Wednesday, 2 July 2025
THE STATES TIMES TEAM

กาฬสินธุ์ - ผู้การกาฬสินธุ์ ตั้งโต๊ะขายไข่ขาดทุน! ราคาถูก - ช่วยลดค่าครองชีพช่วงของแพง!!

ผู้การฯกาฬสินธุ์ ควงประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งโต๊ะขาย “ไข่ไก่ผู้การโป้ง”เบอร์ 1 ราคาถูก แผงละ 80 บาท สด ๆ จากฟาร์มขายขาดทุนให้ครอบครัวตำรวจกาฬสินธุ์ครัวเรือนละ 2 แผง เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงไข่ไก่-เนื้อหมูราคาแพง

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 26 มกราคม 2565 พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นางพรพรรณ มะลิ ประธานแม่บ้านตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นำไข่ไก่เบอร์ 1 “ไข่ไก่ผู้การโป้ง” สด ๆ จากฟาร์มมาตั้งโต๊ะวางขายราคาถูกกว่าท้องตลาดและขายแบบขาดทุนแผงละ 80 บาท ให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยกำหนดให้ซื้อได้คนละ 2 แผง  เพื่อเป็นแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงที่ราคาสินค้าต่างๆปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะไข่ไก่ และเนื้อหมูที่มีราคาแพง

พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวส่วนตัวได้ไปซื้อไข่ไก่สด ๆ เบอร์ 1 จากฟาร์มโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งซื้อได้ราคาแผงละ 90 บาทถูกกว่าท้องตลาดที่ทราบว่าปัจจุบันจำหน่ายอยู่ที่แผงละ 110 -120 บาท จำนวน 1,000 แผง แล้วนำมาขายให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยขายแผงละ 80 บาท  ซึ่งถูกกว่าท้องตลาด และเป็นการขายแบบขาดทุน กำหนดให้ซื้อได้คนละ 2 แผง

พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้หากคิดในด้านการค้า การขาย หรือธุรกิจเป็นเงินนั้นถือว่าขาดทุน แต่ส่วนตัวนั้นตนเห็นว่าได้กำไร คือการให้สวัสดิการกับตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา และได้กำไรเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาสินค้าหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น ราคาไข่ไก่ และเนื้อหมู นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือพี่น้องตำรวจ ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีโครงการดังกล่าวนำไข่ไก่มาขายเดือนละครั้ง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ตำรวจต่อไป

ประจวบคีรีขันธ์ - ทูตเบลเยียม พบผู้ว่าประจวบฯ หารือถึงสถานการณ์โควิด และปัญหาชายแดน!!

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ให้การต้อนรับ นางซีบิลล์ เดอ การ์ทิเย่ร์ ดีฟส์ (Mrs.Sibille de Cartier d’Yves) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเบลเยียม ประจำประเทศไทย ในโอกาสเดินทางมาเยือน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 23-24 มกราคม 65 พร้อมให้ข้อมูลที่สำคัญและปรึกษาหารือในประเด็นต่าง ๆ โดย นางซีบิลล์ มีความสนใจแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แผนและแนวทางการฟื้นฟูจังหวัดจากสถานการณ์โควิด รวมทั้งแผนการท่องเที่ยวแบบ Sandbox และกรณีปัญหาการอพยพของชาวเมียนมาซึ่งลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดน

ซึ่งผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ได้นำเสนอข้อมูลในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดประจวบฯถือว่ายังสามารถควบคุมได้และมีอัตราการเสียชีวิตต่ำ ในส่วนแผนและแนวทางการฟื้นฟูจังหวัดจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในด้านการท่องเที่ยว ถือเป็นด้านที่ต้องการฟื้นฟูมากที่สุด เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นรายได้หลักของจังหวัดประจวบฯ โดยมีแนวทางในการประชาสัมพันธ์แนะนำแหล่งท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ทราบถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามภายในจังหวัด

นอกจาก “หัวหิน” ที่เป็นเป้าหมายหลักสำหรับนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาจังหวัดประจวบฯแล้ว ภายในจังหวัดยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและหน้าสนใจอีกหลายจุดรวมทั้งยังมีเส้นทางการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ที่หลากหลายเช่น การท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยววิถีชุมชน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และกรณีการท่องเที่ยวแบบ Sandbox นั้นทางจังหวัดประจวบฯได้มีแผนที่จะทำในอนาคต แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาเพื่อให้มีมาตรการที่ครอบคลุมปลอดภัย สำหรับผลกระทบในด้านการเกษตรหรืออุตสาหกรรมในจังหวัด ยังไม่ส่งผลมากนักจากสถานการณ์โควิด เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประชาชนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 

