Sunday, 15 June 2025
LITE TEAM

23 มิถุนายน พ.ศ. 2529 เกิดจลาจลเผา รง.แทนทาลัม ที่ จ.ภูเก็ต จุดเปลี่ยนสำคัญจากพึ่งพาเหมืองแร่สู่การท่องเที่ยว

วันนี้ในอดีต (23 มิ.ย. 2529) ได้เกิดเหตุจลาจลขึ้นที่ จ.ภูเก็ต จากการที่ผู้ชุมนุมประท้วงจุดไฟเผาโรงงานแทนทาลัมจนวอดวาย ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ตามกำหนด สุดท้ายต้องย้ายไปสร้างที่อื่น

ตั้งแต่สมัยโบราณมา ‘แร่ดีบุก' นับเป็นทรัพยากรสำคัญที่สร้างรายได้หลักให้กับภูเก็ตมาตลอด แต่ตั้งแต่ปี 2524 ราคาดีบุกในตลาดโลกเริ่มต่ำลง การค้าดีบุกจึงซบเซาพร้อม ๆ กับปริมาณ ‘ดีบุก' ที่มีการขุดพบลดลง

ในระหว่างที่อุตสาหกรรมการผลิตและการค้าดีบุกชะลอตัว ก่อนหน้านั้นชาวภูเก็ต ได้รับรู้และพบว่า 'ขี้ตะกรันดีบุก' หรือ ‘สะแหลกดีบุก' เป็นแร่ที่สามารถขายได้ในราคาดี เพราะมีแร่โคลัมไบต์–แทนทาไลต์ ซึ่งเป็นแร่ยุทธปัจจัยใช้สำหรับทำยานอวกาศหรือหัวจรวดนำวิถีและขีปนาวุธต่าง ๆ ทั้งนี้เพราะมีคุณสมบัติพิเศษที่ทนต่อความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้เสียดสีของอากาศได้สูงมาก แร่โคลัมไบต์–แทนทาไลต์ มีราคากิโลกรัมละ 60–70 บาทและเมื่อนำมาผ่านกระบวนการสกัดต่อจนได้ ‘แร่แทนทาลัม'จะมีราคาสูงกว่าแร่แทนทาไลต์หรือขี้ตะกรันดีบุกประมาณ 40-50 เท่า

เมื่อชาวบ้านทราบว่า 'ขี้ตะกรัน' เป็นของมีราคาจึงแตกตื่น ส่งผลให้บรรดานายทุนต่าง ๆ ยื่นประมูลต่อทางการขอขุดถนนเก่า ๆ ทุกสายในตัวเมืองภูเก็ต โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อขุดเสร็จแล้วจะสร้างถนนใหม่ทดแทน ส่วนบ้านที่ปลูกสร้างอยู่บนเตาถลุงที่มีขี้ตะกรันฝังอยู่มาก ๆ ก็จะถูกรื้อหรือทุบพื้นทิ้งเพื่อขุดเอาขี้ตะกรันดังกล่าวขึ้นมา ในขณะนั้นคนภูเก็ตสามารถทำรายได้จากการขุดขาย 'ขี้ตะกรันดีบุก'  หรือรับจ้างขุด สูงถึงวันละ 180 บาท 

ผลจากการตื่นตัวใน 'แร่แทนทาลัม' ส่งผลให้เกิดแนวคิดที่จะสร้าง 'โรงงานถลุงแทนทาลัม' ขึ้น โดยในวันที่ (28 ธ.ค. 2522) บริษัท ไทยแลนด์ แทนทาลัม อินดัสตรี จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัท โดยมีโครงการก่อสร้างโรงงานที่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ต่อมาได้รับใบอนุญาตให้สร้างโรงงานในปี 2526 จนก่อสร้างแล้วเสร็จ และคาดว่าจะเปิดดำเนินการตั้งแต่ต้นปี 2529 แต่โรงงานไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เพราะประสบปัญหาการคัดค้านจากหลายภาคส่วนทั้งในระดับจังหวัดและประเทศอย่างรุนแรง เนื่องจากชาวภูเก็ตได้รับข้อมูลจากฝ่ายคัดค้านการเปิดโรงงานว่า โรงงานแทนทาลัมจะก่อให้เกิดมลพิษต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมของภูเก็ต จนนำมาสู่ความขัดแย้งแผ่ขยายตัว

