Friday, 20 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

กรุงเทพฯ - “ผบ.นทพ. สนับสนุนภารกิจสาธารณสุข จัดกำลังพลร่วมบริการประชาชน “คลองเตย” เข้าฉีดวัคซีนโควิด”

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 พล.อ. นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) สั่งการให้ สำนักงานสนับสนุน (สสน.นทพ.)  จัดกำลังพลปฏิบัติภารกิจร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย สำนักอนามัย กรุงเทพฯ ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้กับประชาชนผู้พักอาศัยอยู่ในชุมชนเขตคลองเตย โดยมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว, กรอกข้อมูล ช่วยเหลือผู้รับบริการผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้มารับบริการ และให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ณ บริเวณอาคารโกดัง สเตเดียม การท่าเรือแห่งประเทศไทย

พล.อ. นเรนทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกำลังไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (บก.ทท.) ที่สั่งการให้ทุกหน่วยจัดเตรียมกำลังพลที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ให้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19  มีการจัดระเบียบ ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของประชาชนที่มารับบริการ  

โดยให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ซึ่งทางด้านหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ได้สั่งการให้ พลตรี ธนินทร์ พู่ทองคำ ผอ.สสน.นทพ.จัดกำลังพลปฎิบัติงานและควบคุมผลการปฎิบัติให้ได้มีความพร้อมตลอดเวลาที่จะสนับสนุนกำลังพลออกปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดูแลด้านความปลอดภัย และช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้คลี่คลายลง ทั้งนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

สุโขทัย - สส.สุโขทัย ควักกระเป๋าทำประกันโควิด ให้ อสม.ทั้ง 3 อำเภอ

วันที่17พ.ค. เมื่อเวลา09.00น. ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ส.ส.สุโขทัย เขต3 พรรคภูมิใจไทย พบปะกล่าวกับ ตัวแทนอสม.ในเขตอ.สวรรคโลก จำนวน 40 คน ที่เข้าร่วมประชุมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ได้มีการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อรวมทั้งผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องและสูงขึ้น เป็นที่น่าห่วง

ล่าสุดทางรัฐบาลได้มีการรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีค ให้กับประชาชนแต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ทราบข้อมูลหรือทราบข้อมูลแล้วแต่ยังไม่กล้าลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีน จึงได้ให้จนท.อสม.ออกเชิญชวนและให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชนถึงประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งตนเองเห็นว่าจนท.อสม.เล่านี้เมื่ออกรณรงค์และให้ความรู้แก่ประชาชนแล้ว ซึ่งก็จะเกิดความเสี่ยงอาจติดไวรัสโควิด-19 ได้ เนื่องจากต้องพบประชาชนประชาชนจำนวนมากแต่ละวัน

ตนเองจึงได้เร่งเห็นความปลอดภัยและด้วยความห่วงใยจึงได้ควักทุนส่วนตัวจัดทำประกันโควิด-19 ให้กับพี่น้องอสม.ในเขตพื้นที่อ.สวรรคโลก อ.ศรีนคร และอ.ศรีสัชนาลัย ฟรีทุกคนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับจนท.อสม.ที่ออกปฎิบัติงาน และเป็นการให้กำลังใจในเบื้องต้นแก่ผู้ทำงานด่านหน้าด้วย แต่ก็ขอให้ เจ้าหน้าที่ อสม.และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 นี้ด้วย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

กระบี่ - ว้าว ..อยากกิน "ยุ้ย ชิมก่อนจ่าย" ร้านทุเรียนดังกระบี่ คนต่อแถวยาวเยียด กว่า 8 ปี มาถึงวันนี้เคยล้มลุกคลุกคลาน แต่ใจรัก...ต้นทุนเป็นคนชอบกินทุเรียน เผยเคล็ดลับจนมีลูกค้าแน่นร้าน

