Wednesday, 9 July 2025
THE STATES TIMES TEAM

ปลุกกระแส ‘เผาฮิญาบ’ ในอิหร่าน ประเทศที่เคร่งเรื่อง 'ข่มเพศ' | THE STATES TIMES Y WORLD EP.4

พอกันทีกับการ ‘การกดขี่ ข่มเหง’
‘มาห์ซา อามีนี’ หญิงสาวผู้ปลุกกระแส ‘เผาฮิญาบ’ ในอิหร่าน
ประเทศที่สุดแสนจะเคร่งเรื่องขนบธรรมเนียมข่มเพศ

ติดตามคลิปอื่นๆ ได้ใน THE STATES TIMES Y World

States TOON EP.88

ฝันที่เป็นจริง!!

ติดตามการ์ตูนอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ใน…


👍 ติดตามการ์ตูนสนุกๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/statestoon

วันที่ 26 กันยายน 2430 หรือ เมื่อ135 ปีที่แล้ว ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้ลงนามในปฏิญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์ระหว่างญี่ปุ่นและไทย เริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ

ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับไทย มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี แต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการโดยการลงนามในปฏิญญาทางไมตรี และการพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2430

ที่ผ่านมาไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและราบรื่น ความร่วมมือของทั้งสองประเทศครอบคลุมทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ ไทยได้มุ่งกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือกับญี่ปุ่นให้พัฒนาไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ (strategic and economic partnership)

การเยือนสำคัญในระดับพระราชวงศ์ ที่สำคัญ คือในช่วงต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ เพื่อทรงเจริญสัมพันธไมตรี พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และหนึ่งในประเทศที่พระองค์เลือกเสด็จพระราชดำเนินเยือน คือ ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2506

ในครั้งนั้น พระองค์ทรงเสด็จเยือนกรุงโตเกียว เมืองนาโงยา จังหวัดเกียวโต และนารา และฝ่ายญี่ปุ่นได้ถวายการต้อนรับ ด้วยการนำเสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงงานผลิตกล้องถ่ายรูป และวิทยุ เพื่อทอดพระเนตรเทคโนโลยีการผลิตของญี่ปุ่น ซึ่งชี้ให้เห็นว่าฝ่ายญี่ปุ่นทราบถึงความสนพระราชหฤทัยของพระองค์เป็นอย่างดี

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนญี่ปุ่นในครั้งนั้น เป็นจุดเริ่มต้นแห่งพระราชไมตรีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ซึ่งในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารอะกิฮิโตะ

ยุโรปจี๊ด!! รัสเซีย เปิดฉาก Siberia 2 เส้นทางท่อส่งก๊าซใหม่แทนยุโรป | THE STATES TIMES Y WORLD EP.3

ยุโรปจี๊ด!! ‘รัสเซีย’ เตรียมเปิดโครงการ Siberia 2 เส้นทางท่อส่งก๊าซใหม่ ‘จีน-มองโกเลีย’ แทนที่ยุโรป

ไปดูการพลิกแผนของรัสเซียได้ใน THE STATES TIMES Y World

‘บิ๊กป้อม’ ย้ำลงพื้นที่ช่วยประชาชนในนามรัฐบาล เพระเป็นห่วงความเดือดร้อนประชาชน ขออย่าโยงการเมือง ยันทำตามระเบียบกกต. 

