Friday, 20 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

นราธิวาส - บริจาคโลหิต จิตอาสาเพื่อชาติ “Plus1 เพิ่มจำนวนครั้ง เพิ่มจำนวนโลหิต ( ปี2 )”

พันเอก เอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 นำกำลังพลจิตอาสาฯร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต ประจำปี 2564 ตามโครงการ “Plus1 เพิ่มจำนวนครั้ง เพิ่มจำนวนโลหิต ( ปี2 )” เพื่อเป็นโลหิตสำรองให้แก่ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ให้มีปริมาณที่เพียงพอแก่ในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอรับการรักษา ในห้วงCOVID-19 และทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ณ อาคาร 479 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลมะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส

ทั้งนี้ มีกำลังพลจิตอาสาฯของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 เข้าร่วมบริจาคโลหิตในครั้งนี้ จำนวน105 คน และมียอดบริจาคโลหิตทั้งสิ้น 47,250 ซีซีบริจาคอวัยวะ จำนวน 8 คน และบริจาคดวงตา จำนวน 8 คน โดยกิจกรรมในครั้งนี้กำลังพลจิตอาสาฯได้ผ่านการตรวจคัดกรองแล้วว่าเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างการแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เป็นผู้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19

นครพนม - ผบ.ร.3 พัน.3 ส่งมอบน้ำใจเพื่อเป็นกำลังใจให้นักรบชุดขาว – อัศวินเสื้อกาวน์ เป็นชุดป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับ สสอ.เมือง และโรงพยาบาลจังหวัดนครพนมฟรี !!

ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากวิกฤตไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย สะท้อนถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของไทยต้องรับมือกับภาระที่ยิ่งใหญ่กับสถานการณ์ระบาดเพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องสูญเสียไปมากกว่านี้ โดยต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจตรวจรักษา เฝ้าระวัง ตลอดจนควบคุมการระบาดของโรคให้ส่งผลกระทบกับคนไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ความเสียสละ ความอดทนของคุณหมอ พยาบาล 


ในวันนี้นั้น เพื่อเป็นการทำงานอย่างอุทิศตนอย่างหนักของแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ของไทยที่เราได้เห็นได้รับรู้ทุกวัน เพื่อทำหน้าที่ดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ดีที่สุด ทางด้านกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 นำทีมโดย พันโท ศรณณัฐ  นวลมณี  ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3 พัน.3) ได้นำนายทหารฝ่ายอำนวยการ เข้ามอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในการตรวจคัดกรองหาเชื้อ Covid-19 อาทิ ชุด PPE  หน้ากาก N95 ถุงมือยางทางการแพทย์  Face shield  เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว มอบให้กับสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม  (สสอ.เมือง จ.นครพนม) และโรงพยาบาลนครพนม  พร้อมทั้งมอบอาหารปรุงสุกและ เครื่องดื่ม ให้บุคลากรทางการแพทย์  ผู้ซึ่งเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤต Covid-19 อย่างปลอดภัย 
การกระทำครั้งนี้เพื่อส่งมอบน้ำใจเพื่อเป็นกำลังใจให้บุคคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ที่อุตส่าห์ทำงานหนักตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา รวมถึงในอนาคต ให้ฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 พร้อมยืนเคียงข้างในทุกโอกาส


ภาพ/ข่าว  ขอบพระคุณภาพจาก ร.3 พัน.3 / ไทบ้าน  นิวส์ (พรพิพัฒน์  เพ็ชรสังหาร)
 

กาฬสินธุ์ – ส่งทีมนักรบชุดขาว เสริมทัพโรงพยาบาลบุษราคัมกรุงเทพมหานคร สู้ภัยโควิด

โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ส่งทีมนักรบชุดขาวบุคลากรแพทย์ พยาบาล เข้าเสริมทัพสนับสนุนการปฏิบัติงานรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบุษราคัม กรุงเทพมหานคร สู้ภัยโควิด-19 ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์พบผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย  รวมมีผู้ป่วยสะสม 100 ราย หายป่วยกลับบ้านแล้ว 68 ราย
เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บริเวณหน้าอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉินหลังเก่า โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ร่วมกันส่งทีมแพทย์ พยาบาล  นักรบชุดขาวโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบุษราคัม กรุงเทพมหานคร สู้ภัยโควิด-19


