Wednesday, 18 June 2025
NEWS FEED

น้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้งและอาหารทะเล ที่มีสารไอโอดีน จากทะเลสู่ดอย

เมื่อ 6 ม.ค.66 ณ ศาลากลางจังหวัดประจวบคิรีขันธ์ และ เทศบาลเมืองหัวหิน ชาวประมงประจวบคีรีขันธ์ ร่วมแรงร่วมใจ น้อมเกล้าฯ ถวาย ปลากะตักแห้ง และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน โครงการตามพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน ก่อน ส่งมอบปลากะตักแห้ง และ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทานต่อ ให้กับผู้แทนกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อดำเนินการส่งต่อ ให้แก่ เด็กนักเรียน และประชาชน พื้นที่ราบสูงในถิ่น ทุรกันดาร ต่อไป

โดย เมื่อเวลา 10.00 น. ณ ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาคมชาวประมงบางสะพาน สมาคมชาวประมงประจวบคีรีขันธ์ สมาคมประมงพื้นบ้านประจวบคีรีขันธ์ ท่าเรือประจวบ จำกัด และ ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันจัดพิธีส่งมอบ ปลากะตักแห้ง และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ให้แก่ผู้แทนกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ตามโครงการพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน 

โดย นายนันทชัย สุขเกื้อ นายกสมาคมชาวประมงบางสะพาน เป็นตัวแทน กล่าวรายงานความเป็นมา และรายละเอียดของโครงการฯ ต่อ นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประธานในพิธี ก่อนร่วมกัน น้อมเกล้าฯ ถวาย ปลากะตักแห้ง จำนวน 3,435 กิโลกรัม หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีผู้แทนหน่วยงาน เข้าน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้ง ได้แก่ นายจำเริญ นาคนงนุช ผู้แทนสมาคมชาวประมงบางสะพาน นายประเสริฐ แตกช่อ ผู้แทน สมาคมชาวประมงประจวบคีรีขันธ์ นายประทีป อบเชย ผู้แทนสมาคมประมงพื้นบ้านประจวบคีรีขันธ์ นายชนยุธ นิลพานิช ผู้แทนท่าเรือประจวบ จำกัด

ภายหลัง ผู้เเทนหน่วยงาน น้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประธานในพิธี เข้ารับ พระราชทานปลากะตักแห้งพระราชทาน ก่อนส่งมอบต่อให้ พลเรือตรี อาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ ดำเนินการส่งต่อให้แก่ เด็กนักเรียน และประชาชนในพื้นที่ราบสูงถิ่นทุรกันดาร ต่อไป และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีฯ ได้ส่งรถขบวนลำเลียงสิ่งพระราชทาน ที่จัดจาก กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกัน ณ หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ต่อมา ในเวลา 13.30 น. ณ เทศบาลเมืองหัวหิน สมาคมประมงปราณบุรี และเทศบาลเมืองหัวหิน ได้ร่วมกันจัดพิธีส่งมอบ ปลากะตักแห้ง และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน พระราชทาน ให้แก่ผู้แทนกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ตามโครงการพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน เช่นเดียวกัน

โดย นายอติชาติ นายกสมาคมประมงปราณบุรี/รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เป็นตัวแทน กล่าวรายงานความเป็นมา และรายละเอียดของโครงการฯ ต่อ นายอมร พัฒน์ทอง รองประธานสภาเทศบาลเมืองหัวหิน ประธานในพิธี ก่อนร่วมกันน้อมเกล้าฯถวาย นำ้ปลาแท้ ปลากระป๋อง และหมึกกระตอยแห้ง น้ำหนักรวม 2,500 กิโลกรัม หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี ผู้แทนหน่วยงาน เข้าน้อมเกล้าฯถวายปลากะตักแห้ง ดังต่อไปนี้ คุณ พัทธมน พันธ์พงศ์ นายกสโมสรโรตารีหัวหิน ด.ต.ศรพล รานวล ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ร.ต.อ.ธงชัย พรล้วนประเสริฐ ผู้ช่วยนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน

ภายหลังผู้เเทนหน่วยงาน น้อมเกล้าฯ ถวายน้ำปลาแท้ ปลากระป๋อง และหมึกกระตอยแห้ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายอมร พัฒน์ทอง รองประธานสภาเทศบาลเมืองหัวหิน ประธานในพิธี เข้ารับ พระราชทาน น้ำปลาแท้ ปลากระป๋อง และหมึกกระตอยแห้งพระราชทาน ก่อนส่งมอบต่อให้ พลเรือตรี อาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ ดำเนินการส่งต่อ ให้แก่ เด็กนักเรียน และประชาชน พื้นที่ราบสูงในถิ่นทุรกันดารต่อไป และ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีส่งมอบแล้ว ได้ส่งรถขบวนลำเลียงสิ่งพระราชทาน ที่จัดจากกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกัน ณ หน้าเทศบาลเมืองหัวหิน เช่นกัน สำหรับ โครงการน้อมเกล้าฯ ถวายถวายปลากะตักแห้ง และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน โดยเสด็จตามพระราชกุศล โครงการตามพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน เพื่อส่งมอบให้กับสำนักงานส่วนพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำไปพระราชทาน ให้แก่นักเรียน และประชาชนที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดารต่อไป 

โครงการดังกล่าวนี้ ได้เริ่มเมื่อปลายปี พ.ศ.2538 ในการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือ ทรงพบเห็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ป่วยเป็นโรคขาดสารไอโอดีน (หรือโรคคอหอยพอก) จำนวนมาก

พระองค์ท่านทรงตระหนักถึงพิษภัยของโรคนี้ จึงทรงจัดตั้ง “โครงการต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน” ขึ้นโดยพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อดำเนินการโครงการในเบื้องต้น และจากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงดำเนินการโครงการนี้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือให้แก่ ผู้เป็นโรคขาดสารไอโอดีน อย่างต่อเนื่องตลอดมา

ด้วยเห็นถึงความสำคัญของโครงการตามพระราชดำริฯ และทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ องค์กรภาคประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ร่วมกับ กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 สืบสานโครงการ ด้วยการเชิญชวน องค์กรภาคเอกชน ประชาชนทั่วไป น้อมเกล้าฯ ถวาย อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน ก่อนส่งมอบอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ให้แก่ พลเรือตรี อาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ เพื่อดำเนินการต่อไป


ที่มา : นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

บึงสีไฟเมืองชาละวันนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวอพยพหนีหนาวมาอาศัยให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม 

บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นแหล่งน้ำใหญ่อยู่กลางใจเมืองพื้นที่กว่า 5 พันไร่ ที่ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิยามเช้าเฉลี่ย 18-20 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มี 'นกเป็ดน้ำ' นับหมื่นตัวบินอพยพมาอาศัยในบึงสีไฟ เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติได้ชื่นชม

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2566 ที่บึงสีไฟจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิจิตรมีพื้นที่กว่า 5 พันไร่ ซึ่งขณะนี้ได้รับการพัฒนาจาก อบจ.พิจิตร รวมถึงสำนักงานชลประทานจังหวัดพิจิตร ก็ได้ทำการเติมน้ำสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้บึงสีไฟเป็นแก้มลิงจึงทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติทั้งพืชน้ำ-สัตว์น้ำน้อยใหญ่ ต่างอยู่อาศัยเป็นวงจรห่วงโซ่อาหารที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบกับช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งในพื้นที่บึงสีไฟยามเช้าจะอุณหภูมิเฉลี่ย 18-20 องศาเซลเซียส ทำให้มีฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัว ซึ่งคาดว่าน่าจะบินอพยพมาจากประเทศที่เป็นเมืองหนาวมาอาศัยในบึงสีไฟที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยนกเป็ดน้ำต่างรวมกันเป็นฝูงใหญ่บินวนหาอาหารลงกินพืชอาหารที่อยู่ในน้ำและสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่นฝอย หรือ กุ้งนา รวมถึงลูกปลาตัวเล็กตัวน้อยในบึงสีไฟที่มีดอกบัวและใบบัวให้เป็นที่อยู่กลางน้ำได้อีกด้วย ความสวยงามที่เกิดขึ้น คือ นกเป็ดน้ำเหล่านี้จะบินเป็นฝูงใหญ่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ทำให้เราได้เห็นความเป็นธรรมชาติของบึงสีไฟแห่งนี้ 