วันที่ 25 ก.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เพชรบูรณ์ โดยหลังจากเมื่อเวลา 10.30 น. ได้เป็นประธานในพิธีอุ้มพระดำน้ำ ที่วัดโบสถ์ชนะมาร ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์

ต่อมาเวลา 11.20 น. ที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ พล.อ.ประวิตร ได้เยี่ยมชมขั้นตอนการให้บริการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 และทักทายประชาชน ที่มารอรับบริการ ก่อนเป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติงาน พร้อมมอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน โดยมีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง , น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพร้อมเพรียง โดยรับฟังการบรรยายสรุปจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ถึงสถานการณ์น้ำภาพรวม และรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการบริหารงานในพื้นที่ รวมถึงปัญหาที่ดินทำกิน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอชื่นชม จ.เพชรบูรณ์ ที่ดำเนินการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล ขับเคลื่อนงานที่สำคัญในระดับพื้นที่ และทุกภาคส่วนบูรณาการทำงานในช่วงสถานการณ์อุทกภัย ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู และเยียวยาประชาชนอย่างทันท่วงที และทั่วถึง ทำให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของหน่วยงานภาครัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ส่วนปัญหาต่างๆ ที่จะต้องแก้ไข หรือขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง กระทรวง กรม ที่รับผิดชอบรับไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องที่ดิน ที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของชาวเพชรบูรณ์ ขอให้ทุกหน่วยงานได้ช่วยกัน ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ และร่วมมือกันอย่างมีเอกภาพ ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน

ทั้งนี้ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมแรง ร่วมใจ ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ประชาชน สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตลอดจนสร้างความผาสุกให้ประชาชนชาว จ.เพชรบูรณ์

สภากทม.เตรียมพิจารณาปรับปรุงขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับภาวะปัจจุบัน

นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เนื่องจากในปัจจุบันพบว่าขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย กรุงเทพมหานคร ไม่สอดคล้องกับภารกิจเพื่อการแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้การบริหารจัดการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนเป็นไปได้ยาก และยังคงมีภารกิจที่ซ้ำซ้อนหรือคล้ายคลึงกับภารกิจของหน่วยงานภายนอกอื่น อาทิ โครงการบ้านมั่นคงของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม) สภากรุงเทพมหานครจึงจะพิจารณาปรับปรุงและเพิ่มบทบาทหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย และส่งมอบให้สำนักพัฒนาสังคมซึ่งเป็นหน่วยงานที่ต้องกำกับดูแลนำไปปฏิบัติต่อ

"สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม" จัดกิจกรรมโครงการหลักสูตรโครงการดีๆ เพื่อสังคมไทย 

เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 25 กันยายน 2565 ณ ศูนย์ช่วยเหลือสังคมชุมชนบ้านคู่คลองเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ บริเวณตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร  "สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม" จัดกิจกรรมโครงการสร้างจิตอาสาสื่อเฝ้าระวังป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในชุมชน (ช่วงที่ 2)  ภายใต้ยุทธศาสตร์แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี ระยะที่ 2 ( ปี 2561 - 2565 ) หลังจากดำเนินโครงการฯในช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งการจัดอบรมและบรรยายโครงการฯในช่วงที่ 2 นี้ เพื่อให้เป็นโครงการที่สมบูรณณ์ และพร้อมขับเคลื่อนโครงการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่จะร่วมมือร่วมใจกันดูแล สอดส่อง รักษาความสงบสุขของสังคมให้มีความน่าอยู่และปลอดภัย 

โดยได้รับเกียรติจาก "นายชูชาติ พรหมพิมพ์" (ภาคเอกชน) เป็นวิทยากรบรรยายจัดทำแผนการขับเคลื่อนจิตอาสาด้านสื่อมวลชนเฝ้าระวัง และปัญหาความรุนแรงในชุมชน 4 พื้นที่ และยังได้รับเกียรติจาก อ.มุกดา  ไทยหอม ผู้ประสานปปช.งานโซนกรุงธนเหนือ ร่วมเป็นประธาน มอบของรางวัล จาก ปปช.โดยมี "ว่าที่ รต.ธนัท ชัชวาล" (ภาคเอกชน) เป็นวิทยากรบรรยายฯ และมีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนร่วมกับสื่อมวลชนโครงการฯจำนวน 40 ท่าน ในการสร้างจิตอาสาเฝ้าระวัง  การแจ้งเหตุ การส่งต่อ และประสานงาน จากนั้นช่วงบ่าย ยังได้รับเกียรติจาก "คุณศุภวิทย์ ดิษฐายานุรักษ์" (ถาคเอกชน)เป็นวิทยากร บรรยายนำเสนอการจัดทำแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมในแต่ละประเด็นที่รับผิดชอบดำเนินการในชุมชน แบะสรุปผล พร้อมทั้งปิดโครงการฯเวลาประมาณ 15.30 น.