วันที่ 16 พค 2564 ร้านทุเรียน "ยุ้ย ชิมก่อนจ่าย" ซึ้งเป็นร้านทุเรียนชื่อดังกระบี่ ตั้งอยู่ที่ ม.4 ทางไปสระมรกต ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ้งมีลูกค้ายืนเข้าแถวซื้อทุเรียนในแต่ละวัน ผู้สื่อข่าวได้ลงไปสอบถามเจ้าของร้านดังกล่าว ชื่อ นส เพ็ญนภา ท้าวคำมา ชื่อเล่น 146 /3ม.4ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อมจ.กระบี่ ชื่อพี่ยุ้ยจ่ะ อายุ36 ปี เป็นแม่ค้าขายทุเรียนมากว่า 8 ปี ปัจจุบันมีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อในแต่ละวันไม่ขาดสาย ทั้งลูกค้าประจำในพื้นที่ และต่างจังหวัด ยอดขายในวันละวันทะลุเฉียดแสนบาท เผยเคล็ดลับว่าทำไมมีลูกค้ามาที่ร้านแน่นขนัดทุกวัน และยอดสั่งซื้อทางออนไลน์ เพราะเป็นคนชอบกินทุเรียนอยู่แล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกลูกค้า ว่าต้องการทุเรียนอร่อย คุ้มราคาที่ต้องจ่าย ทุเรียนทุกลูกที่ขาย ต้องคัดสรรค์ลูกทุเรียนที่ตรงใจและอย่างดีให้กับลูกค้า ชิมก่อนจ่าย ถ้าไม่ถูกใจ สามารถเปลี่ยนลูกใหม่ได้ โดยไม่คิดหักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และด้วยประสบการณ์สั่งสมมากว่า 8 ปี ไม่ว่าเป็นการไปรับที่สวนทุเรียนเอง และการเเลือกทุเรียนที่มีความสุกงอม กรอบนอกนุ่มใน ให้กับลูกค้าจนเป็นที่ถูกอกถูกใจ จนเป็นที่ยอมรับและเป็นร้านทุเรียนชื่อดังในพื้นที่

นส.เพ็ญนภา ท้าวคำมา หรือน้องยุ้ย เปิดเผยว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ จนทำให้ร้านตนมีชื่อเสียงดังขนาดนี้ เคยล้มลุกคลากคลาน เริ่มแรกเดิมทีเป็นคนชอบกินทุเรียนจึงตัดสินใจมาขาย ใหม่ ๆ ลองผิดลองถูก ได้ทุเรียนดิบมาบ้าง น้ำหนักขาดบ้าง ปีสองปีแรกขาดทุน หมดเงินไปกว่า 2-3 แสนบาท เพราะยังไม่ชำนาญในการเลือกทุเรียน แต่ด้วยใจรัก จึงพยายามเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าเป็นคัดเลือกทุเรียนเอง เทคนิคการเปาะทุเรียน ลูกไหนสุกลูกไหนอ่อน  และใช้ประสบการณ์มากว่า 8 ปี สั่งสมประสบการณ์ จนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นร้านทุเรียนชื่อดัง ซื้อมาแล้วไม่เคยทำให้ผิดหวัง และเทคนิคต่าง ๆ ในการคัดสรรค์ทุเรียนให้กับลูกค้าตรงใจลูกค้าที่ต้องการ และในราคาที่ไม่แพง ปัจจุบันราคาทุเรียน อยู่ที่ 140-160 บาทต่อหนึ่งกิโลถือว่าเป็นราคาที่ไม่สูงกว่าท้องตลาด ในแต่ละวันมียอดสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก เผย 2 วันขายทะลุหลักแสนกว่าบาท ถือว่าเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดีในช่วงหน้าฤดูกาลทุเรียน และภาวะช่วงโควิด-19 ที่หลาย ๆ อาชีพได้รับผลกระทบ และยังเป็นงานที่ตนรัก และเป็นคนชอบกินทุเรียนเป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกค้าเป็นอย่างดี น้องยุ้ยกล่าว

 


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

ร้อยเอ็ด - ชป.6 ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์เป็นวัลนะ 3 ล้าน ลบ.ม. และอีกใน 5 เขื่อนหลักภาคอีสานเติมน้ำลงแม่น้ำชี ช่วยเจือจางความเค็มการประปาเมืองร้อยเอ็ด คาด 2 วันเอาอยู่

