Tuesday, 10 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย ยกทัพมะม่วงคุณภาพดีให้คนกรุงได้ลิ้มลองในงาน “Mango of SIAM ที่สุดแห่งมะม่วงไทย ถูกใจทั่วโลก”

ระหว่างวันที่ 2 - 6 เม.ย. 2564 นี้ ณ ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM พร้อมรณรงค์แคมเปญ “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” อุดหนุนชาวสวนผลไม้

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้นโยบายเกี่ยวกับการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนถึงความร่วมมือและความเป็นไปได้ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ได้แก่ ICONSIAM, Central Pattana, The Mall, Tops Market, Makro, Lotus, Big C เพื่อวางแผนภาพรวมทั้งปีในการเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรนำสินค้าเกษตรเข้าไปจำหน่ายตามฤดูกาล ภายใต้ความร่วมมือการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 และช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19

สำหรับในช่วงระยะเวลานี้สิ่งที่จำเป็นต้องเร่งทำเป็นกรณีพิเศษคือเรื่องผลไม้ ซึ่งผลไม้เขตร้อนเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว และจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคมถัดจากนี้ไป ผลไม้ไทยถือว่ามีคุณภาพมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งทางด้านการตลาดต้องดำเนินการทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินการช่วยระบายผลไม้ทั้งในส่วนตลาดออฟไลน์และตลาดออนไลน์ควบคู่กันไปด้วยเพื่อไม่ให้ผลผลิตกระจุกตัว โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศขณะนี้ประสบปัญหาเรื่องการส่งออกผลไม้ในภาพรวมยังทำได้ไม่ 100% จึงต้องหันมาส่งเสริมด้านการตลาดในประเทศเพื่อช่วยชาวสวนเพิ่มให้มากขึ้น

กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับ ICONSIAM ได้กำหนดจัดงาน “Mango of SIAM ที่สุดแห่งมะม่วงไทย ถูกใจทั่วโลก” ระหว่างวันที่ 2 – 6 เมษายน 2564 ณ บริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM โดยเชิญ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้เพื่อช่วยชาวสวนผลไม้กระจายผลผลิต โดยเฉพาะระยะนี้เป็นเทศกาลของมะม่วงซึ่งมีผลผลิตจากหลายพื้นที่ทยอยออกสู่ตลาด กรมฯ จึงร่วมกับสมาคมชาวสวนมะม่วงไทยคัดสรรผลผลิตและผลิตภัณฑ์มะม่วงคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานมาร่วมออกบูธจำหน่าย รวม 25 บูธ

ประกอบด้วย สินค้ามะม่วงจากสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย 8 บูธ ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา (ผลสดและผลิตภัณฑ์), จ.พิจิตร (ผลสด ผลิตภัณฑ์ และกิ่งพันธุ์), จ.พิษณุโลก (ผลสดและกิ่งพันธุ์), จ.เพชรบูรณ์ (ผลสด), จ.ราชบุรี (ผลสด), จ.นครราชสีมา (ผลสด), จ.สระแก้ว (ผลสด GI) สินค้าเกษตรจากตลาดเกษตรกร 5 บูธ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปมะม่วงมหาชนก จ.เชียงใหม่, มะม่วงดองแช่อิ่ม จ.ชลบุรี, มะม่วงน้ำปลาหวานต้นหอม จ.สมุทรปราการ, มะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ อบแห้ง จ.ลำพูน, มะม่วงน้ำปลาหวานมะดัน มะดันแช่อิ่ม จ.นครนายก

สินค้าเกษตรจากกลุ่มแปลงใหญ่ 6 บูธ ได้แก่ แปลงใหญ่มะพร้าวน้ำหอม จ.สมุทรสาคร, แปลงใหญ่ส้มโอ ลิ้นจี่ จ.สมุทรสงคราม, แปลงใหญ่ทุเรียน มังคุด จ.จันทบุรี, แปลงใหญ่อะโวคาโด จ.ตาก, แปลงใหญ่สับปะรด (พันธุ์ใหม่) จ.ระยอง, แปลงใหญ่ขนุน จ.ชลบุรี และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวกับมะม่วงและการบริการต่าง ๆ จำนวน 5 บูธ ได้แก่ อุปกรณ์ทางการเกษตร ปุ๋ย สารชีวภัณฑ์ ฮอร์โมน ที่เหมาะสมสำหรับชุมชนเมือง รวมทั้งการให้บริการขนส่ง เช่น ไปรษณีย์ไทย, Kerry เป็นต้น

กิจกรรมภายในงาน นอกจากจะมีการออกร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังได้จัดแสดงนิทรรศการประกอบเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมงาน เช่น เทคโนโลยีการผลิตมะม่วงคุณภาพดี ตั้งแต่การปลูก การดูแลรักษามะม่วง ศัตรูสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง การพัฒนาคุณภาพมะม่วงส่งออก/ดัชนีการเก็บเกี่ยวมะม่วง การแสดงความหลากหลายทางสายพันธุ์มะม่วง และมะม่วงที่ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)