สุรินทร์ - ผบ.มทบ.25 มอบจักรยาน ตามโครงการ "Army Bike สานฝัน ปันสุข" โรงเรียนบ้านกันตรง ต.บึง อ.เขวาสินรินทร์

พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีมอบจักรยาน ตามโครงการ "Army Bike สานฝัน ปันสุข" ณ โรงเรียนบ้านกันตรง ตำบลบึง อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายพิณี หาสุข  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกันตรงและคณะครูร่วมเป็นเกียรติ โครงการ "Army Bike สานฝัน ปันสุข" มี พันเอกรุหาญ  รุจธารจรูญ หัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 25 กล่าวรายงาน ด้วยความห่วงใยของ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้เล็งเห็นถึงความลำบาก ของการเดินทางของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล จึงได้ให้หน่วยทหาร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานช่าง ทำการซ่อมจักรยาน ที่มีผู้บริจาคให้มีสภาพดีพร้อมใช้ และมอบให้เด็กนักเรียนที่มีความจำเป็น นำไปใช้ในการเดินทางไปโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยในโครงการ "Army Bike สานฝัน ปันสุข" โดยเริ่มดำเนินการในพื้นที่แนวชายแดน พื้นที่ทุรกันดาร ของประเทศ

โดยหน่วยมณฑลทหารบกที่ 25 ได้ประชาสัมพันธ์ กำลังพลของหน่วยและประชาชนในพื้นที่ ในเรื่องรับบริจาคจักรยานที่เก่าหรือชำรุด เพื่อรวบรวมส่งต่อให้กับหน่วยซ่อมบำรุงจักรยานที่ได้รับบริจาคให้กลับมาอยู่ในสภาพดีใช้งานได้ตามปกติ  แล้วจึงนำมามอบให้กับนักเรียน ที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย เพื่อใช้ในการเดินทางไปโรงเรียน ตลอดจนเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองอีกทางหนึ่งด้วย

นรข.มุกดาหาร จับ! ‘ขบวนค้ายาเสพติดชาวลาว’ พร้อมกัญชา 396 กก.

สถานีเรือมุกดาหาร พล.ร.ต.สมบัติ จุถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) พ.อ.วรพรต แก้ววิจิตร รอง ผอ.รมน.จังหวัดมุกดาหาร และ พ.อ.ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 (รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 1) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี แถลงข่าว นรข.ร่วมกับกองกำลังป้องกันชายแดนจังหวัดมุกดาหารจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศและตรวจยึดกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 396 กก.

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 24 มกราคม นาวาโทเฉลิมศักดิ์ ไชยจิตต์ หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับรายงานแหล่งข่าวว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากฝั่ง สปป.ลาว ข้ามมาส่งที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านหว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร จึงได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่หมวดทำลายใต้น้ำจู่โจม บก.นรข. ร่วมกับสถานีเรือมุกดาหาร และกองกำลังป้องกันชายแดนจังหวัดมุกดาหาร เข้าตรวจบริเวณที่ได้รับแจ้ง พบเรือหางยาวแล่นเข้ามาจอดที่บริเวณริมตลิ่งจากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 8 คนได้ช่วยกันยกห่อพลาสติกสีดำขนาดใหญ่จากเรือขึ้นมาไว้บนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าแสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบปรากฏว่าเมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พาวิ่งกลับขึ้นไปบนเรือหางยาวแล้วแล่นกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว

‘ทหารพรานที่ 2110 บูรณาการ’ ร่วมกับ ‘หน่วยความมั่นคงในพื้นที่’ ตรวจยึดยาบ้า 1,582,000 เม็ด!! ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน

กองร้อยทหารทหารพรานที่ 2110 บ้านบุ่งอุทัย  ตำบลนาสีนวล อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายบุญเรือง เมฆฉิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย พ.อ.อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พันเอก วรพรต  แก้ววิจิตร  รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร และรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดมุกดาหาร ได้แถลงข่าว การตรวจยึดยาบ้า จำนวน 1,582,000 เม็ด หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยทหารทหารพรานที่ 2110 บูรณาการร่วมกับหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ตรวจยึด ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าไคร้ นาแล ตำบลนาสีนวล อำเภอเมืองมุกดาหาร คืนวันที่ 24 มกราคม 2565