‘นพดล ปัทมะ’ ถามกกต.ข้อกำหนด 180 วัน ลักลั่นเป็นธรรมหรือไม่ ระหว่างส.ส.กับรัฐมนตรี ชี้โจทย์ใหญ่การลือกตั้งต้องสุจริต แนะควรแก้ไขกฎหมายให้ปฏิบัติตามได้ สอดคล้องกับสามัญสำนึก-หลักนิติธรรม

วันที่ 25 ก.ย.65 นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการออกระเบียบของ กกต. ที่กำหนดว่านับแต่ 24 ก.ย. 65 ไปถึงการเลือกตั้ง ผู้สมัครและพรรคต้องรวมนับค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง และมีข้อห้ามอื่นๆเรื่องแจกของและวิธีการหาเสียง ว่า กกต.ต้องทำตามที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. กำหนด บทบัญญัติเรื่องระยะเวลา 180 วันก่อนครบอายุสภาผู้แทนฯ แต่ก่อนไม่เคยมี และที่แปลกคือถ้าในการเลือกตั้งภายหลังการยุบสภา จะต้องใช้บทบัญญัติอื่นที่ระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่ายและห้ามกระทำบางเรื่องจะสั้นกว่ามาก  ตนฟังว่านักการเมืองและพรรคการเมืองแม้อยากทำให้ถูกต้องแต่ก็กังวลว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ซึ่ง กกต.ก็ได้ชี้แจง แต่ยังมีข้อกังวลต่ออีกว่าถ้านักการเมืองทั่วไปทำไม่ได้ แต่คนมีตำแหน่งทางฝ่ายบริหารเช่น รัฐมนตรีทำได้หรือไม่ อาจรู้สึกว่าลักลั่นกัน มีปัญหาเรื่องความเท่าเทียมเป็นธรรมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งหรือไม่ นอกจากนั้นมีคำถามว่าข้อห้ามทำกิจกรรมที่ค่อนข้างนานกระทบต่อการดูแลช่วยเหลือประชาชนถ้ามีกรณีภัยพิบัติต่างๆหรือไม่

ดีอีเอส เอาจริง!! เผย 9 เดือน ปิดเว็บผิดกฏำหมายตามคำสั่งศาลแล้ว 183 คำสั่ง รวม 4,735 ยูอาร์แอล พบเป็นเว็บหมิ่นสถาบันมากสุดกว่า 1,816 ยูอาร์แอล

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ระยะเวลาประมาณ 9 เดือนแรกของปี 65 กระทรวงฯ ได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมายตามคำสั่งศาล 183 คำสั่ง รวมจำนวนที่ปิดแล้ว 4,735 ยูอาร์แอล (ณ วันที่ 20 ก.ย. 65)

โดยครอบคลุม 6 ประเภทคดี ตามลำดับดังนี้ เว็บหมิ่นสถาบัน 1,816 ยูอาร์แอล ขัดต่อศีลธรรมอันดี 1,119 ยูอาร์แอล พนันออนไลน์ 1,507 ยูอาร์แอล ลามกอนาจาร 218 ยูอาร์แอล บุหรี่ไฟฟ้า 58 ยูอาร์แอล และสลากกินแบ่งเกินราคา 17 ยูอาร์แอล

