Thursday, 28 March 2024
แพทองธาร_ชินวัตร

'หมอชลน่าน' ลั่นชื่อ 'อุ๊งอิ๊ง' แคนดิเดตนายกฯ พท. อ้าง ถ้าปชช. ตอบรับดีก็มีทางเป็นไปได้

13 มี.ค. 65 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า เราเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุด เลือกตั้งเมื่อไหร่เราก็พร้อมลงทุกเขต ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย จะเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนว่าเห็นอย่างไร ถ้าประชาชนมีเสียงตอบรับที่ดี มีเสียงสนับสนุนก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมด อยู่ที่พี่น้องประชาชน


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/641101

'อภิสิทธิ์' กล่าวเตือน 'อุ๊งอิ๊ง' ระวังเจอรัฐประหาร หากนิรโทษกรรม พา 'ทักษิณ' กลับเมืองไทย

วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูปสภาที่ 3 กรณีท่าทีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชู นางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ขึ้นมาแล้วหวังว่าจะเกิดแลนด์สไลด์ และนางสาวแพทองธารจะเอานายทักษิณกลับบ้าน ทำให้มีการวิเคราะห์ว่าอาจจะมีการรัฐประหารเกิดใหม่อีกรอบว่า...

ต้องยอมรับว่าความกังวลตรงนี้มีแน่นอน เพราะเกิดความรู้สึกว่าในที่สุดพรรคเพื่อไทย ก็ยังก้าวไม่พ้นครอบครัวชินวัตร ทั้งนี้สมมติว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง คนในครอบครัวมาดำรงตำแหน่งอีก ลำพังตรงนั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าประชาชนเลือก เพียงแต่ว่าอย่าย้อนกลับไปสู่ พฤติกรรมหรือการกระทำที่เป็นลักษณะของการเอื้อประโยชน์ ให้ครอบครัว ให้พวกพ้องหรือไปทำอะไรที่ฝืนกับหลักธรรมาภิบาล หลักกฎหมาย

ซึ่งอาจจะรวมไปถึงแนวคิดเรื่องการนิรโทษกรรม ฉะนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล ถ้าตัวบุคคลนั้นผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งตนพูดเสมอว่าการได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งมา เป็นความยินยอมพร้อมใจของประชาชนให้เข้ามาผลักดันนโยบายหรือทำงานให้กับประเทศชาติ แต่ไม่ใช่ใบอนุญาตให้เข้ามาทำอะไรก็ได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักของกฎหมาย

นายอภิสิทธิ์ ยังตอบคำถามในประเด็นการรัฐประหาร ซึ่งตนเองไม่เห็นด้วย และไม่เอาระบอบประยุทธ์ แต่ท้ายที่สุดคนใต้กลับไม่เอา และสนับสนุนให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ไปร่วมรัฐบาลว่า ตนก็พยายามนำเสนอว่า ถ้าความเห็นต่างตรงนี้ ยังถูกมองเป็นแค่เรื่องว่า เราเป็นศัตรูกันเราอยู่คนละข้างกัน สุดท้ายการเมืองก็จะเป็นแพ้แค่เรื่องเอาชนะอีกฝ่าย โดยวิธีการอะไรก็ได้ ซึ่งอาจจะเป็นการใช้เงิน ใช้อำนาจรัฐ

'โทนี่' ลั่น!! 'อุ๊งอิ๊ง' จะเป็นนายกฯ ไม่ใช่ฟ้าลิขิต แต่ปชช.ต้องเป็นคนเลือก และต้องชนะใจแม่ให้ได้ก่อน

'ทักษิณ' ลั่นถ้า 'อิ๊งค์' จะเป็นนายกฯ ไม่ใช่ฟ้าลิขิต ประชาชนต้องเป็นคนเลือก แต่ 'อิ๊งค์' ต้องชนะใจแม่ให้ได้ก่อน แม่เขารักลูกมาก และอิ๊งค์ยังมีลูกเล็ก เขาคงไม่อยากให้เป็นเพราะการเมืองมันแรงมากคนเป็นแม่ก็คงคิดหนัก