สำหรับนกเป็ดน้ำมักจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง สามารถบินได้ในระยะทางไกล จึงทำให้มีการแพยพจากอีกถิ่นหนึ่งไปยังอีกถิ่นหนึ่งเพื่อแสวงหาอาหารและแหล่งที่อยู่อาศัยที่อุดมสมบูรณ์ ฝูงนกเป็ดน้ำเหล่านี้จะมาอยู่ที่บึงสีไฟในระยะสั้นๆเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว โดยน่าจะคาดว่าบินอพยพมาจากทางซีกโลกเหนือเพื่อจะไปซีกโลกใต้ ซึ่งจะมีอุณหภูมิอุ่นกว่า จากนั้นพอถึงฤดูร้อนฝูงนกเป็ดน้ำเหล่านี้ก็จะบินอพยพกลับไปเพื่อไปผสมพันธุ์และพันธุ์วางไข่ในถิ่นเดิมที่อพยพหนีหนาวมา 

สำหรับฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวเหล่านี้ปัจจุบันอาศัยอยู่ใกล้กับหอชมนกอุทยานบัว ซึ่งอยู่โซนด้านทิศใต้ของบึงสีไฟเมืองชาละวันดังกล่าว


ที่มา: สิทธิพจน์ พิจิตร 

กองทัพอากาศ เตรียมจัดการแสดง Air Show เนื่องในวันเด็ก ปี 2566

งานวันเด็กกองทัพอากาศ ปี 2566 กลับมาอีกครั้ง ยิ่งใหญ่กว่าเดิม จัดการแสดง Air Show เต็มรูปแบบ ตื่นตาตื่นใจ ย้ายจาก กองบิน 6 (ดอนเมือง) ไปยังโรงเรียนการบิน (กำแพงแสน)

กองทัพอากาศ เตรียมจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ตามเจตนารมณ์ของ พลอากาศเอก อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชน จึงได้จัดการแสดงการบิน (Air Show) อย่างจุใจในปีนี้ หลังจากว่างเว้นมาหลายปี อีกทั้งเพื่อลดผลกระทบของการจราจรทางอากาศ จึงได้ปรับเปลี่ยนสถานที่จัดแสดงการบิน (Air Show) จากกองบิน 6 (ดอนเมือง) ไปยัง โรงเรียนการบิน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นสถาบันผลิตนักรบทางอากาศของกองทัพอากาศ ให้เยาวชนได้เข้ามาเรียนรู้ และสัมผัสประสบการณ์ด้านการบินและการทหารอย่างใกล้ชิด เน้นความภาคภูมิใจในเกียรติภูมิของชาติ และความเป็นทหารอาชีพ รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนกล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง เหมาะสม รู้หน้าที่ มีวินัยต่อตนเองและสังคม

พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า "สำหรับกิจกรรมที่โรงเรียนการบินในปีนี้ ประกอบด้วย การจัดแสดงการบิน (Air Show) ของอากาศยานแบบต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ ที่บอกเล่าเรื่องราวการปฏิบัติภารกิจปกป้องน่านฟ้าไทย อาทิ การบินต่อสู้ในอากาศ การบินโจมตีทางอากาศ การบินค้นหาและช่วยชีวิต และการบินแสดงสมรรถนะอากาศยาน นอกจากนี้ ยังมีการตั้งแสดงอากาศยานและยุทโธปกรณ์ภาคพื้น การจัดนิทรรศการ และการจัดกิจกรรมสำหรับเยาวชนอีกมากมาย ส่วนที่ดอนเมืองยังสามารถร่วมกิจกรรมอื่นๆ ได้ที่ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ และสนามบินเล็กกองทัพอากาศ (ทุ่งสีกัน) สำหรับในพื้นที่ต่างจังหวัด ก็สามารถร่วมกิจกรรมที่กองบินต่าง ๆ ทั่วประเทศ และกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 (ปัตตานี) ได้เช่นกัน"