ขณะที่ ในส่วนของการดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางออนไลน์ เมื่อเร็วๆ นี้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญาทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ได้นำเสนอรายงานสถิติผลการจับกุมในภาพรวมตั้งแต่จัดตั้งหน่วยงาน (22 ธ.ค.63 – 31 ส.ค.65) ได้มีการจับกุมในคดีนโยบายที่เกี่ยวข้อง 5 ด้าน รวม 2,330 คดี จำนวนผู้ต้องหาทั้งสิ้น 2,981 คน

แบ่งเป็น 1.การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ 670 คดี ผู้ต้องหา 1,171 คน 2.หลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน 579 คดี ผู้ต้องหา 673 คน 3.ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เผยแพร่ข่าวปลอม เข้าถึงระบบโดยมิชอบ 483 คดี ผู้ต้องหา 483 คน 4.หลอกลวงขายสินค้าออนไลน์ ขายสินค้าผิดกฎหมาย 445 คดี ผู้ต้องหา 466 คน และ 5.ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก สตรี 153 คดี ผู้ต้องหา 188 คน

“จุรินทร์” นำทัพขุนพล ปชป. ประกาศรวมพลัง สุราษฎร์  ประชาธิปัตย์ ยกทีม

 พรรคประชาธิปัตย์ จัดงานใหญ่ “รวมพลัง สุราษฎร์  ประชาธิปัตย์ ยกทีม” ขึ้นที่ โรงแรมบรรจงบุรี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคใต้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค อดีต รมช.มหาดไทย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.จังหวัดพัทลุง“จุรินทร์” นำทัพขุนพล ปชป. ประกาศรวมพลัง สุราษฎร์  ประชาธิปัตย์ ยกทีม

    วันนี้ฯ พรรคประชาธิปัตย์ จัดงานใหญ่ “รวมพลัง สุราษฎร์  ประชาธิปัตย์ ยกทีม” ขึ้นที่ โรงแรมบรรจงบุรี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคใต้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค อดีต รมช.มหาดไทย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.จังหวัดพัทลุง นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ อดีต ส.ส. จังหวัดชุมพร นายธนา ชีรวินิจ อดีตโฆษกพรรค พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตหลักสี่  พร้อมด้วย 5 ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้ง 7 เขต 7 คน ประกอบด้วย นายภาณุ ศรีบุษยกาญจน์ นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี น.ส. วชิราภรณ์ กาญจนะ นายสินิตย์ เลิศไกร นายสมชาติ ประดิษฐ์พร นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ  โดยบรรยากาศของงานเป็นไปด้วยความอบอุ่น สนิทสนม คุ้นเคย มีแกนนำในพื้นที่ พร้อมด้วยสาขาพรรค สมาชิกพรรค และพี่น้องประชาชนมาร่วมงานอย่างหนาแน่น 

   โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า ขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นอย่างยิ่งในวันนี้ วันนี้ประชาธิปัตย์ยกทัพมาที่สุราษฎร์ธานีบ้านเรา โดยวานนี้ (23 ก.ย.) ตนได้ไปเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดศาลเจ้า กับนายภานุ ศรีบุศยกาญจน์ ได้รับเสียงตอบรับดีมาก ร่วมถ่ายรูปตั้งแต่หัวถนนไปถึงท้ายถนนทำให้รู้ว่าเที่ยวหน้าภาณุ นับหนึ่งได้เลยสำหรับสุราษฎร์ธานี  จากนั้นไปเยี่ยมพี่น้องชาวไหหลำที่สมาคมไหหลำ บ้านดอน ก็   ได้รับการต้อนรับอบอุ่นจากกรรมการศาลเจ้าและกรรมการสมาคม สาเหตุที่ต้องไปเยี่ยมเป็นเพราะพี่น้องชาวไหหลำสุราษฎร์เรียกร้อง เพราะหัวหน้าพรรค หรือตนเองนั้นก็เป็นคนไหหลำเหมือนกันและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 6 นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ก็เป็นคนไหหลำเช่นกัน เพราะฉะนั้นพวกเรามีแวดวง คนไทยเชื้อสายจีนมากมายที่เป็นเครือข่ายสมัครพรรคพวก และทั้งหมดก็ได้ช่วยกันสนับสนุนพวกเราในทางการเมืองให้เติบโต โตมาจนถึงทุกวันนี้ 

    หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ ต้องยอมรับความจริงว่ากำลังเข้มข้นขึ้นทุกวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งอีก 6 วัน ที่จะเกิดเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองขึ้น กล่าวคือศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสถานภาพของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าดำรงตำแหน่งนายกฯ มาครบ 8 ปีแล้วหรือไม่  แต่ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยไปในทางไหน ตนก็มั่นใจว่าการเมืองไทยยังมีทางออกเสมอ และไม่มีทางตันสำหรับการเมืองไทยจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พลเอกประยุทธ์ยังเป็นนายกไม่ครบ 8 ปี การเมืองก็เดินหน้าต่อ รัฐบาลก็เดินหน้าก็บริหารราชการแผ่นดินต่อไป แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายกประยุทธ์ถือว่าครบ 8 ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นก็คือทุกคนต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ    นั่นคือรัฐบาล ครม. ทั้งคณะต้องนับ 1 ในการที่จะต้องหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ รัฐสภาก็ต้องหาตัวนายกคนใหม่ โดยเริ่มต้นจากชื่อนายกในบัญชีรายชื่อที่ค้างอยู่มาพิจารณาก่อน ถ้าพิจารณาแล้วยังไม่ได้ตัวนายกฯ รัฐธรรมนูญก็ยังเขียนว่าให้เอาคนนอกบัญชีมาได้ แต่ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการขั้นตอนจนกว่าได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และได้รัฐบาลชุดใหม่ มาบริหารราชการแผ่นดินต่อไป แต่รัฐบาลชุดใหม่จะมีอายุเท่ารัฐบาลชุดเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 คือมีอายุอีกครึ่งปีโดยประมาณ 

    นอกจากนี้ วันนี้ยังเป็นวันที่สำคัญอีกวัน เพราะเป็นวันที่เริ่มนับหนึ่งของการเลือกตั้ง ซึ่งจากการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62 ได้ก้าวเข้าถึงจุดที่เรียกว่าครบ 3 ปีครึ่ง เหลืออีก 180 วัน หรือ 6 เดือน ก็จะครบวาระ 4 ปี ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่นับหนึ่งในการก้าวเข้าสู่ 180 วันก่อนที่รัฐบาลจะครบเทอม ซึ่งทุกพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนจะต้องปฏิบัติตามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตอนนี้ กกต. ก็เริ่มกำหนดกติกาให้พรรคการเมืองจะต้องทำอันนี้อันนั้น เหมือนกับสถานการณ์เลือกตั้งทุกประการ ดังนั้นทุกพรรคการเมืองก็มีหน้าที่ต้องเดินตามไปตามนั้น ผู้ที่จะเป็นผู้แทน หรือยังเป็นผู้แทนอยู่ ก็ต้องเดินหน้าไปตามนั้น ไม่มีใครไปฝืนได้ และหากฝ่าฝืนก็จะผิดกฎหมายซึ่งจะเป็นปัญหากับตัวเองและพรรคการเมืองที่สังกัด สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ตนได้ประกาศไปแล้วว่า ประชาธิปัตย์จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ประชาธิปัตย์ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่น กกต. บอกอะไร ประชาธิปัตย์ก็ต้องทำอย่างนั้น 
   “ความจริง ประชาธิปัตย์ขึ้นป้ายขนาดยักษ์ไปแล้ว ประกันรายได้ ทำได้ไวทำได้จริง แต่วันนี้ก็ต้องเอาลง และกำลังทยอยเอาลงเราปฏิบัติตามคำสั่ง กกต. ทุกอย่าง ไม่มีปัญหา ทุกพรรคต้องปฏิบัติเหมือนกันอย่างเท่าเทียม” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 
   


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top