Thursday, 19 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ตำบลแม่สามแลบ มอบนโยบายการทำงาน รับเรื่องร้องทุกข์และปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายนราธิป เสมแย้ม ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมคณะ ฯ  เดินทางลงพื้นที่ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน  โดยมีนายผะอบ บินสะอาด นายอำเภอสบเมย   นายไตรรัตน์ วนาสิริสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอสบเมย เจ้าหน้าที่ทหารพราน เจ้าหน้าที่ อบต.แม่สามแลบ ประชาชนชาวตำบลแม่สามแลบ ร่วมให้การต้อนรับด้วยความยินดี ก่อนเดินทางลงพื้นที่บนดอยสูง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน แวะกราบขอพร  พระธาตุแม่สามแลบ ณ จุดชมวิวบ้านแม่สามแลบ ซึ่งจุดนี้ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำสาละวินได้ชัดเจนและสวยงาม เป็นอีกหนึ่งแห่งที่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ของอำเภอสบเมยได้   

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และคณะ เดินทางไปยังหมู่บ้าน บุญเลอ หมู่ที่ 5 และ หมู่บ้านกลอเซโล หมู่ที่ 6 ตำบลแม่สามแลบ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง  เพื่อไปเยี่ยมชมจุดชมวิวทะเลหมอกกลอเซโล ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในหมู่ของนักท่องเที่ยวที่นิยมการเดินทางแบบ adventure  ณ จุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดินกลอเซโลนี้ เป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามของทะเลหมอกเป็นอย่างมาก สามารถมองเห็นแม่น้ำสาละวินที่ทอดยาว กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมา  จุดชมวิว ทะเลหมอกกลอเซโล อยู่ในในพื้นที่ความรับผิดชอบ ขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ได้พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับชาวบ้านที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยง ยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ร่วมประชุมและมอบนโยบายในการทำงานด้านต่าง ๆ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับรับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้าน เช่น ปัญหาการคมนาคม ไฟฟ้า ปัญหาสิทธิที่ทำกิน ปัญหาแหล่งน้ำ ปัญหาไฟป่า และการสื่อสาร เป็นต้น

 


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา  / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 

กระบี่ - พบศพแล้ว นายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 54 ปี หายตัวปริศนา

เจ้าหน้าที่พบรถเก๋งของนายสุชาติถูกเผาฝังดินในสวนปาล์มแ ห่างจากบ้านบังพิตผู้ต้องสงสัย ประมาณ 300เมตร  และห่างกัน200มเมตร พบอีกหลุม คาดว่าเป็นจุดฝังศพแต่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะที่ญาติไปดูจุดที่ฝังรถมั่นใจ ว่าเสียชีวิตแล้ว

จากกรกรณีที่นางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่เข้าแจ้งความที่สภ.ลำทับ  หลังผู้เป็นพ่อ ทราบชื่อคือนายสุชาติ  ขาวล้วน  อายุ 54 ปี   หายตัวปริศนานานร่วม 1 สัปดาห์  ญาติพยายมช่วยกันโพสต์ในโซเชี่ยลให้ช่วยตามหา แต่ยังไม่พบ จึงเข้าแจ้งความคนหายไว้แล้ว ที่สภ.ลำทับ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา  เบื้องต้น นายสุชาติออกจากบ้านใน อ.ลำทับ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ขับรถขับรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน กน 6552 กระบี่  ออกจากบ้านเพียงลำพัง โดยบอกว่าจะทวงเงินที่ เพื่อ ที่อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่  โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าไปทวงหนี้จำนวน3แสนบาท จากบังพิต  ทราบชื่อจริงต่อมา คือนายสุริบส  เริงสมุทร  อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41  ม.1 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ก่อนหายตัวไปพร้อมรถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งระหว่างที่มีการข่าวผ่านสื่อ ได้มีบุคคลลึกลับ แชทข้อความไปหาญาติ นายสุชาติ พร้อมระบุว่านายสุชาติถูกฆ่าตายฝังดิน ในสวนปาล์ม พร้อทมกับรถแล้ว และให้ญาติเลิกค้นหา มิฉะนั้นจะถูกฆ่ายกครัว

