Monday, 9 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

ส่อเค้าวงแตก!! ทีมอาสาพัฒนาแอปฯ ‘หมอชนะ’ โพสต์ข้อความผ่านเฟ๊ซบุ๊ก ประกาศยุติบทบาท พร้อมมอบให้ภาครัฐบริหารจัดการแอปฯ แบบ 100% คาดสาเหตุถูกผู้ใหญ่ในรัฐบาลล้วงลูก หลังพบแชตว่อนเน็ตขอคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จจากทีมงานผู้พัฒนา

ดูเหมือนจะเกิดเรื่องวุ่นซะแล้ว สำหรับการบริหารจัดการแอปพลิเคชัน ‘หมอชนะ’ หลังจากทีมงานอาสาหมอชนะ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ‘ทีมงานอาสาหมอชนะ MorChana Volunteer Team’ โดยระบุว่า การเติบโตและความสำเร็จของ “หมอชนะ” เปลี่ยนผ่านจากแอปอาสาสมัคร เป็นแอปของภาครัฐเต็มตัว

ทีมงานอาสาสมัครหมอชนะ มีความภูมิใจที่จะส่งมอบ แอปพลิเคชัน หมอชนะ อันเกิดจากการริเริ่มบูรณาการของภาคประชาชนสู่ภาครัฐ ที่มีความครบสมบูรณ์ในแนวทางการออกแบบและกระบวนการในการใช้งานทุกอย่าง ดังที่ได้เคยนำไปใช้แจ้งเตือนอย่างได้ผลเป็นที่ประจักษ์ในปีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ภาครัฐได้นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการควบคุมการระบาดอย่างมีประสิทธิผล

จากการระบาดของโควิด-19 ที่ถาโถมเข้ามาอย่างฉับพลัน การรวมตัวของจิตอาสาหลายสิบกลุ่มจึงก่อกำเนิดขึ้น แทนที่จะต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างพัฒนา ในวาระวิกฤติแห่งชาตินี้ พวกเราได้หันหน้ามาจับมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นำเอาจุดเด่นแต่ละไอเดีย มาบูรณาการร่วมมือกันภายใต้ทีม Code for Public โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาคเอกชนในนามกลุ่มช่วยกัน ภาครัฐคือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และจิตอาสาอิสระจำนวนมากมายรวมกว่าร้อยคนที่ทำงานมาร่วมกัน โดยมีสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ช่วยเข้ามารับดูแลแอปหมอชนะอย่างเป็นทางการ

กว่า 9 เดือนที่ทีมงานอาสาสมัครหมอชนะได้ร่วมกันออกแบบ หมอชนะ ของประชาชนโดยคำนึงถึงเป้าประสงค์หลักในการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยหลักการ สังคมช่วยดูแลซึ่งกันและกัน พวกเราได้เก็บรวบรวมความต้องการการใช้งานจากหลากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กรมควบคุมโรค หน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน ตลอดจนประชาชนที่มีความต้องการต่างๆกัน โดยทีมงานอาสาฯมุ่งเน้นออกแบบเพื่อการใช้งานได้จริง และ คำนึงความเป็นส่วนตัว (data privacy) เป็นหลักการในการพัฒนามาตั้งแต่ต้น

ถึงเวลานี้หลายภาคส่วนในสังคมไทยที่ร่วมกันต่อสู้กับโควิด ได้จุดประกายแห่งความหวัง และมีกำลังใจ เมื่อรัฐบาลเห็นความจำเป็นในการติดตามประวัติการเดินทาง และตัดสินใจใช้เทคโนโลยีที่ใช้ได้จริงในการติดตามผู้มีโอกาสสัมผัสได้รับเชื้อ หันมายอมรับและเลือกใช้ แอป หมอชนะ เพื่อใช้ต่อสู้กับการระบาดอย่างรุนแรงของโควิดในรอบนี้