(14 ก.ย. 65) - เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกคดีโกง ในหัวข้อ นโยบายเกษตร-Soft Power ของเพื่อไทย ทำอย่างไรให้ปังเหมือนไทยรักไทย เมื่อวันอังคาร ที่ 13 กันยายน 2565 เวลา 20.00 น. โดยตอนหนึ่ง นายทักษิณ กล่าวถึงบุตรสาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า

“...ถ้าอิ๊งค์จะเป็นนายกฯ ประชาชนต้องเป็นคนเลือก แต่ก่อนที่จะให้ประชาชนเลือก อิ๊งค์ต้องชนะใจแม่ก่อน...”

Q : การที่คุณอิ๊งค์จะเป็นนายกฯ ได้ ต้องรอฟ้าลิขิตจริงไหม ?

โทนี่ : ไม่ใช่หรอกครับ คนจะเป็นนายกฯ ไม่ใช่ว่าใครจะจับมาเป็นก็ได้ มันต้องแข่งขันทางการเมือง แล้วให้ประชาชนเลือก นี่คือระบบประชาธิปไตย ถ้าไม่ได้มาจากการเมือง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการทำรัฐประหาร อันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย

'อิ๊งค์' ผงาด!! นำทีมเปิดชุดนโยบายเศรษฐกิจ ชูโรดแมปบันได 4 ขั้น พาเพื่อไทยชนะแบบแลนด์สไลด์

(9 ต.ค. 65) ที่ ThinkLab พรรคเพื่อไทย (พท.) ชั้น 1 แกนนำพรรคพท.ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคพท. นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค และประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคและคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคและประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เปิดตัวนโยบายเพื่อไทย เพื่อชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ ในงานฟอรั่มนโยบายครั้งที่ 1

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ จะเป็นกุญแจดอกเดียวที่จะช่วยพี่น้องประชาชนให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นและลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง พรรคพท.ได้เตรียม 3 เสาหลักสู่ชีวิตใหม่ของประชาชนพร้อมแล้วคือ 1. ผู้แทนราษฎรที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน 2. นโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและทำได้จริงตามที่สัญญาไว้ และ 3. ผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจนำพาประเทศพ้นวิกฤต ซึ่งพท.จัดงานขึ้นเพื่อเปิดตัวเสาหลักนโยบายชุดนโยบายชุดเศรษฐกิจภายใต้แนวคิด “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน” ส่วนนโยบายชุดอื่น ๆ จะมีการเปิดตัวในลำดับถัดไป ประชาชนไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤต ประชาชนเป็นทุกข์เพราะรายได้น้อย เป็นหนี้ ไม่มีกำลังซื้อ ร้านค้าขายของไม่ได้ โรงงานผลิตไม่ได้ ไม่จ้างงาน รัฐก็เก็บภาษีไม่ได้ รัฐบาลประยุทธ์แก้หนี้ด้วยการสร้างหนี้ แต่เพื่อไทยคิดต่าง เราจะทำให้เศรษฐกิจดีด้วยรายได้ใหม่ เราจะแก้หนี้ด้วยการสร้างรายได้ และรายได้นั้นจะต้องเป็นรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นให้กับคนทุกกลุ่ม ประเทศและประชาชนจะต้องถูกปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย พท.วางทิศโดยมีเป้าเพื่อกอบกู้สถานการณ์ย่ำแย่ของประเทศไทย ขอให้เชื่อมั่นว่าพท.ทำได้จริง เพราะเราทำสำเร็จมาแล้วในอดีต ประชาชนไทยจะต้องอยู่ดีกินดีอีกครั้ง