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 พ.ค.2564 นายศักดิ์ศิริ  อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 หรือ ชป.6 เปิดเผยว่า สำนักงานชลประทานที่ 6 ได้รับรายงานว่าประชาชนเมืองร้อยเอ็ดได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากน้ำประปามีรสเค็มเป็นผลมาจากคลอไรด์ในน้ำสูง   ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาคสาขาร้อยเอ็ดได้ประสานขอให้ปรับเพิ่มการระบายน้ำลงแม่น้ำชีเพื่อเจือจางค่าคอลไรด์ในแม่น้ำชีบริเวณหน้าเขื่อนร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นจุดสูบน้ำดิบของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาร้อยเอ็ด ชป.6  จึงได้ประสานเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เพื่อปรับเพิ่มการระบายน้ำจากวันละ 1.1 ล้าน ลบ.ม.เป็นวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. เพื่อช่วยเติมน้ำลงลำน้ำพองและไหลไปลงแม่น้ำชีที่หน้าเขื่อนมหาสารคาม

" ขณะเดียวกันยังคงมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนลำปาวจังหวัด จ.กาฬสินธุ์ เป็นวันละ 0.10 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนในแม่น้ำชีตั้งแต่เขื่อนชนบท จ.ขอนแก่น เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 0.24 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนมหาสารคาม เพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 3.10 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนวังยาง จ.กาฬสินธุ์ เพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 3.86 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนร้อยเอ็ดระบายน้ำวันละ 4.21 ล้าน ลบ.ม. และรักษาระดับน้ำเก็บกักของเขื่อนร้อยเอ็ด  เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับระบบสูบจ่ายน้ำดิบ"

นายศักดิ์ศิริ กล่าวต่ออีกว่า จากการตรวจวัดค่าความเค็มบริเวณหน้าเขื่อนร้อยเอ็ด จุดสูบน้ำดิบของการประปาส่วนภูมิภาคาขาร้อยเอ็ด เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.   ) พบค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว แต่น้ำประปาในส่วนบ้านเรือนของประชาชนจะยังมีรสกร่อยเนื่องจากยังมีน้ำที่มีค่าความเค็มค้างในระบบเส้นท่อของการประปาต้องใช้เวลาในการผันน้ำออกจากเส้นท่อคาดว่าน้ำประปาจะกลับเข้าสู่สถานปกติภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาคสาขาร้อยเอ็ดได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสามารถใช้น้ำเพื่อการอุปโภคได้โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ อย่างไรก็ตาม ชป.6 ได้ประสานงานร่วมกับการประปาส่วนภูมิสาขาร้อยเอ็ด เพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำชีบริเวณจุดสูบน้ำดิบของการประปาฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมสั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำชีอย่างใกล้ชิด อีกด้วย

กระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการจุดบริการให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรม ประชาชนทั่วไป เตรียมหารือนัดแรกในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ เล็งใช้นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ จัดตั้งศูนย์กลางฉีดวัคซีน

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อหาแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศเป็นศูนย์กลางการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้บริหารกระทรวงฯ ผู้ว่าการ กนอ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  ว่า  ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการจุดบริการให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) ให้แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรม ประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมีการประชุมอย่างเป็นทางการถึงแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนนัดแรกในวันที่ 17 พ.ค.2564 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ในการให้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แก่ประชาชนทั่วประเทศตามความสมัครใจ 

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯชุดดังกล่าว ประกอบด้วย นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานคณะกรรมการ, นายเดชา จาตุธนานันท์ หัวหน้าศูนย์บริหารสถานการณ์วิกฤต กระทรวงอุตฯ เป็นรองประธาน, นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ.เป็นรองประธาน, โดยมีกรรมการ ประกอบด้วย นายสหวัฒน์ โสภา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม, ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, ประธาน ส.อ.ท. หรือตัวแทน, ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน, ผู้อำนวยการกองกลาง และผู้อำนวยการกองตรวจราชการ เป็นต้น โดยหน้าที่หลักของคณะกรรมการชุดดังกล่าว คือ  

1.กำหนดแนวทางพื้นที่จุดบริการและเตรียมความพร้อมการให้วัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรม และประชาชน 2.ประสานงานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้การบริการมีความพร้อมและมีประสิทธิภาพ 3. ติดตามและรายงานผลการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และ 4.ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงอุตสาหกรรม 