22 มิถุนายน พ.ศ.2415 ครบรอบ 150 ปี วันมรณภาพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

วันนี้ในอดีต (22 มิ.ย.2415) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) (นามเดิม: โต) หรือนามที่นิยมเรียก ‘สมเด็จโต’ ‘หลวงปู่โต’ หรือ ‘ขรัวโต’ พระเกจิอาจารย์รูปสำคัญแห่งต้นสมัยรัตนโกสินทร์ มรณภาพ สิริอายุรวม 84ปี

สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 5 ขึ้น 12 ค่ำ ปีวอก จุลศักราช 1150 เวลาพระบิณฑบาต (ตรงกับวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2331) ณ บ้านไก่จ้น (บ้านท่าหลวง) อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

มารดาบิดาของท่านเป็นใครไม่ทราบแน่ชัด มีผู้กล่าวประวัติของท่านในส่วนนี้แตกต่างกันไปหลายฉบับ เช่น ฉบับของพระยาทิพโกษา กล่าวว่า มารดาของท่านชื่อนางงุด บุตรของนายผลกับนางลา ชาวนาเมืองกำแพงเพชร หรือฉบับของพระครูกัลยาณานุกูล (เฮง อิฏฐาจาโร) กล่าวว่า มารดาของท่านชื่อเกตุ คนท่าอิฐ อำเภอบางโพ อย่างไรก็ดีมารดาของท่านเป็นชาวเมืองเหนือ (คำเรียกในสมัยอยุธยา) เพราะทุกแหล่งอ้างอิงกล่าวตรงกันว่ามารดาของท่านเป็นชาวเมืองเหนือแต่ได้ลงมาทำมาหากินแถบภาคกลางในช่วงหลัง

สำหรับบิดาของท่านนั้น ฉบับของพระยาทิพโกษา กล่าวว่าท่านเป็นโอรสนอกเศวตฉัตรของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ครั้งทรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าพระยาจักรี ส่วนฉบับของพระครูกัลยาณานุกูล และฉบับของตรียัมปวายกล่าวว่าท่านเป็นโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และแม้ในฉบับของตรียัมปวายจะมีข้อสันนิษฐานเพื่อยืนยันหลายข้อ แต่อย่างไรก็ตาม ประวัติทั้งสองฉบับกล่าวตรงกันเพียงว่า ข้อสันนิษฐานว่าด้วยบิดาของท่านนั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าซึ่งชาวบ้านในสมัยนั้นกล่าวและเชื่อกันโดยทั่วไป

เมื่อถึงวัยพอสมควรแล้ว ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. 2343 ต่อมาปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดและเมตตาสามเณรโตเป็นอย่างยิ่ง ครั้นอายุครบอุปสมบทปี พ.ศ. 2350 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนาคหลวง อุปสมบท ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) เป็นพระอุปัชฌาย์ มีฉายานามในพุทธศาสนาว่า "พฺรหฺมรํสี" เนื่องจากเป็นเปรียญธรรมจึงเรียกว่า "พระมหาโต" มานับแต่นั้น ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้โปรดเกล้าฯ ให้รับพระมหาโตไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์

21 มิถุนายน พ.ศ. 2510 วันเกิด ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นคนเชียงใหม่แต่กำเนิด เป็นบุตรคนสุดท้องของ "นายเลิศ ชินวัตร และ นางยินดี ระมิงค์วงศ์ " จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อเป็น "สิงห์ขาว" รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเมื่อจบการศึกษาได้เดินทางไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ที่ประเทศอเมริกาจนจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคนตักกี้สเตท

เมื่อจบการศึกษาได้เริ่มทำงานในบริษัทครอบครัวที่บริษัทชินวัตร ไดเร็กทอรี่ส์ จำกัด ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ ฐานข้อมูลและการสื่อสาร ในฝ่ายการขายและการตลาด และช่วยงานในบริษัทของครอบครัวมาอย่างต่อเนื่อง และได้เข้าสู่แวดวงธุรกิจเครือข่ายโทรศัพท์และการสื่อสาร ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และรองกรรมการผู้อำนวยการสายงานตลาดของเอไอเอส และประธานกรรมการบริหารบริษัทในตำแหน่งสุดท้าย ถือว่าเป็นน้องสาวที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจในการบริหารธุรกิจในครอบครัวมากที่สุดคนหนึ่ง จนเมื่อกลุ่มเทมาเส็ก โฮลด์ดิงส์เข้ามาซื้อหุ้นเธอจึงลาออกจากตำแหน่ง