สำหรับมะม่วงที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้จำแนกออกเป็น 4 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 มะม่วงไทยพันธุ์การค้า จำนวน 16 พันธุ์ ได้แก่ น้ำดอกไม้เบอร์สี่ น้ำดอกไม้สีทอง เขียวเสวย ฟ้าลั่น โชคอนันต์ มหาชนก อกร่อง (อกร่องทอง อกร่องเขียว อกร่องพิกุลทอง) แรด ขายตึก เพชรบ้านลาด มันเดือนเก้า มันขุนศรี มะม่วงเบา น้ำดอกไม้มัน แก้ว หนังกลางวัน

กลุ่มที่ 2 มะม่วงไทยพันธุ์หายาก/โบราณ จำนวน 10 พันธุ์ ได้แก่ ยายกล่ำ สายฝน เจ้าคุณทิพย์ พิมเสนมัน พิมเสนเปรี้ยว งาช้างแดง นาทับ สาวน้อยกระทืบหอ ลิ้นงูเห่า แก้วลืมรัง

กลุ่มที่ 3 มะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ/ลูกผสม จำนวน 6 พันธุ์ ได้แก่ อ้ายเหวิน อี้เหวิน จินหวง อาร์ทูอีทู แดงจักรพรรดิ แก้วขมิ้น

กลุ่มที่ 4 มะม่วงที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ยายกล่ำนนทบุรี น้ำดอกไม้สระแก้ว น้ำดอกไม้ฉะเชิงเทรา และการซื้อขายสินค้าเกษตรผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมบนเวที เช่น การแข่งขันแกะสลักผลไม้ ตำผลไม้ลีลา เชฟชื่อดังมาร่วมโชว์ปรุงเมนูมะม่วงเลิศรส การถาม-ตอบความรู้มะม่วง สาธิตต่าง ๆ กิจกรรมนาทีทอง ลุ้นโชควงล้อมะม่วงมหาสนุก เป็นต้น จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมอุดหนุนสินค้าเกษตรไทยช่วยสนับสนุนชาวสวนผลไม้ภายใต้ Campaign “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” พร้อมชมบรรยากาศดี ๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศได้ที่ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM

กองเรือยุทธการ จัดตั้งฝึกหลักสูตรพันจ่าเอกอาชีพเหล่าทหารสามัญ ภาคปฎิบัติในทะเล เพื่อสร้างความรู้ต่อการปฏิบัติงาน

กองเรือยุทธการ โดย กองการฝึก กองเรือยุทธการ จัดตั้งหมู่เรือฝึกหลักสูตรพันจ่าเอกอาชีพเหล่าทหารสามัญ ประจำปีงบประมาณ 2564 โดยมี นาวาเอก สืบสันต์ เรียนรู้ เป็น ผบ.มฝ.พจ. และ นาวาโท นรเศรษฐ์ พนาสถิตย์ รอง ผบ.มฝ.พจ. ประกอบด้วย ร.ล.วังนอก และ ร.ล.วังใน สนับสนุนการฝึกภาคปฎิบัติในทะเลของหลักสูตรพันจ่าเอกอาชีพเหล่าทหารสามัญ ระหว่างวันที่ 17 - 25 มี.ค 64 โดยมีนักเรียน จำนวนทั้งสิ้น 48 นาย เข้ารับการฝึก

สำหรับการฝึกในครั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรพันจ่าเอกอาชีพเหล่าทหารสามัญ ประจำปีงบประมาณ 2564 เกิดประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจต่อการปฏิบัติงาน และเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในเรือและสอบเพื่อเลื่อนเป็นนายทหารสัญญาบัตรต่อไป และในวันที่ 18 มี.ค.64 หมู่เรือฝึกหลักสูตรพันจ่าเอกอาชีพเหล่าทหารสามัญ ได้จอดเทียบท่าเรือเกาะสีชัง และได้สนับสนุนน้ำจืดให้กับเทศบาล ต.เกาะสีชัง เพื่อแก้ไขการขาดแคลนน้ำจืด อุปโภค และบริโภค


ภาพ/ข่าว : สมนึก เชื้อสนุก

ทนไม่ไหว ! ชาวบ้านเพชรบูรณ์ร้องศูนย์ดำรงธรรม เร่งแก้ปัญหากลุ่มฌาปนกิจหมู่บ้านไม่โปร่งใส

ที่วัดศรีจันดาธรรม หมู่ 12 ตำบลปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ นายชาครินทร์ อินอิ่มวรปราชญ์ นายอำเภอหล่มสักเป็นประธานการประชาคมชาวบ้านเพื่อหาข้อยุติ ในกรณี นายกิจสุพัฒน์ ฉัตรวิโรจน์ ผู้ร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหล่มสัก

กล่าวว่า นายสุเทพ พั้วพวง ประธานกลุ่มฌาปนกิจหมู่บ้านน้ำดุกป่าฉำฉา (น้ำดุกหลังศูนย์ฯ) พร้อมคณะกรรมการ ปฏิบัติหน้าที่ไม่โปร่งใส เลือกปฏิบัติเป็นสองมาตรฐาน มีพฤติกรรมฉ้อฉล ไม่เคยจัดการประชุมสมาชิกในแต่ละปี ให้รับทราบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของกลุ่มรวมฌาปนกิจหมู่บ้านทั้งไม่ชี้แจงรายละเอียดการเงินกับสมาชิก