นายวิสุทธิ์ กล่าวนำเสนอนโยบายผ่าตัดเกษตรกรรม รดน้ำที่ราก สร้างเงินจากดิน พลิกเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรให้หายจนอย่างถาวรว่า การเกษตรจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยหลักการตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ คือผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการ ใช้ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต พร้อมหาโอกาสใหม่ ๆ เช่น ใช้ความรู้สมัยใหม่เพิ่มผลผลิตจากพืชที่ปลูกอยู่แล้ว อาทิ ข้าว และยาง ผลิต และพืชอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง เพื่อทดแทนการนำเข้าและขยายการส่งออกด้วยโครงการโคขุนเงินล้าน สำหรับการบรรเทาทุกข์ระยะเร่งด่วน นโยบายพักหนี้เกษตรกร พร้อม ๆ กับการสร้างรายได้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยโครงการบำนาญเกษตรกร ซึ่งจะทำเพื่อดูแลเกษตรกรรุ่นบุกเบิกและดึงดูดเกษตรกรรุ่นใหม่ เปลี่ยนเงินให้เปล่าเป็นต้นทุนสร้างชีวิตผลิตรายได้ให้เกษตรไทยอย่างยั่งยืน โดยมีหลักทำงานคือ ดินนำ น้ำดี มีต้นพันธุ์ ยืนยันราคา จัดหาแหล่งทุน สนับสนุนกรรมสิทธิ์ มีเป้าเปลี่ยนผืนแผ่นดินเดิมจากที่เคยสร้างรายได้ 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี

นายเผ่าภูมิ กล่าวนำเสนอนโยบายเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone; NBZ) ดึงเงินนอก ปลุกเงินใน เปลี่ยนเงินที่หลับใหลเป็นเงินที่สร้างเงิน ด้วยเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่ง คือ เชียงใหม่, กรุงเทพ, ขอนแก่น, และหาดใหญ่ โดยพรรคพท.จะเดินหน้าสร้างกุญแจ 3 ดอกให้กับประเทศ คือกุญแจดอกที่ 1 กฎหมายธุรกิจชุดใหม่ เพื่อปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจในทุกมิติ รวมถึงดึงการลงทุนจากต่างชาติ เข้าแก้ปัญหาทั้งด้านใบอนุญาต แรงงาน นำเข้าส่งออก และการธุรกรรมระหว่างประเทศ กุญแจดอกที่ 2 สิทธิประโยชน์ใหม่ ภาษีจากกำไร ภาษีเงินได้ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีนำเข้าจะได้สิทธิประโยชน์ไม่แพ้ที่ใดในโลก กุญแจดอกที่ 3 ระบบนิเวศน์ใหม่ โดยการสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ระบบการศึกษาและการผลิตคนใหม่ และระบบธนาคารใหม่ เป็นกองหลังเพื่อผลักกองหน้าซึ่งได้แก่ภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนได้ โดยกุญแจทั้ง 3 ดอกจะถูกสร้างขึ้นในเขตธุรกิจใหม่ และรายได้ใหม่จะถูกสร้างให้กับประชาชน

นายสุทิน กล่าวนำเสนอนโยบายเงินโอน คนสร้างตัว (Earned Income Tax; EIT) ว่า พรรคพท.ต่อสู้กับความจนเพื่อประชาชนมาอย่างยาวนาน นโยบายของพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนจนมาถึงเพื่อไทยพิสูจน์แล้ว ว่าได้ช่วยลดความยากจนลงได้อย่างต่อเนื่อง เราเริ่มคิดจากนโยบายที่ทำได้จริง โดยเงินโอน คนสร้างตัวจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าจะดำรงชีพ จะได้รับเงินภาษีแทนการจ่ายเงินภาษี จนกระทั่งมีความมั่นคงและสร้างตัวได้ ส่วนการจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงิน จะเน้นไปที่กลุ่มที่มีความจำเป็นมากที่สุด ซึ่งประเด็นสำคัญที่สุดของนโยบายนี้ คือการสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานเข้ามาในระบบและมีโอกาสพัฒนาสร้างตัวเองไปด้วย

น.ส.ณหทัย กล่าวนำเสนอนโยบายเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่าย ตลอดชีวิต (Lifelong Learning Lifelong Earning) ว่า พท.จะสร้างแพลตฟอร์มจับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด สร้างรายได้ที่ดีที่สุด โดยในแพลตฟอร์มนี้ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลายได้ตลอดเวลา สะสมเครดิตการเรียน และเทียบคุณวุฒิเพื่อไปต่อยอดการทำงานโดยไม่มีวันหมดอายุ นอกจากนี้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มนี้จะถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างไม่ด้อยกว่าชาติใด นอกจากนี้เราจะฟื้นนโยบายแจกแทปเล็ตเพื่อการศึกษาและอินเทอร์เน็ตตำบลในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาใช้อีกครั้ง

ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นโยบายของพรรคพท.จะดำเนินการด้วยโรดแมป “บันได 4 ขั้นเพื่อหมุดหมายชีวิตใหม่ของประชาชน” ดังนี้...