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเบื้องต้นได้สำรวจพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่เหมาะสมเพื่อรองรับการฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งมีทั้งในส่วนที่ กนอ.บริหารจัดการเอง และในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน รวมทั่วประเทศ 59 นิคมฯ แต่จะต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมคณะกรรมการฯ อีกครั้งว่าความสามารถในการฉีดวัคซีนต่อวันจะได้ประมาณกี่ราย โดยคิดจากอัตราส่วนต่อผู้ปฏิบัติงานทั้งหมด เพื่อประเมินความพร้อมของสถานที่ ไม่ให้เกิดความแออัด ขณะเดียวกันต้องเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ดำเนินการได้ทันท่วงที 

“เบื้องต้นในที่ประชุมได้หารือว่าจะแบ่งกลุ่มผู้ที่รับวัคซีนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 2.โรงงานอุตสาหกรรมนอกนิคมอุตสาหกรรมที่แจ้งความประสงค์เข้ามา และโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในสวนอุตสาหกรรมที่กำกับดูแลโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) 3.ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งรูปแบบจะเป็นอย่างไรจะพิจารณาในที่ประชุมอีกครั้ง ขณะเดียวกันได้มีการประสานไปยังกรมควบคุมโรคเพื่อหารือถึงการใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเป็นศูนย์กลางฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งวางแนวทางการฉีดวัคซีนในแต่ละวันเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ การทำงานของคณะกรรมการฯ ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการฉีดวัคซีนตามนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการฉีดให้ได้วันละ 5 แสนคน ซึ่งกรมควบคุมโรค ได้รับเรื่องไปพิจารณาและจะประสานข้อมูลในเชิงลึกร่วมกับ กนอ.และกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด”ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว

เชียงใหม่ - รอง ผบช.ภ.5 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจ จุดตรวจพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน

รอง ผบช.ภ.5 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจ จุดตรวจพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน พร้อมกำชับและมอบนโยบายด้านการสกัดกั้น เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19

วันที่ 13 พ.ค.2564  พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ด่านตรวจแก่งปันเต๊า สภ.เชียงดาว, ด่านตรวจผาหงษ์ สภ.ไชยปราการ, จุดตรวจแม่สาว สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ , ด่านตรวจกิ่วสะไต , ด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง สภ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมมอบนโยบาย และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการดังต่อไปนี้

 1. ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจพื้นที่ชายแดนและจุดตรวจสกัดกั้นพื้นที่ตอนใน เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางเท้า ทางรถ และทางน้ำ จัดให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นยานพาหนะ ให้เพียงพอตลอด 24 ชม. ขณะปฏิบัติหน้าที่ต้องจัดให้มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหว ชนิดที่สามารถ ดูภาพได้แบบปัจจุบัน Real time เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา

     2. ดำเนินการพิจารณาปรับแผนหรือลดจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความจำเป็นในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน และให้เป็นไปตามมาตรฐานตาม ตร. กำหนด โดยเน้นย้ำให้ลงข้อมูลในระบบ TPCC โดยเคร่งครัดให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ในการตรวจสอบ กำกับ ดูแลการปฏิบัติและรายงานผล

     3. กำชับการออกตรวจชุดสายตรวจร่วมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจพื้นที่ สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมใดๆที่อาจเสี่ยงต่อการแพทย์ระบาดของโรคอย่างสม่ำเสมอ และให้คำแนะนำตักเตือนแก่ผู้ประกอบการให้ปรับปรุงแก้ไขสถานที่ที่เป็นจุดเสี่ยง หากยังไม่ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำให้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาปิดสถานที่ดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

      4. ปรับแผนการทำงาน โดยประชาสัมพันธ์การรวมกลุ่มดื่มสุราที่บ้านหรือในชุมชน เป็นความผิดตามกฎหมาย เรื่องการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค

      5. กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรค (D-M-H-T-T) อย่างเคร่งครัดโดยสวม Face shield หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาปฏิบัติหน้าที่ มีเจลแอลกอฮอล์ติดตัวทุกนาย มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนปฏิบัติหน้าที่ หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ เจลล้างมือ หรือน้ำยาแอลกอฮอล์ล้างมือ และรักษาระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับประชาชน ทั้งนี้ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