ทางผู้ร้องจึงได้จัดประชุมสมาชิกกลุ่ม และกรรมการกลุ่มฯ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาโดยสันติวิธีร่วมกัน โดยมีสักขีพยานได้แก่นายอำเภอหล่มสัก นายปรัชญา ปิยะวงษ์ ปลัดอำเภอหล่มสัก ผู้กำกับการ สภ.บ้านกลาง ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหล่มสัก นายไกร แรงงาน กำนัน ต.ปากช่อง ผู้ใหญ่บ้านในตำบลปากช่อง ผู้สังเกตการณ์จากหลายหน่วยงาน ฯลฯ และสมาชิกที่เข้าร่วมกลุ่มฯจาก 7 หมู่บ้านใน ตำบลปากช่อง กว่า 400 ครอบครัว

ทั้งนี้ผู้ร้องขอความเป็นธรรมได้กล่าวในที่ประชุมว่านายสุเทพ พั้วพวง ประธานกลุ่มฌาปนกิจหมู่บ้านน้ำดุกป่าฉำฉา (น้ำดุกหลังศูนย์ฯ) ปฏิบัติหน้าที่ไม่โปร่งใส เลือกปฏิบัติเป็นสองมาตรฐานต่อสมาชิกที่สูญเสียบุคคลในครอบครัว มีพฤติกรรมฉ้อฉลส่อแววทุจริต เช่นการพิจารณาจ่ายเงินค่าทำศพมีความเหลื่อมล้ำ บางศพได้รับ บางศพไม่ได้รับ  โดยนายกิจสุพัฒน์ ฉัตรวิโรจน์  ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองสมัครเป็นสมาชิกของกลุ่มและส่งเงินสมทบค่าทำศพมาตลอด จนเมื่อปลายปี 2563 บุตรชายของตนซึ่งมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านได้เสียชีวิตลง ทางคณะกรรมการกลุ่มฌาปนกิจไม่จ่ายเงินให้

โดยอ้างว่า บุตรชายตนเองไปตั้งถิ่นฐานอยู่ กทม นานแล้ว เสมือนได้แยกครอบครัวออกไปจากครอบครัวของตนเองที่เป็นสมาชิกกลุ่มอยู่ ซึ่งทำให้สมาชิกจำนวนมากเกิดความกังวลว่าจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ เพราะมีหลายครอบครัวที่ลูกหลานได้ออกไปทำงานอยู่ต่างถิ่น หากเสียชีวิตทางกลุ่มจะจ่ายเงินให้หรือไม่ รวมทั้งที่ผ่านมาทางกลุ่มไม่เคยมีการประชุมชี้แจงการดำเนินงานให้สมาชิกทราบ รวมถึงสถานะทางการเงินกับสมาชิก ตนจึงร้องขอความเป็นธรรมกับทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ทางศูนย์ดำรงธรรมได้เชิญนายสุเทพ พั้วพวง มาให้ปากคำเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 และได้ชี้แจงข้อร้องเรียนให้ผู้ร้องได้รับทราบเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564

ผลสรุปว่าผู้ถูกร้องยอมเจรจาว่าจะจ่ายเงินสงเคราะห์ศพให้ทางผู้ร้องแต่ต้องรอมติจากสมาชิกในการประชุมใหญ่  ที่จะประชุมกันในวันที่ 18 มีนาคมนี้ก่อน โดยทางผู้ร้องมีข้อต่อรอง 2 ประการคือให้ปลดล็อคการสืบทอดอำนาจของประธานและกรรมการโดยให้มีการเลือกตั้งเป็นวาระ ให้ประธานและกรรมการกล่าวขอโทษในการทำงานผิดพลาดต่อสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม แต่พอมาวันที่ 14 มีนาคม ทางผู้ร้องมีพฤติกรรมที่ส่อว่าจะไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงโดยออกแบบกฎกติกาข้อบังคับของกลุ่มฌาปนกิจขึ้นมาใหม่และแจกให้สมาชิกบางส่วน ซึ่งทางผู้ร้องเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลายและจะจบด้วยสันติวิธีไม่ได้

ในการประชุมทางกลุ่มฌาปนกิจได้ชี้แจงข้อสงสัยต่าง ๆ ของผู้ร้องและสมาชิก แต่ก็ยังไม่กระจ่างในหลายกรณี โดยนายประสิทธิ์ จงธรรม์ กรรมการกลุ่มได้กล่าวกลางที่ประชุมว่า สมาชิกอย่ากังวลกับการทำงานของกรรมการ หากมีการเสียชีวิตของสมาชิกสามารถจ่ายเงินได้ทันที 3 ศพ ส่วนกรณีการเสียชีวิตบุตรชายของนายกิจสุพัฒน์ เนื่องจากบุตรชายของนายกิจสุพัฒน์ไม่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนของกลุ่มจึงไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้ หากสมาชิกอยากให้จ่ายก็ให้สมาชิกรับผิดชอบหาเงินมาจ่ายเอง ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการ พร้อมทั้งประกาศยุติการดำเนินงานของกลุ่มฌาปนกิจที่ตั้งมานนกว่า 25 ปีลง และจะเปิดกลุ่มใหม่ หากใครสนใจจะเข้าให้มายื่นความจำนงกับกรรมการแต่ละเขตต่อไป