ความคืบหน้าเมือเวลา 10.00 น.วันที่ 13 พ.ค.64  พ.ต.อ.พิษณุ  อัชนะพรกุล  รองผบก.ภ.จว. กระบี่   พ.ต.อ.อภิชาติ  จินาเพ็ญ  ผกก.สภ.อ่าวนาง  พ.ต.อ.เสกสรร  แก้วสว่าง  ผกก.สภ.ลำทับ  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน  ภ.จว.กระบี่   เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน  ได้นำรถแบ็คโฮ  เข้าทำการขุดหลุมต้องสงสัย ภายในสวนปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านหนองแบก ม.1 ต.หนองทะเล  ห่างจากบ้านนายสุริยา  หรือบังพิต ประมาณ 300 เมตร   หลังจนท.สังเกตุบริเวณจุดกังกล่าวมี รอยขุดหลบฝังกลบ ขนาดใหญ่ ร่องรอยไฟไหม้ทางปาล์ม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า2 ชั่วโมง ก็พบซากรถต้องสงสัย ฝังในดินลึกประมาณ 4 เมตร กว้าง6เมตร  จึงได้ใชรถแบ็คโฮดึงขึ้นมา  ตรวจสอบเบื้องต้น เป็นรถเก๋โตโยต้าโคโรนา คันที่ นายสุชาติ ขับออกจากบ้านก่อนหายตัวไป  เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบป้ายทะเบียน กน 6552 กระบี่ สภาพถูกรอยเผาไหม้วางอยู่หลังเบาะนั่งคนขับ แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนมนุษย์หรือหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลุมที่มีรอยฝังกลบห่างจากจุดหลุมที่พบซากรถประมาณ 200เมตร  ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา  ซึ่งหน้าที่อยู่ระหว่าง วางแผนขุดหลุมดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่สามรถมารถระบุได้ว่า เป็นจุดที่ฝังศพนายสุชาติหรือไม่

ทั้งนี้ภหลังจากที่จนท.นำซากรถเก๋งขึ้นมาตรวจสอบทางญาติ ๆ นายสุชาติก็มาดูที่รถเก๋งที่ขุดขึ้นมา โดยนาง วารุณี  จันทร์ส่องแสง อายุ36 ปี หลานสาวนายสุชาติ  ยืนยันว่า เป็นรถของนายสุชาติ  และเชื่อว่านายสุชาติเสียชีวิตแล้ว 

 ด้านพ.ต.อ.อภิชาติ  จินาเพ็ญ  ผกก.สภ.อ่าวนาง เปิดเผยว่า  เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ ไปตรวจค้น ที่บ้านพักของนายสุริยาหรือบังพิตแต่ไม่พบอะไร  พบเพียง ยาไอซ์จำนวนหนีงอยู่ขางบ้าน และจนท.ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายสุริยาไปทำการสอบปากคำที่ สภ.อ่าวนาง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

จันทบุรี – โควิด-19 สวนกระแส ทุเรียนเมืองจันท์ส่งออก ราคาดี ผลผลิตคุณภาพ การขายผ่านออนไลน์เป็นที่ยอมรับยอดขายเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ลดผลกระทบโควิด – 19

นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด -19 จังหวัดจันทบุรีได้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผลไม้ของเกษตรกรจันทบุรีมีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และในช่วงนี้ ราชาผลไม้ คือทุเรียนกำลังออกสู่ตลาดสถานประกอบการ ล้ง รับซื้อทุเรียนแย่งกันซื้อผลผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทุเรียนของจังหวัดจันทบุรี ปีนี้ราคาดี ตอนนี้ผู้ประกอบการได้ตัดทุเรียนออกจากสวนไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณที่จะออกสู่ตลาดที่คาดการณ์ไว้ประมาณ326,050 ตัน  ราคาทุเรียนที่ซื้อในสวนจะมีราคาประมาณ 90 – 120 บาท โดยทุเรียนเก็บเกี่ยวไปแล้ว 2 แสนกว่าตัน ยังเหลืออยู่ในสวนอีกประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1 แสนกว่าตัน ซึ่งจะต้องรอการเก็บเกี่ยวแล้วนำออกสู่ตลาด