ทั้งนี้ นายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ ได้เข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และร่วมมอบช่อดอกไม้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ให้กับทีมแพทย์ พยาบาล  นักรบชุดขาวโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ นำโดยมีนายแพทย์ณัฐพล  สัตย์ซื่อ นายแพทย์ชำนาญการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เป็นหัวหน้าทีม ในครั้งนี้


นายแพทย์ณัฐพล  สัตย์ซื่อ กล่าวว่า ทีมบุคลากรที่เดินทางไปสนับสนุนการปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลบุษราคัม กรุงเทพมหานคร ช่วยภัยโควิด-19 ครั้งนี้ มีทั้งหมด 6 คน โดยมีทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งทุกคนต่างเต็มใจและพร้อมที่จะเดินทางไปสนับสนุน การทำงาน เพื่อร่วมคลี่คลายสถานการณ์โรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ให้มีสถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว โดยยืนยันว่าจะนำความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาและประสบการณ์ที่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ไปร่วมกับทุกหน่วยที่โรงพยาบาลบุษราคัม กรุงเทพมหานคร อย่างเต็มความสามารถต่อไป


ด้านนพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กล่าวว่า บุคลากรของโรงพยาบาล รวมทั้งชาวกาฬสินธุ์จะเป็นกำลังใจ และขอให้ทุกคนที่ไปปฏิบัติหน้าที่ได้มีกำลังใจ ซึ่งการที่เราเข้ามาอยู่ในหน่วยงานสาธารณสุข เราจะต้องเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ขอให้กำลังใจผู้ที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเสียสละ ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ทุกคนทั่วประเทศ เราจะสู้ไปพร้อมกันและเราจะชนะไปพร้อมกัน ทีมกาฬสินธุ์ทุกคนมีขวัญกำลังใจ และมีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่


ขณะที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดศูนย์อำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์รายงานสถานการณ์พบผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย  โดยผู้ป่วยเดิม 99 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 100 ราย หายป่วยวันนี้ 2 ราย หายป่วยสะสม 68 ราย ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 31 ราย และ เสียชีวิต 1 ราย โดยทางจังหวัดยังคงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกท่านได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 4 จังหวัด ได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ให้กักตัวในที่พำนัก 14 วัน หรือตามระยะเวลาพำนักที่น้อยกว่า และให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ (ผอ.รพ.สต./กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน) หรือ อสม.

ขอนแก่น – พล.ร.3 โดย ร.8 แสดงความยินดีกับน้อง ๆ ทหารของหน่วย ที่สามารถผ่านการทดสอบ ผ่านเข้าศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก (รุ่นที่ 25) ได้สำเร็จ

ที่ค่ายสีหราชเดโชไชย ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ กรมยุทธศึกษาทหารบก (ยศ.ทบ.) ประกาศการรับสมัครและสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเป็น นักเรียนนายสิบทหารบก ประจำปีการศึกษา 2564 (นนส.ทบ.) ประจำปี 2564 นั้น มีกำลังพลของหน่วยกรมทหารราบที่ 8 ได้เข้ารับการทดสอบขั้นที่ 2 (ภาควิชาการ) จำนวน 4 นาย ที่สามารถผ่านการทดสอบผ่านเข้าศึกษา ณโรงเรียนนายสิบทหารบก (รุ่นที่ 25) ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฏ จ.ประจวบคีรีขันธ์  