ทางด้านนายอำเภอหล่มสัก กล่าวว่า ในส่วนกรณีของปัญหาการจ่ายเงินค่าศพของสมาชิก เป็นสิทธิ์ที่ทางคณะกรรมการจะพิจารณา ทางอำเภอจะเข้าดูในด้านเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น รายชื่อคณะกรรมการ หลักฐานทางการเงินและการจดแจ้งขึ้นทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับกลุ่มให้มีชัดเจน ถูกต้องและโปร่งใส โดยจะให้ปลัดอำเภอเข้ามาให้คำแนะนำและดำเนินการให้ถูกตามตามระเบียบทางราชการภายในสองอาทิตย์ ทั้งนี้กลุ่มฌาปนกิจหมู่บ้านน้ำดุกป่าฉำฉา (น้ำดุกหลังศูนย์ฯ) รวมตัวดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2538 มีสมาชิกแรกเริ่ม 100 ครอบครัว ในพื้นที่ หมู่ 2,5,11,12,13,14,17 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ปัจจุบันมีสมาชิก 458 ครอบครัว


ภาพ/ข่าว  มนสิชา  คล้ายแก้ว

หัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาสุโขทัย จากบรรพบุรุษ สู่ความภาคภูมิในยุคปัจจุบัน

เมื่อพูดถึงเครื่องปั้น ดิน เผา คีรีมาศสุโขทัย ใครๆก็ต้องเคยได้ยินว่า มีชื่อเรื่องปั้นดินเป็นหม้อ เป็นโอ่ง เป็นไห่ เป็นแจกัน เป็นถ้วย เป็นชาม หรือเป็นกระถางต้นไม้ ปัจจุบันปั้นเป็นรูปสัตว์นานาชนิดต่างๆ ตุ๊กตา หุ่นจำลอง ปั้นเป็นภาชนะจากดินต่าง ๆ มากมายหลากหลาย 

หมู่บ้านที่เป็นถิ่นฐานเริ่มๆในการทำเครื่องปั้นจากดินอาชีพนี้ มานานนม จะมาเป็นหมู่บ้านหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา คือบ้านหน้าวัดลาย ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ของตำบลทุ่งหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย  เป็นหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุโขทัย กว่า 200 ครัวเรือน  ที่ยังคงรักอาชีพในการผลิต เครื่องปั้นดินเผาเพื่อเป็นอาชีพเสริม และอาชีพหลักของคนพื้นที่นี้มาต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าหมู่บ้านหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา หน้าวัดลายหมู่บ้านนี้ มีความเชี่ยวชาญในการปั้น เพราะได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ผ่านกาลเวลามานับร้อยปี 

จากอดีตที่เป็นเครื่องปั้นดินเผาใช้ในครัวเรือน เช่น หม้อ เตา กระทะ โอ่งน้ำ ปัจจุบันรูปแบบการปั้นเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เช่น กระถางแคคตัส หม้อดินจิ้มจุ่ม และของประดับสวนต่างๆ แต่ยังคงเอกลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นหัตกรรมทางฝีมือของชุมชนให้คงไว้ ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงตามยุค ตามความนิยม ทันสมัย รูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ของสิ่งที่ปั้นขึ้นมา แต่ยังคงไม่ทิ้งความเป็นเอกลักษณ์รูปแบบ รูปทรง และลวดลาย ลักษณะดั่งเดิมให้คงไว้เสมอไป

เรียกได้ว่า แบบใหม่ก็จัดให้ แบบเดิม แบบเก่าก็จัดได้ ภาพที่เห็นแก่นักท่องเที่ยว และลูกค้าที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของเครื่องปั้นดินเผา และมาเยี่ยมชมผลงานของทางร้านและหมู่บ้านแห่งนี้ จะพบภาพคุณยายโหง เหน่งแดง นั่งตกแต่งเครื่องปั้นดินเผา เป็นภาพที่จะพบเห็นมาตลอด "ในช่วงเวลาที่ท่านทำเครื่องปั้นดินเผามากว่า 50 ปี"

แม่จันแรม อ้นทอง กล่าวว่า "ความภูมิใจ ที่ได้สานต่อการปั้นดิน และวิธีการปั้นดินจากอดีตจนถึงปัจจุบัน หมู่บ้านหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่นี้ ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้การทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงมือทำเครื่องปั้นดินเผาได้ด้วยตัวเอง ในกิจกรรมสร้างสรรค์เครื่องปั้นดินเผา ด้วยการขึ้นรูปบนแป้นหมุน กิจกรรมเพ้นท์กระถางแคคตัส และกิจกรรมปัดเงินปัดทองลงบนเครื่องปั้นดินเผา"

ติดต่อสอบถามหรือจะมาชมงานที่ศูนย์การเรียรู้วิทยาลัยใต้ถุนบ้าน  และชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนทุ่งหลวง ตำบลทุ่งหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย โทร 085-973-7080 , 081-281-1367 เฟซบุ๊ค เครื่องปั้นดินเผาบ้านทุ่งหลวง & โฮมสเตย์ บ้านทุ่งหลวง Sukhothai