‘อิ๊งค์’ ลั่นพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ พท. รับคุย ‘เศรษฐา’ ปรึกษาวางนโยบาย แย้มอาจร่วมลงพื้นที่ด้วยกันเพราะเป็นสมาชิกพรรคแล้ว

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า เราเตรียมวางแผนเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ ตอนนี้ก็มีหลายกระแสทั้งการยุบสภา ควบรวมพรรคและดูดส.ส. แต่เราก็ยังไม่ได้กำหนดวันที่ที่ชัดเจน 

เมื่อถามถึงความชัดเจนในตัวของนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อพรรค พท. น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้นายเศรษฐาก็เป็นสมาชิกพรรค พท. ถ้าจะมาช่วยหาเสียงก็ถูกต้องตามกฎหมาย แต่วันนี้นายเศรษฐาไม่ได้แพลนร่วมลงพื้นที่ด้วยกัน 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้มีโอกาสที่นายเศรษฐา จะร่วมลงพื้นที่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีโอกาสแน่นอน ทุกคนที่เป็นสมาชิกพรรค พท.สามารถมาช่วยหาเสียงได้ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งพรรค พท. แอบขอคำปรึกษานายเศรษฐาอยู่เรื่อย ๆ อยู่แล้ว ทั้งเรื่องของนโยบายและเศรษฐกิจ เพราะนายเศรษฐา เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และยังปรึกษานักวิชาการ รวมทั้งคนที่มีความรู้ต่างๆ มากมาย เพื่อทำนโยบายของพรรค พท.ให้ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน

จับตา 'อิ๊งค์-เศรษฐา' 2 ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ร่วมลงพื้นที่ พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่านเยาวราช

(21 ม.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มีกำหนดการลงพื้นที่เยาวราช เพื่อพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจที่มูลนิธิเทียนฟ้า รวมถึงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดเล่งเน่ยยี่ (วัดมังกรกมลาวาส) ในวันที่ 21 ม.ค.นี้

'อิ๊งค์-เศรษฐา' ควงแขนลงเยาวราช กั๊กตอบ แคนดิเดตนายกฯ ฟาก 'เศรษฐา' ชี้ พร้อมทำทุกอย่างตามที่พรรคมอบหมาย

(21 ม.ค.66) ที่มูลนิธิเทียนฟ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กทม. พร้อมด้วย ส.ส.กทม.พรรค พท. รวมถึงผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัคร ส.ส.กทม.พรรค พท. เดินทางมาไหว้เจ้าเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่มีกระแสข่าวจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการปรากฏตัวทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับ น.ส.แพทองธาร เป็นครั้งแรก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ทั้งคู่ต่างพูดคุยกันสนิทสนมอย่างเป็นกันเอง และมีบางจังหวะที่นายเศรษฐายื่นแขนให้ น.ส.แพทองธาร ควงระหว่างเดิน 

จากนั้น น.ส.แพทองธารและคณะ เดินเท้าต่อไปยัง ร้านกาแฟ CHATA Specialty Coffee เพื่อพูดคุยกับนักธุรกิจในย่านเยาวราช ยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวเยาวราช และอาหาร Street food ให้กลายเป็น World destination

จากนั้น น.ส.แพทองธาร และ นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุย โดยน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การพูดคุยดีมากเลย ทราบว่าเขามีปัญหาเรื่องสายไฟ ซึ่งนายเศรษฐาได้ระบุกับกลุ่มผู้ประกอบการว่า ต้องค่อยๆ เอาสายไฟลงดิน เพราะเอาลงพร้อมกันหมดการจราจรจะติดขัด และยังมีอีกหลายปัญหาหลังโควิด รวมถึงการหยุดขายของวันจันทร์ มีหลายเรื่องที่พรรคเพื่อไทยรับฟังแล้วจะนำไปใช้ได้จริงๆ เพราะคนในพื้นที่รู้ปัญหา 