ซึ่งก่อนเดินทางนั้นทางด้านกองพลทหารราบที่ 3 โดย กรมทหารราบที่ 8  พันเอก ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8(ผบ.ร.8) ได้แสดงความยินดีพร้อมทั้งได้มอบขวัญและกำลังใจให้กับน้อง ๆ ทหารของหน่วย จำนวน 4 นาย ที่สามารถผ่านการทดสอบ ผ่านเข้าศึกษา ณโรงเรียนนายสิบทหารบก (รุ่นที่ 25) และกล่าวให้โอวาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล โดยได้เน้นย้ำการใช้ความรู้ความสามารถที่หน่วย ไปปรับใช้ในชีวิตการเป็นนักเรียนให้เกิดประโยชน์ การปฏิบัติตัวในการเข้ารับการศึกษาจากโรงเรียนนายสิบทหารบก และตั้งใจศึกษาเรียนรู้ ให้มีมุ่งมั่นพยายามศึกษาหาความรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับการศึกษานำมาต่อยอดความรู้สู่การเป็นกำลังพลหลักในการพัฒนาหน่วยทหารในกองทัพบก สร้างความภาคภูมิ ให้ตนเองและครอบครัว เป็นแบบอย่างความสำเร็จในการสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบกและบรรจุ เป็นนายทหารประทวนสังกัดกองทัพบกของหน่วยต่าง ๆ รวมถึงการรับราชการทหารซึ่งเป็นอาชีพที่มั่นคง ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว ในอนาคตต่อไป


ภาพ/ข่าว  ขอบคุณภาพจาก ร.8 / ไทบ้าน  นิวส์ (พรพิพัฒน์  เพ็ชรสังหาร)
 

รมว.พม. เปิดกิจกรรม "เรามีเรา" ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราจะตามไปช่วย ปล่อยขบวนรถ ลงพื้นที่ 8 เขต กทม. ช่วยกลุ่มเปราะบางเดือดร้อนจากโควิด-19

วันนี้ 19 พฤษจิกายน 2564 ที่กระทรวง พม. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดตัว ( Kick Off) กิจกรรม “เรามีเรา” ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราจะตามไปช่วย ด้วยการปล่อยขบวนรถ พม. เพื่อนำถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเข้าไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเปราะบางในชุมชนจำนวน 8 พื้นที่ใน 8 เขตของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้กระทรวง พม. เปิดตัว ( Kick Off) กิจกรรม “เรามีเรา” ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราจะตามไปช่วย ด้วยการปล่อยขบวนรถ พม. ลงไปยังชุมชนในหลายพื้นที่ เพื่อนำถุงยังชีพ น้ำดื่ม และเจลแอลกอฮอล์ ไปแจกจ่ายช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยการลงพื้นที่เป้าหมายให้ครอบคลุมครบทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ ซึ่งวันนี้ ขบวนรถ พม. ได้ลงพื้นที่นำร่อง 8 เขต ประกอบด้วย

1.) ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร เขตราชเทวี

2.) อาคารเอนกประสงค์ วัดประชาระบือธรรม ถนนพระราม 5 เขตดุสิต

3.) หมู่บ้านเอื้ออาทร ศูนย์ สนง. ออมทรัพย์มั่นคง ถ.รามอินทรา 71 ซ.คู้บอน 27 แยก 37 เขตบางเขน

4.) โรงเรียนผู้สูงอายุแฟลต 64 ซ.ประชาสงเคราะห์ 19 เขตดินแดง

5.) ที่ทำการชุมชนโรงปูน เขตห้วยขวาง

6.) มัสยิดบางมะเขือ ซ.ปรีดี 4 สุขุมวิท 71 เขตวัฒนา

7.) ศูนย์ประสานงาน ชุมชนหมู่บ้านพลับพลา 30ไร่ ซ.รามคำแหง 21 เขตวังทองหลาง และ

8.) วัดพรหมสุวรรณสามัคคี เขตบางแค

นายจุติ กล่าวด้วยว่า สำหรับถุงยังชีพที่ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นซึ่งนำไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและชาวชุมชน กระทรวง พม. ขอขอบคุณภาคีเครือข่ายที่ได้ร่วมมือร่วมใจบริจาคสิ่งของจำนวนมาก รวมทั้งเงินบริจาค ได้แก่  