ภาพ/ข่าว สุริยา ด้วงมา

"คำรณวิทย์" เดินหน้าสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย พร้อมดันเด็กปทุมเป็นทีมชาติ ให้นานาชาติยอมรับ

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 15:30 น.  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นประธานในการมอบทุนการศึกษา ที่สนามกีฬา สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนยากไร้ในโครงการ  “ มอบทุน มอบรัก มอบใจ สู้ภัยโควิด-19 ” พร้อมถุงพอเพียงให้กับนักเรียนจาก 13 โรงเรียน จำนวน 26 ทุน โดยมี พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสนามกีฬาสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย , นายสมนึก เกกีงาม เป็นประธานคณะกรรมการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง สาขาจังหวัดปทุมธานี และ นายพงศธรรศ รุจิพุฒธันยพัต นายกสมาคมนักข่าวปทุมธานี กล่าวรายงาน โครงการมอบทุน มอบรัก มอบใจ สู้ภัยโควิด-19

ในวันนี้เกิดจาก สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย , มูลนิธิครอบครัวพอเพียง สาขาจังหวัดปทุมธานี , พุทธสมาคมจังหวัดปทุมธานี , มูลนิธิมงคลจงกล ธูปกระจ่าง และสมาคมนักข่าวปทุมธานี ได้ตระหนักถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จึงได้ร่วมมอบทุนการศึกษาพร้อมถุงพอเพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมชมการฝึกซ้อมของเยาวชนทีมชาติไทยที่ได้ฝึกซ้อมภายในกีฬาสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยแห่งใหม่

ด้าน พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสนามกีฬาสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ชมรมกรีฑาเดิมตั้งอยู่หลังสนามกีฬาแห่งชาติปทุมวัน ต่อมาบริเวณนั้นเริ่มแออัดใกล้ศูนย์การค้า เห็นว่ามีผลกระทบต่อความมุ่งมั่นของนักกีฬาเรา หลังเอเชียเกมส์ปี 2541 ได้ย้ายออกมาอยู่ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต  โดยที่ดินบริเวณนี้ซื้อตั้งแต่ ปี 2553 จากนั้นเมื่อ 3 ปี ที่แล้วเริ่มทำลานกีฬา จากนั้นเมื่อปี 2563 ได้สร้างสนามลู่วิ่ง ที่มีมาตรฐานเทียบระดับโลก เราสามารถจัดการแข่งขันระดับนานาชาติได้  เราได้จัดชิงแชมป์ประเทศไทยได้รับถ้วยพระราชทานจากในหลวง เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา

สำหรับในอนาคตสนามกรีฑาแห่งนี้จะเป็นที่ทำการของ สมาพันธ์กีฑาเอเชีย ที่ได้ย้ายมาจากประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อที่นี่มีอาคารพร้อมที่พักพร้อมจะได้ย้ายเข้ามาทันที ประกอบด้วย สมาพันธ์กรีฑาเอเชีย สมาพันธ์กรีฑาเซาท์อีสเอเชีย และสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ที่แห่งนี้จะเป็นศูนย์พัฒนาการกรีฑาของประเทศไทย และเป็นศูนย์ฝึกของนักกีฬากรีฑาทีมชาติรวมถึงนักกีฬากรีฑาจากนานาชาติที่จะมาซ้อมกับเราที่นี่ด้วย

โดย ที่ท่าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้มีนโยบายพัฒนาเยาวชนของจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเราคิดว่ากีฬานั้นเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด ที่สร้างกรอบวินัยและสุขภาพที่แข็งแรงให้เยาวชน คนใดที่มีพรสวรรค์ก็จะก้าวสู่ทีมชาติในอนาคต คนที่มีการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอถึงจะไม่เก่งจนไปถึงระดับทีมชาติแต่ก็จะมีสุขภาพที่ดี ครั้งนี้โอกาสมาถึงแล้ว เพราะเรามีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ใส่ใจเยาวชน และรักกีฬาจริง ๆ วันนี้เรานับหนึ่งเพื่อเดินไปด้วยกัน ที่จะส่งเสริมเอาลูกหลานชาวปทุมธานีออกมาเล่นกีฬาอย่างทั่วถึง และพัฒนาจะไปสู่ระดับชาติได้อย่างแน่นอน


ภาพ/ข่าว : ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน

WHO ออกแถลงการณ์ แนะนำประเทศต่าง ๆ ใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ฉีดให้ประชาชนต่อไป ชี้ประโยชน์ที่ได้รับ มีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (17 มี.ค.) ระบุว่า ประเทศต่างๆควรใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป ในระหว่างที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ WHO ยังคงทำการพิจารณาทบทวนความปลอดภัยของวัคซีนดังกล่าว หลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนบางราย

“การฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ช่วยลดอาการป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคอื่น โดยอาการลิ่มเลือดอุดตันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย และอาการลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำนับเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจที่พบเห็นมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ทั่วโลก”