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 17.00 น. ร.อ.ธนพงศ์ โพธิ์ปาน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2110 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  ได้รับรายงานจากสายลับ (หวังสินบนนำจับ) ว่าจะมีการนำยาเสพติดฯ จากผู้ค้ายาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน  มาส่งมอบให้กับเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดชาวไทย ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าไค้นาแล หมู่ที่ 7  ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร จึงรายงานต่อผู้บังคับบัญชาให้ทราบตามระดับชั้น จากนั้นจึงประสานไปยังหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อประสานการปฏิบัตินัดหมายประชุมวางแผนกัน จัดกำลังซุ่มเฝ้าตรวจ เพื่อพิสูจน์ทราบบริเวณที่ได้รับแจ้ง

จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.40น.. พบเรือกีบหางยาวติดเครื่องยนต์ แล่นจากฝั่งประเทศลาว มายังฝั่งประเทศไทย ภายในเรือบรรทุกสิ่งของเต็มลำเรือ แล้วมาจอดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าไค้นาแล หมู่ที่ 7 ต.นาสีนวน อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร

ทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว (QRF) กกล.สุรศักดิ์มนตรี และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ‘ตรวจยึดกัญชาอัดแท่ง 946 กก.’ ริมฝั่งแม่น้ำโขง อำเภอหว้านใหญ่

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.อ.สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บังคับการ กองบังคับการควบคุมที่ 1 ( ผบ.บก.ควบคุมที่ 1) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบส่งมอบยาเสพติดประเภทกัญชา จากประเทศเพื่อนบ้านมายังฝั่งไทย ในเขตพื้นที่ ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ ร.อ.นฤดล อุตม์สีขันธ์ ผู้บังคับกองร้อยหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (ผบ.ร้อย.QRF) บูรณาร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าว 7กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ( ชปข.7 กกล.สุรศักดิ์มนตรี) , ชุดปฏิบัติการข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหารและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จัดชุดลาดตระเวนและทำการซุ่มเฝ้าตรวจ บริเวณพื้นที่รับแจ้ง เขตพื้นที่ ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร

จนกระทั่งเมื่อเวลา 01.40 น.ของวันที่ 24 มกราคม 2565 เจ้าหน้าที่ได้พบกลุ่มชายชกรรจ์ประมาณ 7-8 คน บริเวณ พิกัด VD 731518 กำลังขนสิ่งของจากริมฝั่งแม่น้ำโขงขึ้นบนฝั่ง  จึงได้แสดงตัวเพื่อขอเข้าตรวจสอบ กลุ่มชายชกรรจ์ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้ทิ้งสิ่งของดังกล่าว วิ่งหนีและอาศัยความมืด ความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้  

ลำพูน - ผบก.ภ.จว.ลำพูนคุมเข้ม!! ลงพื้นที่สุ่มตรวจห้องเย็นต่อเนื่อง ป้องกันการแอบสต๊อกเนื้อหมูก่อนถึงตรุษจีน เพื่อป้องกันการฉวยโอกาส และย้ำเตือนประชาสัมพันธ์! สร้างการรับรู้ป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมาย

พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จว.ลำพูน พร้อมด้วย พ.ต.อ.วีรชาติ ระตะเจริญ ผกก.สภ.นิคมอุสาหกรรม จ.ลำพูน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ภ.จว.ลำพูน ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัด ล.พ., พนักงานฝ่ายปกครอง, ปศุสัตว์ จ.ลำพูน และ พาณิชย์ จ.ลำพูน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นำกำลังเข้าสุ่มตรวจห้องเย็นสต็อกเนื้อสุกรแปรรูปในจำนวน 3 จุด ในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน ได้แก่ บ. ดับเบิ้ลยู ทรานส์ อินเตอร์เทรด จก. พื้นที่ ต.มะเขือแจ้  อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน, บ.พิสิฐอุตสาหกรรม จก. พื้นที่ ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน และ บ.สยามแม็คโคร จก. ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน  จ.ลำพูน  เพื่อตรวจสอบและป้องกันการแอบลักลอบกักตุนเนื้อหมูแปรรูป และป้องกันการฉวยโอกาสปรับราคาเนื้อหมูของผู้ประกอบการ