1.) Mr. Tatsuya Nozaki ประธาน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

2.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

3.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

4.) สถาบันอนุสรีรวมใจให้กันและมูลนิธิพุทธรังษี

5.) คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 62

6.) คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 63

7.) บริษัท เอ - พลัส ชัพพลาย จำกัด 8.บริษัท ชาญกิจเทรดดิ้ง จำกัด

9.) เอ็มบีเค กรุ๊ป และ

10.) โลตัส

นายจุติ กล่าวอีกว่า ตนขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกันในวันนี้ ในนามของรัฐบาลและในนามของตัวแทนประชาชนคนไทยที่วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนไทยไม่ทิ้งกัน เรายังจะต้องต่อสู้กับโควิด-19 ไปอีกสักพัก เพื่อเอาชนะมันไปด้วยกันทั้งประเทศให้ได้ สำหรับของที่มาบริจาคทุกบาททุกสตางค์หรือของทุกชิ้นที่ทุกคนเสียสละความสุขส่วนตัวมามอบให้กับคนที่ไม่มี ให้กับผู้ที่มีความอยากลำบากมากกว่า นี่เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญและน่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เราจะนำสิ่งของที่ทุกท่านบริจาคมาทุกชิ้นไปมอบให้กับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้เร่งวางแผนการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายภายหลังวิกฤตครั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว หากประชาชนประสบปัญหาความเดือดร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง

กาฬสินธุ์ – ประกาศเขตโรคระบาดทั้งจังหวัด พบสัตว์ป่วยโรค ‘ลัมปีสกิน’ หลายอำเภอ

จังหวัดกาฬสินธุ์ประกาศเป็นพื้นที่เขตโรคระบาด พร้อมห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ หลังพบโคและกระบือป่วยโรคลัมปีสกินหลายอำเภอ ขณะที่ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่สำรวจและให้การช่วยเหลือเกษตรกร
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564  ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านทุ่งกระเดา หมู่ที่ 5 ต.กุดปลาค้าว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากได้รับแจ้งว่ามีโคและกระบือของเกษตรกรป่วยเป็นโรคลัมปี สกิน ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่สำหรับประเทศไทย และเป็นกาแพร่ระบาดเป็นครั้งแรกในหมู่บ้าน เบื้องต้นได้พบกับนางสมพร ปาวรี อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่1/1 หมู่ที่ 5 บ้านทุ่งกระเดา ต.กุดปลาค้าว อ.เขาวง  จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่เลี้ยงโคและได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคลัมปีสกิน


โดยนางสมพร กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมาเริ่มมีการระบาดของโรคลัมปี สกินในหมู่บ้านข้างเคียง และได้มีการระบาดมายังหมู่บ้านของตน แต่ก็ไม่คาดคิดว่าโรคลัมปี สกิน จะติดต่อมายังวัวของตนเองได้เร็วขนาดนี้  โดยปกติแล้วตัวเองเลี้ยงวัวอยู่ 5 ตัว ปัจจุบันวัวติดโรคลัมปี สกินแล้ว 2 ตัว ซึ่งเป็นแม่ลูกกัน และเป็นโรคลัมปี สกิน มาประมาณ 2-3วันแล้ว หลังจากที่รู้ว่าวัวทั้ง 2 แม่ลูกติดโรคระบาด ก็ได้ทำการแยกออกจากฝูงนำไปเลี้ยงไว้ที่อื่นก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการติดไปยังวัวที่เหลือ