เมื่อถามว่าจากการรับฟัง จะนำปัญหาอะไรไปทำเป็นนโยบายเพิ่มเติมได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีแน่นอนเราต้องไล่ตามลำดับ ด้านนายเศรษฐา กล่าวเสริมว่า จากการพูดคุยวันนี้มีประโยชน์ เพราะตนมาช่วยน.ส.แพทองธาร ดูเรื่องเศรษฐกิจอยู่ และคิดว่าจากที่ตนทำธุรกิจมา เราก็อยู่แต่ด้านบน ไม่ได้มาพบผู้ประกอบการจริงๆ วันนี้มาก็ได้รับทราบปัญหาจริงๆ แล้วจะไปช่วยกันคิดออกเป็นนโยบายมาเพื่อทำให้ชีวิตชาวเยาวราชดีขึ้น 

เมื่อถามว่าขณะนี้นายเศรษฐาพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตอนนี้เป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว แล้วก็มาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ โดยจะดูเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำที่สูงมากในประเทศไทย ขอให้เป็นสเต็ปๆ ไป 

เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้การเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้วถ้าต้องรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.พร้อมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างที่เรียนตอนนี้ตนก็มาช่วยพรรคอยู่แล้ว พรรคมอบหมายให้ทำตำแหน่งอะไรก็พร้อม 

เมื่อถึงตรงนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า “ครั้งที่แล้วเขาเอาคำว่าเราพร้อมไป ครั้งนี้เขาก็อยากได้คุณเศรษฐา รู้ทันนะคะ นายเศรษฐามาในสถานะสมาชิกพรรค และเคยบอกแล้วว่า นายเศรษฐาเป็นคนเก่ง ฉะนั้นเรื่องเศรษฐกิจเราปรึกษาอยู่แล้ว และเราก็ปรึกษาคนเก่งๆ เยอะ จะได้แก้ปัญหาของประชาชนได้ วันนี้ให้มาช่วยเดินหาเสียงด้วยกันครั้งแรกก็ฝากไว้ด้วย ฝากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพิ่มอีกหนึ่งคน” 

เมื่อถามย้ำว่านายเศรษฐาพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพท.หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “นี่ก็จะเอาแต่คำว่าพร้อม เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ค่ะ”

เมื่อถามว่าจะมีความชัดเจนและประกาศเมื่อใด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอนว่าเมื่อเราจะประกาศ เราจะประกาศตามกรอบเวลาแน่นอน เหมือนที่ตอบสื่อไปทุกรอบ ขอให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทยว่าการที่เราเลือกไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือ แคนดิเดตนายกฯ เราเลือกคนที่มีคุณภาพให้ประชาชนแน่นอน ฉะนั้นขอให้ไว้ใจตรงนี้

เมื่อถามว่า หากมีการประกาศยุบสภา ทั้ง น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา จะประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯเลยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวติดตลกว่า “อิ๊งค์ต้องประกาศว่าอิ๊งค์ครบกี่เดือนแล้ว ต้องไปหาเสียงที่ไหนบ้าง” 

เมื่อถามว่านายเศรษฐาจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกพรรค พท. ในสิ่งที่ตนทำก็มีความปรารถนาอยากให้พรรคพท.ได้คะแนนเยอะที่สุด ไม่เช่นนั้นคงไม่มาช่วย 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะลงทุกพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ณ จุดนี้ตนยังเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บ.แสนสิริ ก็ต้องดูเรื่องเวลาด้วย 