ส่วนการส่งออกทุเรียนไปต่างประเทศในรอบสัปดาห์เป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 7-9 พฤษภาคม วันที่ 7 ส่งออกไป 670 ตู้ วันที่ 8 ส่งออกไป 726 ตู้และวันที่ 9 พฤษภาคม ส่งออกไป 751 ตู้ ตู้ละ 20 ตัน ส่วนยอดขายผลไม้ทางออนไลน์กลับได้ผลดีเกินคาด มี พ่อค้า แม่ค้า รวมทั้ง ผู้ประกอบอาชีพหน้าใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 หันมาขายผลไม้ทางออนไลน์ และส่งผ่านไปรษณีย์ จันทบุรี กันเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ลดผลกระทบจากสถานการณ์โควิด – 19  รวมทั้งการขายผ่านออนไลน์แบบไลฟ์สด ก็เป็นช่องทางการสร้างตลาด และ สร้างรายได้ 


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ตราด – ผวา !! คนขับรถแบล็คโฮ พบหัวกระสุนปืน กปรส.ขนาด 76 มม. โผล่ก้นสระโร่แจ้ง EOD ตรวจสอบ

เหตุการณ์นี้ทำเอาหนุ่มขับรถแบล็คโฮถึงกับผวา ช่วงสายของวันนี้ขณะที่กําลังใช้แบล็คโฮขุดสระน้ำอยู่บริเวณกลางสวนหมู่ที่ 2 ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ขณะที่กำลังขุดสายตาเหลือบไปเห็นวัตถุคล้ายหัวยิงระเบิด จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ สภ.ไม้รูด ช่วยตรวจสอบ

หลังรับแจ้งทาง พ.ต.ท.สุพจน์ รักการ สวญ.สภ.ไม้รูด ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.สมชาย บุญมี รอง สวป.ประสานไปยัง ชุด EOD จังหวัดตราด ขอให้มาช่วยเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยเกรงชาวบ้านจะได้รับอันตราย  คนขับรถแบล็คโฮ (ขอสงวนนาม) บอกว่า ได้นำรถแบล็คโฮมาขุดสระน้ำเพื่อจะทำการกักเก็บน้ำช่วงฤดูฝน เพื่อที่จะเก็บน้ำไว้ใช้รดผลไม้ในช่วงฝนทิ้งช่วง ขณะที่กำลังขุดพบวัตถุต้องสงสัย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ EOD นำโดย ร.ต.อ.เชิดพันธ์ บุญล้อม รองสว.สพ.จว.ตราด พบเป็นกระสุนปืนไร้แสงสะท้อนหลัง หรือกระสุนปืน กปรส.ขนาด 76 มม.ซึ่งอยู่ในลักษณะเสื่อมสภาพ จากนั้นเจ้าหน้าที่ EOD ได้นําอุปกรณ์เชือกมากั้นพื้นที่ตรวจสอบเพื่อไม่ให้ประชาชนหรือผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะเก็บกู้และนำไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ไม้รูด เพื่อเป็นฐาน ก่อนที่จะนำกลับไป เพื่อที่จะทำลายต่อไป

สำหรับพื้นที่ ของ ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จากคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนในพื้นที่  อ.คลองใหญ่เป็นพื้นที่ที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ในอดีต กัมพูชา ได้มีการสู้รับกับเวียดนาม ทำให้กระสุนต่าง ๆ เลยมาตกในพื้นที่ของประเทศไทย พื้นดินที่เป็นเป็นที่ลาบลุ่ม ถูกถมดินทับทำด้วยระยะเวลนาน จนอาจทำให้กระสุนปืน หรือหัวระเบิดที่เคยมาตกยังฝั่งไทย เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา


ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ชลบุรี - เมื่อโยมมาหาที่พึ่งพิง...จะให้เราทิ้งได้อย่างไร