WHO ระบุว่า แม้เป็นเรื่องปกติที่ประเทศต่าง ๆ จะทำการแจ้งเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดวัคซีน แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่ามีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ดี ถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการสืบค้นในเรื่องนี้ และสิ่งนี้แสดงว่าระบบการเฝ้าระวังยังคงใช้การได้ ขณะที่ระบบการควบคุมยังคงมีประสิทธิภาพ

WHO แถลงว่า จะทำการเปิดเผยผลการสืบค้นต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุด ทันทีที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ WHO เสร็จสิ้นการพิจารณาทบทวนความปลอดภัยของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งขณะนี้ WHO มองว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และ WHO ขอแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ยังคงใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป

ขณะนี้ หลายประเทศในยุโรปต่างพากันระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ และบางรายมีอาการลิ่มเลือดอุดตันในปอดหลังได้รับวัคซีน

เกษตรกระบี่ พาไปชมการผลิตกาแฟขี้ชะมดและการจัดการสวนกาแฟอย่างมืออาชีพ ในงาน Field Day 2564 ที่อำเภอลำทับ

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 น. นายธนากร ชูจิตต์ นายอำเภอลำทับ เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูการผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2564 มีนายอนุชา ยาอีด เกษตรจังหวัดกระบี่ พบปะพี่น้องเกษตรกรที่มาร่วมงาน และนางสาวจันทร์ฉาย เพ็ญเขตวิทย์ เกษตรอำเภอลำทับ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศูนย์เครือข่าย) หมู่ที่ 3 ตำบลดินแดง อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่

นายธนากร ชูจิตต์ นายอำเภอลำทับ กล่าวว่า การจัดงานในวันนี้เป็นการกระตุ้นให้เกษตรกรเกิดความตระหนักในการทำการเกษตร ซึ่งต้องมีการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลในการผลิตทางการเกษตร นำไปสู่การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาคุณภาพผลผลิตและเชื่อมโยงตลาด มีการพัฒนาให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

โดยใช้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร เป็นแหล่งเรียนรู้ของอำเภอ ดังนั้น การเริ่มต้นปีการเพาะปลูกใหม่ ถ้าเกษตรกรนำองค์ความรู้ที่เหมาะสม ในแต่ละพื้นที่ไปประยุกต์ใช้ในไร่นาและสวนของตนเองได้ จะทำให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ หากมีการขยายผลหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เกษตรกรได้เข้าถึงและนำไปใช้ ก็จะทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงสังคมก็จะมีแต่ความสุข

นางสาวจันทร์ฉาย เพ็ญเขตวิทย์ เกษตรอำเภอลำทับ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริการการเกษตรเพื่อเริ่มต้นฤดูการผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2564 ในวันนี้ สืบเนื่องมาจากภาคการเกษตรของไทยได้เข้าสู่ฤดูการผลิตใหม่แล้ว  ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี  เป็นวันเริ่มต้นปีเพาะปลูก  ดังนั้นเพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องมีการใช้องค์ความรู้ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยมีองค์ประกอบของศูนย์ ได้แก่ เกษตรกรต้นแบบ แปลงเรียนรู้  หลักสูตรการเรียนรู้ และฐานการเรียนรู้ 

อำเภอลำทับได้คัดเลือกพื้นที่ของนายพิศิษฎ์  เป็ดทอง หมู่ที่ 3 ตำบลดินแดง เป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรเครือข่าย กลุ่มผลิตกาแฟขี้ชะมด มีเป้าหมายในการพัฒนาเรื่องกาแฟ รวมถึงการทำการเกษตรโดยนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต

สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ มีดังนี้

1.) เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่

2.) หน่วยงานต่าง ๆ มีการให้บริการด้านการเกษตรตามภารกิจเพื่อสนับสนุนเกษตรกรเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่

3.) เพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรรู้จักและใช้ประโยชน์จากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ที่มีอยู่ในพื้นที่

กิจกรรมภายในงาน จัดให้มีสถานีเรียนรู้ต่าง ๆ ซึ่งแต่ละสถานี จะมีเนื้อหาที่สอดคล้องกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์/เป้าหมายของการจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ   โดยมีจำนวน 5 สถานีเรียนรู้ ดังนี้

      สถานีที่ 1 บริการด้านวิชาการ

      สถานีที่ 2 การสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตกาแฟ

      สถานีที่ 3 การจัดการและตกแต่งสวนกาแฟ

      สถานีที่ 4 การปลูกไม้เศรษฐกิจในสวนกาแฟ

      สถานีที่ 5 การเลี้ยงชะมด

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงองค์ความรู้  กิจกรรมทางการเกษตร และการให้บริการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจากส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่ม/สถาบันเกษตรกร ภาคเอกชน  ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นในการถ่ายทอดความรู้

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้มีเกษตรกรในพื้นที่อำเภอลำทับ และพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมงานไม่น้อยกว่า 120 คน ซึ่งเกษตรกรจะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพการเกษตรในพื้นที่ของตนเอง  โดยยึดหลักพอเพียง ความพอดีกับศักยภาพของตนเอง บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง รวมทั้งมีความเอื้ออาทรต่อคนอื่นๆ ในสังคมเป็นประการสำคัญ