เมื่อถามว่าหากลุยการเมืองเต็มตัวต้องจัดการตรงนั้นเพื่อมาลุยตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “คำว่าถ้า ตอนนี้ยังไม่ทราบเพราะยังถ้าอยู่” น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ให้ตารางนายเศรษฐาไปแล้ว เพื่อวันไหนถ้าว่างก็มาช่วยกันหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนพูดคุยกัน ก็ต้องช่วยกันเพราะคนเดียวไม่ไหว เพราะเป็นปัญหาระดับประเทศเราต้องช่วยกัน” 

อุ๊งอิ๊ง VS คุณหญิงหน่อย อาภรณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ความรวย

เริ่มเป็นที่ชัดเจนว่า สนามเลือกตั้งครั้งต่อไปของประเทศเรา จะมีสตรีสองคนลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หนึ่งคือ 'คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์' หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กับสอง 'คุณอุ๊งอิ๊ง - แพทองธาร ชินวัตร' หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นับเป็นสีสันและความหวังของเหล่าสตรีบนฐานะผู้นำพรรคการเมือง แต่สิ่งน่าสนใจกว่า (ตอนนี้) อุดมการณ์สร้างประโยชน์แก่ชาติ ก็ด้วยทั้งสองมีพื้นเพมาจากครอบครัว 'Hight Rich' อาภรณ์ห่อหุ้มกายจึงควรค้นหา จับตา ทุกครั้งที่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน

"...การแต่งกาย คือ 'แบรนด์ดิ้ง' (branding) คนไทยอาจไม่ได้แต่งตัวถูกต้องตามแบบแผนนัก แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับบุคคลสาธารณะ เพราะการแต่งตัวบ่งบอกว่าเราเป็นใคร ถ้าจะดูนักการเมืองสมัยก่อน อย่างจำลอง ศรีเมือง ต้องใส่เสื้อผ้าม่อฮ่อมคอจีน แขนสั้น เนื้อผ้าเก่า ๆ หรือ ป๋าเปรมก็จะต้องชุดพระราชทาน ซึ่งท่านเป็นคนเผยแพร่ชุดพระราชทานในประเทศไทย และใส่ออกมาดูดี ด้วยรูปร่างและบุคลิกที่นิ่ง เป็นคนที่พิถีพิถันมาก"

ประโยคข้างต้น - 'ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์' กูรูด้านแฟชั่นและบุคลิกภาพ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร 'Esquire' ที่ทุกวันนี้คนรู้จักในนาม 'ลุงเฮม่า' เจ้าของคอลัมน์ตอบปัญหาสารพันบนออนไลน์ เคยกล่าวอรรถาธิบายไว้

ยุคต้นของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่เพิ่งร่วมงานทางการเมืองกับพรรคไทยรักไทย เธอย่างก้าวสู่สายตาประชาชนด้วยมาดนักธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จแล้วระดับหนึ่ง เธอเป็นหญิงไม่ห้อยท้ายนามสกุลฝ่ายชาย สวมแว่นสายตาทรงเฉี่ยว โดดเด่น สมัยนั้นมักปรากฏตัวด้วยชุดเดรสส์สีสันสะดุดตา อันหมายถึงความเป็นผู้นำท่ามกลางชายบอดี้การ์ดชุดดำดุจสตรีทรงศักดิ์และอำนาจ

แทบไม่ต่างจากยุคเปิดฤดูกาลเลือกตั้ง 2566 ที่ 'อุ๊งอิ๊ง' ลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน 'จันทร์ส่องหล้า' เพราะเพียงแค่เสื้อโค้ทสวมขึ้นเวทียี่ห้อ 'GUCCI' แบรนด์เสื้อผ้าโปรดจากอิตาลีตัวเดียวก็ปาไปเกือบแสน (93,000 บาท) เข้าคู่กับรองเท้า 'Amina Muaddi' ซึ่งกำลังได้รับความนิยม (ผลิตจากประเทศโรมาเนีย) สนนราคา 3,100 เหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับ 102,412 บาทไทย