ประจวบคีรีขันธ์ – สาวกู้ภัยหัวหิน แบ่งทุเรียนขายเป็นพู ราคาถูก ลูกค้าแน่น จนต้องแจกบัตรคิว

วันที่ 13 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงานว่าที่ชุมชนบ่อฝ้าย เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีแม่ค้าสาวหน่วยกู้ภัยสว่างหัวหินธรรมสถาน ขายทุเรียนช่วงโควิด-19 ระบาด โดยแกะทุเรียนสุกแยกขายเป็นพู ราคาถูกตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป ทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลแห่ชิมและซื้อเป็นจำนวนมากต้องเข้าคิวรอ

นางสาว พจนา เกิดทอง อายุ 34 ปี แม่ค้าสาวกู้ภัย กล่าวว่า เริ่มขายทุเรียนประมาณ 1 สัปดาห์โดยได้ไอเดียมาจาก นายมนตรี ผิวผ่อง ขายทุเรียนสู้โควิคที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จึงได้เดินทางไปศึกษาแนวทางการขายทุเรียนที่โคราชนำมาปรับใช้ เนื่องจากช่วงนี้สินค้าทุกอย่างมีราคาแพงจากวิกฤติโรคโควิด-19 จึงเห็นใจผู้บริโภค ต้องการให้ชาวหัวหินรับประทานของดีราคาไม่แพง เพราะปกติทุเรียนราคาทั่วไปตามท้องตลาดจะมีราคาสูง จึงใช้วิธีขายแยกเป็นพู ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยนำทุเรียนมาจาก จ.จันทบุรี 3 สายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุ คือพวงมณี ขายที่กิโลกรัม ( กก.) ละ 110 บาท โดยเริ่มแกะทุเรียนตั้งแต่ชาวงเช้า เพื่อจะเปิดขายทั้งวันจนกว่าทุเรียนจะหมด เฉลี่ยขายได้วันละ 300-400 กก.ยังไม่พอกับความต้องการ เพราะมีลูกค้าต่อแถวซื้อกันจำนวนมาก ต้องแจกบัตรคิว สำหรับสุภาพสตรีที่ตั้งครรภ์ให้รับประทานฟรี หรือหากต้องการซื้อจะเปิดช่องทางพิเศษไว้บริการสำหรับผู้ตั้งครรภ์หรือผู้สูงอายุได้ซื้อก่อน ไม่ต้องรอเข้าคิวนาน

“ขายทุเรียไม่ได้หวังผลกำไร เน้นขายไว ขายจำนวนมากแบบลดแลกแจกแถม เพราะถ้าขายได้มาก ก็จะมีกำไรมาก จะเน้นขายลูกสุกพร้อมทาน ขายแบบยกเป็นลูกชั่งกิโลเพื่อให้ลูกค้าเลือกเอา ขณะนี้มีลูกค้าบางรายเดินทางไกลมาจาก อ. ปราณบุรี สามร้อยยอด อ. ชะอำ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อมาชิมโดยเฉพาะ สำหรับลูกค้าที่มาจากต่างอำเภอขอให้โทรเข้ามาสอบถามก่อนที่จะเดินทาง เผื่อบางวันทุเรียนหมดต้องเดินไปรับจาก จ.จันทบุรี อาจทำให้ลูกค้าเสียเวลา โดยสอบถามที่เบอร์โทร 087-933-6506” นางสาว พจนา กล่าว