ทีมงานอาสาสมัครหมอชนะ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ งานที่ผ่านการทุ่มเทจากอาสาสมัครนับร้อย จะได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง พวกเราหวังว่า การที่แอปได้เปลี่ยนผ่านไปอยู่ในการดูแลของภาครัฐอย่างเต็มตัว น่าจะทำให้ประสิทธิภาพการติดตามประวัติการเดินทางจากเดิมเป็นข้อมูลที่อาสาสมัครต้องค้นหาเอง เป็นการที่ภาครัฐ และกรมควบคุมโรค จะเป็นผู้นำข้อมูลต้นทางที่แม่นยำครบถ้วน เข้าสู่ระบบ เพื่อให้ระบบที่ถูกพัฒนามาพร้อมอยู่แล้ว ได้รับการนำมาใช้ในการตรวจสอบประวัติการเดิน ทางและค้นหาผู้มีโอกาสเสี่ยงได้รับเชื้อ เพื่อให้เกิดการแจ้งเตือนกับผู้ถือแอป รับรู้ถึงระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล เพื่อให้กระบวนการควบคุมการระบาดเกิดความสมบูรณ์ครบวงจร

การมีข้อมูลผู้ป่วยตั้งต้น มาใช้ในการทำ contact tracing ให้ครบถ้วนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะทำให้ระบบ หมอชนะ ทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มที่ตามที่ระบบได้ถูกวางไว้ หากไม่มีข้อมูล หรือไม่มีการดำเนินการ tracing ไม่มีการแจ้งเตือนและเปลี่ยนสีตามระดับ ก็จะไม่เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แม้มีประชาชนจำนวนมากดาวน์โหลดแอป หมอชนะ ไปใช้ก็ตาม

ทีมงานอาสาสมัครหมอชนะ มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ภาครัฐ จะใช้ศักยภาพของระบบอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับการเตือน และรับรู้ความเสี่ยงของตนเองผ่านการแสดงสีบ่งบอกสถานะความเสี่ยง (เขียว/เหลือง/ส้ม/แดง) ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการช่วยรัฐในการดูแลตนเอง และป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนที่ใกล้ชิดด้วย ได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงกว่าที่ทีมอาสาสมัครได้เคยดำเนินการมาเองในช่วงก่อนมีการระบาดอย่างวิกฤติในรอบนี้ อันจะเป็นการลดภาระงานและความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด และเอาชนะได้ในที่สุด

นอกจากนี้ บริษัท ห้างร้าน อาคาร โรงงาน สถานประกอบการ ที่ได้ใช้ แอปหมอชนะ ในปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องมือช่วยบ่งชี้ความเสี่ยงของพนักงานหรือผู้มาติดต่อที่เข้ามาใช้สถานที่ผ่านการตรวจดูสีสถานะความเสี่ยงบนหน้าจอหมอชนะ ก็จะได้ความมั่นใจยิ่งขึ้นที่หมอชนะได้ถูกนำมาใช้ในวงกว้าง ในการให้การดูแลพนักงานและสถานที่ โดยอาศัยสถานะสีช่วยแยกบุคคลผู้เสี่ยงออกจากกลุ่มคนส่วนใหญ่ การปฏิบัติคัดกรองและดูแลอย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อติดต่อระหว่างกัน และมุ่งให้กิจการยังคงสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ ทำให้ไม่ต้องกลับไปปิดล็อคดาวน์ทั้งหมดแบบที่เสียหายต่อเศรษฐกิจ และเราทุกคนไม่อยากจะเห็นซ้ำอีก

จากนี้ไป เรามีความมั่นใจว่า การที่แอป หมอชนะ อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของภาครัฐ จะทำให้เกิดความชัดเจนในการให้ข้อมูลและการสื่อสารที่ทรงพลังของรัฐ อย่างเป็นทางการเพียงเสียงเดียว จะสามารถตอบคำถามความสงสัย ลดความสับสน เป็นไปด้วยความถูกต้อง คำนึงถึง privacy ของประชาชนอย่างมีธรรมภิบาลและทำให้ทุกคนในประเทศมีความสบายใจและมั่นใจที่จะร่วมกัน ให้ความร่วมมือใช้งานแอป หมอชนะ ในการต่อสู้วิกฤตินี้ด้วยกัน อย่างพร้อมเพรียง

ทีมงานอาสาสมัครหมอชนะ ยังคงพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลต่อไป และยินดีช่วยเหลือรัฐบาลอย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อดูแลให้คนไทยผู้ใช้แอปได้ปลอดภัยจากโรค และได้ประโยชน์สูงสุดเป็นที่ตั้งตามเจตนารมณ์