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่ใส่ถุงซิปล็อกสามชั้นก่อนบรรจุลงโลงศพอีกครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่สวมชุด PPE และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อเคลื่อนโลงศพขึ้นเมรุวัดสามัคคีบรรพต ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ญาติพี่น้องและครอบครัว ยืนส่งผู้วายชนม์อยู่ห่าง ๆ เป็นครั้งสุดท้าย และทำการฌาปนกิจต่อไป

พระครูเกษมกิตติโสภณ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต กล่าวว่า วันนี้ได้ดำเนินการรับศพผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มาประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อส่งผู้วายชนม์อันเป็นเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งวัดสามัคคีบรรพต เป็นอีกวันหนึ่งที่มีความพร้อมในการฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จากจำนวน 2,500 วัดทั่วประเทศ โดยในพื้นที่อำเภอสัตหีบ มีจำนวน 3 วัด ได้แก่ วัดสัตหีบ วัดป่ายุบ และวัดสามัคคีบรรพต และท่านใดที่จะร่วมทำบุญบริจาคทุนทรัพย์ ซื้อเชื้อเพลิงเผาศพ ผู้ป่วยโควิด-19 สามารถบริจาคผ่านบัญชีของวัดสามัคคบรรพตได้ เพียงท่านละ 19 บาท หรือแล้วแต่กำลังทรัพย์ ขอให้ทุกท่านจงมีกำลังใจสู้ ให้ผ่านไปพร้อมกัน


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

ชลบุรี - เปิดครัวสนาม ปรุงอาหารแจกถึงบ้าน ป้องกันการระบาดเชื้อโควิด-19

วันที่ 13 พ.ค.64 ที่ วัดอัมพาราม ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดโครงการ ครัวสนาม รักสัตหีบ ช่วยเหลือประชาชน โดยมีผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานกองทัพเรือ สถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน ผู้แทนบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด(มหาชน) ผู้แทน สส.เขต 8 ชลบุรี ผู้แทนผู้ประกอบการห้างทองสุพัตรา เข้าร่วมในพิธีเปิด

โดยโครงการนี้ เป็นความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยการทำอาหารสำเร็จรูปปรุงสุกพร้อมทาน นำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนถึงที่บ้านโดยไม่ต้องออกมารับ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 เป็นการช่วยเหลือประชาชนชาวอำเภอสัตหีบ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ การจัดโครงการในครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 22 พฤษภาคม 2564 เป็นเวลา 10 วัน

นายวิทยุ คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี พร้อมภริยา ได้ร่วมกันทำเมนู ผัดกระเพราไก่ ให้กับทางเจ้าหน้าที่ประจำครัวสนาม และประชาชนได้รับทานอีกอีกด้วย จากนั้นได้มีพิธีปล่อยคาราวานรถฮาเลย์ และขบวนรถแจกอาหาร ซึ่งมีเทศบาลตำบลบางเสร่ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว เทศบาลตำบลเขาชีจรรย์และเทศบาลตำบลนาจอมเทียน นำข้าวกล่องและน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในชุมชน โดยประชาชนไม่ต้องเดินทางมารับยังครัวสนาม เพื่อลดการเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จากนั้น นายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี ได้นำข้าวกล่องและน้ำดื่ม เดินแจกจ่ายให้กับประชาชนบริเวณ ชุมชนตลาดป้าเล็ก บ้านอำเภอ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

กาฬสินธุ์ – ชาวบ้านก่อเจดีย์ทราย กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรพ้นวิกฤตโควิด-19

เจ้าคณะตำบลบัวบาน ร่วมกับคณะสงฆ์ ผู้นำชุมชน ชาวบ้านตูม ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ สืบสานประเพณีก่อเจดีย์ทราย บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำชุมชน โดยเซิ้งบั้งไฟเล็กขอฝนจากพญาแถน ผ่านพ้นวิกฤติแล้ง บันดาลฝนตกตามฤดูกาล พร้อมน้อมจิตอธิษฐานขอพรรอดพ้นวิกฤตโรคติดเชื้อโควิด-19 ในเร็ววัน