ภาพ/ข่าว : มโนธรรม ใจหาญ  รายงาน

ศาลฎีกากระบี่พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต “บังฟัต” พร้อมอีก 8 คน ก่อเหตุวางแผนและฆ่า อดีตผู้ใหญ่บัติ เสียชีวิตพร้อมสมาชิกในครอบครัวรวม 8 ศพ

เมื่อปีพ.ศ.2560 ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตพอใจในคำตัดสิน  ขณะที่ผลพวงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องสูญเสียบ้านที่อยู่อาศัย 

จากคดี นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี พร้อมกับพวกรวม 8 คน ร่วมกันก่อเหตุสังหารโหดนายวรยุทธ หรือผู้ใหญ่บัติ สังหลัง อายุ 46 ปี อดีต ผญบ.หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวและญาติ ๆ รวม 8 ศพ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก เมื่อวันที่ 9 ต่อเนื่องวันที่ 10 มี.ค.60  คดีดังกล่าวสร้างความสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก  

หลังเกิดเหตุได้ 5 วัน ทางจนท.ตำรวจได้ ติดตามจับกุมตัว ผู้ก่อเหตุได้ทั้ง 8 คน  ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี  นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) อายุ 36 ปี นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี.นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี.นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี  นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปีและ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ อายุ 41 ปี ภรรยานายชูริก์ฟัต

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ค.62  ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ได้ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-7 โดยศาลให้ความเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 7 คน เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ชดใช้ค่าเสียหายให้กับญาติผู้เสียชีวิตทุกคนทนายจำเลยจึงได้ยื่นฏีกา  ส่วนจำเลยที่ 8 คือ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ ภรรยานายชูริก์ฟัต ถูกตัดสินจำคุก 12 เดือน  และได้รับโทษครบกำหนดไปก่อนหน้านี้แล้ว

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 18 มี.ค.64  ที่ ห้องพิจารณาคดี ที่ 8  ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาศาลฏีกา ผ่าน Video Conference จากศาลจังหวัดกระบี่  ไปยังจำเลย 7 คน ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช  โดยในวันนี้ทางญาติผู้เสียชีวิต  ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกระบี่ด้วย แต่ศาลไม่ได้อนุญาตให้เข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี โดยศาลได้นัดแยกให้มาฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 24 เมษายนนี้  จึงต้องรอติดตามผล ด้านนอกอาคารศาลจังหวัดกระบี่ ซึ่งผลการพิจารณาคดี ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์  ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง7 คน  สร้างความพึงพอใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

หลังทราบผลพิพากษา ของศาลฏีกา นางอาส้า บุตรเติบ  แม่ยายของ ผู้ใหญ่บัติ  กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำพิพากษา  ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมต่อครอบครัว เนื่องจากตลอดเกือบ 4 ปี ที่ผ่านมาทางครอบครัว ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักทั้งจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปทั้งหมดถึง 8 คน และยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่เกิดจากการที่บังฟัต นำบ้านหลังที่เกิดเหตุและบ้านของพ่อตา ไปจำนองไว้กับธนาคาร จนกระทั่งทำให้บ้านทั้งสองหลังซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัวถูกธนาคารยึด  ทำให้คนในครอบต่างวิตกกังวลว่าจะไม่มีที่อาศัย  จึงอยากวอนขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายเกรียงศักดิ์  สารภี นายความ ของนายซริก์ฟัต และพวก กล่าวว่า หลังศาลฏีกามีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต จำเลยทั้ง 7 คน  ก็ได้ปรึกษากับทางญาติจำเลย เพื่อหาทางยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษฯ ภายในเวลาระยะ 60 วัน หลังจากนี้


ภาพ/ข่าว : ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง รายงาน

"คำรณวิทย์" ห่วงใยเด็กปทุมธานี วางยุทธศาสตร์การศึกษาให้มีที่เรียนระดับมหาลัยจบมามีงานทำ

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 10:00 น. ที่โรงเรียนสามโคก ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และหัวหน้าส่วนราชการเข้าเยี่ยมชมและมอบนโยบายในการดำเนินงานเเนวทางการบริหารของโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี

โดยมี นายชูชาติ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนสามโคก พร้อมด้วยคณะผู้บริหารโรงเรียนและนักเรียน รร.สามโคกให้การต้อนรับ โดยพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายเสวก ประเสริฐสุข นายเวนิต วัฒนธำรงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายยุทธนา แสงพงศานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ชมนักเรียนแสดงความสามารถ ทางด้านภาษาต่างประเทศ การแสดงรำไทย โขน กลองยาว โปงลาง รวมถึงด้านกีฬา และมีการจัดบูธนิทรรศการผลงานนักเรียนที่ได้รางวัลในการแข่งขันต่าง ๆ ทั่วประเทศ จากนั้นได้เขียนบันทึกในสมุดเยี่ยมแสดงความชื่นชม ร.ร.สามโคกทุกด้านที่พัฒนาไปมาก และต้องพัฒนาต่อไป ลูก ๆ ร.ร.สามโคกต้องสู้ได้และชนะในทุกเวที