ที่มา: สำนักงานโฆษกกองทัพอากาศ

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกและสังเกตการณ์การฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) ในการฝึกภาคสนามและภาคทะเล (FTX) การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) ในการฝึกภาคสนาม และภาคทะเล (FTX) การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 บน เรือหลวงอ่างทอง และ บริเวณเกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต 

เวลา 12.40 น.ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางมาถึงเรือหลวงอ่างทอง โดยมี พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 ให้การต้อนรับ จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ฝึกฯ รวมทั้งได้ตรวจเยี่ยมศูนย์บัญชาการในทะเล และโรงพยาบาลสนามบนเรือ ณ ห้องควบคุมปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก ต่อมาในเวลา 13.50 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ชมการฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) และการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลร่วมกับหน่วยงานใน ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จากนั้นในเวลา 14.30 น. ผู้บัญชาการทหารเรือได้เดินทางต่อไปยังเกาะราชาใหญ่ เพื่อตรวจเยี่ยมการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางบกและการส่งกลับผู้ป่วยด้วยอากาศยานส่งต่อทางการแพทย์

อนึ่ง กองทัพเรือได้จัดให้มีการฝึกกองทัพเรือเป็นประจำทุกปี เพื่อให้กำลังพลจากกรมในส่วนบัญชาการส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ ส่วนการศึกษาและวิจัย ได้บูรณาการการฝึกของหน่วยต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาขีดความสามารถให้มีความพร้อม ในการเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต อันจะทำให้กองทัพเรือสามารถดำรงบทบาทในฐานะหน่วยงานความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการฝึกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างขีดความสามารถกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ทั้งนี้ต้องมีการฝึกภาคสนามและภาคทะเล (FTX) ควบคู่กับการฝึกดังกล่าว ซึ่งเป็นการฝึกภาคปฏิบัติของหน่วยกำลังรบ และหน่วยสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องการทดสอบขีดความสามารถในระดับยุทธวิธีมาทำการฝึกภาคปฏิบัติร่วมกัน

นอกจากนี้กองทัพเรือได้ให้ความสำคัญในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดจากธรรมชาติที่นับวันมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว การป้องกันที่ดีที่สุดคือการซักซ้อมและเตรียมการรับมือในช่วงสภาวะปกติ ดังนั้น กองทัพเรือจึงได้จัดการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2566 ในเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติขึ้นในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันในห้วง วันที่ 4 - 6 มกราคม 2566 เพื่อเป็นการทดสอบ และซักซ้อมความเข้าใจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันของกองทัพเรือและหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันและทำงานร่วมกันอย่างบูรณการ สำหรับการฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 4 ข้อ ดังนี้

1) เพื่อทดสอบการปฏิบัติตามร่างแผนบรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พ.ศ.2566

2) เพื่อทดสอบแนวความคิดในการปฏิบัติของ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ และ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 3 ตาม (ร่าง) แผนบรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พ.ศ.2566

3) เพื่อทดสอบขีดความสามารถ ความพร้อม องค์บุคคล องค์วัตถุ องค์ยุทธวิธี ของหน่วยในกองทัพเรือ ในการปฏิบัติการบรรเทาภัยพิบัติ (การประเมินความต้องการและความเสียหาย การเคลื่อนย้ายกำลังการค้นหาและช่วยเหลือฯ การแพทย์ สารเคมีและปนเปื้อน)