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่โบราณสถานโนนบ้านเก่า บ้านตูม หมู่ 4 และหมู่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พระครูโพธิชยานุโยค เจ้าคณะตำบลบัวบาน นางละมุล ภักดีนอก ผญบ.บ้านตูม หมู่ 4 และนายบรรเจิด สุธรรมา พ่อขะจ้ำหรือปราชญ์ชาวบ้าน ร่วมกับผู้นำชุมชน ชาวบ้าน ประกอบพิธีก่อเจดีย์ทราย บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปู่หอใต้หอเหนือ โดยทำบุญเลี้ยงพระ เซิ้งบั้งไฟ และจุดบั้งไฟเสี่ยงทาย ขอฝนจากพญาแถน  ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีตามฮีต 12 คอง 14 ของชาวอีสาน ก่อนถึงฤดูทำนา พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวกาฬสินธุ์และชาวไทยทั่วประเทศผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 โดยเร็ว

นางละมุล  ภักดีนอก ผญบ.บ้านตูม หมู่ 4 กล่าวว่า ในช่วงก่อนฤดูทำนาทุกปี หลังจากวันพืชมงคล ชาวบ้านตูมจะร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลี้ยงปู่หอใต้หอเหนือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำชุมชน ที่สถิตอยู่ ณ ดอนตาปู่และโบราณสถานโนนบ้านเก่า โดยมีการก่อเจดีย์ทราย โรยแป้ง ประดับด้วยริ้วธงหลากสี ทั้งนี้ เพื่อบวงสรวงเซ่นไหว้ อธิษฐานขอพร พร้อมทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อความเป็นสิริมงคล ถือเป็นการสืบสานประเพณีที่ดีงามของท้องถิ่น ที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ให้ลูกหลานร่วมสืบสาน

ด้านนายบรรเจิด สุธรรมา พ่อจะจ้ำหรือปราชญ์ชาวบ้าน กล่าวว่า พิธีบวงสรวงปู่หอใต้หอเหนือ และบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธ์ โดยก่อเจดีย์ทรายดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงความเคารพสักการะดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ตลอดจนพระภูมิเจ้าที่ ตามความเชื่อของชาวบ้าน เป็นวิถีชุมชนที่ปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปี โดยมีความเชื่อว่าการก่อเจดีย์ทราย เป็นการเริ่มต้นการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่เจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จตลอดไป ซึ่งเป็นความเชื่อที่ปลูกฝังมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล นอกจากนี้ยังมีการเซิ้งบั้งไฟ และจุดบั้งไฟ เพื่อเสี่ยงทายและขอฝนจากพญาแถน ทั้งนี้เพื่อดลบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เนื่องจากอาชีพหลักขางชาวบ้านคือการทำนาและเลี้ยงกุ้งก้ามกราม

อย่างไรก็ตาม ในขณะประกอบพิธีก่อเจดีย์ทรายและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธ์ดังกล่าว ชาวบ้านยังได้น้อมจิตอธิษฐาน ขอพรปู่หอใต้หอเหนือและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปกป้องคุ้มครองภัย ทั้งผู้คนและพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดู ผลผลิตข้าวได้มาก ราคาสูง อาชีพเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลาประสบความสำเร็จ และภาวนาให้ชาวกาฬสินธุ์ และชาวไทยทั่วประเทศรอดพ้นจากสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ในเร็ววันอีกด้วย

‘THE NEXT STATES TIMES’ พบกับ 6 พิธีกรสุดคูล กับหลากสไตล์คอนเทนต์ที่ยกมาเสิร์ฟแบบรอบด้าน ทั้งข่าวสาร เกร็ดไอเดียใหม่ๆ ไลฟ์สไตล์ และความเฮฮาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ THE STATES TIMES ได้ทุกช่องทาง

THE STATES TIMES เปิดตัว ‘THE NEXT STATES TIMES’ กับ 6 พิธีกร 6 สไตล์ ที่จะมาร่วมถ่ายทอดข่าวสาร เนื้อหาสาระ และความสนุก ผ่านรายการที่พร้อมตอบโจทย์ ‘คนรุ่นใหม่’ NEW GEN โดยนำเสนอผ่าน 8 แพลตฟอร์มดังแห่งโลกออนไลน์ 