ทหารเรือจับ 2 วัยรุ่น พร้อมยาบ้า ไอซ์และกัญชา ขณะกำลังขนย้ายริมฝั่งแม่น้ำโขง

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 13 พ.ค.ที่สถานีเรือ นรข.บึงกาฬ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ น.ต.วชิรวิทย์ ใจสัตย์ หน.สน.เรือบึงกาฬ พ.ต.อ.วิชยานนท์ นิติกุล ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.อ.เอกนรินทร์ สุวรรณทา ผกก.ตม.บึงกาฬ นายพงษ์ชัย ศิลปอาชา นายด่านศุลกากรบึงกาฬ พ.ต.ท.พลสันติ์ คมขาว ผบ.ร้อย ตชด.244 พ.ต.ท.ปิยะณัฐ ปะโสทะกัง สว.ส.รน.4 กก.11 บก.รน. พ.ต.ต.นิคสัน ดียา สว.สส.สภ.เมืองบึงกาฬ นายชัยณรงค์ สุระดะนัย ป้องกันจังหวัดบึงกาฬ นางกมลนิตยกานต์ หาญคำหล้า ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 2 หนุ่มสาววัยรุ่นพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 15,979 เม็ด ยาไอซ์จำนวน 2 ก้อน (น้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม) กัญชาแห้งห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส จำนวน 10 แท่งน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกลางดึกวานนี้ น.ต.วชิรวิทย์ ใจสัตย์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่บ้านห้วยดอกไม้ ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงได้รายงานให้ น.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบพร้อมสั่งการให้ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สน.เรือบีงกาฬ ประสานตำรวจ สภ.เมืองบึงกาฬ ตำรวจน้ำบึงกาฬ ตชด.244 ทหารพรานที่ 2210 ด่านศุลกากรบึงกาฬ และฝ่ายปกครอง อ.เมืองบึงกาฬ วางแผนจับกุม จนกระทั่ง จนท.ชุดชุ่มเฝ้าตรวจได้ใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืนตรวจพบเรือหางยาวเครื่องยนต์ติดท้ายแล่นเข้ามาจอดริมตลิ่งแม่น้ำโขงบริเวณที่ จนท.ดักชุ่มอยู่ จากนั้นคนขับเรือได้ขนย้ายวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาวางไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในขณะเดียวกันบนฝั่ง จนท.ได้ตรวจพบแสงไฟจากรถ จยย.ต้องสงสัย วิ่งเข้ามาจอดบริเวณกระท่อมริมฝั่งแม่น้ำโขงโดยมีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งมาด้วยกัน จากนั้นดับเครื่อง ชายคนขับได้เดินลงไปที่ตลิ่งแม่น้ำโขงบริเวณที่เรือหางยาวจอดอยู่ สักพักได้ยินเสียงเรือแล่นข้ามกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว ไม่นานชายต้องสงสัยได้เรียกหญิงสาวที่นั่งซ้อนมาให้ลงไปหาที่ริมแม่น้ำโขง ทั้ง 2 คน ได้ช่วยกันขนย้ายวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาบนฝั่ง

เมื่อเห็นดังนั้น จนท.จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมทราบชื่อต่อมานายเอนามสมมติ อายุ 16 ปี ชาว ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ และ น.ส.เจนจิรา ประทุมมา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 ม.11 บ้านหนองแซง ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยพบเป็นยาบ้าจำนวน 15,979 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 2 ก้อน (น้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม) กัญชาแห้งห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส จำนวน 10 แท่งน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม และรถจักรยานยนต์ ตราอักษรฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เงินสดจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง จึงคุมตัวมาสอบสวนที่สถานีเรือบึงกาฬ และแจ้งข้อหาว่า "ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน-ยาไอซ์) และยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย" ทั้ง 2 คนรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาอ้างว่ามีคนว่าจ้างให้มารับยาเสพติดจำนวนดังกล่าว จึงนำตัวพร้อมของกลางทั้งหมดส่ง พงส.สภ.เมืองบึงกาฬ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว เกรียงไกร พรมจันทร์

รวบ 2 โจ๋ พาสาวส่งข้ามแดนไปเมียนมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการลาดตระเวณในพื้นที่ อ.แมสาย จ.เชียงราย

เวลา 23.00 น.วันที่ 13 พ.ค.64 เจ้าหน้าที่ทหาร จากกองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.3 บก.ควบคุมที่ 2 ฉก.ม.3  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.แมสาย จ.เชียงราย ได้ทำการลาดตระเวณในพื้นที่รับผิดชอบตามช่องทางท่าข้าม ในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่งถึงบริเวณท่าข้ามกะหล่ำ บ้านเหมืองแดงใต้ ม. 1 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้พบชาย หญิง 2 คน เดินอยู่บริเวณท่าข้ามดังกล่าวจึงได้เรียกตัวเพื่อทำการสอบสวน