และ 4) เพื่อทดสอบการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานกองทัพเรือ ศรชล. และจังหวัด ในระดับการสั่งการและการปฏิบัติ ในการปฏิบัติการบรรเทาภัยพิบัติ

โดยการฝึกครั้งนี้ได้มีการสมมุติสถานการณ์การเกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้นในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน ทำให้เกิดการตัดขาดระหว่างฝั่งและเกาะต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ของเกาะราชาใหญ่ ดังนั้น จังหวัดภูเก็ตจึงได้ร้องขอให้ ทัพเรือภาคที่ 3 เข้าช่วยแก้ไข และบรรเทาสถานการณ์ โดยทัพเรือภาคที่ 3 ได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจในการเข้าแก้ไขปัญหา และได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีหน่วยที่เข้ารับการทดสอบและการฝึก ดังนี้

1) ทัพเรือภาคที่ 3 จัดเรือจำนวน 3 ลำ เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง

2) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 จัดเรือตรวจการณ์ จำนวน 5 ลำ

3) กองเรือยกพลขึ้นบก และยุทธบริการ

4) กองเรือยุทธการ จัดเรือหลวงอ่างทอง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จัดกำลังพล 94 นาย

5) กรมแพทย์ทหารเรือ และโรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 จัดกำลังพล 17 นาย

6) กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จัดกำลังพล 13 นาย

7) กรมอุทกศาสตร์ จัดกำลังพล จำนวน 5 นาย

8) สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ จัดกำลังพล จำนวน 4 นาย

9) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง

10) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต จัดกำลังพล จำนวน 12 นาย

11) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต จัดกำลังพล จำนวน 6 นาย

12) มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต จัดกำลังพล จำนวน 6 นาย

13) สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดภูเก็ต และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จัดกำลังจำนวน 17 นาย รวมกำลังพลที่ใช้ในการฝึกครั้งนี้ทั้งสิ้น 439 นาย

การฝึกในครั้งเป็นไปตามนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้หน่วยต่างๆ เตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อม และสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

ฐานทัพเรือสัตหีบ ส่งกำลังพลร่วมบรรพชาอุปสมบท 99 รูป ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

วันนี้ 7 ม.ค.66 เวลา 09.00 น. นาย สุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอสัตหีบ/นายกกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ มอบหมายให้ นาง พิกุล โสภา ปลัดอำเภอสัตหีบและเลขานุการกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ นำคณะที่ปรีกษา รองนายกกิ่งกาชาด คณะกรรมการ และสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ เข้ามอบเงินและร่วมส่งกำลังพลของฐานทัพเรือสัตหีบ กองทัพเรือ เข้าร่วมในโครงการบรรพชาอุปสมบท 99 รูป เพื่อถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ววัน 

ตามที่ กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดชลบุรี มอบหมายให้อำเภอสัตหีบ ประสานและเชิญชวนบุคลากรจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมโครงการฯ ในวันที่ 9 ม.ค.66 เวลา 13.00 น.พิธีปลงผมนาค ณ สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมปทีป อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ในวันที่ 10 ม.ค.66 เวลา 07.00 น.พิธีบรรพชาอุปสมบท ณ วัดบึงบวรสถิตย์ และวัดเจริญธรรม ต.บ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และวัดพยอม ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

'แจ็ค หม่า' มาไทย!! แวะชิมอาหารไทย ‘ร้านเจ๊ไฝ’ พร้อมเปรียบมวย ‘บัวขาว’ ที่ราชดำเนิน

‘แจ๊ค หม่า’ มาประเทศไทยอีกครั้งช่วงปีใหม่ พร้อมถ่ายรูปคู่ ‘เจ๊ไฝ’ และไปชมมวยที่ราชดำเนิน ก่อนทำท่าออกหมดเปรียบมวยกับ ‘บัวขาว’ เป็นที่ฮือฮาแก่ผู้พบเห็น 