ทั้งนี้ เพื่อให้แนวทางการพัฒนาในอนาคตเป็นไปอย่างมีเอกภาพ และเป็นไปตามแนวทางนโยบาย ยุทธวิธีต่อสู้กับโรคของภาครัฐ และเพื่อป้องกันความสับสนของสาธารณะ หากผู้ใช้ทุกท่านที่อาจมีข้อแนะนำ หรือ ความต้องการในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นในฟังก์ชัน แนวความคิดที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแอป หมอชนะ ในแง่มุมใด ขอให้ท่านส่งตรงไปยังหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบแอป หมอชนะ ต่อไป เพื่อให้ได้รับการพิจารณาโดยผู้ที่ได้รับมอบหมายได้ตัดสินใจตามสมควร

และหากมีความเปลี่ยนแปลง ในแนวทางการใช้งาน การบริหารจัดการแอปในอนาคตต่อไปอย่างไร ก็ขอให้ผู้ใช้งานได้ติดตามข่าวสาร โดยตรงจากภาครัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลทางการ เพียงแหล่งเดียว

Facebook ของหมอชนะ และช่องทางการสื่อสารต่างๆ ก็จะได้รับการดูแลและตอบโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐ

สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาแนวคิด การออกแบบ และการทำงานของระบบ หมอชนะ ตามที่ทีมอาสาสมัครได้ทำไว้แต่แรกเริ่ม รวมถึงสิ่งที่อยู่ระหว่างของการพัฒนา สามารถเข้าไปติดตามได้จาก https://www.facebook.com/CodeForPublic

ทีมงานอาสาสมัคร “หมอชนะ”

15/1/64

ขณะที่ในโลกทวิตเตอร์ มีการรีทวีตข้อความจาก ทวิตเตอร์ @PhilPrajya ของนายปรัชญา อรเอก ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ที่โพสต์ข้อความอ้างว่า "ทีมงานเอกชนพัฒนาแอปหมอชนะ ออกมาแฉเรื่องถูกผู้ใหญ่ล้วงลูกหนักเลย" พร้อมเปิดเผยข้อความสนทนาจากแชตไลน์ ของกลุ่ม Code for Public ซึ่งเป็นกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ ระบุขอวางมือ เนื่องจากสาเหตุ 2 ประการ

ประการแรก ‘ผู้ใหญ่’ ในรัฐบาลทั้งระดับรัฐมนตรีและปลัดกระทรวง ขอเข้ามาควบคุมและกำหนดอนาคต ‘หมอชนะ’ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และประการที่สอง เกิดจากการใส่เกียร์ว่างของเจ้าหน้าที่ระดับกรมฯ

ที่มา : เพจ ทีมงานอาสาหมอชนะ MorChana Volunteer Team, ทวิตเตอร์ @PhilPrajya

รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ แจง แนวทางขอใช้ที่ดิน เพื่อประโยชน์สาธารณะ ย้ำ รัฐไม่ขัดข้องแต่ต้องเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นหลัก ยกกรณีคณะสงฆ์เชียงรายขอใช้ที่ดินฯ ดำเนินการจนแล้วเสร็จ

ที่กระทรวงมหาดไทย มีการเปิดเผยถึงกรณีคณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายมีปัญหาการก่อสร้างพุทธมณฑลในจังหวัดเชียงราย ที่มีพระเชียงแสนสิงห์องค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 30.09 เมตร ประดิษฐานอยู่ แต่ติดขัดในที่ดินของพุทธมณฑล ยังไม่สามารถที่จะถ่ายโอนไปยังหน่วยงานของรัฐได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากยังเป็นที่สาธารณประโยชน์ (น.ส.ล.) จึงต้องมีการเร่งรัดให้มีการดำเนินการที่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย

โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแลกรมที่ดิน ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า "ตนได้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐ เพื่อให้ทบวงการเมืองใช้ประโยชน์ในราชการในท้องที่ ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นไปตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอให้จัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐ แปลง "ที่เลี้ยงสัตว์หมู่ที่ 15" ในท้องที่ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ เพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งพุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย

ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2515 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงจัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐดังกล่าว เพื่อให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งพุทธมณฑลสมโภช 750 เมืองเชียงราย ภายในแนวเขตตามที่กำหนดในท้ายประกาศ ซึ่งได้มีการลงนามไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 และได้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา"

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐพร้อมดำเนินการให้อย่างเร่งด่วนอยู่แล้ว ซึ่งเราต้องมองไปถึงเรื่องของการใช้ที่ดินที่ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นหลัก พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ อย่างกรณีคณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายเสนอให้ดำเนินการมานั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ขอเพียงแค่ให้มีการตรวจสอบหลักฐานและดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายเท่านั้น ซึ่งพร้อมดำเนินการให้ทุกแห่ง"

ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินการจัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐ เพื่อให้ทบวงการเมืองใช้ประโยชน์ในราชการตามมาตรา 8 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้น ผู้ขอซึ่งเป็นทบวงการเมืองให้ยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและในเขต กทม.ให้ยื่นต่ออธิบดีกรมที่ดิน โดยที่ดินที่ขอต้องอยู่ในบริเวณที่กำหนดความเหมาะสมใช้ประโยชน์ในราชการ และไม่ขัดกฎหมายผังเมือง จากนั้นอำเภอหรือเขตท้องที่สอบสวนประวัติความเป็นมาพร้อมให้ความเห็น โดยผู้ขอใช้จัดทำแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย พร้อมจัดทำแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประชุมให้ความเห็น และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชน ซึ่งจังหวัดก็จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและจะประกาศจัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐกำหนด 30 วัน

ครบกำหนดและไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นก็ให้สรุปเรื่องส่งต่อไปยังกรมที่ดินตรวจสอบเรื่อง โดยดำเนินการตามระเบียกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการถอนสภาพ การจัดขึ้นทะเบียนและการจัดหาผลประโยชนในที่ดินของรัฐ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2550 และยกร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย พร้อมรูปแผนที่ และเสนอให้รัฐมนตรีลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทยและลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะต้องดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยถอนการหวงห้ามไปในคราวเดียวกันอีกด้วย

‘บิ๊กป้อม’ อุบตอบ หลังเพจเฟซบุ๊ก ‘FC ลุงป้อม ประวิตร’ ซึ่งเป็นเพจสนับสนุน โพสต์ข้อความเชียร์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ อดีตผบ.ตร. ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ปัดแล้วแต่ที่ประชุมของพรรคพลังประชารัฐ

‘บิ๊กป้อม’ อุบตอบ หลังเพจเฟซบุ๊ก ‘FC ลุงป้อม ประวิตร’ ซึ่งเป็นเพจสนับสนุน โพสต์ข้อความเชียร์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ อดีตผบ.ตร.ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ปัดแล้วแต่ที่ประชุมของพรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเพจเฟซบุ๊ก ‘FC ลุงป้อม ประวิตร’ ซึ่งเป็นเพจสนับสนุน โพสต์ข้อความเชียร์  พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร.ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ว่า ยังไม่ได้ประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เลย ซึ่งเรื่องนี้ต้องแล้วแต่ที่ประชุมของพรรค อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องไปถามพล.ต.อ.จักรทิพย์เอาเอง ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา

เมื่อถามย้ำว่าในนามหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมสนับสนุนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าถามในนามหัวหน้าพรรคก็ต้องตอบว่า ต้องรอให้มีให้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ประชุมเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะส่งลงสมัครในนามพรรคที่จะชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้ และ เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียด  ซึ่งเราต้องหารือกับพรรคและ คณะกรรมการบริหารพรรคเสียก่อน ซึ่งที่ผ่านมาพล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังไม่เคยมาปรึกษาตนในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามถึงคุณสมบัติของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ว่ามีความพร้อมและเหมาะสมจะเป็นผู้ว่าฯกทม.หรือไม่

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มราษฎรนัดชุมนุมที่ศาลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี หลัง  ตำรวจจับกุม นายสิริชัย นาถึง หรือนิว นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในข้อหาความผิด ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า เรื่องนี้ก็ให้ไปถามผู้ชุมนุมแล้วกัน

'กล้า'​ มองไทยให้รอบด้าน กับ 'กรณ์​ จาติกวณิช'​ | The States Times Click on Clear EP.3

คุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากนักการเงินสู่บทบาทนักการเมืองเข้าปีที่ 16 เริ่มต้นด้วยการเปิดบริษัทหลักทรัพย์ของตัวเองในวัย 24 ปี นำเอาประสบการณ์ที่มีมาสร้างธุรกิจของตัวเอง จนกระทั่งเดินเข้าสู่เส้นทางสายการเมือง 

.

.

รายการ : 'กล้า'​ มองไทยให้รอบด้าน กับ 'กรณ์​ จาติกวณิช'​ | The States Times Click on Clear EP.3

.