หลังจากนั้น ยิ่งลักษณ์เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารเอสซี แอสเสท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ก่อนที่จะเดินเข้าสู่เส้นทางการเมือง หลังจากเหตุชุมนุมทางการเมืองปี 2552 - 2553 ในปี 2554 รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภาในเดือนพฤษภาคม เมื่อมีสัญญาณการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยต้องการแม่ทัพที่จะนำสู้ศึกเลือกตั้ง ชื่อของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรปรากฏในหน้าสื่ออีกครั้งในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

20 มิถุนายน พ.ศ. 2309 รำลึกวีรกรรมชาวบ้าน ‘ค่ายบางระจัน’ ถูกกองทัพพม่าตีแตก ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2

วันนี้ เมื่อ 256 ปี ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 ‘ค่ายบางระจัน’ ของชาวบ้านถูกตีแตกโดยกองทัพพม่า หลังต้านทานการเข้าตีได้หลายครั้ง 

‘ค่ายบางระจัน’ เป็นค่ายป้องกันตัวเองของชาวบ้านเมืองสิงห์บุรีและเมืองต่าง ๆ ที่พากันมาหลบภัยจากกองทัพพม่าที่บางระจัน ก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 สามารถต้านทานการเข้าตีของกองทัพพม่าได้หลายครั้ง และมีกิตติศัพท์เลื่องลือในด้านวีรกรรมความกล้าหาญในประวัติศาสตร์ไทย

ปี 2307 กองทัพพม่าภายใต้การนำของเนเมียวสีหบดียกเข้ามาในขอบคัณธสีมาด้านด่านระแหงแขวงเมืองตาก โดยกวาดต้อนผู้คนตัดกำลังของกรุงศรีอยุธยาทางหัวเมืองเหนือ ในขณะที่มังมหานรธา ตีเข้ามาทางหัวเมืองใต้ สกัดกำลังจากชายทะเลทิศใต้ โดยหมายใจบรรจบเข้าที่กรุงศรีอยุธยา

ต้นเดือนมกราคม 2308 กองทัพของเนเมียวสีหบดีได้มาหยุดอยู่ที่เมืองวิเศษชัยชาญ และจัดให้ทหารพม่ากองหนึ่งเที่ยวกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนทางเมืองวิเศษชัยชาญ ราษฎรต่างพากันโกรธแค้นต่อการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่า จึงแอบคบคิดกันเพื่อลุกขึ้นต่อสู้

ในเดือน 3 พวกชาวเมืองวิเศษชัยชาญ เมืองสิงห์บุรี เมืองสรรคบุรี และชาวบ้านใกล้เคียงพากันคบคิดอุบายเพื่อล่อลวงทหารพม่า ทั้งรวบรวมผู้คนไว้เพื่อทำการต่อไป ในบรรดาชาวบ้านที่ร่วมกันอยู่นี้มีหัวหน้าที่สำคัญคือ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ซึ่งได้หลอกลวงทหารพม่านำไปหาทรัพย์สิ่งของที่ต้องการ ทหารพม่าหลงเชื่อตามไป ก็ถูกนายโชติและพรรคพวกซุ่มอยู่บุกเข้ามาฆ่าฟันพม่าตายประมาณ 20 คน แล้วจึงพากันหนีไปยังบางระจัน

19 มิถุนายน พ.ศ. 2446 ในหลวง ร.5 เสด็จฯ ทรงเปิดการเดินรถไฟ เส้นทาง ‘สถานีบางกอกน้อย-เพชรบุรี เป็นครั้งแรก

วันนี้ในอดีต วันที่ (19 มิถุนายน พ.ศ. 2446) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเปิดการเดินรถไฟ ในเส้นทางสายใต้ เป็นครั้งแรก ระหว่างสถานีบางกอกน้อย - เพชรบุรี ระยะทาง 150.49 กิโลเมตร