ทราบชื่อคือ นายบุญเก่ง ขอสงวนนามสกุล อายุ 16 ปีชาวบ้านป่าเหมือด หมู่ 5 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ น.ส.วลัยพร   แก้วทักษิณ อายุ 22 ปี ชาวบ้าน น้ำจำ หมู่ 5 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยนายบุญเก่งไดรับสารภาพว่าจะไปส่ง น.ส.วลัยพร  ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้เดินเท้ามาจากในหมู่บ้านเหมืองแดงเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบของเจ้าหน้าที่ โดยได้ร่วมกับนายทวี  ขอสงวนนามสกุล อายุ 17 ปี  เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน อาศัยอยู่ที่ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่าให้ไปส่ง น.ส.วัลยพร โดยได้รับการติดต่อมาจากนายหนุ่ม ชาวเมียนมา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามจับกุมนายทวี มาเพื่อสอบสวน

จากการสอบถามทราบว่า นายบุญเก่ง ได้รับการติดต่อจากนายหนุ่ม สัญชาติเมียนมา   โดยนายหนุ่มจะให้นำคน จากฝั่งไทยข้ามไปยังประเทศเมียนมา  จึงได้ติดต่อให้ นายทวี  ไปรับ น.ส.วลัยพร  มาส่งให้กับตน บริเวณพื้นที่ บ้านเหมืองแดงใต้ ม.1  จากนั้นนายบุญเก่ง ได้พา น.ส.วลัยพร ได้เดินลัดเลาะตามเส้นทางในหมู่บ้านเหมืองแดงใต้ เพื่อที่จะไปยังริมลำน้ำสาย เพื่อที่จะข้ามไปยังฝั่งประเทศเมียนมาแต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน หลังสอบปากคำแล้วทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่ง สภ.แม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว ณัฐวัตร ลาพิงค์

สระแก้ว - กรมทหารพรานที่ 13 สกัดจับยาเสพติด พร้อมอาวุธปืนผู้ต้องหา 4 คน

เมื่อ04.30 น.ของวันที่ 14 พ.ค.64 จากการสืบทราบของ พ.อ.รณรงค์ เส็งมี ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ว่ามีขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ ได้สั่งการให้ พ.ท.กมล เรืองนาราบ รองผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 พร้อมได้จัดชุดกำลังของ หน่วยเฉพาะกิจคลองหาด โดยชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.คลองหาด  ลาดตระเวนร่วมตามมาตรการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวและการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณเส้นทางที่เชื่อมต่อจากแนวชายแดน จากผลการลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจ บริเวณสามแยกบ้านเขาดิน ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องสงสัยที่พยายามขับรถหลบหนีด่านตรวจของตำรวจ - ทหาร จนท.ได้ติดตามและและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน ประกอบด้วย 1.นายลือชัย กุลจันทร์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 ม.7 ต.เขาไม่แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี    

โดยกล่าวหาว่า มีอาวุธปืน(ปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 7 นัด ครับและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) จำนวน 13 เม็ด ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นผู้ขับขี่รถในขณะที่ร่างกายมีสารเสพติดให้โทษฯ 2.นายสัภยา ทาสร้าง อายุ 24ปี อยู่บ้านเลขที่  258 ม.7 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี 3.นายสาธิต กุลนาภูมิ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1111 ม.1 ต.ท่างาม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี 4.นายธีรยุทธ เถาบัว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 ม.10 ต.กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี      

พ.ท.กมล เรืองนาราบ รองผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13  กล่าวว่า ได้ตั้งจุดสกัดและชุดเคลื่อนนที่เร็วเพื่อสกัดแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตามมาตรการโควิด 19 และสิ่งผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้าช่องทางธรรมชาติ โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)โดยผิดกฎหมายและอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาติไว้ในครอบครอง ซึ่ง สภ.คลองหาด ได้รวบรวมข้อมูล หลักฐาน เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  กรมทหารพรานที่13 / สมศักดิ์ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top