จากการตรวจสอบ ทั้ง 3 แห่ง พบว่าห้องเย็นแต่ละจุดมีปริมาณเนื้อหมูตามเกณฑ์ในการจัดส่งจำหน่าย ไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด  รวมถึงตรวจการลักลอบนำเข้าซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ยังไม่พบการกระทำผิด  เพื่อเป็นการป้องปรามโดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้มีการสุ่มตรวจสอบผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง  เพื่อป้องกันการฉวยโอกาส และ ย้ำเตือนประชาสัมพันธ์  สร้างการรับรู้ป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ซึ่งในช่วงนี้คาดการณ์ว่าเนื้อหมูมีแนวโน้มจะขยับราคาเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลตรุษจีน และคาดว่าจะขยับราคายาวไปถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

นอกจากนี้ สนง.พาณิชย์ จ.ลำพูน  ได้ฝากเน้นย้ำถึงผู้ประกอบการ ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมราคาสินค้าและการบริการ ให้แจ้งสต๊อกสินค้าที่เก็บไว้ในห้องเย็นและการเลี้ยงสุกร แจ้งให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ทราบตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด 

 

กัมพูชา - บริษัทต่างชาติ บีบเกษตรกรออกจากธุรกิจ - บีบให้แรงงานย้ายถิ่นฐาน!!

เกษตรกรชาวกัมพูชาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการครอบงำบริษัทต่างชาติในบ้านเกิดของตน เนื่องจากเจ้าของบริษัทยังคงควบคุมพื้นที่ทำการเกษตรมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านหาเลี้ยงชีพได้ยากขึ้นและทำให้เกิดการย้ายถิ่นของแรงงาน

สิ่งนี้เห็นได้ชัดในหมู่บ้านที่ชนกลุ่มน้อย Kouy อาศัยอยู่ในจังหวัดพระวิหาร ทางการได้ให้สิทธิแก่บริษัทต่างชาติในการให้เช่าพื้นที่ต่าง ๆ แก่คนนอกพื้นที่ โดยให้ชาวบ้านที่สูญเสียพื้นที่ทำการเกษตรไปมาก บังคับให้หลายคนมองหาโอกาสในการทำงานในต่างประเทศ ตอนนี้ชาวบ้านและกลุ่มสิทธิที่ได้รับความเดือดร้อนเริ่มโต้เถียงเรื่องพื้นฐานทางกฎหมายของสิทธิของบริษัทในการควบคุมที่ดินและเรียกร้องให้มีการปฏิรูป

นาย ล จันทร์ - ผู้ประสานงานกลุ่มสิทธิ ADHOC จังหวัด บอกว่า “ในหมู่บ้านของฉัน มีข้อพิพาทเรื่องที่ดินกับบริษัทอ้อยตั้งแต่ปี 2555 ชุมชนของฉันได้สูญเสียที่ดินทำกิน พื้นที่เพาะปลูก ป่าไม้ ป่าเชื่อ ฐานรากของวัดโบราณถูกทำลายไปแล้ว”

นายตีบ เติม-ตัวแทนชนพื้นเมืองโกย บอกว่า “บริษัทเป็นบริษัทจีน Hengfu Group บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทขนาดเล็กห้าแห่ง ได้แก่ Heng Non Cambodia International Co. Ltd, Heng Yue Cambodia International Co. Ltd, Heng Rui Cambodia International Co. Ltd, Lan Feng Cambodia International Co. Ltd และ Rui Feng Cambodia International Co. Ltd, ”

นาย ล จันทร์-ผู้ประสานงานกลุ่มสิทธิ ADHOC จังหวัด บอกว่า “สัญญาระหว่างรัฐบาลและบริษัทคือการปลูกต้นยางพารา ต้นกระถิน และอ้อย การปลูกอ้อย บริษัทไม่ผิด บริษัทผิดคือเอาที่ดินทำกินคูยเช่าให้พวกอพยพ และที่ไม่ธรรมดาคือบริษัทเอาสัมปทานที่ดินไปปลูกข้าวซึ่งกำลังปล้นธุรกิจของชนพื้นเมืองคูย"

นาย ล จันทร์- ผู้ประสานงานกลุ่มสิทธิ ADHOC จังหวัด บอกว่า “บริษัททำอย่างนั้นแตกต่างไปจากสัญญาที่ตกลงกับรัฐบาล บริษัท มีสิทธิทำเฉพาะแผนแม่บทที่เขียนไว้ในสัญญาที่ลงนามแล้วเท่านั้น”