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง และขยายกิจการรถไฟ เพิ่มเติม โดยทรงมีพระราชดำริ ให้กระทรวงโยธาธิการ และกรมรถไฟ วางแผนงาน เพื่อสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดเพชรบุรี เมื่อปี พ.ศ.2441 ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ (8 กรกฏาคม 2442) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างทางรถไฟสายนี้ เริ่มตั้งแต่ ปากคลองบางกอกน้อย ถึงเพชรบุรี เป็นทางกว้าง 1 เมตร ระยะทาง 150 กิโลเมตร แล้วเสร็จเปิดเดินรถได้ เมื่อวันที่ (19 มิถุนายน 2446)

ดังปรากฏในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 20 ร.ศ. 122  “ด้วยการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กรมรถไฟจัดสร้างทางรถไฟหลวงตั้งแต่ปากคลองบางกอกน้อยไปเมืองเพชรบุรีนั้น บัดนี้การสร้างทางรถไฟสายนี้สำเร็จตลอดถึงเมืองเพชรบุรี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดการเปิดรถไฟสายนี้ เพื่อให้มหาชนโดยสารไปได้สะดวกต่อไป….”

18 มิถุนายน พ.ศ.2507 วันเปิดเรียนวันแรกของ ‘มหาวิทยาลัยเชียงใหม่’ มหาวิทยาลัยแห่งแรกในส่วนภูมิภาคของไทย

วันนี้เมื่อปีพ.ศ. 2507  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเรียนวันแรก โดยมี 3 คณะเริ่มต้น ได้แก่ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาคแห่งแรกของประเทศไทย

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นในส่วนภูมิภาคของประเทศไทย ตามโครงการพัฒนาการศึกษาในส่วนภูมิภาค พ.ศ.2501 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งอยู่ ณ ดินแดนล้านนา อันเป็นแหล่งสะสมวัฒนธรรมอันล้ำค่ามานานกว่า 700 ปี มีสภาพภูมิประเทศงดงามท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันเป็นธรรมชาติ บริเวณเชิงดอยสุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

นับตั้งแต่มีการเรียกร้องให้ขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาออกสู่ภูมิภาค โดยขอให้รัฐบาลจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 ในที่สุดการเรียกร้องก็สัมฤทธิ์ผลก่อให้เกิดความภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งแก่ชาวล้านนา

วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2503 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขึ้น โดยกำหนดให้เปิดสอนในปีการศึกษา 2507 และให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี ม.ล.ปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเตรียมการจัดตั้ง

17 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ในหลวง ร.9 - สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีรับขวัญ ‘เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ’

วันนี้ เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ในหลวงรัชกาลที่ 9 - สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ‘เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ’ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ในพระราชวังดุสิต 

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2548 เวลา 14.30 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9, สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน (ในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศที่ ‘สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร’), สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี (ในขณะนั้นดำรงอิสริยยศที่ ‘พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ’) ไปในการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ หรือ พระราชพิธีรับขวัญ ‘สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร’ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ในพระราชวังดุสิต

16 มิถุนายน พ.ศ. 2451 วันเกิด ‘จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์’ นายกรัฐมนตรี คนที่ 11 ของไทย

16 มิถุนายน พ.ศ. 2451 วันเกิดจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 และผู้นำจอมเผด็จการของไทย เจ้าของวลีเด็ด ‘ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว’

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เกิดที่ย่านพาหุรัด กรุงเทพฯ จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก เริ่มประจำการที่กองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ในปี 2484 ได้เข้าร่วมสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ได้เลื่อนยศเป็นพันเอกในปี 2495 และได้รับพระราชทานยศเป็นจอมพลในเวลาต่อมา 

จอมพลสฤษดิ์ทำรัฐประหารยึดอำนาจ จอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 (ซึ่งได้ตกลงกันไว้แล้ว) และขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2502 ในช่วงที่บริหารประเทศได้สร้างผลงานไว้มากมายได้แก่ การออกกฎหมายเลิกการเสพและจำหน่ายฝิ่นโดยเด็ดขาด, กฎหมายปราบปรามนักเลง อันธพาล, กฎหมายปรามการค้าประเวณี จัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศฉบับที่ 1และเป็นผู้ที่รื้อฟื้นกิจกรรมที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น จัดงานเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพ, การสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ และการประดับไฟบนถนนราชดำเนินในวันฉลองพระชนม์พรรษา 

15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ปราสาทเขาพระวิหาร ตกเป็นของกัมพูชา หลังศาลโลกตัดสินให้ไทยเป็นฝ่ายแพ้คดี