จากซีรีย์ Start-Up สู่มุมมอง Sand Box ในประเทศไทย

ด้วยความที่ชื่นชอบซีรีย์เรื่อง Start-Up เป็นการส่วนตัวและบทบาทนักการเงินมือฉมัง คุณกรณ์จึงเปิดเรื่องด้วยการนำความรู้และข้อคิดจากในเรื่องมาอธิบายเชื่อมโยงถึงประเด็นทางธุรกิจ Start-up ในประเทศไทย โดยคุณกรณ์อธิบายว่า ประเทศไทยมีกฎหมายและระเบียบมากมาย ในอดีตอาจออกกฎหมายมาเพื่อลดความกังวลในยุคที่ยังกลัวคอมมิวนิสต์ แต่มาถึงตอนนี้วันเวลาและบริบทในสังคมเปลี่ยนไปมาก แต่กฎหมายบางตัวกลับไม่เปลี่ยน เป็นเหตุให้ธุรกิจ Start-Up ในหลายกรณีเกิดไม่ได้ เพราะติดขัดในเรื่องระเบียบและกฎเกณฑ์ จึงคิดว่ารัฐควรมี Sand Box หมายถึง พื้นที่ปลอดภัยให้กลับคนเริ่มต้นทำธุรกิจ โดยไม่ต้องกังวลกฎหมายหรือระเบียบราชการ เพื่อเรียนรู้การทำธุรกิจที่ล้มแล้วไม่เจ็บ  แล้วค่อยนำเอาประสบการณ์หรือข้อมูลที่มีนั้นไปปรับกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง  

อีกปัญหาที่มองเห็นคือ ณ ปัจจุบัน ข้อมูลของภาครัฐนั้นมีเยอะ แต่กลับกระจัดกระจาย สิ่งที่สำคัญที่จะมีธุรกิจเชิงนวัตกรรม ดิจิตอลเทคโนโลยี รัฐต้องทำให้ข้อมูลของรัฐเอง ไปสู่ในระบบ Digital มากขึ้น  เปิดให้ภาคเอกชน ประชาชนสามารถนำข้อมูลนั้นไปใช้ได้ ซึ่งคุณกรณ์มองว่า "เป็นภารกิจสำคัญที่สุดของรัฐบาล"

บทบาทพรรคกล้า 

เมื่อพูดถึงพรรคกล้า พรรคใหม่ไฟแรงที่กำลังเข้ามามีบทบาททางการเมืองของประเทศ  คุณกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคให้นิยามความเป็นพรรคกล้าไว้ว่า พรรคกล้าเป็นแพลตฟอร์มที่จะไปสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สร้างความเปลี่ยนแปลงในแง่ของแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม แพลตฟอร์มสำหรับคนที่มีใจอยากจะแก้ปัญหา โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมามีการพึ่งพานักการเมืองอาชีพเยอะเกินไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีข้อจำกัด แต่วันนี้ถึงเวลาที่จะหาคนที่มีประสบการณ์โดยตรงในแต่ละเรื่องเข้ามาเปลี่ยนแปลง เนื่องจากหลายๆ อย่างเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยังแก้ไม่ตก เพราะยังผูกติดกับความคิดแบบเดิม แก้ปัญหาแบบเดิม ด้วยคนเดิม ๆ ไม่มองปัญหาในข้อเท็จจริง แต่กลับไปมองในเชิงอุดมคติ การมองปัญหาในเชิงอุดมคติทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง 

เปิดนโยบายพรรคกล้า

เปิดนโยบายพรรคกล้า 5 ภารกิจ ได้แก่ เศรษฐกิจ การเกษตร การศึกษา คุณภาพชีวิต เศรษฐกิจสร้างสรรค์ คุณกรณ์เล่าว่า การขับเคลื่อนทุกภารกิจมีปัญหาเหมือนกัน คือ ระบบราชการที่ล้าหลัง เพราะฉะนั้นต้องเน้นถึงภารกิจสำคัญ คือทำอย่างไรให้การบริหารราชการมีความทันสมัย มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ คำตอบก็คือ e-Government ทำให้ทุกอย่างโปร่งใสด้วยการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะในส่วนของภาครัฐ