นาย ล จันทร์- ผู้ประสานงานกลุ่มสิทธิ ADHOC จังหวัด บอกว่า “โดยหลักการแล้ว กฎหมายว่าด้วยสัมปทานที่ดินไม่ได้ให้สิทธิบริษัทการลงทุนที่จะได้รับพื้นที่มากกว่า 10,000 เฮกตาร์ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันได้ร่วมมือกับ EC เช่นเดียวกับองค์กรอื่น ๆ เราพบว่าห้า บริษัท นั้นมีสัมปทานที่ดินมากกว่า 50,000 เฮกตาร์ ดังนั้นตามหลักการของกฎหมายสัมปทานที่ดิน บริษัท นี้ได้ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง "

นางเซิงแซม-ตัวแทนชาวพื้นเมืองโกย บอกว่า“ด้วยเหตุพิพาทเรื่องที่ดินนี้ ชาวคูตี้จึงต้องอพยพไปทำงานต่างประเทศ เช่น ประเทศไทย และกระทบต่อการศึกษาอย่างหลานๆ ของตัวเองที่เพิ่งลาออกจากโรงเรียน "

นาย. ซินสนา –หลานชายของนางเซิงแซม บอกว่า “ผมเคยร่วมประท้วงปัญหาที่ดินนี้ด้วย เราไปตอนกลางของจังหวัดเพื่อนอนที่นั่น ฉันไปที่นั่นเพราะต้องการสนับสนุนให้พวกเขาอ้างสิทธิ์ในที่ดินที่บริษัทจีนยึดครอง "

นาง Soeung Sam-ตัวแทนชนพื้นเมืองกวย บอกว่า “ฉันรู้สึกเศร้าแต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพราะบริษัทมีอำนาจมากกว่าชุมชนของฉัน ดังนั้น เราจะยืนหยัดเพื่อทวงคืนที่ดินของเราเท่านั้น”

 

ปทุมธานี - ผู้ว่าฯปทุมธานี ลงพื้นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองปทุมธานี กำชับให้ผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน!!

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่ ตลาดสดเทศบาลเมืองปทุมธานี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายแพทย์ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นางสาวธนิยา นัยพินิจ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดปทุมธานี พ.อ.วินัย อภัยกุญชร รอง ผอ.รมน.จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ต.พงษ์สวัสดิ์ หาญสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองปทุมธานี พ.ต.อ.ธนกฤต บุญเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ณรงค์ เอี่ยมระหงส์ ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี นางพรอัปสร นิลจินดา ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี นางสายสุดา พานย้อย หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง

ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่จับจ่ายซื้อสินค้า อุปโภคบริโภค อาทิ เนื้อหมูสด เนื้อไก่ ผักสด  ผลไม้ อาหารสำเร็จรูป อื่น ๆ เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าให้มีความยุติธรรมต่อผู้บริโภคไม่ขายเกินราคาที่กำหนดและการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน เปิดเผยและสามารถอ่านได้โดยง่าย แสดงราคาสินค้าไว้บริเวณใกล้เคียงหรือแขวนในบริเวณที่ผู้บริโภคเห็นได้ ต้องเป็นภาษาไทย หรือภาษาอื่นด้วยก็ได้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า

 

เชียงใหม่ - เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน!! ชวนร่วมออกไอเดีย ประกวดตั้งชื่อภาษาจีน ให้ “เสือโคร่งสีทอง" จำนวน 3 ตัว ลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ!!

วันที่ 25 มกราคม 2565 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ชวนร่วมประกวดตั้งชื่อภาษาจีน ให้กับ “เสือโคร่งสีทอง" จำนวน 3 ตัว ลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ บัตรเข้าชมฟรี 4 ใบ และแมสก์ลายกรงเล็บน้องเสือ 4 ชิ้น จากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า เนื่องจากปีนี้เป็นปีเสือ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์หายากที่สุดในโลก “เสือโคร่งสีทอง” (Golden Tabby Tiger) เพศเมีย จำนวน 3 ตัว โดยได้มีการประกวดตั้งชื่อไปก่อนหน้านี้ ได้ชื่อ น้องฮันนี่, น้องเลมอน และน้องชูการ์ ซึ่งทางเราเห็นว่าเพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึง และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศตรุษจีน จึงขอเชิญร่วมออกไอเดียประกวดตั้งชื่อภาษาจีนที่มีความหมายมงคล ให้กับน้องๆ ทั้ง 3 ตัว โดยน้องๆ เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เกิดจาก “พ่อเดรสเปรสโซ่” และ “แม่คริสต้า” และในขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ ในส่วนจัดแสดงอาคาร Tiger world ปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีเสือโคร่งสีทองทั้งหมด 5 ตัว และนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมความน่ารักของ 3 เสือโคร่งสีทอง ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.00 น.

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top