15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ครบ 60 ปี ไทยสูญเสียกรรมสิทธิ์ในปราสาทเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา

15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลโลก หรือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ พิพากษาชี้ขาด คดีปราสาทเขาพระวิหาร ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศกัมพูชา 

ปราสาทหินแห่งนี้เป็นศิลปะขอม สร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ราวปี 1545-1593 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ของขอม ภาษาเขมรเรียกว่า "เปรี๊ยะ วิเฮียร์" (Phrea vihear) ตัวปราสาทสูง 657 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่บนทิวเขาพมนดงรักซึ่งกั้นระหว่างประเทศกัมพูชากับไทย ตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านหน้าและทางขึ้นอยู่ในเขตประเทศไทย แต่ตัวปราสาทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกัมพูชา 

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ค้นพบปราสาทแห่งนี้เมื่อปี 2442 แล้วทรงจารึกพระนามของพระองค์และปีที่ค้นพบไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า “118 สรรพสิทธิ์” เนื่องจากเขาพระวิหารตั้งอยู่ตรงรอยต่อของไทยกับกัมพูชา ซึ่งผลัดกันยึดครองดินแดนแถบนี้

14 มิถุนายน พ.ศ. 2130 ‘พระเจ้าตาก’ เปิดยุทธการทุบหม้อข้าว นำทัพบุกตีเมืองจันทบูร

วันนี้เมื่อ 255 ปีก่อน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สั่งทุบหม้อข้าวก่อนบุกตีเมืองจันทบูร นับเป็นยุทธการที่ลือลั่นจวบจนถึงทุกวันนี้

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2310 ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ยกทัพ บุกตีเมืองจันทบูร และได้ปลุกขวัญกำลังใจเหล่าทหารด้วยการ ทุบหม้อข้าว หมายจะได้กินข้าวเช้าในเมืองจันทบูร หากตีเอาเมืองไม่ได้ ก็ให้ตายด้วยกันเสียให้หมด ถือว่าเป็นกลศึกที่ปลุกขวัญกำลังใจแก่ทหารกล้าเป็นอย่างมาก และเป็นยุทธวิธีอันลือลั่นมาจนถึงทุกวันนี้

จากเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว 2 เดือนเจ้าตากเดินทัพจากระยองผ่านแกลงเข้าบางกระจะ มุ่งยึดจันทบุรี เจ้าเมืองจันทบุรีไม่ยอมสวามิภักดิ์ เจ้าตากต้องการยึดเมืองจันทบุรีไว้เป็นที่มั่นเพื่อรวบรวมกำลังมาตีพม่า จึงสั่งทหารทุกคนว่า

"เราจะตีเมืองจันทบุรีในค่ำวันนี้ เมื่อกองทัพหุงข้าวเสร็จแล้ว ทั้งนายไพร่ให้เททิ้งอาหารที่เหลือและต่อยหม้อเสียให้หมด หมายไปกินข้าวเช้าด้วยกันที่ในเมืองเอาพรุ่งนี้ ถ้าตีเอาเมืองไม่ได้ในค่ำวันนี้ ก็จะให้ได้ตายเสียด้วยกันให้หมดทีเดียว"

ในวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2310 ครั้นถึงเวลา 19.00 น. เจ้าตากจึงได้สั่งให้ทหารไทยและจีนลอบเข้าไปอยู่ตามสถานที่ที่ได้วางแผนไว้แล้ว ให้คอยฟังสัญญาณเข้าตีเมืองพร้อมกัน จึงให้โห่ขึ้นให้พวกอื่นรู้ เมื่อเวลา 03.00 น. เจ้าตากก็ขึ้นคอช้างพังคีรีบัญชร ให้ยิงปืนสัญญาณพร้อมกับบอกพวกทหารเข้าตีเมืองพร้อมกันส่วนเจ้าตากก็ไสช้างเข้าพังประตูเมืองจนทำให้บานประตูเมืองพังลง ทหารเจ้าตากจึงกรูกันเข้าเมืองได้ พวกชาวเมืองต่างพากันละทิ้งหน้าที่หนีไป ส่วนพระยาจันทบุรีก็พาครอบครัวลงเรือหนีไปยังเมืองบันทายมาศ เจ้าตากตีเมืองจันทบุรีได้ เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 7 แรม 3 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เพลา 3 ยามเศษ ตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2310 เวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว 2 เดือน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top