ในส่วนของภารกิจที่เรียกว่า เศรษฐกิจคนตัวเล็ก สาเหตุคือ ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยเอื้อกับทุนใหญ่มากกว่า ขีดความสามารถของผู้ประกอบการขนาดใหญ่เทียบกับผู้ประกอบการขนาดเล็กมีช่องว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ติดกับดักการพัฒนาในแง่ของประเทศโดยรวม จึงต้องมีการส่งเสริมการใช้นวัตกรรม ให้ตอบโจทย์คนตัวเล็กมากขึ้น 

ด้านการเกษตร พรรคกล้าเชื่อในอนาคตของการเกษตร ทุกครั้งที่มีการลงพื้นที่จะขอพบกลุ่ม Young Smart Farmer เสมอ เพราะพรรคมองว่านี่คืออนาคตการเกษตรของไทย ความต่างของเกษตรกรรุ่นใหม่คือเวลาคิดแผนจะคิดครบไปถึงแผนการตลาด ขณะที่เกษตรกรทั่วไปจะเน้นเรื่องของการผลิต ไม่มีแผนการเข้าถึงตลาดด้วยตัวเอง ทำให้ขาดอำนาจต่อรอง 

ระบบการศึกษา เทคโนโลยีเป็นตัวบ่งบอกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันอาจไม่ใช่คำตอบในการพัฒนาการศึกษา บทบาทของครูคนหนึ่งไม่มีทางที่จะมีข้อมูลเทียบเท่ากับข้อมูลที่มีอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตที่นักเรียน นักศึกษาสามารถหาความรู้ได้เอง ดังนั้นจึงต้องมีการสลับสับเปลี่ยนบทบาท นักเรียนควรได้รับมอบหมายไปหาข้อมูลด้วยตนเอง แต่ครูยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นโค้ช ด้วยการให้ประสบการณ์ที่ครูมีซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กไม่มี ที่สำคัญเรียนไปแล้วต้องมีอาชีพ สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างโอกาส เป็นเรื่องของกระจายอำนาจออกไปจากกระทรวงศึกษาธิการ 

ส่วนในเรื่องคุณภาพชีวิต คุณกรณ์มองว่าเป็นเรื่องของผังเมืองยังเป็นปัญหาที่อาจนำมาซึ่งความเสียหาย และการจัดการ PM2.5 ที่ไม่ได้มาตรฐาน

และสุดท้าย เศรษฐกิจสร้างสรรค์ คุณกรณ์ยกตัวอย่างจากวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 โดยอธิบายว่า วิกฤติครั้งนี้เกาหลีและไทยโดนหนักที่สุด ทุกประเทศมีการปรับตัวแตกต่างกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เกาหลีใช้การปฏิรูปกฎหมาย ตัดลดกฎหมายที่ล้าสมัยออก ปลดแอกภาคเอกชน ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การที่เกาหลีมาถึงจุดนี้ได้จึงไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของประเทศ และรัฐบาลมีส่วนสำคัญในการส่งเสริม เชื่อว่าของไทยมีของสะสมไว้เยอะมากไม่ต่างกัน เพียงแต่ยังไม่มีการส่งเสริม หากรัฐไม่ลดอำนาจตัวเองลงจากกฎหมายและระเบียบราชการที่มี ปรับวิธีการทำงานและทัศนคติ ก็เป็นเรื่องยากที่เอกชนจะเกิดได้ เพราะฉะนั้นการจะประสบความสำเร็จได้ต้องมีความสร้างสรรค์ มีนวัตกรรม ต้องแข่งกันยกระดับคุณภาพสินค้า ไม่ใช่แข่งกันเข้าถึงผู้มีอำนาจอย่างทุกวันนี้

เปรียบเทียบ วิกฤติ Covid-19 vs วิกฤติ Hamburger 

อดีตรมว.คลังโลก ผู้ที่เคยพาประเทศผ่านวิกฤติ Hamburger กล่าวว่า หากให้เปรียบเทียบที่ผ่านมาวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 40  หนักที่สุด เป็นเหตุการณ์ถังแตกของจริง ประเทศเจ๊งเอง ส่วน Hamburger ตนมองว่ายังไม่เท่าไหร่ เพียงแต่ได้รับผลกระทบเพราะการทำการค้าระหว่างประเทศ เมื่อกำลังซื้อคู่ค้าไม่มี จึงทำให้ไทยได้รับผลกระทบไปด้วย ส่วนโควิด เป็นวิกฤติที่ค่อย ๆ ซึม เกิดขึ้นกับทุกประเทศพร้อมกันทั่วโลก ทุกอย่างหยุดชะงักพร้อมกัน เหลือที่พึ่งเดียวคือรัฐบาล ความโชคดีคือฐานะทางการคลังของประเทศยังดีมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ รัฐบาลจึงสามารถกู้ยืมมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือมาเยียวยาประชาชน   

ทางออกของวิกฤติโควิด-19 และเงินกู้ 6 แสนล้าน 

อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า วิกฤติโควิดรอบสองต่างกับรอบแรก ในทางลบคนอยู่ในสภาพเศรษฐกิจที่เดือดร้อนมากกว่ารอบแรก เพราะอดทนมา 1 ปี เงินในกระเป๋าลดลง ในทางบวกเราเห็นจุดจบ คือวันที่คนไทยได้รับวัคซีนครบ แต่ถึงอย่างไรรัฐปฏิเสธความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้ ต้องมีการเยียวยา เพราะเป็นเรื่องที่จำเป็น ต้องมีการส่งสัญญาณให้ชัดเพื่อลดภาระความเดือดร้อน ประเมินแล้วว่ามีเงินส่วนเหลือจาก พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท อย่างน้อย 6 แสนล้านที่ยังไม่ได้ใช้ 

โดยกลุ่มเดือดร้อนที่ควรมีมาตรการช่วยเหลือทันที ได้แก่ กลุ่มแรก คือกลุ่มที่เปราะบางที่สุด ขึ้นทะเบียน 20 กว่าล้านคนในรอบที่แล้ว ให้เงินไป 5,000 บาท 3 เดือน วันนี้ก็ควรจะช่วยต่อไป กลุ่มต่อมาคือ กลุ่มลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง สมาชิกกองทุนประกันสังคม ได้รับการเยียวยาผ่านกองทุนประกันสังคม เศรษฐกิจแบบนี้คาดว่ายังไม่สามารถหางานใหม่ได้ จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร สามารถใช้เงินฉุกเฉินยิงตรงให้ได้ กลุ่มที่สาม คือ ผู้ประกอบการทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งรัฐบาล ร้านอาหาร โรงแรม อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้องเช่า ร้านค้าต่าง ๆ ควรออกมาตรการเยียวยาช่วยในระยะเวลาที่จำกัดได้ ต่อมาคือ ผู้ค้าที่ได้รับผลจากโครงการคนละครึ่ง จะเติมส่วนนี้ให้เต็มเหมือนเดิมได้อย่างไร และสุดท้ายกลุ่มฟรีแลนซ์ เนื่องจากทำงานได้ยากขึ้น ไม่อยากให้ถูกมองข้าม ทั้งนี้ตนและพรรคพยายามทำหน้าที่ในการนำเสนอให้รัฐบาลได้รับรู้เพื่อออกมาตรการที่เหมาะสม 

ความคาดหวังทางการเมืองของพรรคกล้า

ทิ้งท้ายประเด็นความคาดหวังทางการเมือง โดยคุณกรณ์คาดหวังว่าพรรคกล้าจะมีโอกาสเข้ามาทำในเรื่องที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น ให้ประชาชนมีความรู้สึกว่ามีโอกาสมากขึ้น แต่หากการเมืองไม่เปลี่ยนก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ การเมืองจะเปลี่ยนได้ คนที่มาทำการเมืองต้องเปลี่ยน พรรคกล้าจึงใช้เวลารวมตัวคนที่อาจไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่มีความรู้ ความสามารถในการที่จะสร้างโอกาสให้กับคนไทยในอนาคต หน้าที่ของพรรคกล้าคือขายคนเหล่านี้ให้กับประชาชน 

ความคาดหวังทางการเมืองของพรรคกล้า

ทิ้งท้ายประเด็นความคาดหวังทางการเมือง โดยคุณกรณ์คาดหวังว่าพรรคกล้าจะมีโอกาสเข้ามาทำในเรื่องที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น ให้ประชาชนมีความรู้สึกว่ามีโอกาสมากขึ้น แต่หากการเมืองไม่เปลี่ยนก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ การเมืองจะเปลี่ยนได้ คนที่มาทำการเมืองต้องเปลี่ยน พรรคกล้าจึงใช้เวลารวมตัวคนที่อาจไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่มีความรู้ ความสามารถในการที่จะสร้างโอกาสให้กับคนไทยในอนาคต หน้าที่ของพรรคกล้าคือขายคนเหล่านี้ให้กับประชาชน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top