นางสมพร กล่าวอีกว่า สำหรับอาการของโรคลัมปี สกินนั้น จะมีตุ่มขึ้นตามตัวของวัว แต่เบื้องต้นมีไม่มาก แต่มีอาการซึม ไม่กินนม ไม่กินหญ้า หรือแม้แต่น้ำก็ไม่กิน อีกทั้งยังมีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ตัวเองเกิดความวิตกกังวลว่าวัวที่ตัวเองเลี้ยงนั้นจะเสียชีวิตเหมือนกับวัวของคนอื่นที่เคยเป็นข่าว ทั้งนี้เบื้องต้นได้แจ้งไปยังปศุสัตว์อำเภอเขาวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดูแล เพื่อทำการรักษาแล้ว แต่ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์แจ้งว่ายังไม่มีวัคซีนหรือยาที่สามารถรักษาได้โดยตรง ได้แต่เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น ตนจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยมาให้คำแนะนำหรือช่วยแก้ไขบรรเทาปัญหาให้กับชาวบ้านด้วย เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้พื้นที่อำเภอเขาวงได้มีการระบาดของโรคลัมปี สกินในหลายตำบลแล้วเช่น ตำบลกุดปลาค้าว ตำบลคุ้มเก่า  ตำบลสระพัง หรือแม้กระทั่งในอำเภอติดกันอย่างอำเภอนาคู และอำเภอกุฉินารายณ์ก็มีสัตว์ป่วยเป็นโรคนี้จำนวนมาก จึงอยากให้ช่วยนำไปพิจารณาเป็นปัญหาเร่งด่วนด้วย


ขณะที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้ลงนามในประกาศจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 เรื่องกำหนดเขตโรคระบาด ชนิดโรคลัมปีสกิน ในสัตว์ชนิดโค กระบือ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ด้วย จ.กาฬสินธุ์พบว่ามีหรือสงสัยว่ามีโรคระบาดในสัตว์(ชนิด) โคเนื้อป่วยด้วยโรคลัมปีสกิน ซึ่งเป็นโรคระบาดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 โดยมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดไปยังจังหวัดอื่นๆได้ จากการเคลื่อนย้ายสัตว์ที่เป็นโรคระบาดหรือพาหะของโรคระบาด


ดังนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์จึงออกประกาศไว้ดังนี้ 1.ให้ท้องที่ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอในจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นเขตโรคระบาดชนิดโรคลัมปีสกินในสัตว์ชนิดโค กระบือ 2.ห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสัตว์ ชนิดโค กระบือ หรือซากสัตว์ดังกล่าวเข้า ออก ผ่าน หรือภายในเขตโรคระบาด เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากสัตว์แพทย์ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบประจำเขตนั้นทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้าย ทั้งนี้ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 22 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ


อย่างไรก็ตามล่าสุดทางนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ยังได้สั่งการให้สำนักงานปศุสัตว์ และอำเภอทั้ง 18 อำเภอ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจ ให้ความรู้ และให้การช่วยเหลือเกษตรกรในการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว

ชลบุรี - กองเรือยุทธการ วางพวงมาลาถวายราชสักการะเสด็จเตี่ย วันอาภากร ครบรอบ 98 ปี

วันนี้ 19 พ.ค.64 พลเรือเอก สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้ พลเรือโท ชาญชัยยศ อัฑฒ์สุวีร์ รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธี วางพวงมาลาถวายราชสักการะ และพิธีบวงสรวง พระบรมราชานุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์พระบิดาทหารเรือไทย ณ หน้ากองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เนื่องในวันอาภากร หรือวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ โดยมีผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ คณะนายทหาร ข้าราชการ เข้าร่วมกระทำพิธี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ผู้ทรงเป็นรากฐานให้แก่ กองทัพเรือไทย ให้ดำรงอยู่ตราบจนปัจจุบัน