จนสื่อมวลชนต่างพากันเน้นที่ราคาเสื้อผ้ามากกว่าถ้อยคำปราศรัย

แต่การเลือกตั้งหนที่จะถึงนี้ 'หญิงหน่อย' ทำการบ้านอย่างดีล่วงหน้า ด้วยการศึกษาการแต่งกายของนักการเมืองระดับตำนานของเกาะอังกฤษ 'มาร์กาเรต แทตเชอร์' นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร จากภาพจำขุดสูทสีน้ำเงินเข้ม (Royal Blue) เข้ารูป กับกระโปรงยาวปิดเข่าสีโทนเดียวกัน ตัดกับเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวด้านใน ล้วนผ่านการเลือกคัดสรรอย่างดี เพื่อภาพลักษณ์เช่นที่เห็น สมฉายา 'สตรีเหล็ก'

เข้าใจว่าคุณแพทองธารยิ่งต้องปรับตัวมากกว่า เพราะต้องออกหาเสียงด้วยการ 'อุ้มท้อง' จนกว่าจะจบการเลือกตั้ง โดยทุก ๆ ภาพ ต้องดูดี มีอุดมการณ์ สานความฝัน ดันพ่อกลับบ้าน

‘แพทองธาร’ นำทัพ พท. เปิดตัวนโยบายใหม่ ชู “คนไทยไร้จน” เติมรายได้ขั้นต่ำ 2 หมื่นทุกครอบครัว

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวนโยบายใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 400 คน ณ ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

นางสาวแพทองธาร กล่าวบนเวทีประกาศความพร้อมพรรคเพื่อไทยที่จะพาประเทศไทยข้ามผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กำลังเผชิญทั้งสภาวะยากจน สภาวะสงคราม และโรคระบาด หมดเวลายื้ออำนาจรัฐบาลที่ไม่เข้าใจประชาชน ขาดความรู้ ความเท่าทันสถานการณ์โลก เพราะท่ามกลางปัญหาที่ถูกทับถมเอาไว้ หากคิดไม่ใหญ่ เอาไม่อยู่

พรรคเพื่อไทยจึง ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ พร้อมประกาศ 3 นโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี

เริ่มจากนโยบายแรก ลดช่องว่างรายได้คนไทยที่ต้องช่วยเหลือทันที ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้ที่สูงมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราเติบโตของรายได้ต่อหัวโตช้ากว่าประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียน พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายเติมรายได้ให้ทุกครอบครัวมีรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาท / เดือน เราจะเติมเงินให้ในระยะชั่วคราวไปจนกว่านโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจะสำเร็จ เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบ รัฐก็จะมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น แพทองธารเพิ่มเติมว่านโยบายนี้อาจดูเหมือนประชานิยม แต่ความจริงแล้วคือการยกระดับ GDP ประเทศ  เงินที่จะใช้ ก็จะมาจากภาษีที่เก็บได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง 

ถัดมาในนโยบายที่สองคือการสร้าง Blockchain ที่จะทำให้ไทยการเป็นศูนย์กลาง Fintech (เทคโนโลยีทางการเงิน) ของอาเซียน เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถระดมทุนจากทั่วโลกได้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดเล็ก รวมทั้งการระดมทุนให้กับเกษตรกร  ตลอดจนการขายสินค้าล่วงหน้า รวมถึงผู้ที่มีความสามารถทางด้านอื่นๆ ก็จะขายผลงานของตนไปทั่วโลกได้สะดวกขึ้น ผ่านระบบที่ง่ายเหมือนแอพพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์

และนโยบายที่สาม แพทองธารได้เน้นย้ำปัญหา PM2.5  ที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยยกภาพถ่ายดาวเทียมของนาซ่า ที่แสดงร่องรอยสีแดงในประเทศไทย และเพื่อนบ้าน อันเกิดจากการเผาป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย 

‘เพื่อไทย’ เจอชายนิรนาม ตะโกนด่า “พรรคของปลอม” ขณะ ‘แพทองธาร’ ทำพิธีสักการะก่อนสมัครปาร์ตี้ลิสต์

จากกรณีที่วันนี้ (4 เม.ย.2566) มีการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง

ในขณะที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และแกนนำพรรคเพื่อไทย กำลังทำพิธีสักการะพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง อยู่นั้น ปรากฏว่าได้มีชายนิรนามคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาตะโกนด่าทอ พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top