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีคนดังจากต่างแดนมาเยือนเมืองไทยกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ‘แจ๊ค หม่า’ มหาเศรษฐีชื่อดังชาวจีน ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง โดยมีภาพปรากฏว่าได้เดินทางไปที่ ร้านเจ๊ไฝ ร้านอาหารชื่อดังระดับมิชลินของไทยพร้อมถ่ายรูปคู่กับ ‘เจ๊ไฝ’ เจ้าของร้าน

ขณะที่เจ๊ไฝได้โพสต์ภาพของแจ๊ค หม่า พร้อมด้วย สุภกิต และมาริษา เจียรวนนท์ พร้อมแคปชั่นว่า “มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับคุณและครอบครัวที่ร้านเจ๊ไฝ”

นอกจากนี้สื่อ lifestyleasia ได้ระบุว่า แจ๊ค หม่า ได้เข้าไปชมมวยไทยที่สนามมวยราชดำเนินในโซนวีไอพี รวมถึงได้เจอกับ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ นักชกมวยไทยชื่อดังระดับโลก โดยแจ๊ค หม่า ได้ตั้งท่าออกหมัดเปรียบมวยกับบัวขาว จนเป็นที่ฮือฮาของผู้พบเห็น 

คนไทยในสวิตฯ แชร์!! น้ำพระราชหฤทัยในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงส่งเครื่องรับกลับสยาม แบบไม่ต้องให้จ่ายเงินสักบาท

น่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่คนไทยน้อยคนนักจะทราบว่า ในหลวงรัชกาลที่ 10 ของเราได้ทรงช่วยเหลือราษฎรของพระองค์ที่ต้องการกลับสู่แผ่นดินสยาม เพื่อหลีกหนีจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อโควิด-19 ในแถบประเทศยุโรปอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ออกตัว จนกว่าจะรู้อีกทีก็ได้ลัดฟ้าคืนสู่รั้วสยามประเทศอย่างปลอดภัย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้ใช้ TikTok ในชื่อ Geniusgirl ได้เผยประสบการณ์ของคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเล่าถึงเหตุการณ์สุดประทับใจจากน้ำพระราชหฤทัยของในหลวงรัชกาลที่ 10 ว่า...

ชาติเดียวในโลก #Thailand Only

ยังจำได้มั้ย? เครื่องบินพระราชทาน รับคนไทยในต่างแดนกลับบ้าน ในช่วง #โควิดระบาดทั่วโลก

รัฐบาล #ลุงตู่ พาคนไทยนับแสน กลับ #บ้านเกิดเมืองนอน อย่างปลอดภัย แล้ว....กลับมา #กักตัว #รักษา ฟรี!!!

บินมาประเทศไทย เพื่อย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยเมื่อ 13 สิงหาคม 2020 ที่บินมาด้วยเครื่องบินฟรี

เป็นเที่ยวบินที่ 'พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว' ส่งไปรับคนไทยที่อยู่ยุโรปกลับมา และไม่เคยมีใครบอก

จนกำลังจะขึ้นเครื่อง...

ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตที่โน่น (สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์)

คือจำได้ไม่เคยลืม เพราะมันกลับมายากมาก ตอนนั้นมันเริ่มมีโควิดใช่มั้ยคะ

เจ้าหน้าที่บอกแค่ "ให้เตรียมเงินสดมาจ่ายที่เคาน์เตอร์สนามบินซูริก"

ไปถึงสนามบินซูริก กว่าจะเข้าเรื่องกันนานมากนะฮะ เราก็ถาม คืออยากรู้ว่า "ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่" เพราะตอนนั้นทุกอย่างแพงหมดเลย

เรามากัน 4 คนนะ ลูกเทวี...ถูกต้องถือสัญชาติไทยด้วย ถือสัญชาติสวิสด้วย แต่สามีเทวี สวิส 100% พาสปอร์ตเป็นสวิส 100% คือเป็นฝรั่ง 100% น่ะ

เจ้าหน้าที่สถานทูตบอกว่า....

‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ ทรงอนุญาตให้พวกเราบินฟรีด้วยกันได้ คือคนไทยที่มีครอบครัวอยู่ต่างประเทศ รวมถึงครอบครัวของเรา

ก็คือฝรั่งที่เป็นสามีบินฟรีกลับมาด้วย

แค่นั้นไม่พอนะคะ มันซาบซึ้งใจมาก คือไม่เคยมีใครมาบอกป่าวประกาศโป้งๆๆๆๆ

และพอมา กลับมาถึงเมืองไทย โดนกักตัวนะคะ

ขอโทษ...เทวีและลูกชาย 2 คน ได้ห้องพักที่โรงแรมที่พัทยา 3 ห้อง ที่เป็นห้องสตูดิโอ มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง ทุกอย่างฟรีหมด

โรงแรมอย่างดี ข้าวฟรีทุกมื้อ จะจ่ายเงิน เขาก็ไม่ให้จ่าย แต่คุณสามีเทวี ไปอยู่โรงแรมห้องเล็กๆ

ต้องจ่ายเงินเอง เพราะเขาไม่ใช่คนไทย

"มัน..มัน...ปลื้มใจมาก"

ไม่ได้จ่ายตังค์สักบาท เรามีตังค์ เราอยากจ่ายตังค์ เขาบอกไม่เป็นไร เราเป็นคนไทย

รพ.ราชบุรี ประกาศเชิดชู ‘นายซิน’ หนุ่มเมียนมา บริจาคอวัยวะช่วยชีวิตผู้ป่วยชาวไทยได้ 13 คน

(6 ม.ค. 66) นายซิน หรือ THANT ZIN TUN สัญชาติเมียนมา วัย 29 ปี ประสบอุบัติเหตุทางถนน จนต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.ปากท่อ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา และถูกส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.ราชบุรี แพทย์ได้ตรวจอาการอย่างละเอียด พบว่า กระดูกต้นคอส่วนบนเคลื่อน จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการแย่ลงอย่างรวดเร็ว ทางแพทย์และทีมพยาบาล จึงแจ้งให้ทางญาติทราบ พร้อมประสานขอรับบริจาคอวัยวะ⁣

ซึ่งทางภรรยาและครอบครัวจึงได้ประสานกับทางพ่อแม่ผู้ป่วย จนทราบว่า ผู้ป่วยได้เคยสั่งไว้ หากมีโอกาสให้บริจาคอวัยวะ เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนอื่น จึงนำไปสู่การบริจาคอวัยวะในครั้งนี้⁣

โดยอวัยวะของนายซิน สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยชาวไทยที่สิ้นหวังได้ 13 ชีวิต ทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับบริจาคอวัยวะสามารถมีชีวิตต่อไป และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ⁣

ผบ.ฉก.นราธิวาส เปิดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านการเมืองในพื้นที่ จชต. ค่ายกัลยาณิวัฒนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านการเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนทักษะ เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านการเมือง ของ ผู้บังคับหน่วย และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน จำนวน 90 นาย ให้สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปขยายผลต่อยอด เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ป้องกันการถ่ายทอดการบิดเบือน ด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา และวัฒนธรรม ในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความรัก ความเข้าใจ ความสามัคคีของชุมชนและสังคม อันเป็นการร่วมกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

ทัพเรือภาคที่1 ร่วมกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริฯ' เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

วันที่ 6 มกราคม 2566 พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และรองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริฯ' เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ หน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชานาวิกโยธิน กองทัพเรือ ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงเเพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี

การจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย พิธีเปิดกรวยถวายราชสักการะ พิธีมอบรางวัลให้แก่เยาวชนในการประกวดวาดภาพ พิธีมอบอุปกรณ์เก็บขยะชายหาดและอุปกรณ์เก็บขยะใต้ทะเล ให้แก่เยาวชนและนักดำน้ำ การชมนิทรรศการของหน่วยงานสนองพระดำริ และพิธีปล่อยเต่าทะเล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top