าในรอบปีที่ผ่านมาข่าวคราวในแวดวงตำรวจเป็นไปในทิศทางลบ มีเรื่องราวต้องให้แก้ไข และทุกครั้งจเรตำรวจแห่งชาติ จะถูกมอบหมายให้รับภารกิจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเปรียบเสมือนพ่อบ้านที่คอยเก็บกวาดขยะที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พรม ในปีนี้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้ทำการตรวจสอบตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย.65 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น 229 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 178 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 51 นาย จึงเป็นที่มาของฉายา “หิน คลีนนิ่ง” 

3.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา “โจ๊ก...เต็มคาราเบล” 
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ที่ถือได้ว่าเป็นนายตำรวจที่มีประชาชนติดตามการทำงานเป็นจำนวนมาก ได้รับมอบหมายงานด้านสืบสวนสอบสวน เป็นผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) และปราบปรามน้ำมันเถื่อน ก็มีผลงานปรากฏสู่สายตาประชาชนในการทำคดีต่างๆมากมาย และคดีล่าสุดได้ดำเนินการกวาดล้างขบวนการกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดรวมทั้งขยายผลยึดทรัพย์จับกุมนาย “ตู้ห่าว”ผู้ต้องหาคนสำคัญซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้ามาเฟียกลุ่มจีนสีเทา โดยการดำเนินการในแต่ละครั้ง “บิ๊กโจ๊ก”จัดหนัก จัดเต็ม ทุกรูปแบบทุกมิติ ทั้งขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยึดทรัพย์ จึงเป็นที่มาของฉายา “โจ๊ก...เต็มคาราเบล” 

4.พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ ตร. ได้รับฉายาว่า “แมวหลวง สตช.”  พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ เป็นนายตำรวจที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋นและเป็นหนึ่งเดียวในระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้รับความไว้วางใจจาก ผบ ตร. และ รอง ผบ ตร. ดูแลงานครบทุกหน้างานและทุกมิติ ทั้งงานสืบสวน สอบสวน งานป้องกันปราบปราม งานมั่นคงและกิจการพิเศษ อีกทั้งยังได้รับหมายให้ดูแลงาน ป้องกัน บำบัด ผู้ติดยาเสพติด โดยเน้นนำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่ขบวนการบำบัด ซึ่ง เป็นนโยบายของรัฐบาล ผลงานการปราบปรามอาชญากรรมสำคัญๆที่สามารถปิดคดีได้ ก็เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดล่าสุดสามารถจับกุมผู้ที่ลักลอบเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก จับกุมผู้ต้องหาได้ 12,245 ราย ยึดทรัพย์กว่า 1,770 ล้าน เงินสะพัดกว่า 1.1 หมื่นล้านจึงได้รับฉายาว่า “แมวหลวง สตช.”

5.พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ฉายา “โอ๋ เดอะสตาร์” พล.ต.ท.ธนายุตม์ เป็นนายตำรวจฝีมือดีที่ทำงานเชิงรุกจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ได้รับความไว้วางใจดูแลพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสามารถจับกุมคดียาเสพติด ยาบ้า  ยาไอซ์   ยาเค  เฮโรอีน ได้เป็นจำนวนมาก และตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่า ร่วม100 ล้านบาท จับกุมคดี อาวุธสงคราม 2 พันกว่ากระบอก ผู้ต้องหา 2,589 ราบ และจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3,033 คดี ผู้ต้องหา 3,024 ราย ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ที่เล่นพนันทายผลฟุตบอลโลกเป็นอันดับ1 ของกองบัญชาการ จนเป็นที่โดดเด่นในสายตาของประชาชนและสื่อมวลชนจึงได้รับฉายาว่า “โอ๋ เดอะสตาร์”

6.พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้รับฉายา “นายพลรูบิค” 
จากกรณีคดีกราดยิงในพูลวิลล่า พื้นที่จังหวัดชลบุรีมีการจับกุมผู้ก่อเหตุได้แต่ต่อมาภายหลังชุดทำงานของพล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล พบความผิดปกติว่ามีกระบวนการในการช่วยเหลือสับเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาโดยมีข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง มีทั้งระดับรองผู้บังคับการและยังปรากฏมีชื่อ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน  เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ต่อมาผบ.ตร. ลงนามในคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 543/2565.ให้พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ไปปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฎิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม เพื่อปฎิบัติหน้าที่ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 สุดท้ายรูบิคจะหมุนไปถูกสีถูกต้องหรือไม่จะถูกหรือผิดก็ต้องรอดูผลการสอบต่อไป

7.พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 ได้รับฉายา “นายพลดับเครื่องชน”  พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 เป็นนายตำรวจอีกท่านหนึ่งที่ “ฝันสลาย” หลัง “ดับเครื่องชน” ร้องศาลปกครองฟ้องผู้เป็นนาย ที่แต่งตั้งโยกย้ายคนอื่น “ข้ามหัว”  พร้อมระบุมีคุณสมบัติครบถ้วนและดีกว่าคนอื่นที่ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง โดยครองยศ พล.ต.ต.มานาน กว่า 7 ปี และครองตำแหน่ง รอง ผบช. ถึง 4 ปีเต็ม อาวุโสเป็นอันดับ 1 ของภาค 8 และลำดับที่ 24 ของ สตช  ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีคำสั่งแต่งตั้งก็เป็นตัวเก็งว่าจะถือตั๋วคว้าตำแหน่ง”ผบช.ภ.8” ตั้งแต่ไก่โห่ จนกระทั้งมติ ก.ตร.แต่งตั้งโยกย้ายเสร็จสิ้นกลับไม่ปรากฎชื่อ เป็นผู้บัญชาการใดสักแห่ง ล่าสุดการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.)- ผู้บัญชาการ (ผบช.) นอกวาระประจำปีปรากฏว่ามีชื่อ พล.ต.ต.วันไชย  เป็นจเรตำรวจ (สบ 8) เทียบเท่าผู้บัญชาการ จึงเป็นที่มาของฉายา“นายพลดับเครื่องชน”             


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top