นำทีมโดย ‘อาจารย์กิตติธัช ชัยประสิทธิ์’ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้านปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ผู้เจนจัดในการถอดรหัสเรื่องราวของสังคมไทย การเมือง เศรษฐกิจ และโลกแห่งนวัตกรรมได้อย่างเฉียบคม ผ่านรายการ ‘NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช’ ที่พร้อมจะมาเป็นอาหารสมอง เปิดโลกแห่งการรับรู้ทุกวันเสาร์ เวลา 2 ทุ่มตรง

‘ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา’ Host & Content Editor ของ THE STATES TIMES พิธีกรสาวสวย มากด้วยประสบการณ์ในแวดวงผู้ประกาศข่าวและพิธีกร สู่รายการ ‘CLICK ON CLEAR เที่ยงตรง’ เคลียร์ทุกกระแส ตรงทุกประเด็น แบบตรงเวลาเที่ยงตรง ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ และรายการ ‘CLICK ON CLEAR THE TOPIC จับประเด็นเน้นความรู้’ เจาะประเด็นเรื่องราวสังคม การเมือง แบบเคลียร์ๆ ทุกวันศุกร์ 1 ทุ่มตรง และในฐานะ Head of Content Editor ของ THE STUDY TIMES กับก้าวสำคัญสู่ผู้เชื่อมโยงโลกแห่งการศึกษาในรายการ ‘THE STUDY TIMES STORY เวลาดีๆ ที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน’ ตีแผ่ทุกเรื่องราวชีวิตและการเรียน ของบุคคลน่าสนใจ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนวัยเรียน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 2 ทุ่มตรง 

‘หยก THE STATES TIMES’ หรือ ‘หยก สถาพร บุญนาจเสวี’ Host & Content Editor พิธีกรสายพันธุ์คูล ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร กับการนำเสนอเรื่องเล่าและการสัมภาษณ์คนเด่นได้อย่างเป็นกันเองใน ‘BizMAX THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้’ รายการที่จะล้วงลึกประเด็นสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ที่ชวนคิดแบบง่ายๆ ทุกวันอาทิตย์ 1 ทุ่มตรง และมาฟังการพูดคุยสนุกๆ ในอีกรายการอย่าง ‘KITPLEARN ฟังง่าย ได้สาระ’ เรื่องเพลินๆ ที่พร้อมส่งแฟนๆทุกวันจันทร์ เวลา 4 ทุ่มก่อนเข้านอน และขอเปิดตัวไปพร้อมกัน กับรายการ ‘Meet THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน’ รายการใหม่ที่จะมาคุยข่าวสารไปแบบเพลินๆ พร้อมเติมเต็มสาระให้กันแบบเพียวๆ ทุกวันอังคาร และพฤหัส 10 โมงตรง อย่าลืมมาพบกันนะ !! 

จัดจ้านสไตล์คนรุ่นใหม่ กับ เด็กหน้าเท่ห์ ‘เจ THE STATES TIMES’ หรือ ‘เจ ชัญญา ธีรสวัสดิ์’ พิธีกรสายสด ที่พกความกล้า มาชวนหาคำตอบจากมุมมองกูรูผู้เชี่ยวชาญหลายมิติแห่งสังคมไทย ในรายการ ‘Lock Lens Guru’ รายการที่พาทุกคนไปเลาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับกูรูตัวจริง ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8 โมงเช้า

“เราจะพาคุณไปร่อน กับผู้ชายที่ไม่กระล่อน และนี่คือ กบร่อนนน” สโลแกนประจำตัวของผู้ชายอารมณ์ดี ‘กบร่อน’ หรือ ‘กบ อินทร บุณยรัตพันธุ์’ พิธีกรและ Entertainer มืออาชีพ กับบทบาทใหม่กับการเป็น Youtuber และสไตล์การพูดคุยที่จดจำง่ายตั้งแต่วินาทีแรก วันนี้เขาพร้อมจะพาเหล่า New Gen ไปร่อนในหลากสถานที่สุดเฟี้ยว และเลี้ยวหากิจกรรมแปลกใหม่มายั่วใจให้หมั่นไส้เป็นประจำในสัปดาห์ที่ 1 และ 3 ทุกเดือน วันอาทิตย์เวลาเที่ยงตรง อ้อ!! เขายังร่วมเป็นพิธีกรในรายการ ‘KITPLEARN ฟังง่าย ได้สาระ’ ที่จะมาสร้างสีสันก่อนนอนให้กับแฟนๆ ทุกวันศุกร์ 4 ทุ่มอีกด้วย