พระประวัติโดยย่อของ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 และสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2446 ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช 2436 ได้เสด็จไปศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ผลการศึกษาปรากฏอยู่ในขั้นดีเยี่ยม มีพระวิริยะอุตสาหะ พระจริยวัตรที่งดงาม เป็นที่รักใคร่ของครู อาจารย์ และเป็นที่ยอมรับของชาวอังกฤษ เมื่อจบการศึกษาได้เสด็จกลับเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ รับพระราชทานยศเป็น นายเรือโท ผู้บังคับการในตำแหน่ง นายธงผู้บัญชาการทหารเรือ และเมื่อปี พุทธศักราช 2448 ทรงดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ทรงได้ปรับปรุงการศึกษาของ โรงเรียนนายเรือให้เจริญก้าวหน้า ดังปรากฏทำให้ทหารเรือไทย มีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ สามารถเป็นครู และผู้บังคับบัญชาทหารเรือได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศ และเมื่อปีพุทธศักราช 2450 ทรงเป็นผู้บังคับการ เรือหลวงมกุฎราชกุมาร นำนักเรียนนายเรือ และนักเรียนช่างกล ไปฝึกภาคต่างประเทศ ได้ทรงนำเรือแวะที่ประเทศสิงคโปร์ เปลี่ยนสีเรือจากสีขาวเป็นสีหมอก ให้เหมือนเรือรบต่างประเทศ เพื่อให้กลมกลืนกับลักษณะของสีน้ำทะเล และภูมิประเทศอีกด้วย 

นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ทรงศึกษาตำราหมอยาไทยอย่างจริงจัง จนมีความรู้แตกฉาน ทรงเป็นหมอยาไทย รับรักษาประชาชนทั่วไป ด้วยน้ำพระทัยโอบอ้อมอารี จนได้รับพระสมัญญาว่า “หมอพร” แห่งราชนาวีไทย


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
 

สุโขทัย - ส่งด้วยใจให้ทีมแพทย์ ทำอาหารเสริมทัพเจ้าหน้าที่ ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ด้วยกัน

นายนิมิตร อาศัย ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย จ.สุโขทัยพร้อมคณะผู้บริหารครู อาจารย์ และบุคลากรในสถานศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย ร่วมกันขอมีส่วนสนับสนุนให้กับเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการการแพทย์และเจ้าหน้าที่ ในสถานการณ์โควิด-19 วันละ 200 กล่อง ตั้งแต่วันที่ 7-31 พฤษภาคมนี้ และเดินทางไปร่วมกันมอบยัง รพ.สวรรคโลก รพ.ศรีสังวร รพ.สุโขทัย พร้อมร่วมสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์  ให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ด้วยกัน 


ซึ่งโครงการนี้ สืบเนื่องจาก "คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช" ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่รับผิดชอบดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กำกับงานด้านอาชีวะเกษตร ได้เล็งเห็นถึงขีดความสามารถ ความพร้อมของคณะผู้บริหาร ครู บุคลากร และนักศึกษาของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี และวิทยาลัยประมงทั่วประเทศ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย จ.สุโขทัย ซึ่งก็มีความสามารถในการผลิตพืชผักทางการเกษตรฯ เลี้ยงสัตว์ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และผลผลิตอื่น ๆ มากมาย และมีครูอาจารย์มีคุณภาพและมีฝีมือมากในเรื่องการผลิต และการสร้างอาชีพทางการเกษตร รวมถึงฝีมือในการปรุงและทำอาหาร ประกอบกับเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในระลอกใหม่นี้ส่งผลกระทบในสังคมไม่น้อย

ทางผู้บริหารวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย จ.สุโขทัย จึงได้ร่วมใจกันทำกิจกรรมดังกล่าวขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งในความห่วงใยประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และเป็นกำลังใจ แก่บุคลากรทางการเเพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ตรวจหา รักษา ดูแล ช่วยเหลือ และเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบผู้ติดเชื้อ COVID-19 และประชาชนที่เดือดร้อนในโรงพยาบาลของจังหวัดสุโขทัย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย
 

พกยาบ้า รอลูกค้าในกระท่อมกลางนา ถูกตำรวจรวบถึงที่ สารภาพสิ้น ซื้อขายผ่านช่องทางเฟซบุ๊ค

เมื่อเวลา 10.0 น.วันที่ 19 พ.ค. 2564 พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น  พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปรเมษฐ์ ปัดทุมแฝง รอง ผกก.สส.สภ.เวฬุวัน จ.ขอนแก่นนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุม นายอนุชา อนุศรี หรือต้อง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.7 ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมของกลาง ยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงิน จำนวน 10 ถุง รวมยาบ้า 2,000 เม็ด ซึ่งห่ออยู่ในกระดาษไขและพันด้วยเทปกาวอีกชั้นหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือวีโว่สีดำ จำนวน 1 เครื่อง


พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมเสพย่าบ้าและขายยายบ้าที่กระท่อมกลางทุ่งนาฝั่งทิศใต้บ้านโคก ม.12 ต.สำราญ  จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจากนั้นจึงไปตรวจสอบ เมื่อถึงกระท่อมนาดังกล่าวพบนายอนุชา หรือต้อง อนุศรี นั่งอยู่เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น พบยาบ้าทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีดำ ที่นายต้องสะพายอยู่ จึงทำการคุมตัวมาทำการสอบสวน
"นายต้อง ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของตัวเองจริง เพราะช่วงโควิด-19ระบาด หางานทำไม่ได้ ว่างงาน ไม่มีรายได้ เพื่อนแนะนำให้รับยาบ้ามาขาย จึงได้ทำการติดต่อซื้อขายยาบ้าจากนานแมนหรือเซียงผี โดยการติดต่อกันทางโทรศัพท์มือถือ และทาง Facebook Messenger ( ขอสงวนชื่อ “Mraphlslt Tamuang) โดยล่าสุดได้ติดต่อกันเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมาได้ติดต่อซื้อยาบ้าจำนวน จำนวน 2,000 เม็ด ในราคามัดละ 40,000 บาท  โดยให้นำยาบ้ามาส่ง ด้วยการวางซุกซ่อนไว้ที่หลังโรงเรียนบ้านโคกนางามปลาเซียม ต.สำราญ อ.เมืองขอนแก่น จากนั้นก็ส่งข้อความมาบอกจุดที่ซุกซ่อนยาบ้าไว้เพื่อให้ไปรับ เมื่อรับแล้วยังไม่ต้องจ่ายเงิน โดยให้นำยาบ้ามาจำหน่ายก่อน ชำระเงินภายหลัง โดยโอนเงินค่ายาบ้าเข้าทางบัญชีแห่งหนึ่ง (ธนาคารกสิกรไทย หมายเลขบัญชี 0863786606 ชื่อบัญชี “ณัฐกานต์ อึ้งทอง”)"


พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์  กล่าวต่ออีกว่า  ผู้ต้องหายังรับสารภาพอีกว่า กระทำการในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว   2 ครั้ง โดยนำยาบ้ามาขายต่อในราคาเม็ดละ 50 บาท ถ้า 10 เม็ด จะจำหน่ายในราคา 300 - 500 บาท ส่วนโทรศัพท์มือถือก็เอาไว้เพื่อติดต่อซื้อขายยาบ้ากับลูกค้ายาบ้า และก่อนจะถูกจับกุมได้เสพยาบ้า จำนวน 3 เม็ด ขณะนั่งรอลูกค้ามารับยาบ้าก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1. (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)  


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวตรวจค้นในกระท่อมกลางทุ่งนาของนายต้อง อยู่นั้น  ได้มีนายอัษฏาวุธ  สุขยี่ดา  หรือต้น อายุ 26 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 321 ม.9 ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น มาหานายต้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 27 เม็ดในถุงพลาสติสีน้ำเงินอยู่ในกระเป๋ากางเกง  จึงได้จับกุมตัวไปสอบสวนซึ่งจากการสอบสวน นายต้น ให้การรับสารภาพว่ายาบ้า27 เม็ด นำมาส่งให้ลูกค้า ที่นัดไว้ โดยรับยาบ้ามาจากเอเย่นชาว สปป.ลาว ที่ให้เครือข่ายนำมาส่งให้ที่บ้านครั้งละ 1,000-2,000เม็ด  เมื่อขายหมดจึงให้จ่ายเงิน  ซึ่งได้ทำการรับยาบ้ามาขายตั้งแต่ต้นปี  โดยใช้กระท่อมนาแห่งนี้เป็นจุดนัดพบ ทั้งเสพและขายยาบ้า  โดยก่อนจะถูกจับ มีลูกค้านัดรับยาบ้าที่กระท่อม ขณะเดินทางมาถึง ไม่พบลูกค้า แต่พบตำรวจจึงถูกจับกุมตัวได้  อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนรับตัวพร้อมของกลางไปดำเนินคดีตามกฏหมายในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย


 

ขอนแก่น - ผู้ว่าฯขอนแก่น สั่งเข้มทุกมาตรการป้องกันโควิด เรือนจำ-สถานพินิจ-ศูนย์ฝึกอบรมฯ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ทั้งจังหวัด ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงชัดเจน นักโทษแรกรับต้องกักกันตัวอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องฉีดวัคซีนให้ครบ ขณะที่ผู้คุมขังเริ่มทยอยรับ

 เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 19 พ.ค.2564 นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 26 อำเภอของจังหวัด มีพื้นที่ที่คุมขังผู้ต้องหาและสถานพินิจฯ รวมไปถึงศูนย์ฝึกอบรม ฯ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งหมด 5 แห่ง มีผู้ที่ถูกคุมขังกว่า 7,000 คน ซึ่งขณะนี้ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น,ผู้บัญชาการทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น,ผู้บัญชาการเรือนจำ อ.พล,ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองและเด็กและเยาวชนขอแก่นและศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนเขต 4 ขอนแก่น ได้สรุปรายงานมาตรการคุมเข้มจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อได้รับทราบแล้ว และที่สำคัญคณะทำงานได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามและเน้นย้ำในทุกมาตรการที่การ์ดห้ามตกแม้แต่วินาทีเดียวและให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ซึ่งพบว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานอยู่ภายใน 5 หน่วยงานได้รับวัคซีนไปแล้วมากกว่าร้อยละ 80 และมีการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันย่างเข้มงวด


 “ จากการระบาดของกลุ่มคัสเตอร์ที่คุมขังนักโทษในหลายจังหวัด ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่ร่วมกันจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงของการพักผ่อนยามค่ำคืนที่นอนชิดติดกันเนื่องจากสภาพพื้นที่ที่จำกัด ขณะที่พื้นที่ขอนแก่น มีผู้ที่ถูกคุมขังและถูกควบคุมตัวรวมกว่า 7,000 คน ดังนั้นมาตรการป้องกันและควบคุม ทุกแห่งมีการดำเนินการอย่างเข้มงวด มีการออกคำสั่งให้สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา,การเยี่ยมผ่านระบบวิดีโอคอลหรือระบบไลน์ รถส่งสินค้าจากภายนอก จะต้องทำความสะอาดรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งเข้าและออกภายในเรือนจำทุกครั้ง โดยไม่อนุญาตให้คนขับจากภายนอกขับรถเข้าไปภายในเด็ดขาดเพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคเข้าไปภายในเรือนจำ และที่สำคัญคือนักโทษแรกรับ จะต้องได้รับการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด ตามระเบียบที่กรมราชทัณฑ์กำหนดและมีการกักตัวจากเดิม 14 วันเป็น 21 วันตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด”


 ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า มาตรฐานด้านสุขอนามัยในพื้นที่คุมขัง และสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆภายในเรือนจำและสถานที่ควบคุมทั้ง 5 แห่ง ได้เน้นย้ำในเรื่องของความสะอาดและการจัดจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือและจุดล้างมือ ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ขณะที่แผนเผชิญเหตุรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นคณะทำงานได้กำหนดแนวทางรับ-ส่งผู้ป่วยแบบเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลใกล้กับสถานที่ควบคุมเป็นจุดแรก รวมทั้งการจัดเตรียม รพ.สนาม แห่งที่ 2 พุทธมณฑลอีสานสำหรับการรับมือกับผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ยังคงไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเรือนจำและสถานที่ควบคุมภายในจังหวัด แต่การป้องกันและควบคุมยังคงเป็นไปอย่างรัดกุมและมีการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำที่ขณะนี้เริ่มทยอยฉีดวัคซีนไปแล้วบางส่วนอีกด้วย


 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top