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ผมได้เชิญ ผอ.กิจจา ชูประเสริฐ , ผอ.อารีวรรณ เอมโกษา , ผอ.สมชาย ฟักทอง , ผอ.วรพันธ์ แก้วอุดม , ผอ.วีระพงษ์ ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นคณะที่ปรึกษาทางการศึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี มาเพื่อระดมความคิดในการทำงานร่วมกับ นายชูชาติ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนสามโคก เราต้องการให้โรงเรียนสามโคกสามารถพัฒนาเด็กให้สู้กับโรงเรียนอื่น ๆ ได้ทุกเวที แต่ถ้าหากเรารับเด็กทั้งหมดโดยไม่ผ่านการคัดกรองก็จะไม่มีการแข่งขัน โดยมาร่วมกันอยู่เป็นจำนวนมาที่เดี่ยว ก็จะส่งผลกระทบให้โรงเรียนอื่นๆในพื้นที่เช่นจากที่เคยมีเด็กเกือบ 1,000 คน ทำให้เหลือเพียง 200 คน จึงต้องมีการแก้ไขทั้งระบบให้เด็กนักเรียนในจังหวัดปทุมธานีต้องพัฒนาไปด้วยกันทั้งจังหวัด อย่างเท่าเทียม

ซึ่งวันนี้ได้เห็นความสามารถการแสดงออกของเด็กพบว่าดีมากและไม่แพ้ใครเลย เพียงแต่ขาดการประชาสัมพันธ์รวมถึงไม่ได้สัมผัสกับอีก 22 โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาอื่น ๆ ภายในจังหวัดปทุมธานี เบื้องต้นได้ประสาน ผอ.เขตการศึกษา เพิ่มโรงเรียนสามโคกเป็นโรงเรียนที่ 23 เพื่อให้มีการทำงานร่วมกันกับโรงเรียนอื่น  นอกจากนี้ในวันที่ 23 มีนาคม 2564 จะมีการ MOU กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เพื่อให้เด็กที่จบ ม.6 มีการต่อยอดการศึกษาหลากหลายด้านในการประกอบอาชีพในอนาคต ซึ่งทางตนเองและคณะที่ปรึกษาทางการศึกษากำลังวางแผน ยุทธศาสตร์ทางการศึกษาให้เด็กนักเรียนปทุมเรียนจนจบ ระดับมหาวิทยาลัยและมีงานรองรับทำงานเลี้ยงชีวิตและครอบครัวต่อไป ไม่ใช่เรียนจนจบแต่ไม่มีงานทำ

ส่วน นายชูชาติ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนสามโคก กล่าวว่า เนื่องจากลูก ๆ นักเรียนโรงเรียนสามโคกที่ได้เข้ามาเรียนก็มีความคาดหวังในการที่จะดูแล และสนับสนุน ในเรื่องของวิชาการ ทักษะอาชีพ ศีลปะ ดนตรี และกีฬา ถือว่าเป็นทักษะชีวิตสำหรับเขาที่จะออกไปเป็นคนที่มีคุณภาพ รวมถึง คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ให้นโยบายมาเพื่อสร้างเครือข่ายทางการศึกษาร่วมกับ สถาบันการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดและเขต

รวมถึงสถาบันระดับอุดมศึกษาเพื่อเติมเต็ม ซึ่งทางโรงเรียนให้ความร่วมมือ ถือว่าคุณครูของโรงเรียนจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้วิชาการ รวมถึงนักเรียนจะได้มีเวทีแสดงออกพบปะกับสังคมเพื่อการเรียนรู้ที่มากขึ้น และคาดหวังว่าลูก ๆ นักเรียนจะได้รับการสานต่อความรู้ความสามารถให้เป็นผู้ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีนำกลับมาตอบแทนท้องถิ่นให้จังหวัดปทุมธานีมีความเจริญก้าวหน้าต่อไป


ภาพ/ข่าว : ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน

"ผู้ว่าฯ ปทุมธานี" ประชุมหารือ แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว ตลาดเก่าร้อยปี คลอง 12 หกวา

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 09.30 น. ที่ ตลาดเก่า 100 ปี คลองสิบสอง อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานการประชุมหารือ แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว ตลาดเก่าร้อยปี คลอง 12 หกวา  

โดยมี นายสุทัศน์  คงแย้ม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปทุมธานี นายรนัชถ์ชัย พุ่มเจริญ นายอำเภอลำลูกกา  นางสาวธนียา นัยพินิจ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดปทุมธานี นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ วัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี นางสาวพิมพกานต์  พิพิธธนานันท์ ผอ.ททท.สำนักงานกรุงเทพ นายภัสพลภ์ ชัยสุริยาทวิกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดปทุมธานี  ผศ.ดร.ดรุณศักดิ์ ตติยะลาภะ รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์  ผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชนพัฒนาตลาดเก่า ชุมชนตลาดเก่าร้อยปี คลอง 12 หกวา

พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวตลาดเก่าร้อยปี คลอง 12 หกวา เพื่อเป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ข้อมูลตลาดเก่าร้อยปีให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว


ภาพ/ข่าว : ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top