ปิดท้ายกับน้องเล็ก สาวน้อยหน้าหวาน แต่ฝีปากไม่ธรรมดา ‘อ้อน นัฐพร ศรัทธาคลัง’ ที่พร้อมจะมาเสริมทัพการันตีความสนุกทวีคูณ ในรายการ ‘KITPLEARN ฟังง่าย ได้สาระ’ ทุกวันเสาร์ เวลา 4 ทุ่ม ก่อนส่งคุณผู้ชมเข้านอนอีกเช่นกัน รวมถึงตามติดข่าวสารโลกได้ใน TikTok ช่อง THE STATES TIMES ที่เธอจะมาอัปเดตข่าวสารที่ต้องรู้ ดูจริงจังและชัดตรง สวนทางกับหน้าหวานๆ ของเธอกันเลยทีเดียว

ร่วมตามติดและให้กำลังใจพวกเขาเหล่านี้ได้ใน THE STATES TIMES เพราะเขาและเธอ จะอยู่เป็นเพื่อนคุณทุกวัน อย่าลืมหลงรักกันนะ!!

สำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ THE STATES TIMES กับเส้นทางการมุ่งสู่ถนนคอนเทนต์แห่งโลกออนไลน์ ภายใต้ยอดผู้ติดตามบน Facebook มากกว่า 220,000 และพร้อมเดินหน้าเคลื่อนพลคอนเทนต์ สู่อีกแพลตฟอร์มทั้ง 8 ช่องทางในชื่อ THESTATESTIMES 

ชื่อนี้ชื่อเดียว!!

อย่าเลี้ยวไปไหนนะ!!

ยะลา - เบตง ไม่หลาบจำ จับพ่อค้าแม่ค้า ขายใบกระท่อมให้กลุ่มวัยรุ่น

เบตง ตชด. อส.อำเภอเบตง บุกค้นบ้าน จับพ่อค้า แม่ค้า ขายใบกระท่อม ให้กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงาน รับสารภาพจำหน่ายมานานแล้ว ถูกจับดำเนินคดีหลายครั้งแล้ว เสียค่าปรับเสร็จขายต่อ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 13 พ.ค.64 นายพิชัย แก้วจำรัส ปลัดอำเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด สืบทราบว่าพื้นที่บ้านบ่อน้ำร้อน หมู่2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา มีการลักลอบจำหน่ายใบกระท่อมให้กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงานเพื่อนำไปต้มเป็นยาเสพติด 4x100 ซึ่งเป็นยาเสพติดที่ได้รับความนิยมในพื้นที่ภาคใต้ จึงได้ประสาน พ.ต.ท.อรรถพล  จินตาคม ผบ.ร้อย ตชด.445 ร.ต.อ.มาตุภูมิ ธรรมเนียม หัวหน้าชุดปฏิบัติการการข่าว ร้อย ฉก.ตชด.445 และผู้ใหญ่บ้าน นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด. อส.อำเภอเบตง เข้าตรวจค้นจับกุม

เจ้าหน้าที่ได้วางแผนแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 58/11 หมู่2 ซ.วังน้ำวน ต.ตาเนาะแมเราะ จับกุม น.ส.นิตย์ พุทธจักจันทร์ อายุ 45 ปี พร้อมของกลางใบพืชกระท่อมสดจำนวน 35 ถุง น้ำหนักรวม 2.38 กิโลกรัม เครื่องชั่งจำนวน 1 เครื่อง ซึ่งใช้สำหรับชั่งใบพืชกระท่อมสด อยู่ภายในห้องนอนของบ้าน จากการสอบถามเบื้องต้น รับสารภาพ จำหน่ายใบกระท่อมมาประมาณ 1 ปี แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นบ้านจับกุมมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง ทุกครั้งแฟนจะเป็นคนรับ แต่ครั้งนี้ ตนได้เลิกกับแฟนแล้ว จึงต้องรับไว้เอง ใบกระท่อมซื้อมากิโลกรัมละ 850 บาท แล้วจะนำมาแบ่งขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงานในราคา ขีดละ 120 บาท

ด้านเจ้าหน้าที่อีกชุด เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 80/2 หมู่2 ซ.อีสาน ต.ตาเนาะแมเราะ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เจ้าหน้าที่ชุดแรกตรวจค้น ประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่จับกุมนายสุเด็ง ยารง อายุ 43 ปี พร้อมของกลางใบพืชกระท่อมสดจำนวน 20 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 1.9 กิโลกรัม น้ำต้มใบกระท่อม 2 ขวด น้ำหนักประมาณ 2.2 ลิตร สอบถามเบื้องต้นรับสารภาพ ขายใบกระท่อมมาประมาณ 4 ปี แล้ว โดนเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 4 ครั้ง พอเสียค่าปรับเสร็จ ก็กลับมาขายอีก จะรับใบกระท่อมมาครั้งละ 15 กิโลกรัม ในราคา 12,000 บาท แล้วมาขายขีดละ 100 บาท

เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหา น.ส.นิตย์ มียาเสพติดให้โทษประเภท5 (ใบพืชกระท่อมสด) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งข้อหานายสุเด็ง มียาเสพติดให้โทษประเภท5 (ใบพืชกระท่อมสด,น้ำต้มพืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งนำตัวและของกลางทั้งหมดส่ง ร.ต.อ.พรชัย ชูนวล พนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ

ชลบุรี - ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการและชมรมภริยากองเรือยุทธการ มอบของเยี่ยมบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับกำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่ฏิบัติงาน ในสถานที่เฝ้าระวังสังเกตอาการกองเรือยุทธการ

วันที่ 11 พ.ค.64 พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และคุณสุนันท์  สมานรักษ์ ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ พร้อมคณะ มอบของเยี่ยมบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับกำลังพลกองเรือยุทธการ และเจ้าหน้าที่ที่ฏิบัติงาน ในสถานที่เฝ้าระวังสังเกตอาการกองเรือยุทธการ  ณ กองการฝึก กองเรือยุทธการ ในการนี้ได้ติดตามการดำเนินการเพื่อให้มีความพร้อมในการรับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้นกับกำลังพลของกองเรือยุทธการ และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มีดำริให้จัดตั้งสถานที่เฝ้าระวังสังเกตอาการกองเรือยุทธการเพื่อเป็นสถานที่รองรับกำลังพลกลุ่มเสี่ยงของกองเรือยุทธการ และประชาชนในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ภายใต้กรอบการพึ่งพาตนเอง ด้วยขีดความสามารถที่มี โดยการใช้บุคลากรทางการแพทย์ของกองเรือยุทธการ ร่วมกับแพทย์จากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ปฏิบัติงานในการดูแลกำลังพล และครอบครัวของกองเรือยุทธการที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตลอดจนประชาชนที่กองเรือยุทธการได้รับการประสานจากโรงพยาบาล หรือหน่วยงานในพื้นที่ใกล้เคียง เป็นการแบ่งเบาความแออัดของโรงพยาบาลภาครัฐบาล ซึ่งปัจจุบันได้จัดเตรียมพื้นที่ของกองการฝึก กองเรือยุทธการ ให้สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ/กลุ่มเสี่ยง ได้ประมาณ 200 เตียง

กองเรือยุทธการ และชมรมภริยากองเรือยุทธการ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ กำลังพล และบุคลากรทางการแพทย์ รวมพลังต่อสู้เพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน ให้เป็นไปตามนโยบายที่ผู้บัญชาการทหารเรือเน้นย้ำอยู่เสมอ “พลังสามัคคี พลังราชนาวี”


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top